ตอนที่ 071 – ยันต์ใบใหม่
ตอนที่ 071 – ยันต์ใบใหม่
“เอ๊ะ ทำไมมันถึงลุกไหม้?” ถังเทียนกล่าวถามอย่างไร้เสียงสา
ไซ่เหล่ยตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่จะฝืนยิ้มขึ้นมา “มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า มันดูคล้ายจะยังคงมีข้อบกพร่องภายในกระบวนการอยู่”
ถังเทียนส่ายหัวของเขาขณะที่เขาคิด “ข้ารู้สึกได้ว่าแม้ว่าสมบัติดารามันจะมีจิตวิญญาณนักสู้ที่ชาญฉลาด แต่แน่นอนว่ามันมิมีทางที่พวกมันจะเปรียบเทียบได้เท่ามนุษย์ ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมท่านถึงไม่ออกแบบให้พวกมันกลายเป็นเครื่องกลที่สามารถสู้ได้ภายในสนามรบเล่า? ด้วยวิธีนี้ มันจะทรงพลังอย่างยิ่ง! มันอาจจะเป็นไปได้ที่จะช่วยเหลือมนุษย์ในการต่อสู้ พวกมันชาญฉลาดและถ้าข้ามีเครื่องกลและศาสตราวุธเช่นนี้ งั้นก็หมายความว่าข้ามีวิชาการตอสู้แตกต่างถึงสิบวิชา และมิมีผู้ใดที่สามารถต่อกรกับข้าได้!”
ไซ่เหล่ยราวกับมีอัสบาตผ่าลงมาในสมองของนาง นางยืนนิ่งราวกับเป็นไก่ไม้
ทำไมข้าถึงไม่คิดเช่นนั้นกัน!
ถูกต้องแล้วว่าจิตวิญญาณนักสู้ต่างชาญฉลาด แต่พวกมันก็ไม่สามารถเทียบได้กับมนุษย์ และสำหรับพวกมันที่ต่อสู้กับเหล่านักสู้มันก็เป็นเส้นทางที่ผิดพลาด แต่ถ้ากระบวนการของพวกมันจัดการให้เป็นการช่วยเหลือนักสู้ภายในการต่อสู้แล้วล่ะก็ มันแน่นอนว่าจะแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
มันไม่จำเป็นต้องฝึกฝน ตราบเท่าที่นักสู้สามารถใช้วิชาการต่อสู้ใส่เข้าไปใหม่ได้ ไซ่เหล่ยก็ตระหนักได้ถึงคุณค่าของมันในทันที
ในช่วงเวลานั้นแรงบันดาลใจมากมายก็ปรากฏขึ้นภายในหัวของนาง และนางขบคิดอย่างละเอียด นางพลันรู้สึกได้ว่าสิ่งประดิษฐ์ของนางสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้เลย! ความคิดอันน่าตลกนี้กระจายออกมาจากหัวของนาง แต่นางก็กลายเป็นตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
นางยืนอย่างว่างเปล่า ความคิดอันมากมายภายในหัวของนางต่างหลั่งไหลปะปนกันราวกับพายุคลั่ง
ถังเทียนพบเห็นว่าไซ่เหล่ยไม่ได้กังวลใจอันใด ก็มิได้เรียกนางและเริ่มพูดคุยกับทหารอย่างมีความสุข กระโดดโลดเต้นด้วยความปลื้มปิติ “ลุงทหาร ข้ารู้สึกได้ว่าข้ามีการพัฒนามากขึ้นในตอนนี้!”
ทหารมิได้ตอบในทันที แต่จ้องมองไปยังถังเทียนแทน “เจ้าเพิ่งจะคิดวิธีการเช่นนั้นได้งั้นหรือ?”
“ความคิดเมื่อครู่นี้?” ถังเทียนรู้สึกประหลาดใจ “โอ้ ข้าเพิ่งจะคิดอย่างเรื่อยเปื่อย อย่าบอกข้านะว่ามันไม่ควรจะทำเช่นนั้น? ลุงทหาร ท่านมิได้คิดเช่นเดียวกับข้าหรือ?”
