ตอนที่ 1 : เด็กผู้ชายผู้เห็นแก่ตัว
อาณาจักรแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงของทวีป courtois . อาณาจักรของดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลซึ่งเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของการจัดอันดับขุนนางของอาณาจักรลอร์ด เหตุการณ์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นในดินแดนของอาร์ชดยุก อาท นั่นคือความผิดพลาดของการทุจริตผ่านประวัติศาสตร์อันยาวนานของ courtois
การใช้ประโยชน์จากการขูดรีดภาษีสูงๆจากประชาชน การติดสินบนอาละวาดภายในประเทศเหมือนไร้ซึ่งความแข็งแรงใดๆ แต่ผู้คนก็ไม่สามารถที่จะออกไปไหนได้ พวกเขาทำได้เพียงแค่ทนอยู่กับความเจ็บปวดนี้
ภายในบ้านของขุนนางโนเบิลชั่วห้าปีแล้วที่พวกเขาอยู่กับความเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจ ‘ รูเดิล’ ลูกชายคนโตของเขาเงยหน้าขึ้นแหงนมองท้องฟ้าด้วยดวงตาอันเบิกโพลง
“นะ นะ นั่นอะไรน่ะ!?”
สิ่งที่รูเดิลเห็นจากด้านบนในท้องฟ้านั้น มันคือสัตว์เลื้อยคลานที่มีพลังและลึกลับภายในสีมรกตเข้มของตัวมันและมีปีกขนาดใหญ่ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระบนท้องฟ้า
มันคือ มังกร และผู้ที่ควบคุมพวกมันได้คืออัศวินที่ปกป้องประเทศและได้รับการขนานนามว่า “ดรากูน”
ทันทีที่รูเดิลเห็นสิ่งประหลาดจากบนท้องฟ้า เขาก็รีบถามคนรับใช้รอบตัวเขาทันที น้ำเสียงของเขาสูงส่งและไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากทัศนคติของเด็ก 5 ขวบที่ถามผู้ใหญ่
“นั่นอะไรน่ะ! ฉันไม่เคยได้ยิน ทำไมคุณถึงไม่บอกฉัน!?”
พวกคนรับใช้เหมือนกำลังเผชิญกับเด็กแปลกหน้าที่ไม่รู้จักมังกร แต่พวกเขาก็ได้อธิบายเกี่ยวกับมังกรอย่างสุภาพแก่รูเดิล
“มังกรอยู่ในหมู่ของมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งและพวกมันฉลาดมาก”
“บุคคลที่มังกรเหล่านั้นเชื่อฟังคือ ดรากูน อัศวินผู้แข็งแกร่งใน Courtois”
“อัศวินที่ถูกขนานนามว่า ดรากูน ไม่มีเพียงแต่ความแข็งแกร่งเท่านั้น พวกเขาจะภูมิใจใน ‘คุณธรรม’”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น สายตาของรูเดิลก็ละจากบรรดาพวกคนรับใช้หันมามองมังกรที่กำลังเฉิดฉายอยู่บนท้องฟ้า เหล่าบรรดาคนรับใช้ตามองด้วยความชื่นชม แต่เมื่อได้ยินว่า…
“คุณธรรมที่ว่านั่นราคาเท่าไหร่กัน ฉันจะจ่ายให้ทั้งหมด ไปเอามันมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
คำพูดของเขาทำให้รู้เลยว่าเขายังไม่เข้าใจถึงคุณธรรมที่แท้จริง ท่ามกลางความเอือมระอาของคนรับใช้ที่มีต่อรูเดิลก็ยังมีคนรับใช้อีกคนที่พยายามที่จะอธิบายในสิ่งที่รูเดิลเองนั้นยังไม่เข้าใจ
ในเวลานั้นคนรับใช้คนอื่นก็ได้คิดในใจว่าหากมีเด็กคนนี้เป็นผู้นำของเราแล้วจะไม่มีแต่คนคิดจะปองร้ายกันหรือนี่
