AST บทที่ 21 – แกร่งเพื่อที่จะแกร่ง
บทที่ 21 – แกร่งเพื่อที่จะแกร่ง
“พวกโอสถล้ำค่าเหล่านี้ คงไม่สามารถรับประทานโดยตรงได้เป็นแน่?” ชิงสุ่ยกล่าว เขารู้ว่าเมื่อตอนที่เขาอยู่ในโลกใบเก่าของเขา หากรับประทานโสมที่มีอายุมากกว่า 100 ปีโดยตรงแล้วนั้นมันจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี!!!
ชิงอี้ตบลงบนหน้าผากของชิงสุ่ยและค่อยๆกล่าวว่า “โอสถทั่วไปนั้นสามารถรับประทานได้ทันทีหลังจากที่ปรับปรุงมันเพียงเล็กน้อย แต่ปริมาณยาที่สามารถดูดซับได้นั้นจะเหลือเพียงแค่ 10-20% เท่านั้น มันคือการใช้โอสถอย่างสิ้นเปลือง ในธรรมชาตินั้น มีข้อควรระวังในบางประเภท เมื่อโอสถมีอายุมากกว่า 500 ปีขึ้นไปนัน้ จะไม่สามารถนำมารับประทานโดยตรงได้ ถ้าหากไม่สนใจความปลอดภัยกับตัวเองนั้น การกระทำดังกล่าวนั้นจะให้ผลเสียมากกว่าผลดี และยิ่งเป็นโอสถระดับล้ำค่าเป็นต้นไป หากนำมันมารับประทานโดยตรงอาจทำให้เจ้าตายไปในทันที!!!”
“โอ้ เมื่อมีโอสถที่บริโภคได้โดยตรงไม่ได้ มันอาจจะต้องใช้วิธีการบางอย่างเพื่อช่วยให้เราดูดซับตัวโอสถที่แท้จริงได้?” ชิงสุ่ยสันนิษฐาน ในขณะที่เขาใช้ความคิด อาชีพนักปรุงโอสถพลันปรากฏขึ้นในจิตใจ
“นักปรุงโอสถทิพย์”
เมื่อเห็นว่าชิงสุ่ยดูเหมือนจะสนใจในการเป็นนักปรุงโอสถทิพย์ ชิงอี้จึงอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม “โอสถที่ไม่สามารถบริโภคได้โดยตรงนั้น จะต้องถูกนักปรุงโอสถปรับแต่งจนกลายเป็นเม็ด โดยกรรมวิธีการต่างๆ หลังจากสกัดโอสถจนจับตัวกันเป็นเม็ดโอสถแล้ว พวกเขาจะปรุงแต่งเพื่อลดการสูญเสียคุณค่าของตัวโอสถเอง ซึ่งเมื่อใช้ในการบ่มเพาะพลังปราณนั้นจะได้ผลที่ดียิ่งขึ้น”
นั้นคือเหตุผลทั้งหมด ซึ่งชิงสุ่ยก็เข้าใจมันดีขึ้น ตอนแรกเขาคิดว่าการบริโภคโอสถโดยตรงเท่านั้นจะทำให้สูญเสียคุณค่าเพียงเล็กน้อย หากมีพลังปราณเกินมันจะถูกแยกเป็นของเสีย เขาไม่คาดคิดเลยว่าระดับโอสถอย่างระดับล้ำค่านั้น เพียงแค่ส่วนเกินของพลังในโอสถก็สามารถส่งผลให้แก่ชีวิตได้!