ทหารมิได้กล่าวอันใด เพียงแค่จ้องมองไปยังถังเทียน เขามีประสบการณ์ในการต่อสู้มากมายมากกว่าถังเทียน แต่การต่อสู้ระหว่างถังเทียนและไซ่เหล่ยเขามิได้รู้สึกประหลาดใจ ภายในกองทัพกางเขนใต้ภายในอดีต พวกเขาก็รอดมาได้เช่นนั้น จุดสูงสุดของยุคสมัยเครื่องกลภายในยุคโบราณ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกลหรือจิตวิญญาณนักสู้ พวกมันทั้งสองเป็นวิธีการฝึกฝนทหารเกณฑ์ ทหารรู้สึกคุ้นเคยกับพวกมัน ทหารเกณฑ์ต่างต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้จำลองเช่นนั้นตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มฝึก มันเป็นการตุบตีที่เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่ง แต่หลังจากที่ประสบผ่านมันมามากแล้ว ทหารเกณฑ์บางคนก็มีคุณสมบัติและความสามารถที่จะเอาชัยเหนือการต่อสู้จำลองนี้ซึ่งมันแข็งแกร่งกว่าพวกเขานัก
มนุษย์มักจะชาญฉลาดกว่าเสมอ
แม้ว่าเครื่องกลทดสอบไซ่เหล่ยจะดูพิถีถิถันอย่างมาก ทหารก็มิได้รู้สึกตกใจนัก ยุคสมัยของพวกเขาต่างมีเครื่องกลเป็นคู่ฝึกอยู่แล้ว แม้ว่ามันจะหยาบกระด้าง แต่พลังทำลายมันก็แข็งแกร่งกว่ามาก และเมื่อเทียบกับมัน เครื่องกลทดสอบไซ่เหล่ยกลายเป็นของเด็กเล่นไปเลย
ทหารยังคงนิ่ง แม้ว่าชัยชนะของถังเทียน เขาจะไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ จากที่เขาได้เห็น ถังเทียนเป็นทหารที่โดดเด่น ดังนั้นเขาครอบครองคุณสมบัติพื้นฐานทั้งหมด ไม่แม้แต่จะฝึกอย่างเอื่อยเฉื่อย ไม่ใช่เพียงแค่จะไม่เอื่อยเฉื่อย แต่ยังมีความคิดที่เหนือกว่าผู้คนที่ฝึกฝนอย่างมาก และขณะที่ต่อสู้ มันจะไม่มีอาการหวาดกลัวใดๆ เขาเป็นตัวอย่างที่ดีของนักสู้อัจฉริยะ เป็นบุรุษที่บ้าคลั่งในการต่อสู้อย่างแท้จริง
เขาไม่สามารถนึกภาพออกได้เลยว่าบุคคลประเภทนี้ถูกละเลยมาเป็นปีได้เยี่ยงไร
ทหารไม่มีความเชื่อสักนิดว่าเครื่องกลทดสอบไซ่เหล่ยนั่นจะสามารถเอาชนะถังเทียนได้
ผลลัพธ์ก็ออกมาอย่างที่เขาคาดไว้ ถังเทียนได้รับชัย แต่มันเพราะคำกล่าวของถังเทียนที่ทำให้ทหารประหลาดใจ ประสบการณ์ต่อสู้ของทหารมีมากมาย และเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าคำกล่าวของถังเทียนมันมีคุณค่าอย่างน่าอัศจรรย์
บุรุษหนุ่มผู้นี้...มักจะทำให้ผู้ตกใจอยู่เสมอ...