.“‘รูเดิล ซามะ’ คุณธรรมคือเครื่องแสดงถึงศักดิ์ศรีของตัวบุคคล ไม่ใช่สิ่งของที่สามารถซื้อขายกันได้หรอกนะ มันเป็นสิ่งเดียวที่เราจะได้รับเป็นการตอบแทนจากการพยายามอย่างจริงจัง” คนรับใช้คนหนึ่งพูดขึ้น
ในคำพูดเหล่านั้น รูเดิลเปลี่ยนสีหน้าไปเป็นคนที่ไม่เข้าใจในคำพูดนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเป็นเด็กที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่งที่เกลียดการเรียน และการสอน เขาไม่เคยเรียนพิเศษและเขาเพิ่งเข้าเรียนเพียงไม่กี่ครั้ง
“ฉันจะเป็นดรากูนได้ยังไง ฉันต้องการเป็นดรากูน!” เขาพูดปนโมโห
เมื่อคนรับใช้ได้ยินดังนั้น เขาไม่คิดว่าเด็กเพียง 5 ขวบที่เห็นแก่ตัวคนนี้จะเป็นได้ เพราะมันต้องผ่านการฝึกอบรบที่ยากนัก และไม่คิดว่ารูเดิลจะทนไหว เขาจึงเลือกที่จะบอกความจริงแก่รูเดิลไป
“ผมคิดว่ามันคงจะยากครับ คนที่จะเป็นดรากูนได้ เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร นอกจากจะต้องมีการฝึกที่แข็งแกร่งแล้ว เขายังต้องมีเมตตา มีความรู้ และมีคุณธรรม นอกจากนี้ท่านต้องได้รับการยอมรับจากมังกร”
“ที่คุณพูดอย่างนั้น คุณคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับฉันงั้นหรอ !?” รูเดิลพูดอย่างโมโหที่ถูกคนรับใช้ดูถูก
“ครับ แต่มันคงไม่ใช่ปัญหากับท่าน จริงอยู่มันเป็นเรื่องที่ยากที่จะกลายเป็นดรากูน ว่ากันว่า แม้แต่ในดินแดนอันกว้างใหญ่ของ Courtois ก็เปรียบเสมือนต้องได้รับพรมาจากฟ้า เพราะจะมีเพียง 10 คนเท่านั้นที่จะได้เป็นอัศวินในแต่ละปี”
รูเดิลไม่ได้ดีใจไปกับคำอธิบายพวกนั้น เมื่อเห็นมังกรครั้งแรกในชีวิตความปรารถนาของเขาก็แข็งแรงพอที่เหมือนจะมีไฟลุกแผดเผาอยู่บนอกของเด็กน้อย
“วิธีที่ฉันสามารถเป็นหรอ? ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีวิธีอื่นหรอก สักวันฉันจะกลายเป็นดรากูน!” เด็กหนุ่มพูดอย่างมุ่งมั่น
เสียงถอนหายใจดังขึ้นเมื่อได้ยินทัศนคติของรูเดิล ความนัยจากแววตาเหมือนจะออกมาเป็นคำพูดได้ว่า ‘งั้นท่านก็ต้องเลิกเล่น แล้วแก้ไขบุคลิกภาพของท่านใหม่เสียก่อน’
“รูเดิล ซามะ ถ้าท่านยังมีวิถีชีวิตเหมือนเดิมอยู่แบบนี้ ท่านจะไม่มีทางเป็นดรากูนได้ คุณต้องปรับเปลี่ยนในทุกๆด้านให้เหมือนโนเบิล ความมีเมตตาต่อทุกคนตลอดไป ความเพียรก็เป็นสิ่งสำคัญ ตอนนี้ท่านยังขาดในทุกๆด้าน” คนรับใช้บอกอย่างเหนื่อยใจ
พวกคนรับใช้พูดชัดเจนทั้งหมดแล้ว นั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาพูดมากกว่าแต่ก่อน โดยทั่วไปแล้วรูเดิลเป็นเด็กที่ งี่เง่า เขามักจะสร้างความเดือดร้อนให้กับคนรอบข้างเสมอ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้หลายๆคนรอบตัวเขาเอือมระอากับสิ่งที่เขาทำ มีเพียงแต่พ่อและแม่ของเขาเท่านั้น ที่รู้สึกได้ว่าเขาสมควรเป็นทายาทคนต่อไป
