บทที่ 23: ประลองคัดเลือก
บทที่ 23: ประลองคัดเลือก
ยามเที่ยง,วันต่อมา
ดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้นบนท้องฟ้า
ซูหยุนทำความสะอาดล้างรูปแบบที่เขาสร้างขึ้นและย้ายเตาผลึกธรรมชาติกลับเข้าไปในแหวนมิติของเขา เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดและเดินออกประตูไป
ตามถนนสีทองแดง,มองเห็นผู้คนในตระกูลจำนวนมากพวกเขาเดินไปด้วยกัน
พวกเขาเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักภายนอกสวมชุดเรียบร้อย มีกระบี่มากมายบ้างก็จับอยู่ในมือบ้างก็กำด้ามจับของพวกเขา ทุกคนดูตื่นเต้นมาก
พ่อแม่บอกกับลูกๆของตนว่าการจัดอันดับไม่สำคัญ แต่ใครจะเชื่อ? ทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญและจะสู้ด้วยทุกอย่างที่มีในการประลอง
เนื่องจากพ่อแม่ไม่สามารถเข้ามาได้ผู้คนจึงเริ่มคลานออกนอกลานกว้า ตารางการประลองเปิดให้เฉพาะลูกศิษย์ของตระกูลซูเท่านั้น
"ข้าพเจ้าไม่อยากพลาดโอกาสนี้ของข้า พรสวรรค์ของข้าพเจ้าต่อยต่ำข้าพเจ้าไม่สามารถทลวงผ่านเขตแดนผลิวิญญาณก่อนอายุยี่สิบปี ข้าขอภาวณาขอให้เข้าถึงอันดับสูงสุดสองร้อยอันดับแรก! ข้าจะไม่ขออะไรมากแค่อยากจะมีคุณสมบัติในการจัดอันดับ "
"ข้าพเจ้าไม่ต้องการล้มเหลวสำหรับบรรพบุรุษของข้า นั่นคือเหตุผลที่ข้าพเจ้าต้องได้รับการเข้าร่วมสำนักภายใน "
"ข้าพเจ้ากำลังมองหาสถานที่ที่ดี พระเจ้าทรงเมตตา!"ศิษย์บางคนอ้อนวอนพระเจ้า
ซูหยุนกวาดสายมองผ่านลานกว้าง เขาเห็นคนจำนวนมากสวมเสื้อผ้าหรูหรานั่งอยู่นอกเวที ชายหญิงเหล่านี้แต่ละคนติดตั้งอาวุธวิเศษ
คนเหล่านี้เป็นศิษย์ภายในที่เข้าร่วมในการประลอง
พวกเขามีประมาณหนึ่งร้อยคน หากแม้นคิดดีๆมีจำนวนไม่มากแต่ทว่าศิษน์เหล่านี้ได้รับการรับรองว่าสามารถเข้าสองร้อยอันดับแรกของการประลองได้
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับศิษย์สำนักภายนอกคือการเผชิญหน้ากับศิษย์สำนักภายในในการประลองเพราะพวกเขาแทบจะมั่นใจได้ว่าแพ้
"อ่า? ดูนั่นใช่ซูหยุนหรือเปล่า? "
"เขามาที่นี่ทำไม? หรือว่า ... เขาจะเข้าร่วมการแจ่งขัน? "
"ไม่มีทาง? เขากล้ามากที่จะเข้าร่วมในการประลองครั้งนี้? ไม่ใช่ว่าเขาถูกขับออกจากสำภายในและทิ้งไว้นอกสำนักหรือ? "
"ผู้ชายคนนี้คิดจะทำอะไร? เขาช่างไร้ยางอายนัก "
ศิษย์ชายและหญิงหลายคนก็กระซิบกัน
อย่างไรก็ตามเหล่าสาวกเริ่มหันหน้าหนีไป ถึงแม้ว่าการปรากฏตัวของซูหยุนจะเป็นหัวข้อในการพูดคุยกันบ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยสนใจซูหยุน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้ความสนใจกับการประลอง
"พี่ใหญ่ซู!"
ซูหยุนหันไปรอบ ๆมองไปทิศทางของเสียงเรียก
เขารู้สึกประหลาดใจที่พบชายหนุ่มและหญิงสาววิ่งเหยาะๆมาทางเขา
ชายหนุ่มและหญิงสวมเสื้อผ้าธรรมดา แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ดูดี โดยเฉพาะหญิงสาวที่มีผิวนุ่มสีของข้าวสาลีผมสีหมึกเข้มถักเป็นหางม้าและดวงตาสีเข้มสดใส หญิงสาวมีผิวขาวสามารถมองเห็นได้ชัด
"ซินเอียว และ ซินหยาง?"