ภายในจิตใจของทหารหมุนวนไปอย่างเรื่อยๆ ซึ่งแตกต่างจากการแสดงออกภายนอกที่ดูสงบนิ่งของเขา ภายในสายตาของเขา ถังเทียนมักจะเป็นหนุ่มน้อยที่ไร้สมองเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เป็นคนที่ไม่สามารถนับได้ถึงร้อยด้วยนิ้วมือของเขา เมื่อเขาพลันกล่าวความคิดที่เขย่าโลกเช่นนั้นออกมา ก็ทำให้ทหารรู้สึกตื่นตะลึง
เป็นไปได้หรือไม่ว่าข้าได้ดูแคลนบุรุษหนุ่มผู้นี้เสมอมา… แต่แท้จริงแล้วเขาก็ยังคงมีความฉลาดอยู่บ้าง...
ทหารเริ่มจมไปลงสู่ความสงสัยของตัวเอง
ถังเทียนคล้ายจมอยู่ในหัวของเขาด้วยคำกล่าวของลุงทหารที่บอกเขาว่าเพิ่งจะคิดได้หรือ และก็ตกอยู่ในอาการพึงพอใจในทันที “ฮ่าฮ่า สมองของบุรุษหนุ่มเทพผู้นี้ยิ่งใหญ่ราวกับมหาสมุทร”
แม้ว่ามันจะเป็นน้ำทั้งหมดก็ตาม...
ทหารพึมพำภายในหัวใจของเขา เขาตัดสินใจที่จะโยนคำถามลงไปในมหาสมุทร แน่นอนว่าถังเทียนเป็นเพียงแค่บุคคลที่มีโชคเท่านั้น มือใหม่เช่นเขามิได้รู้อะไรเกี่ยวกับการต่อสู้
“ฮ่าฮ่า! ตามที่คาดหวังกับบุรุษหนุ่มเทพ ที่ได้ช่วยเหลือข้าให้แก้ปัญหาใหญ่เช่นนี้!” เสียงของไซ่เหล่ยดังมาเบื้องหลัง ดวงตาอันยั่วยวนคู่นั้น เปล่งประกายมีชีวิตชีวาขึ้นเต็มไปด้วยความเชื่อใจ ยิ้มสวยงามไปยังถังเทียน “ข้าตัดสินใจแล้วจะมอบยันต์สองใบนี้ให้เจ้าเปล่าๆ!”
ถังเทียนรู้สึกยินดีกับตัวเองมากยิ่งขึ้น แต่ความสนใจของเขาก็ถูกดึงดูดไปยังยันต์จิตวิญญาณในทันที “พวกมันจะต้องยันต์ที่ทรงพลังแน่นอน!”
“ฮ่าฮ่า!” ไซ่เหล่ยหัวร่อออกมาเสียงดัง “โอ้ โอ้ โอ้ พวกมันจะต้องทรงพลังเหมาะสมกับบุรุษหนุ่มเทพเช่นนี้อยู่แล้ว!”
