AST บทที่ 32 – เคล็ดกระบี่พื้นฐาน
บทที่ 32 – เคล็ดกระบี่พื้นฐาน
หลังจากที่เขาอ่านหนังสือทั้ง 3 เล่มจนหมดสิ้น เขารับรู้ได้ว่าประโยชน์ที่เขาได้รับมานั้นมีมากยิ่งนักโดยเฉพาะอย่างยิ่ง [หนังสือเสถียรภาพผสานโอสถ] หนังสือเล่มนี้อธิบายผลกระทบทุกอย่างที่เกิดขึ้นหากใช้งานโอสถร่วมกัน เช่น การผสมโอสถบางชนิด ผลสุดท้ายอาจจะกลายเป็นโอสถพิษ แต่กลับมีโอสถพิษบางชนิดหากนำมาผสมกันอาจจะพึ่งพาอาศัยกันจนกลายเป็นโอสถช่วยชีวิตก็เป็นได้
หนังสือเล่มหนาๆเล่มนี้ยังอธิบายผลอันซับซ้อนของมัน ไม่ว่าจะเป็น อบอุ่น เย็น เปียก ร้อน เย็น โดยทุกอย่างยังคงถูกบันทึกอย่างละเอียด
หลังจากที่หยินหยางในทะเลแห่งปัญญาของเขาได้รับการปรับแต่ง ระบบความจำของชิงสุ่ยเรียกได้ว่าสมบูรณ์ยิ่งขึ้นแม้เขาจะยังไม่สามารถเข้าใจข้อมูลทั้งหมดได้ในช่วงเวลาสั้น แต่เขานั้นสามารถจดจำได้ทุกตัวหนังสือ เวลาที่เขาเรียกคืนความทรงจำ มันจะคล้ายกับการพลิกหน้าหนังสือหาเลยที่เดียว
ชิงสุ่ยรู้ว่าความปรารถนาที่จะเริ่มเส้นทางแห่งนักปรุงโอสถนั้นยังห่างไกลจากความเป็นจริงมาก ในโลกนี้ช่างแตกต่างกับเกมส์ที่เขาเคยเล่น โอสถจะปรับแต่งได้ง่ายๆเพียงแค่จับมันใส่ในหม้อต้มที่กำลังเดือดเพียงแค่นั้นก็จะได้โอสถที่ต้องการ แต่กับโลกใบนี้ นักปรุงโอสถนั้นกว่าจะพัฒนาได้ต้องผ่านเหตุการณ์มากมายและยังเป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง
ในทุกๆครั้งที่ชิงสุ่ยตั้งใจทำสิ่งใดเขาจะใช้ความพยายามมากกว่าผู้อื่นถึง 100 เท่า แต่ความมุ่งมั่นที่เขามีนั้นมากกว่าผู้อื่นถึง1000 เท่า หากรวมเข้ากับดินแดนห้วงมิติแล้ว เขายิ่งมีความมั่นใจที่จะทำสำเร็จในแต่ละอย่างเพิ่มมากขึ้น ชิงสุ่ยมักจะเข้าไปฝึกฝนในดินแดนหยกยุพราชอมตะเป็นเวลา 2 ชั่วโมงในทุกๆวัน นั้นก็หมายความว่าผลจากเวลาที่ถูกยืดขยายภายใต้ดินแดนหยกยุพราชอมตะจะทำให้เขาฝึกฝนได้เร็วกว่าผู้อื่นถึง 15 วัน
โดยปกติชิงสุ่ยจะเลือกเวลาประมาณ 21.00-23.00 น เข้าสู่ดินแดนห้วงมิติเพื่อฝึกฝน โดยในช่วงเวลากลางวัน ชิงสุ่ยจะออกเที่ยวและล่าสังหารบรรดาสัตว์ผู้โชคร้ายที่มาขว้างเส้นทางที่เขาต้องการจะไป อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาเผชิญกับสัตว์อสูรไร้แก่นระดับที่ 3 อย่างแร้งหยกขาวทมิฬ ชิงสุ่ยก็ไม่เคยเผชิญหน้ากับสิ่งอันตรายอีก
