AST บทที่ 25 – หอสมุดตระกูลชิง ผู้อาวุโสหลินปรากฏกาย
บทที่ 25 – หอสมุดตระกูลชิง ผู้อาวุโสหลินปรากฏกาย
“เทวะเซียนเทียนนั้นคือการเปิดเส้นทางแห่งสรวงสวรรค์” จิตใจของชิงสุ่ยปั่นป่วนจนไม่อาจหยุดครุ่นคิดถึงคำนี้ได้
ชิงสุ่ยพยายามเรียกเรียกคืนสถานการณ์หยั่งรู้ที่แท้จริงที่เขาได้บรรลุก่อนหน้านี้ เขารู้ดีว่ามันจะก่อให้เกิดประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่มากในทุกๆครั้งที่เขาเสร็จสิ้นการทำสมาธิ ผลที่ได้รับนั้นเทียบเท่ากับการฝึกฝนอย่างหนักไม่ต่ำกว่า 10 ปี นอกเหนือจากการหยั่งรู้ที่แท้จริงนี้ ดูว่าคงไม่มีวิธีทางใดแล้วที่จะช่วยให้เขาเข้าใจเกี่ยวเส้นทางแห่งสรวงสวรรค์ การจะเข้าใจเส้นทางแห่งสรวงสวรรค์นั้นขึ้นอยู่กับโชคและชะตากรรมของแต่ล่ะบุคคล ส่วนใหญ่ของผู้บ่มเพาะพลังนั้นไม่สามารถเข้าถึงการหยั่งรู้ที่แท้จริงได้ตลอดทั้งชีวิตพวกเขา บางคนแม้จะได้รับสถานะพิเศษมาคล้ายเคียงกับชิงสุ่ย พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่อาจที่จะบรรลุแม้กระทั่งจุดสูงสุดอาณาพลังโฮ่วเทียน
ด้วยความไม่มั่นใจ ชิงสุ่ยจึงต้องการถามชิงอี้เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับเส้นทางแห่งสรวงสวรรค์ ชิงอี้จึงพูดแทรกขึ้นมาว่า
“ชิงสุ่ย พวกเรามาถึงห้องสมุดแล้วล่ะ!”
ชิงสุ้ยมองดู เบื้องหน้าของเขานั้นเป็นอาคารที่มี 3 ชั้นสร้างโดยอาศัยหินที่หนัก บรรยากาศโดยรอบให้ความรู้สึกราวกับถูกกดขี่เล็กน้อย อาคารแห่งนี้ไร้ซึ่งหน้าต่าง แม้แต่ประตูทางเข้ายังถูกสร้างด้วยแผ่นหินหนาและแข็งแรง
ประตูกว้างราวๆ 3 เมตร มีความสูงโดยประมาณถึง 4 เมตร มีป้ายโลหะแขวนอยู่จุดสูงสุดของประตูมันถูกเขียนว่า “หอสมุดปัญญาแห่งตระกูลชิง!”
ประตูหินของหอสมุดแห่งนี้ถูกปิดอย่างแน่นหนา และทุกๆท้ายปี หอสมุดแห่งนี้จะถูกเปิดใช้งานเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น เหล่าเยาวชนที่การบ่มเพาะตั้งแต่ขอบเขตอาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 6 ขึ้นไป จะมีโอกาสเข้าสู่ภายในเพื่อเลือกสรทักษะการต่อสู้ที่เหมาะสมกับการฝึกฝนของพวกเขาเอง
ในช่วง 10 เดือนแรก จะมีเพียงลูกหลานเชื้อสายตรงของตระกูลชิงเท่านั้นที่จะมีสิทธิเข้าใช้งานหอสมุดแห่งนี้ ส่วนเยาวชนที่เหลือจะสามารถเข้าใช้งานได้ในช่วง 2 เดือนสุดท้าย
นี้เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยได้เห็นหอสมุดแห่งนี้ หลังจากที่ตระกูลชิงได้ก่อตั้งกฎการใช้งาน ทั้งหนังสือที่หายากและมีคุณค่ามากมาย แม้กระทั้งทักษะการต่อสู้และหนังสือที่แตกต่างกันเช่น หนังสือโลกแห่งการรักษา ก็ยังตั้งอยู่ครบ
เคล็ดวิชาและทักษะการต่อสู้นั้นจะตั้งอยู่บนชั้นที่ 2 และ ชั้นที่ 3 ของหอสมุดแห่งนี้ บรรดาหนังสือทั่วไปรวมทั้งเคล็ดวิชาระดับต่ำจะถูกจัดเก็บไว้ภายในชั้นที่ 1 เหล่าเยาวชนตระกูลชิงนั้นเมื่อถึงระดับการบ่มเพาะที่กำหนดจะได้รับอนุญาตให้ศึกษาหนังสือและคำภีร์ต่างๆ แม้กระทั่งคัดลอกมันออกไป แต่มีข้อกำหนดเพียงอย่างเดียวคือไม่ได้รับอนุญาตให้นำไปเปิดเผยแก่บุคคลภายนอก
เมื่อเดินไปถึงทางเข้า ชิงสุ่ยได้ทำการยกมือของเขาเคาะไปยังประตูหินโดยที่ไม่ออกแรงมากหรือน้อยเกินไป 3 ครั้ง “ปัง ปัง ปัง” เสียงดังก้องไปทั่วลานบริเวณ