ในมือของนางถือไว้ด้วยยันต์จิตวิญญาณขั้นเงินสีขาวราวหิมะ “ในตอนแรกที่เจ้าได้กล่าวว่าต้องการวิชาบ่มเพาะปราณระดับสี่ที่มันสามารถใช้งานควบคู่กับ [ตำราปราณกระเรียน] สิ่งที่ข้าถืออยู่ในมือนี้คือ [จตุมังกรสวรรค์] มันเป็นของแท้ เป็นวิชาบ่มเพาะปราณที่ถูกส่งต่อมาจากกลุ่มดารามังกร กลุ่มดารามังกรเคยรุ่งเรืองอยู่ช่วงหนึ่ง แต่มันก็ตกต่ำค่อนข้างรวดเร็ว แทบจะเป็นเช่นเดียวกับกลุ่มดารากระเรียนสวรรค์ ข้าสามารถบอกได้เลยว่าเจ้าบ่มเพาะกายากระเรียน และแก่นแท้ของตำราปราณกระเรียนก็คือมันนั้นเอง ยามเมื่อกระเรียนแปรเปลี่ยนเป็นปราณ จนกระทั่งเจ้าบรรลุไปยังขั้นห้า มันจะปลดปล่อยขอบเขตพลังปราณอันน่ากลัว แต่ยามเมื่อเจ้าบรรลุขั้นหกและเจ้ามิได้ฝึกวิชาบ่มเพาะปราณจากนิกายกระเรียน ความแข็งแกร่งของกายากระเรียนที่ปลดปล่อยออกมาในช่วงนั้นมันจะเบาบางอย่างยิ่ง [จตุมังกรสวรรค์] เป็นเพียงวิชาระดับสี่ แต่มันเป็นวิชาบ่มเพาะปราณที่พิเศษจากกลุ่มดารามังกร จาก [เอกกะมังกรสววรค์] จนไปถึง [สัตตะมังกรสวรรค์](เจ็ด) เพื่อที่จะฝึกไปจนถึงขั้นแปด มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่จะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของประสิทธิภาพที่แท้จริง เรียกว่า [อัฎฐมังกรสวรรค์](แปด) ซึ่งมันทรงพลังอย่างมาก นอกเหนือจาก [อัฎฐมังกรสวรรค์] แต่ส่วนที่เหลือที่ทรงพลังที่สุดของวิชาบ่มเพาะปราณนี้มันคือ ปราณมังกรสวรรค์
ถังเทียนฟังอย่างตั้งใจ ปากของเขาเอ่ยตาม “ปราณมังกรสวรรค์...”
“ถูกต้อง ปราณกระเรียนแหลมคมและรุนแรง ในขณะที่ปราณมังกรสวรรค์ดุดันและบ้าคลั่ง ถ้าหากเจ้าสามารถที่จะรู้แจ้งปราณมังกรสวรรค์ ในระหว่างการเคลื่อนไหวของเจ้า พลังจะทวีคูณขึ้น รูปแบบการต่อสู้ของเจ้ามีลักษณะการรุก ถ้าหากเจ้าเพิ่มปราณมังกรสวรรค์เข้าไป ปราณจะกลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงระหว่างปราณกระเรียนและปราณมังกรสวรรค์สามารถที่จะแปรเปลี่ยนได้เพิ่มขึ้น แม้ว่าปราณมังกรสวรรค์จะยากที่ฝึกฝน แต่เจ้าก็ฝึกบ่มเพาะกายากระเรียนได้แล้ว บุรุษหนุ่มเทพ ข้าเชื่อในศักยภาพของเจ้า
ไซ่เหล่ยขยิบตาของนางให้ถังเทียน
ถังเทียนไม่แม้แต่จะถ่อมตัว เขารับยันต์จิตวิญญาณมาและระเบิดออกด้วยความมั่นใจของตัวเอง “ข้าสามารถที่จะบ่มเพาะปราณมังกรสวรรค์ได้อย่างแน่นอน!”
ไซ่เหล่ยมิได้ปิดบังความชื่นชมของนางเลย ในชั่วครู่ ยันต์อีกใบก็ปรากฏขึ้นในระหว่างนิ้วของนาง “เจ้าเป็นอัจฉริยะการต่อสู้ระยะประชิดอย่างแน่นอน แต่ข้ารู้ว่าเจ้ามีจุดอ่อน นั่นคือวิชาท่าเท้าของเจ้า เมื่อเทียบวิชาท่าเท้าของเจ้ากับวิชาฝ่ามือของเจ้าแล้ว มันค่อนข้างที่ห่างไกลกันมาก ยันต์นี้ [เพลงเตะคู่สัมพันธ์] มันเหมาะสมกับการต่อสู้ระยะประชิดเป็นอย่างมาก มันยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ใช้เพื่อเพิ่มกำลังของเจ้า การโจมตีของมันต่อเนื่องกัน และพลังที่ปลดปล่อยออกก็มีขนาดใหญ่ คล้ายคลึงกับประกายดอกไม้ไฟเมื่อใช้มันอย่างเต็มที มันมีความหมายอย่างยิ่ง ถ้าหากเจ้าบรรลุปราณมังกรสวรรค์และกระตุ้นมันไปที่วิชาท่าเท้าของเจ้ามันจะเพิ่มกำลังของเจ้าอย่างมากมายมหาศาล!”