ดวงตะวันสาดแสงส่องอยู่กลางนภา แสงตกกระทบลงมายังร่างที่ไร้เหงือของชิงสุ่ย มันเผยให้เห็นถึงร่างกายที่ดูมีลักษณะยืดหยุ่นคล้ายคลึงกับเสือดาว กล้ามมีรวดลายเป็นเส้นๆ แม้จะดูไม่แข็งแต่กลับดูเหนียวแน่น นับตั้งแต่ที่เจาได้รับดินแดนหยกยุพราชอมตะมาครอบครอง ความกังวลที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาพลันสลายหายไป กลับปรากฎเป็นใบหน้าที่ผ่อนคลายไร้กังวลแทน
“ให้ตายสิ รูปลักษณ์ของข้าตอนนี้ ถ้าข้าอยู่ในโลกใบก่อน ทุกคนคงพิจารณาว่าข้านั้นเป็นแมงดาชั้นดีที่คอยแต่จะเข้างานสังสรรค์เต้นรำ รอคอยแต่อาหารและเงินจากผู้อื่นเป็นแน่ แต่อย่างไร รูปลักษณ์ต่างๆมันช่างไรประโยชน์แก่ข้าทั้งิ้น ที่ข้าต้องการมีเพียงอย่างเดียวคือพลังและอำนาจเท่านั้น” ชิงสุ่ยมองดูลักษณ์ของเขาผ่านผิวน้ำ
ลักษณะต่างๆของชิงสุ่ยนั้นบ่งบอกได้ถึงความสวยงามช เมื่อพิจารณาผ่านการออกแบบสร้างสรรค์โดยธรรมชาติ อารมณ์เย็นช้าสะท้อนออกจากใบหน้า ความมีเสน่ห์สะท้อนออกจากดวงตาคู่สวยงามของเขา อีกทักไข่มุกม่วงที่อยู่ระหว่างคิ้ว ให้ความรู้สึกราวกับถูกจิตรกรแต่งเติมให้เกิดภาพแห่งชีวิต
แม้ว่าชิงสุ่ยจะมีเส้นผมที่ดูยุ่งเหยิง โดยรวมเขานั้นยังคงดูดี ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเขาถือได้ว่าสมบูรณ์ยิ่งนัก หากผู้ใดพบเห็นหรือมองมาที่เขา จะต้องชมเชยลักษณะของเขาอย่างแน่นอน
ในการเดินทางครั้งนี้ ตราบใดที่ชิงสุ่ยยังพบแหล่งน้ำก็จะสามารถพบบรรดาสัตว์ป่าที่อาศัยบริเวณใกล้เคียงได้ ดังนั้นเขาจึงไร้กังวลว่าจะขาดแคลนอาหาร การย่างอันนับไม่ถ้วนของเขานั้นได้พัฒนาไปถึงขั้นที่เขาจะย่างเนื้อไม่ว่าจะสีกลิ่นรสชาติใด ทุกอย่างที่เขาทำจะถูกจัดในคุณภาพสูง
หลังจากผ่านการเดินทางตลอดทั้งวัน ชิงสุ่ยเข้ากลับไปในดินแดนยุพราชอมตะเพื่อพักผ่อน เขาพิจารณาจากระดับการโคจรพลังปราณพบว่า เมื่อตอนบรรลุเคล็ดวิชากายาบรรพกาลขั้นแรก เขานั้นโคจรได้ถึง 12 รอบ เมื่อตอนที่บรรลุเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ขั้นที่ 2 เขานั้นโคจรพลังได้ 24 รอบ ปัจจุบันเขาบรรลุขั้นที่ 3 เขาต้องผ่านการโคจร 48 รอบ หากเข้าจะก้าวเข้าสู่ขั้นที่ 4 และขั้นถัดไป อาจจะต้องโคจรได้ถึง 48 รอบ และ 96 รอบ ก็เป็นได้
ในขณะที่เขาครุ่นคิด เขาจำได้ถึงความยากในการเพิ่มรอบการโคจรจาก 12 ไป 13 และ 24 ไป 25 หรือมันจะเรียกว่าจุดอุปสรรคหรือจุดคอขวด
หลังจากไตร่ตรอง ชิงสุ่ยเผลอถอนหายใจออกมา เขารู้ว่าเส้นทางการบ่มเพาะพลังของเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะก้าวผ่าน ไม่ต้องพูดถึงการทะลุผ่าน 49 รอบ ยังมี 96 รอบ 192 รอบและ 386 รอบ……..