หลังจากนั้นสักครู่หนึ่งประตูหินที่แสนหนักก็เปิดออก ชายวัยชราพลันปรากฎพร้อมมองออกมาด้วยสายตาขุ่นมั่วพร้อมทั้งเส้นผมที่แปรเปลี่ยนเป็นสีขาว ชิงสุ่ยยืนนิ่งอย่างเงียบ เครื่องแต่งกายทั้งหมดที่ชายชราคนนี้สวมใส่แตกต่างจากสิ่งที่ชิงสุ่ยคาดคิด ชายชราที่ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับสุขอนามัยของตนเอง แต่เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขานั้นช่างสะอาดยิ่งนัก
“ขอคารวะท่านผู้อาวุโสหลิน ข้านำลูกชายของข้ามายังหอสมุดแห่งนี้เพื่อจะขอยืมตำราเพียงบางเล่มเท่านั้น”ชิงอี้กล่าวทักทายชายชราอย่างเคารพ
เมื่อมองดูรอยยิ้มของเธอ ชิงสุ่ยรู้ได้ทันที่ว่าชิงอี้ต้องความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับชายชราคนนี้
“อ้าาา นั้นเจ้าใช่ไหม เจ้าเด็กตัวน้อยชิงอี้ เข้ามา เข้ามา! ที่นี้ตอนรับคนทุกเพศทุกวัย แต่ดูเหมือนครั้งล่าสุดที่มาก็เป็นเจ้า” ผู้อาวุโสหลินยิ้มอย่างอบอุ่น หลังจากนั้นเขาเหลือบมองไปยังชิงสุ่ย สายตาอันขุ่นหมองของเขาพลันหายไปกลายเป็นดวงตาที่คมชัดทันที แต่มันก็กลับสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว
“เจ้าคงเป็นชิงสุ่ยสินะ ดี ดี ดีจริงๆ!......”ใบหน้าผู้อาวุโสหลินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ท่านปู่หลิน หลานชิงสุ้ยขอคารวะ” ชิงสุ่ยก้มต่ำลงขณะที่กล่าวทักทายผู้อาวุโส
“เด็กหนุ่มนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”ผู้อาวุโสหลินรับรู้ถึงเหตุผลบางอย่าง ริมฝีปากของเขาขดตัวเป็นรอยยิ้ม
หลังจากนั้นชิงสุ่ยและชิงอี้ก็ได้ตามผู้อาวุโสหลินเข้าไปภายในหอสมุด
เมื่อเขาไปภายใน ชิงสุ่ยพบว่าพื้นที่ภายในนั้นใหญ่โตกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้มาก ภายในนั้นไม่มีแสงจากธรรมชาติเลย แสงที่อยู่ภายในหอสมุดแห่งนี้นั้นเกิดจากแสงที่ปลดปล่อยมาจากแฟงหินหยกที่อยู่ติดกับผนัง แสงที่ปล่อยออกมาให้ความรู้ที่นุ่มนวล ซึ่งเพียงพอต่อผู้ที่มาใช้งานหอสมุดแห่งนี้
ไข่มุกหยกถูกติดตั้งตามแถวของชั้นไม้โบราณ วัสดุที่ใช้ทำที่ตั้งชั้นวางเหล่าหนังสือตำราต่างนั้นดูเก่าและทรุดโทรมแต่เมื่อสังเกตอย่างใกล้ชิดมันคือไม่ที่หนาและหนักทำให้ผู้เห็นเกิดความรู้สึกแข็งและทนทาน แต่ไม้บางส่วนก็มีการโก่งงอ หากปราศจากการดูแลมันคงต้องพังทลาย มันบ่งบอกได้ว่าหอสมุดแห่งนี้อย่างน้อยก็ได้รับการดูแลมาโดยตลอดไม่ต่ำกว่า 10 ปีโดยผู้อาวุโสหลิน
“ผู้อาวุโสหลิน ข้าต้องการเพียงจะมาขอยืมหนังสือที่มีความรู้เกี่ยวกับการรักษาสำหรับลูกชิงสุ่ย” ชิงอี้กล่าว
ผู้อาวุโสหลินเคลื่อนไปที่มุมของหอสมุดและดึงหนังสือบางเล่มที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นออกมา และตบลงไปยังหนังสือเพื่อไล่ฝุ่นเล็กน้อย
ในระหว่างที่อาวุโสหลินไปหาหนังสือของ ชิงสุ่ยได้ตรวจสอบการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของผู้อาวุโส เขารับรู้ได้ถึงสัญชาตญาณที่แสดงถึงการเป็นบรรณารักษ์ แต่กลับรู้สึกว่าผู้อาวุโสหลินนั้นไม่ได้ดูมีอายุเลย เขาเพียงดูชราภาพกว่าที่เขาควรเป็น ชิงสุ่ยมีความรู้สึกว่าชายชราที่อยู่ด้านหน้าเขานั้นจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมากแน่ หลังจากคบคิด ชิงสุ่ยพลันหัวเราะอย่างเงียบ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลชิง คือ ชิงหลัว แล้ว ผู้อาวุโสหลินอาจจะ?