“ฟังดูน่าสนุกนัก!” ดวงตาของถังเทียนเบิกกว้าง ยันต์สองใบนี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก
ถังเทียนเอียงคอของเขาโดยพลันและมองไปยังเครื่องกลทดสอบไซ่เหล่ย ซึ่งมันถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นก็หันมากล่าวถามนาง “ไซ่เหล่ยท่านจะสร้างมันขึ้นมาใหม่หรือไม่?”
ไซ่เหล่ยเหยียดมือของนางออก “ข้าจะต้องคิดให้สมบูรณ์ก่อนเป็นอันดับแรก เหล็กดำมันดูใช้ได้ แต่สมบัติดาราไม่ใช่ สมบัติดารามันมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป ข้าจะใช้เพียงยันต์ระดับต่ำในตอนนี้ กระบวนการนี้ยิ่งใช้ยันต์ระดับสูงเท่าใดมันก็ยิ่งต้องใช้สมบัติระดับสูงเช่นกัน มันมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก และข้าจะต้องประหยัดไว้ก่อนที่จะทำมันอีกครา”
ถังเทียนขบคิดอยู่ชั่วครู่และกระบี่ก็ปรากฏขึ้นภายในมือของเขา ซึ่งเขาได้มอบมันให้กับไซ่เหล่ย “สมบัติชิ้นนี้สำหรับท่าน ข้าไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่ ดังนั้นมันจึงไร้ค่าเมื่ออยู่ในมือของข้า มันจะดีกว่าถ้าให้ท่านเพื่อสร้างเครื่องกลทดสอบอันใหม่อีกครั้ง”
ไซ่เหล่ยไม่แม้แต่จะเสแสร้งอันใดและรับกระบี่มาอย่างสงบนิ่ง รอยยิ้มยั่วเย้าปรากฏบนใบหน้าของนาง “โฮะโฮะ หนุ่มน้อย เจ้าช่างร่ำรวยเงินทองเสียจริง ยามเมื่อเจ้าเปิดเผยเช่นนี้ แล้วมันก็เป็นสมบัติดาราด้วยแล้ว ดังนั้นหนุ่มฟุ่มเฟื่อยเช่นเจ้าก็ได้หัวใจของพี่สาวผู้นี้แล้ว พี่สาวผู้นี้บูชาเงินทองเป็นที่สุด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุรุษผู้ร่ำรวย แม้ว่าเจ้าจะยังเด็กไปกว่าข้านิดหน่อย ทำไมเจ้าไม่รับพี่สาวไว้พิจารณาเล่า? พี่สาวจะดูแลเจ้าอย่างอ่อนโยนและห่วงใย…”
ขณะที่นางรับกระบี่มาและตรวจสอบอย่างตั้งใจ นางก็อดมิได้ที่จะแสดงความประหลาดใจ “นี่ กระบี่ไหมกระต่าย สมบัติดาราขั้นทองแดงจากกลุ่มดารากระต่ายป่า นี่มันเป็นคราแรกที่ข้าเคยพบเห็นมัน”
“ข้าเพิ่งจะได้มันมาจากการเอาชนะผู้คนมา พวกเขาไถ่ถอนตัวพวกเขาด้วยสิ่งนี้ และมันมีเด็กสาวผู้ที่ไม่ได้นำแก่นจิตวิญญาณมา ดังนั้นข้าจึงเอากระบี่เล่มนี้มา” ถังเทียนมิได้ใส่ใจมัน
ไซ่เหล่ยดูคล้ายกังวลใจ พลันตระหนักได้ว่า “ข้ารู้แล้วมันเป็นของผู้ใด! ฮี่ฮี่ หนุ่มน้อย ทำไมเจ้าไม่ลองหาโอกาสอีกคราและปล้นจากพวกเขาอีกรอบเล่า? พวกเขามีสิ่งของที่ดีมากมายบนตัวพวกเขา!”