ไม่น่าแปลกใจว่าการฝึกฝนเคล็ดวิชากายาบรรพกาลหากบรรลุถึงขั้นสูงสุดคงจะทำให้ได้มาซึ่งกายที่เปรียบดั่งเทพเจ้าและจ้าวอสูร ประกอบกับความแข็งแกร่งจากจำนวนรอบการโคจรปราณ หากบรรลุจะสามารถก้าวขึ้นสูงสุดเป็นแน่
ทุกครั้งที่เจอเขากับคอขวด กว่าเขาจะผ่านจุดนั้นไปได้มันเป็นเรื่องยากมาก เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เพียงแค่รอบเดียวเพื่อให้ผ่านจุดคอขวดนั้นเพียงแค่จุดเล็กๆเขาต้องพบกับอาการปวดแสนทรมานง
จุดคอขวดของเคล็ดวิชากายาบรรพกาลนั้นสำคัญมากครั้งแรกจากระดับ 3 ไป ระดับ 4 นั้นเปรียบได้กับระดับต่ำ ก้าวไปสู่ระดับกลาง ครั้งที่สองจากระดับ 6 ไป ระดับ 7 เปรียบได้กับการก้าวจากระดับกลางไประดับสูง
การโคจรพลังปราณของเขานั้นขึ้นอยู่กับเคล็ดวิชากายาบรรพกาล แม้ชิงสุ่ยจะโคจรปราณได้มากกว่า 48 รอบ แต่ไม่อาจผ่าน 49 รอบไปได้ ชิงสุ่ยพยายามฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆเพื่อบรรลุ 49 รอบ มันคืออุปสรรคที่เปรียบดั่งเขาลูกยักษ์ แม้พยายามเท่าไรก็ไม่อาจขยับเขยื้อนมันได้ ชิงสุ่ยได้แต่ขบฟันด้วยความแค้น มันดูเหมือนไม่ง่ายเลยที่จะก้าวไปสู่ขั้นที่ 4 ของเคล็ดวิชากายาบรรพกาล
หลังจากถอนหายใจ ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะพักผ่อนต่อ
ตอนที่ชิงสุ่ยออกจากหมู่บ้าน เขานำหนังสือติดตัวมาไม่กี่เล่ม และตอนนี้เขาได้ใช้เวลาไปมากในการเข้าใจหนังสือแต่ล่ะเล่ม เมื่อมองไปยังหนังสือ [เคล็ดกระบี่พื้นฐาน] แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ศึกษาหนังสือเล่มนี้ เขารู้ดีว่าคำสอนภายในเล่มนั้นไม่ลึกซึ้งเกินไป เคล็ดกระบี่พื้นฐาน ในพื้นฐานของโลกใบนี้ ตราบใดที่ยังเป็นผู้ใช้กระบี่ เกือบทั้งหมดจะต้องเคยศึกษาหนังสือเล่มนี้
ชิงสุ่ยได้แต่ทำหน้าสงสัยว่าทำไมหนังสือที่แสนจะทั่วไปเล่มนี้ถึงมีอยู่ในหอสมุดตระกูลชิง
“ข้าลืมไป ทุกคนจะต้องเรียนรู้พื้นฐานของเคล็ดกระบี่หากว่าต้องการที่จะพัฒนาฝีมือ หาไม่แล้วพวกเขาก็จะไม่สามารถแข็งแกร่งได้” แม้ว่าเคล็ดกระบี่พื้นฐานนั้นจะช่วยให้ผู้คนส่วนใหญ่พัฒนาตนเองได้ แต่มีน้อยคนนักที่จะสามารถเข้าใจในเคล็ดกระบี่ขั้นที่สูงจากนี้ได้