“นี้ก็ผ่านมากว่า 40 ปีแล้วนะ เจ้าหนังสือเหล่านี้เต็มไปด้วยฝุ่นกลบ ไม่มีผู้ใดสนใจมันเลย เจ้าเอามันไปได้เลยตราบที่เจ้าต้องการ ไม่ช้าก็เร็วเมื่อมันไม่ได้ถูกผู้ใดยืม ข้าก็ต้องเอาหนังสือพวกนี้ออกไปทิ้ง” ผู้อาวุโสชิงส่งต่อหนังสือให้ชิงสุ้ยพร้อมกล่าวเล็กน้อย
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าผู้อาวุโสหลินนั้นแปลกมาก จากที่ชิงสุ่ยรู้คือผู้อาวุโสหลินนั้นจะไม่พูดจากับใคร เขามักเลือกที่จะอยู่อย่างสันโดษ แต่วันนี้เขากลับพูดเก่งขึ้น!
ชิงสุ่ยรับหนังสือจากผู้อาวุโสหลิน ยิ่งเขาพยายามมองดูเท่าไร เขายิ่งรู้สึกว่าผู้อาวุโสหลินนั้นซุกซ่อนความสามารถที่แท้จริงผ่านการกระทำที่ดูซุ่มซาม
“ขอบคุณท่านมาก ท่านปู่หลิน” ชิงสุ่ยกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ ชิงสุ่ยตระหนักได้ว่า เขาเหนังสือทั้ง 3 เล่มที่เขาต้องการครบ แต่มีหนังสือเล่มที่ 4 ที่เขาไม่ได้ขอ
หนังสือเล่มที่มีชื่อว่า เคล็ดกระบี่พื้นฐาน
ขณะชิงสุ่ยกำลังจะถามผู้อาวุโสหลิน ทันใดนั้นผู้อาวุโสหลินก็กล่าวขึ้นมาว่า “หลังจากที่เจ้าเข้าใจในหนังสือทั้ง 4 เจ้าก็โยนมันทิ้งไปได้เลย เจ้าไม่ต้องส่งมันกลับมาแล้ว”
เขาตั้งใจที่จะกำจัดมัน ชิงสุ่ยจึงตัดสินใจนำมันกลับมา เคล็ดกระบี่พื้นฐาน มันอาจจะมีเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งอยู่ภายในนั้น แต่เขาจะต้องเรียนรู้มันเอง ดังคำกล่าวที่ว่า กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว
หลังจากกล่าวลาผู้อาวุโสหลิน ประตูหินยักษ์ก็ถูกปิดลงอีกครั้ง
ชิงอี้รู้สึกยกย่องผู้อาวุโสหลินราวกับเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเธอ แม้จะมีนิสัยที่ดูเหมือนซุ่มซามและงุนงง เธอก็รู้ดีว่า ผู้อาวุโสหลินนั้นปฎิบัติต่อลูกหลานตระกูลชิงราวกับเป็นเลือดเนื้อของตัวเอง โดยเฉพาะชิงอี้ นับตั้งแต่เธอยังเด็ก ผู้อาวุโสหลินคอยดูแลสร้างความประทับใจแก่เธอ แม้กระทั้งตอนนี้แม้จะผ่านไปหลายปี ชิงอี้ยังคงเคารพผู้อาวุโสหลิน เช่กเช่นเดียวกับความเคารพที่มีต่อชิงหลัว
ความรู้สึกอิ่มเอมใจ เกิดขึ้นระหว่างที่ชิงสุ่ยถือหนังสือเหล่านั้น ในชีวิตก่อนหน้านี้ของชิงสุ่ย เขานั้นเรียกได้ว่าเป็นคนติดเกมส์มาก อ่านหนังสือ? เข้าหอสมุดนะหรือ? ไม่มีทาง!!! ใครจะคิดว่าปัจจุบันชิงสุ่ยนั้นตั้งใจที่จะมาหอสมุดเพื่อที่จะค้นหาหนังสือเพื่อศึกษามัน