อันที่จริงรูเดิลก็เป็นเด็กที่น่าสารคนหนึ่ง ไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นเพื่อนของเขา แต่ตอนนี้รูเดิลพบกับตัวตนของเขาที่ทำให้เขาสามารถลืมสิ่งเหล่านั้นได้หมดทั้งสิ้น
รูเดิลได้พบกับเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง จากวันนั้น เด็กหนุ่มที่เห็นแก่ตัว เย่อหยิ่ง ก็คิดได้ว่าไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าการได้เป็นดรากูน
ในวันถัดมา รูเดิลลืมตาขึ้นมาพบกับพระอาทิตย์ที่ยังไม่ขึ้นสู่ท้องฟ้าดี ภายในห้องของเขาไม่มีคนรับใช้ใดๆ ปกติเขามักจะตื่นก่อนเที่ยง คนรับใช้คนหนึ่งเข้ามาพร้อมกับความคิดที่ว่ารูเดิลคงเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมที่จะไปออกกำลังกายในยามเช้ากันแล้ว แต่ ไม่ ! เขายังเดินมานั่งหลับบนเก้าอี้
คนรับใช้ต่างหัวเราะในตัวเขา และได้พยายามอธิบายถึงกิจวัตรใหม่ที่ควรจะทำเพื่อการเป็นดรากูน โดยที่มีรูเดิลตั้งใจฟังอย่างสุดกำลัง
“ตื่นแต่เช้าตรู่ ออกไปวิ่งออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เคี้ยวก่อนกลืน …”
รูเดิลบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป ในที่ที่แสงส่องมาที่คฤหาสน์ยังคงมืดสลัว เด็กน้อยก็ยังคงบนพึมพำเป็นสัญญาณหนึ่งของลางไม่ดีแน่นอน
รอบขนาดคฤหาสน์ที่กว้างใหญ่หรืออาจจะเรียกได้ว่าปราสาท รูเดิลวิ่งไปรอบๆปราสาทนั้น สิ่งที่ทำอยู่มันตรงข้ามกับชีวิตปกติเขามากเกินไป ทั้งการกินอยู่ เขาเคยกินได้ทุกอย่างที่เขาต้องการ แต่ทุกวันนี้เขาได้โอกาสเพียง 5 ปี!
พอเห็นเขาทำเช่นนั้น คนรับใช้และทหารยามต่างเปล่งเสียงหัวเราะออกมา แม้กระทั่งบางคนเยาะเย้ยเขา แต่เขาก็ แต่อย่างนั้นเองรูเดิลก็วิ่งโดยไม่สนใจใดๆ
โดยเวลาหลังจากนั้นที่เขาวิ่งเสร็จร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อที่ไหลท่วมกาย ร่างกายของเขาในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะกินอะไรได้แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้เข้าไปในครัวเพื่อขอร้องให้เชฟทำอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพไว้ให้เขา ที่เป็นครั้งแรกที่รูเดิลเอ่ยปากขอร้อง เพียงแค่เชฟได้ยินเขาพูดเสร็จเท่านั้นเขาก็วางทุกอย่างลงแล้วทำอาหารให้รูเดิลทันที
เข้าใจแล้ว คือข้อความทั้งหมดที่เชฟพูดก่อนที่จะทำอาหารให้ตามความต้องการ
สิ่งที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะอาหารสุดหรูคือสิ่งที่เขาเกลียดทั้งหมด ผัก นม ไก่ และโปรตีน หากถ้ามองจามุมมองของคนธรรมดามันคืองานเลี้ยงฉลองสุดฟุ่มเฟือยแต่รูเดิลคือลูกชายคนโตของอาร์ชดยุก
นี่คือการรักษาเขาที่แย่มาก มีมีอะไรเพิ่มเติม ไม่มีสัญญาณใดๆ เขาเกลียดผักที่ยังขม ไหนจะอาหารอื่นๆที่ไม่ได้ดรียงลำดับจากความชอบของเด็กเอาเสียเลย
เป็นเพียงการแก้แค้นเล็กๆน้อยๆจากคนที่เกลียดรูเดิล เขาเพียงอยากแต่ให้รูเดิลโมโหและแก้แค้นเขาคืน เขาคิดว่าไม่นานรูเดิลก็จะลุกแล้วบอกว่าพวกโจ๋งครึ่มรังแกเขา