เมื่อพลิกหน้าแรกของหนังสือ [เคล็ดกระบี่พื้นฐาน] ในหน้าแรกนั้นปรากฏเป็นชื่อหนังสือเล่มอื่นๆด้วย แต่หนังสือของเขานั้นมีวงเล็บต่อท้ายว่า [เคล็ดกระบี่พื้นฐาน]ระดับเริ่มต้น แสดงว่ามันอาจจะต้องมีระดับสูงหรือแม้กระทั่งระดับลึกซึ้งเช่นกัน แต่ถึงยังนั้นเขายังคงอ่าน “เบื้องต้นเกี่ยวกับกระบี่”
กระบี่นั้นถูกใช้โดยคนหมู่มาก มันสามารถปล่อยเจตนาเมตตา พร้อมกลิ่นอายอบอวลไปด้วยความกล้าหาญ มีความสง่างามสมดั่งเป็นอาวุธที่สวรรค์สรรสร้าง กระบี่นั้นประกอบไปด้วย ตัวกระบี่ วัสดุกระบี่ คมกระบี่ แกนกระบี่ หลังกระบี่ ขอบกระบี่ รูปลักษณ์กระบี่ ด้ามจับกระบี่ ปลอกกระบี่
ตามด้วยการแนะนำท่ากระบี่ ตำแหน่งโจมตีต่างๆ พุ่ง ทะลวง แทง ถือ เจาะ เฉือน ตวัด ผู้ที่จะใช้งานเหล่ากระบี่ ผู้ใช้คือกระบี่ กระบี่คือผู้ใช้ ผู้ใช้จะต้องฝึกฝนอย่างยิ่ง เมื่อใช้กระบี่เป็นอาวุธ ผู้ใช้จะต้องเข้าใจสถานะของมัน กระบี่เป็นหนึ่งเดียวกับพลังปราณ และเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณอีกด้วย
เมื่อมองเนื้อหาเบื้องต้น ชิงสุ่ยก็อดคิดไม่ได้ว่า “แม้จะมีผู้คนนับล้านคนเป็นผู้ใช้ดาบแต่ผู้ที่บรรลุระดับสูงนั้นจะมีเพียงใด” ความรู้ระดับลึกซึ้งนั้นอาจจะซ่อนอยู่ภายในพื้นฐานซึ่งสามารถเรียนรู้ได้แต่อาจต้องใช้ความพยายามที่สูงมากในการเข้าใจมัน
วิถีของผู้ใช้กระบี่จะเน้น “ความเร็ว ความแม่นยำ ความเด็ดขาด” สามคำนี้เป็นสิ่งที่เสริมทักษะการโจมตี หากฝึกฝนจนถึงระดับสูงสุดจะสามารถฆ่าฟันผู้อื่นให้ตายได้ในดาบเดียว
วิถีของผู้ใช้กระบี่ยังเน้นการประสานระหว่างมือและตา ทวงท่า การก้าวและรูปแบบ
เมื่อใดที่ผู้ใช้กระบี่ก้าวถึงจุดสุดยอด ทุกๆส่วนของเขาจะเปรียบได้กับกระบี่ เมื่อบรรลุถึงขั้นกระบี่กายาเป็นหนึ่ง ตัวผู้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่อีกแล้ว เพียงแค่เขาขยับมันก็เปรียบได้กับความคมจากกระบี่