ดวงตาของไซ่เหล่ยเปล่งประกาย ราวกับมีดวงดารามากมายอยู่ในนั้น ถังเทียนรู้สึกหนาวยะเยือก แต่ก็ส่ายหัวของเขาในทันที “พวกเราได้แก้ไขข้อพิพาทเรียบร้อยหมดแล้ว เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะมาล่วงเกินข้าอีกครา ข้าก็จะไม่อาสาที่จะทำเรื่องเลวร้าย”
ใบหน้าของไซ่เหล่ยเต็มไปด้วยความเศร้าใจ
ทหารพลันกล่าว “เจ้ามีตำราประวัติที่เกี่ยวข้องกับประวัติของเมืองไตรวิญญาณหรือไม่?”
“เจ้าสนใจในเมืองไตรวิญญาณ?” ไซ่เหล่ยรู้สึกทึ่ง “เมืองไตรวิญญาณไม่ถือว่าเป็นเมืองใหญ่ภายในดินแดนจิตวิญญาณ ประวัติของมันแทบจะไม่เกินหนึ่งพันปี”
“ดินแดนจิตวิญญาณ?” ทหารพลันกระตือรือร้นเมื่อได้ยินสองคำนี้
“เจ้าไม่รู้แม้กระทั่งดินแดนจิตวิญญาณคืออะไรงั้นหรือ? พวกเจ้ามาจากที่ใดกันแน่!?” ไซ่เหล่ยมีความประหลาดใจภายในดวงตาของนาง แต่รวดเร็วนางก็ขมวดคิ้วของนางและขบคิด “เจ้าเพียงเดินไปยังตะวันตก มันจะมีหอตำราเล็กๆอยู่ ภายในมีตำราที่เกี่ยวข้องอยู่ ภายในตำรามีคำแนะนำและรายละเอียดอย่างมาก กล่าวตามจริง ข้าสนใจเพียงหุ่นโบราณเท่านั้น”
“ขอบคุณ!” ทหารหันร่างของเขาและจากไป
ถังเทียนก็เตรียมพร้อมที่จะจากไปเช่นกัน ขณะที่เขาได้ยินไซ่เหล่ยพลันกล่าวจากเบื้องหลัง “นี่ บุรุษหนุ่มเทพ ภายในสองสามเดือน อย่าได้ลืมมาดูผลงานใหม่ของข้าล่ะ!”
จิตวิญญาณของถังเทียนลุกโชติยามเมื่อเขาได้ยินและตะโกนกลับไป “ถ้างั้นถือว่าเป็นคำสัญญา! สตรีสาวเทพ ท่านจะต้องทำให้ดีที่สุด!” มันเป็นความคาดหวังที่น่ารอคอย สิ่งแปลกประหลาดเช่นใดกันที่ไซ่เหล่ยจะสร้างมันขึ้นมากัน?
เมื่อกล่าวเสร็จ ถังเทียนก็โบกมือให้ไซ่เหล่ย กระโดดขึ้นกลไกกระจอกเทศทองสัมฤทธิ์และจากไป
“สตรีสาวเทพ…” ไซ่เหล่ยจ้องมองอย่างว่างเปล่า รอยยิ้มของนางปรากฏขึ้น “ช่างเป็นสหายที่น่าสนใจนัก โอ้ ดูคล้ายว่าเขาจะร่ำรวยอย่างยิ่ง และในเมื่อข้ามิสามารถจะหาสามีร่ำรวยได้ งั้นข้าจะจัดการกับผู้อุปถัมภ์ผู้นี้… ไซ่เหล่ยกับผู้อุปถัมภ์! อา มันฟังดูดีอย่างยิ่ง!”
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