AST บทที่ 3 –ร่างกายพลันแปร !
บทที่ 3 –ร่างกายพลันแปร !
ชิงสุ่ยเดินคอตกออกมาจากบ้านตระกูลชิง เขาเดินไปที่ภูเขา อย่างไร้จุดหมาย เขากลับมายังสถานที่แห่งเดิมแห่งนี้นับครั้งไม่ถ้วน และมองไปยังขอบฟ้า เหนือยอดของภูเขาและหุบเขาที่ลึกคล้ายจะไม่มีที่สิ้นสุด ความคิดที่จะฆ่าตัวตายก็เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขา แต่ทุกครั้งที่เขาคิดจะฆ่าตัวตาย ความทรงจำ ของ ผู้หญิง ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความหวังก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา เขาเตือนตัวเองว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าต้องอดทนและมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อความหวังของผู้เป็นแม่ของเขา
ชิงสุ่ยก็ไม่เต็มใจที่จะใช้ชีวิตเฉกเช่นขยะแบบนี้ ยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับมันเขาก็ยิ่งทวีคูณความโกรธจนแทบระเบิดออกจากอกของเขา ร่องรอยแห่งความบ้าคลั่งที่ปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเขา และเขาตะโกนคำสาปแช่งไปยังสวรรค์ ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้ ! ถ้าเจ้าต้องการที่จะหยุดข้า ข้าจะเป็นผู้หยุดเจ้า ! " เสียงที่เต็มความทุกข์ดังสะท้อนไปไกลทั่วหุบเขา
หลังจากตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ชิงสุ่ยเริ่มวิ่งขึ้นไปยังบนเขา เขาอยากระบายพลังที่อัดอั้นในทุกอารมณ์ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นความไม่พอใจและความโกรธ ความแค้น เขารู้สึกว่า เขาอาจจะระเบิดก็เป็นได้หากไร้ซึ่งที่ระบาย
จิตวิญญาณของเต็มไปด้วยความทุกข์ที่พร้อมจะระบายออก แต่ร่างกายของเขาอ่อนแอเป็นอย่างมาก แค่การวิ่งในระยะทางสั้น ๆและมันทำให้เขา เริ่มรู้สึกแน่นในหน้าอกของเขาและหายใจไม่ทัน ชิงสุ่ยกัดฟันวิ่งต่อไป โดยไม่สนใจปฏิกิริยาของร่างกายของเขาตอบสนองและยังคงวิ่งต่อไป
ความเจ็บปวดในร่างกายของเขา บวกกับการหายใจที่แสนจะลำบาก ทำให้เหงื่อของเขาไหลออกมาราวกับเป็นน้ำตกสายเล็ก ๆเกิดขึ้นบนใบหน้าของเขา เขายิ่งพยายามกระตุ้นตัวเองต่อไปว่า
“ข้าจักไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในชะตาชีวิตของข้า ข้าจักต้องเข้มแข็ง ข้าจักต้องอดทน” ชิงสุ่ยกล่าวกับตัวเองโดยที่เขาไม่รู้ว่าเขาวิ่งไปเท่าไรแล้ว และไม่รู้ว่าเวลาได้ไหลผ่านไปนานเพียงใดแล้ว เขาเอาแต่วิ่ง วิ่ง และวิ่ง จนในที่สุดเวลาแห่งความมืดก็ได้มาถึง
เวลาไหลผ่านไปอย่างช้าๆ ท้องฟ้าเป็นท้องฟ้าเปิดทำให้มองเห็นดวงจันทร์ค่อยๆขึ้นสู่จุดสูงสุดได้อย่างชัดเจน . แสงสีทองส่องมายังตัวตนของชิงสุ่ย แสงนั้นดูอ่อนโยนราวกับอ้อมกอดจากสวรรค์ ชิงสุ่ยวิ่งราวกับคนไร้สติ จบร่างกายของเขาที่เล็กและบอบบางไม่สามารถทนได้ไหว และเขาก็สลบไปเมื่อผ่านไปถึงครึ่งทางของภูเขา
กลับมายังตำหนักตระกูลชิง ชิงอี้ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ขณะที่เธอพึ่งตระหนักได้ว่าชิงสุ่ยนั้นได้หายไป เธอรีบเดินไปยังบริเวณเนินเขาที่ชิงสุ่ยชอบไป และพยายามที่จะตามหาเขา แต่ก็ไร้ซึ่งร่องรอยของชิงสุ่ย แม้จะหาเท่าไรเธอก็ชิงสุ่ยไม่พบ
ชิงอี้กลับไปยังตระกูลชิง เธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมากและรีบสั่งให้พวกข้ารับใช้และเหล่าบริวารทั้งหมดตามหาชิงสุ่ยในทันที ทุกคนตกใจมากที่เห็นชิงอี้ใช้อำนาจสั่งการอย่างบ้าคลั่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทุกคนภาพลักษณ์ของเธอได้เพียงผู้เชี่ยวชาญที่มีแต่ความสง่างามและอ่อนโยน แต่ลักษณะทุกอย่างที่กล่าวมานั้นได้หายไปหมดสิ้นเมื่อเธอออกคำสั่งให้ตามหาลูกของเธอ ชิงสุ่ย!!!!