“ท่านแม่ในเมื่อบรรดาโอสถและส่วนผสมยังถูกแยกเป็นระดับ แล้วพวกนักปรุงโอสถล่ะ? ความแตกต่างของเม็ดโอสถที่ถูกปรุงโดยนักปรุงโอสถระดับ 3 กับ นักปรุงโอสถระดับ 5 มันจะต้องแตกต่างเป็นแน่
“นักปรุงโอสถที่อยู่ในระดับที่สูงกว่านั้น คุณภาพของเม็ดโอสถที่พวกเขากลั่นออกมานั้นจะมีคุณภาพมาก เห็นได้ง่ายๆเลยว่านักปรุงโอสถระดับทั่วไป จะไม่สามารถกลั่นโอสถระดับล้ำค่าได้”ชิงอี้อธิบาย
ระดับของนักปรุงโอสถนั้นจะค่อนข้างคล้ายกับระดับของโอสถเพียงแค่ซับซ้อนขึ้นอีกเล็กน้อย โดยเริ่มจากระดับทั่วไป ระดับล้ำค่า ระดับหยก ระดับราชันย์ ระดับมหาราชันย์ ระดับจักรพรรดิ ระดับตำนาน และ ระดับพระเจ้า ซึ่งทั้ง 8 ระดับจากการเปรียบเทียบโอสถจะเปรียบได้กับระดับของนักปรุงโอสถ ต่างกันคือ ในแต่ละระดับของนักปรุงโอสถนั้นจะถูกแบ่งเป็นอีก 10 ขั้น เช่น นักปรุงโอสถทั่วไป ขั้นที่ 10
“อืมมันช่างคล้ายกับเกมส์ในโลกก่อนของข้ามาก ยิ่งระดับนักปรุงโอสถสูง คุณภาพของโอสถนั้นจะยิ่งสูง อย่างไรก็ตาม หากข้าสำเร็จเคล็ดวิชาแปรผันสรรสร้างซึ่งเป็นเคล็ดวิชาที่เป็นส่วนหนึ่งของเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ข้าสงสัยนัก ถ้าหากข้ากลั่นยาโดยใช้สูตรโบราณที่ได้รับจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล มันจะถูกจัดอยู่ในระดับใดกันแน่?” ดวงตาของชิงสุ่ยฉายแสงออกมา เขารู้สึกตื่นเต้นมากๆที่ได้จะเป็นนักปรุงโอสถ
“ตระกูลซือถูจากเมืองร้อยไมล์นั้นต้องการซื้อโอสถระดับล้ำค่าที่มีทั้งหมดจากตระกูลชิง มันมีความเป็นไปได้ว่าพวกมันจะแอบซ่อนเหล่านักปรุงโอสถ? เมื่อคิดย้อนไปถึงอาการหยิงผยองของซือถูปู้ฝาน เช่นเดียวกับความรู้เย็นชาที่ออกมาจากสือฉิงจวงเมื่อเธอถูกแนะนำโดยคู่หมั้นของเธอ ชิงสุ่ยไม่อาจกระทำการใดได้ ได้แต่กำหมั้นเอาไว้ ชิ้นส่วนปริศนาเริ่มเกิดขึ้นภายในใจของเขา”มันอาจเป็นไปได้ว่าสือฉิงจวง ถูกบังคับให้หมั้นหมายกับซือถูปู้ฝาน โดยที่เธอไม่เต็มใจเป็นแน่?”
ชิงอี้มองชิงสุ่ยด้วยความตกตะลึง เด็กคนนี้นั้นมีพลังในการคาดเดาราวกับพระเจ้า ชิงอี้ยิ้มแล้วพูดต่อว่า “การคาดเดาของลูกนั้นถูกต้องแล้ว และเหตุผลที่ว่าทำไมตระกูลซือถูนั้นโด่งดังไปทั่วเมืองร้อยไมล์นั้นเป็นเพราะว่าลูกชายของซือถูหนานเทียนนั้นได้ก้าวเขาสู่นักปรุงโอสถระดับหยกแล้วอีกด้วย”
“เป็นแค่ระดับหยกยังกว่าหยิ่งผยองในตัวเองอย่างนั้นรึ?”ชิงสุ่ยอุทานด้วยความไม่พอใจ