แต่ถึงอย่างนั้น ,รูเดิล
“ขอบคุณสำหรับอาหารนะ”
เขาเริ่มกินอาหารเช้าที่มาทักทายเขาแปลกไปในวันนี้ ขม! แต่เขาก็คิดว่าถ้าเขาต้องเป็นดรากูน เขาต้องผ่านด่านฝึกจากครูสอนพิเศษที่บ้านนี้ไปให้ได้ รูเดิลได้พบแรงจูงใจโดยไม่มีครูสอนพิเศษ
และแม้ว่า ,รูเดิลได้อ่านตำรามากมายเท่าไหร่ แต่ภายในบ้านกวดวิชาของเขาก็ยังคิดว่าเขาเป็นคนโง่
“เธอไม่รู้หรอว่าคุณพยายามเพื่อที่จะเป็นดรากูน เธอนี่มันโง่เสียจริง”
ความเห็นดูถูกถากถางกันนี้ แต่มันก็ยังคงอยู่ภายใต้คฤหาสน์ของรูเดิล ในขณะที่การกระทำและความคิดของรูเดิลกำลังมีปัญหา เขาไม่ได้เป็นเด็กที่แย่อะไรมากนัก เขาเพียงชอบทำอะไรโดยที่ไม่คิดไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน ในความคิดของเขาไม่เคยคิดเรื่องที่แย่หรือเลวร้าย
เมื่อเขาไม่รู้ว่าทำอย่างไรถึงจะได้เป็นดรากูน เขาก็ได้ไปถามคนรับใช้ของเขาพอเขาฟังคำตอบนั้นเขาก็ได้นำไปปฎิบัติอย่างมุ่งมั่นทันที นั่นอาจเป็นพลังของรูเดิล แต่หากทำหน้าที่ที่ถูกต้องนั้นได้บกพร่องไปมันก็จะหลายเป็นจุดอ่อนของเขาไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ขั้นต่อไปคือการฝึกดายและศิลปะการต่อสู้ แต่นี่ . . .
“เป็นอะไรไปพ่อหนุ่ม ? เธอต้องการที่จะเป็นดรากูน แต่ยังไม่สามารถปกป้องการโจมตีนี้ นี่เธอกำลังจะทำให้ฉันหัวเราะ”
รูเดิลถูกโจมตีโดยไร้ความปราณีใดๆจากทหารผ่านศึกเก่า งานแรกของเขาคือสอนคนโง่รูเดิลฝึกดาบ
แต่ถึงอย่างนั้น รูเดิลก็ยังคงยืนอยู่กับร่างกายที่ค่อนข้างบอบช้ำ
“ดื้อจริงๆ งั้นเรามาดูกันว่าเธอจะสามารถอยู่ได้นานขนาดไหน”
อาจพูดได้ว่า มันแย่ตั้งแต่วันแรกที่เข้าฝึก เขาหายใจหอบถี่หลังจากที่ต่อสู้ได้ไม่นานนัก และเขาก็เพิ่มเสียงกรีดร้องมากับการฟันดาบ รูเดิลรู้ดีกว่านี่เป็นเพียงหนังสือเล่มแรกของการฝึกแต่มันก็สามารถทำให้เขาคลานกลับเข้าเตียงได้อย่างไม่อาย
“ดรากูนคืออัศวินที่แข็งแกร่ง…”
มันเป็นหนังสือแนะนำเกี่ยวกับ Courtois อาณาจักรแห่งดรากูนในลักษณธใกล้เคียงกับหนังสือภาพ รูเดิลอ่านดังจนคนรับใช้รอบข้างเริ่มหงุดหงิด
( ฉันจะไปนอนแล้วววว ฉันง่วงแล้ววว ไอเด็กบ้าเอ๊ยยยย!!)
เขายังไม่ทันสังเกตเห็น ความจริงที่ว่า รูเดิลที่ไม่เคยอยู่ในศีลธรรมกำลังศึกษามันอยู่อย่างตั้งใจ
เมื่อเขาอ่านเสร็จ ดวงตาของขาก็ปิดลงพร้อมกับหนังสือที่อยู่บนมือพร้อมกับความเหนื่อยล้า
“ฉันต้องเป็นดรากูน . . .”
หลังจากเขาหลับไป คนรับใช้ก็นำหนังสือที่แนบอยู่บนอกของเขาเก็บเข้าชั้นหนังสืออย่างเดิม และเขาก็เริ่มบ่น
“นายนี่มันบ้าไปแล้วว นายมันโง่จริงๆที่จะเป็นดรากูน เห้อออ ตอนนี้ ฉันก็ควรที่จะไปนอนได้แล้ว”
เหตุผลที่คนรับใช้ของเขาต้องอยู่กับเขาเป็นคนแรก ก็เผื่อเขาจะเกิดกรณีฉุกเฉินที่จะทำให้เขาไม่ได้นอน . . .