ในช่วงเวลาที่ชิงสุ่ยสลบไปนั้น วังวนแห่งความรู้และข้อมูลอันไร้ที่สิ้นสุดไหลเข้าไปสู่เบื้องลึกในจิตวิญญาณของชิงสุ่ย มันได้เปิดประตูแห่งพลังที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายชิงสุ่ย
เคล็ดวิชาโบราณเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ,เคล็ดวิชารวมจิตผสานใจ,เคล็ดวิชาแปรผันเปลี่ยนวิถี,เคล็ดวิชาสรรสร้างสวรรค์,เคล็ดวิชาศาสตราวุธเล้นลับ รวมถึงเคล็ดวิชารากฐานแห่งสรรพสิ่ง และเคล็ดวิชาช่างต่างๆ . . . . . . . .
" อ๊าาาาาา ความสามารถเหล่านี้ไม่เหมือนในเกมส์ที่ข้าเคยเล่นเลย ทำไมความสามารถเหล่านี้ถึงปรากฏขึ้นในจิตใจของข้า มันน่าทึ้งมาก มันยังมีรายละเอียดของการบ่มเพาะพลัง! แต่น่าเสียดาย นอกจากนี้ เคล็ดวิชาโบราณเสริมสร้างความแข็งแกร่ง [Ancient Strengthening Technique] ทักษะอื่นๆดูเหมือนจะไม่ค่อยมีประโยชน์สำหรับข้าเลย(5555 สกิลทำอาหารไง ไหนจะสกิลสร้างอีก สงสัยจะรวยแหง่มๆ)
ชิงสุ่ยในตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นมาก ในเกมส์ตะวันตก [ แฟนตาซี ] ที่เขาเคยเล่น มนุษย์มีความสามารถสูงสุดของการเรียนรู้ ผู้ที่ผ่านการฝึกฝนจนอยู่ในระดับสูงย่อมสามารถต่อสู้กับเหล่าเทวทูตและปีศาจได้ อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจว่าโลกนี้ไร้ซึ่งพระเจ้าหรือแม้กระทั่งปีศาจ จอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นสามารถทำลายล้างเมืองราวกับพลิกฝ่ามือได้
จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากการเล่นเกมส์แฟนตาซี [ ตะวันตก ] ชิงสุ่ยรู้ว่าทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่เคล็ดวิชาการต่อสู้ แต่เป็นทักษะการเสริมสร้างแทน เช่น เคล็ดวิชาเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และเคล็ดวิชารากฐานแห่งสรรพสิ่ง ถึงแม้จะไม่ฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้เลย แต่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชารากฐานแห่งสรรพสิ่ง อาจจะทำให้มีชีวิตอยู่อย่างอมตะนิรันดร์ ดังคำกล่าวที่ว่า “หากฝึกฝนทักษะ โดยไร้ซึ่งพื้นฐานที่ดี ทั้งหมดย่อมสูญเปล่า”
ชิงสุ่ยก็พบว่าเคล็ดต่างๆ ตลอดจนรายละเอียดในวิธีฝึกฝนอยู่ลึกตราตรึงภายในจิตใจของเขา เขาสามารถนึกคิกคิดและใช้มันทั้งหมดได้ทันที
ภาพที่เห็นเหมือนของจริงมาก มีบางสิ่งบางอย่างแวบผ่านภายในจิตใจของเขา รูปภาพหยินและหยางขนาดใหญ่ปรากฏในจิตใต้สำนึกของเขา