ชิงอี้แทบไอออกมาเป็นเลือด เมือได้ยินคำพูดนั้น เธอเคาะหัวชิงสุ่ยอย่างแรง พร้อมพูดว่า “เป็นแค่ระดับหยกที่ลูกว่า ลูกรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร ลูกคิดว่าจำนวนนักปรุงโอสถนั้นมาน้อยเพียงใด แม้จะเป็นเมืองร้อยไมล์ จำนวนนักปรุงโอสถที่มีชื่อเสียงนั้นสามารถนับได้ด้วยนิ้วมือเพียงข้างเดียว แม้ว่าคนที่ชื่อ ไหล ที่ครองอันดับ 1 ของผู้ปรุงโอสถระดับนั้นจะมาจากตระกูลซือถู มันก็เป็นธรรมชาติแล้วที่พวกเขาจะสามารถหยิ่งผยอง” ชิงอีกหัวเราะ ครึ่งหนึ่งแสดงออกถึงอารมณ์ขันอีกครึ่งหนึ่งความหวาดกลัวที่ชิงสุ่ยไม่อาจรับรู้
ชิงสุ่ยสายหัวพร้อมยิ้มเบาๆ เมื่อเห็นชิงอี้มีความสุขเขาเองก็มีความสุขไปด้วย
เฉพาะต่อหน้าของชิงอี้ ชิงสุ่ยจะยังคงดูเหมือนเด็ก และเป็นเด็กที่เรียบงายไร้เดียงสา
“นับตั้งแต่มีนักปรุงโอสถที่น่านับถือเกิดขึ้น ทำไมถึงไม่ปล่อยให้นักปรุงโอสถที่อยู่ในตระกูลซือถูเดินทางไปยังเมืองใหญ่อื่นๆเพื่อฝึกฝนตัวเองล่ะ? ทำไมพวกมันถึงต้องปิดกันตัวเองไว้” ชิงสุ่ยแสดงความไม่เข้าใจออกมา
“ดูเหมือนเจ้ายังไม่เข้าใจทฤษฎีเบื้องลึกเหล่านี้ มันเหมือนดั่งปลาตัวใหญ่ที่ว่ายอยู่ในน้ำบ่อเล็ก เมื่อพวกมันถูกเทียบกับเหล่าปลาตัวเล็กตัวน้อยตรงนั้น พวกมันจะเปรียบได้ดั่งเพชรเม็ดงาม หากมันออกไปสู่โลกกว้างใหญ่เมื่อไร พวกมันจะเปรียบได้แค่ชิ้นส่วนของหิน” ชิงอี้อธิบาย
และแล้วชิงสุ่ยก็เข้าใจมันในที่สุด “ด้วยสถานะของนักปรุงโอสถระดับหยกอันดับ 1 นั้นไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับนักปรุงโอสถที่แข็งแกร่งในโลกกว้างได้เลย” ชิงสุ่ยตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นหากได้ออกไปเผชิญพื้นที่กว้างใหญ่ในโลกของคิวชู มันน่าเสียดายที่เขานั้นยังแข็งแกร่งไม่มากพอ แม้ว่าโลกภายนอกนั้นจะน่าสนใจเพียงใด แต่ความอันตราย ทำให้ชิงสุ่ยไม่อาจนำพาชีวิตตัวเองไปทิ้งได้
“แน่นอน ผู้คนต่างกล่าวขานว่านักปรุงโอสถนั้นจะมีพลังที่น่ากลัว นักปรุงโอสถที่กล่าวถึงนั้นหมายถึงนักปรุงโอสถที่จะอยู่ในระดับราชันย์หรือสูงกว่านั้น ที่พวกเขาน่ากลัวก็เพราะว่านอกจากจะสามารถกลั่นโอสถระดับราชันย์ได้แล้วพวกเขายังมีการบ่มเพาะพลังปราณสูงถึงระดับอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนอีกด้วย!!!
คำพูดของชิงอี้นั้นทำให้ชิงสุ่ยไตร่ตรองมากขึ้น “เทวะเซียนเทียน? ระดับอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนในเมืองร้อยไมล์นั้นสามารถนับได้เพียงแค่หยิบมือเดียว ไม่ต้องพูดถึงผู้ที่อยู่ในระดับอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนและยังเป็นนักปรุงโอสถ เพียงแค่เป็นนักปรุงโอสถอย่างเดียวก็เป็นที่น่าเคารพนับถืออย่างยิ่งแล้ว มันเกินความเป็นจริงที่จะบรรลุระดับอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนแล้วยังเป็นนักปรุงโอสถ หากเป็นเช่นนั้นแม้แต่อาณาจักรของราชายังต้องให้ความเคารพแก่คนผู้นั้น!!!!”