จากถ้อยคำแถลงโบราณกล่าวไว้ว่า “หลังจากโลกที่วุ่นวายถูกสร้างขึ้นมาใหม่ มันถูกแบ่งเป็น หยิน และ หยาง โดยผู้สร้าง สร้างมันมาเพื่อรักษาเสถียรภาพของโลก” หลังจากนั้นภาพหยินหยาง ค่อยๆหดเล็กลงจนขนาดเมล็ดพันธ์พืช เมล็ดหยินหยางหมุนอย่างช้าๆและอย่างต่อเนื่องลงไปในวังวนแห่งสติของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยรู้สึกได้เล็กน้อยว่าในแต่ละรอบของการหมุน สัญลักษณ์ปล่อยพลังงานเล็กๆออกมา พลังงานทั้งหมดไหลเข้าสู่เส้นพลังลมปราณ(เส้นชีพจร) มันก่อเกิดพลังงานขนาดใหญ่และอวัยวะในร่างกายของเขาค่อยๆเปลี่ยนไป
ตอนนี้ ชิงสุ่ย รู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขานั้นได้ขยายขีดจำกัดแห่งพลังงานยุทธ อย่างไรก็ตาม เขาเริ่มสบสัน มันอาจเป็นไปได้ว่ามันจะเกิดขึ้นจากการเป็นลมเพราะความเหนื่อยล้า ?
ช่างมันเถอะ ในอดีตข้าเป็นแค่ไอ้ขยะที่ไม่สามารถบ่มเพาะพลังยุทธได้ ไม่ว่าร่างกายข้าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มันก็คงไม่เลวร้ายไปเมื่อก่อนอีกแน่นอน ข้ามั่นใจ
ชิงสุ่ยอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น แม้ตอนนี้เขาจะรู้สึกมีชีวิตชีวามากกว่าอดีตแต่ตอนนี้เขาไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ สัญลักษณ์หยินหยาง ยังคงหมุนวนไปตลอดกาลภายในวังวนแห่งจิตใจของเขา ชิงสุ่ยไม่เข้าใจในเหตุผลที่เกิดขึ้น แต่เขามีสัญชาตญาณว่าสัญลักษณ์นี้จะเปลี่ยนโชคชะตาของเขาไปตลอดกาล!
ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขา
“อ๊ะ นั้นแม่ใช่ไหม !”
เมื่อได้ยินชิงอี้เรียกชื่อของเขา เขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่เกิดขึ้นภายในหัวใจ เขาเองก็อยากเรียกเธอแต่เขาก็ไม่สามารถทำได้
“ชิงสุ่ย !”
“ชิงสุ่ย !”
“เขาอยู่ที่นี้ พวกเราเจอเขาแล้ว” ชิงสุ่ย ได้ยินเสียงเรียกที่ไม่รู้จักด้านหน้าเขา
“ชิงสุ่ย ! ชิงสุ่ย !” ชิงสุ่ยได้ยินแม่ของเขาเรียก เสียงนั้นบ่งบอกได้ถึงความเจ็บปวด แม้เขาจะไม่ได้มอง เขาก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา และความทุกข์แสนสาหัส
หลังจากนั้น เขารู้สึกได้ว่าชิงอี้กอดเขาแน่นมาก กอดอันคุ้นเคยที่แสนอบอุ่นจากผู้หญิงที่ทั้งงามสง่าและสุภาพ อ่อนโยนและเป็นผู้ที่เลี้ยงดูเขามา มันทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก แต่เมื่อเขาเห็นความเจ็บปวดของเธอแล้ว เขายิ่งทวีคูณความเกลียดในตัวพ่อของเขาผู้ชายที่ทิ้งเธอไป ชิงสุ่ย สาบานว่า ในอนาคตเขาจะต้องปัญหาเรื่องนี้ให้ได้เพื่อแม่ของเขา ชิงอี!
หลังจากเวลาผ่านไปชิงสุ่ยค่อยๆตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล ก่อนหน้านั้น เขายังรู้สึกว่ามีคนพูดคุยเกี่ยวกับชีพจรของเขาและการสนทนาระหว่างชิงอี้กับบุคคลผู้อื่น
ชิงสุ่ยตื่นขึ้นมาพร้อมเผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เขามีความรู้สึกว่าดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าเพื่อตอนรับเขาโดยเฉพาะ ! !