เพียงเป็นนักปรุงโอสถนั้นก็น่ากลัวมากแล้ว เพราะพวกเขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการคิดค้นสูตรส่วนผสมใหม่ๆ บางครั้งพวกเขาจะละเลยเวลาในการบ่มเพาะของตัวเองไปเลย!! หากทุกคนสามารถกลั่นยาระดับราชันย์หรือที่สูงกว่านั้นออกมาง่ายๆมีหรือที่นักปรุงโอสถจะยังคงได้รับความเคารพอยู่
“แต่เส้นทางสายนี้ยังต้องฝึกฝนอย่างมากเพื่อจะผลิตตัวโอสถระดับราชันย์ออกมา หนึ่งคือพวกเขาต้องบ่มเพาะอยู่ในระดับอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียน เฉพาะขั้นอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนเท่านั้นที่จะสามารถใช้เพลิงปราณเทวะเซียนเทียนในการช่วยผสมโอสถ” ขณะพวกเขากำลังสนทนากัน ชิงอี้และชิงสุ่ยนั้นก็เดินมาถึงบริเวณสวนของตัวเอง
“แม้แต่การบ่มเพาะจนถึงระดับอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนนั้นยากเพียงใด หากต้องการต้องการฝึกฝนให้อยู่ในระดับทั่วไป ล้ำค่า หรือแม้แต่หยกของผู้ปรุงโอสถ นั้นหากเทียบกันแล้วจะยากลำบากกว่าอีกเท่าใด? นอกจากนี้เมืองร้อยไมล์นั้นมีประชากรนับมากกว่าล้านคน มีเพียงไม่กี่คนที่ได้เป็นนักปรุงโอสถระดับหยก” ชิงสุ่ยรำพึง
“จุดหลักของการฝึกเรื่องที่จะใช้ฝึกฝนการเป็นนักปรุงโอสถนั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง สิ่งสำคัญคือการจดจำและเข้าใจทุกเรื่องภายในหนังสือ หนังสือโลกแห่งการรักษา หนังสือสารานุกรม 10,000 พันธุ์โอสถและหนังสือเสถียรภาพแห่งการกลั่นโอสถ เพียงแค่ขั้นตอนแรกขั้นตอนเดียวก็ถือได้ว่าเป็นอุปสรรคแล้ว เพียงแค่หนังสือ 3 เล่มนี้ก็กำจัด 80-90% ของผู้ที่ต้องการเป็นนักปรุงโอสถแต่มีความมุ่งมั่นไม่มากพอออกไปได้แล้ว พวกเขาต้องใช้ทักษะความจำ ความเข้าใจในระดับสูงมาก”
“แต่หลังจากที่จดจำข้อมูลทั้งหมดและทำความเข้าใจถึงสาระที่สำคัญของหนังสือทั้งหมดจะถูกเรียกว่าแพทย์ศึกษา ถ้าหากต้องการที่จะเป็นนักปรุงโอสถที่แท้จริง ลูกจะต้องหาต้นแบบและได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถเพื่อที่จะได้เรียนรู้ทักษะการปรุงโอสถ เช่น เทคนิคการกลั่นและสกัดโอสถ”
“สำหรับการกลั่นเม็ดโอสถระดับทั่วไปจนถึงระดับหยก จะรู้ว่าเป็นกระบวนการกลั่นแก่นสาร แต่หลังจากที่ลูกมาถึงระดับอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียน ลูกจะสามารถกลั่นโอสถระดับสูงกว่าราชันย์ได้โดยอาศัยเคล็ดการกลั่นขั้นสูง”
“โอ้ ลูกทราบแล้ว ท่านแม่ หนังสือทั้ง 3 เล่มที่ท่านแม่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ลูกสามารถหามันได้จากห้องเก็บรวบรวมความรู้ของเราได้ใช่หรือไม่?” ชิงสุ่ยถามด้วยความอยากรู้