ศิษน์สองคนนี้มาจากสำนักภายนอกของตระกูลซูและพวกเขาเป็นพี่น้องกัน ในอดีตพ่อแม่ของพวกเขาเสียชีวิตและกลายเป็นเด็กกำพร้า ซูหยุน ได้พบกับพวกเขาในเวลานั้นและตัดสินใจช่วยเหลือพวกเขาโดยการให้ที่พักพิงแก่พวกเขาเนื่องจากในเวลานั้นเขายังอยู่ในสำนักภายใน
สมัยนั้นพี่น้องคู่นี้โชคดีมากที่ได้รับงานบางอย่างที่สำนักภายในแทนที่จะต้องทนทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวในสำนักภายนอก ครอบครัวอื่นๆในสำนักภายในไม่ยากจนถึงแม้จะไม่ได้รับความสะดวกพวกเขาก็ได้รับค่าตอบแทนเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามโชคของพวกเขาไม่ได้มีตลอด ต่อมาซินเอียวได้ทำปิ่นวิญญาณล้ำค่าจากคลังสูญหายซึ่งเป็นสมบัติหนึ่งในผู้อาวุโสหญิง แม้ว่าการสืบสวนจะพบผู้กระทำผิดในเรื่องนี้เมื่อพวกเขาไม่สามารถระบุตัวตนของตัวเองได้ แต่สาวใช้ของตระกูลซูยังกล่าวโทษซินเอียว ซินเอียวกลัวและทำให้หัวหน้าพ่อบ้านโกรธมาก ซินหยางพยายามที่จะขอความเมตตา แต่ก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะไร้ความหวังซูหยุนก็ปรากฏตัวและสอบถามหัวหน้าพ่อบ้านเพื่อยกฟ้องข้อกล่าวหา ในเวลานี้ซูหยุนสูญเสียความสามารถของเขามาสามปีแล้วและหลายคนเชื่อว่าเขาต้องใช้เวลาที่จะฟื้นความสามารถของเขาได้ ด้วยเหตุนี้หัวหน้าพ่อบ้านจึงยกเลิกข้อกล่าวหาเพื่อหลีกเลี่ยงการขุ่นเคืองของตนเอง
ในความเป็นจริงซูหยุนเพียงแค่อยากจะช่วยเพราะเขาอยู่ในอารมณ์ที่ดีในเวลานั้น ในเวลานั้นเขาเพิ่งมาจากการบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขาและบัดนี้ก็ยิ่งมีความสุขมากกว่าที่เขาสามารถฟื้นความสามารถของเขาได้ พี่น้องทั้งสองคนนี้รู้สึกติดหนี้บุญคุณซูหยุนตลอดมา ดังนั้นเมื่อเห็นเขาผ่านลานกว้างพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะพูดกับเขาเล็กน้อย
หลังจากผ่านช่วงเวลานั้นมาพรสวรรค์ของเขาได้หายไปมันไม่สำคัญ อย่างไรก็ตามความเมตตาที่เขามีให้พวกเขาไม่เคยลืม
ซูหยุนเล่าว่าหลังจากที่เขาถูกขับออกจากสำนักภายในเขาไม่ได้ทำงาน เขาเพียง แต่พึ่งพาชิงเอ๋อยอมทนใช้เงินที่น้อยนิดเพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ได้ ถึงแม้เงินของนางจะมีจำกัด เมื่อเขามีเงินไม่พอซื้อข้าวกินซินเอียวและซินหยางช่วยให้เขาได้รับอาหารฟรี
หลังจากที่เขาตัดความสัมพันธ์พันออกจากตระกูลซูเขาไม่เคยเห็นสองคนนี้อีกเลย
เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยที่น่ารักคนนั้นได้กลายเป็นสาวสวยและชายหนุ่มก็หล่อเหลาหัวใจของเขาถูกโยนลงไปในคลื่นเล็กๆ
คนที่รู้จักตอบแทนบุญเป็นคนที่สมควรได้รับการเรียกว่าเพื่อนในหัวใจของซูหยุน
เด็กสาว,ซินเอียววิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดอยู่ตรงหน้าซูหยุน นางจ้องซูหยุนด้วยดวงตาสีดำของนางและตรวจสอบซูหยุนจากบนลงล่าง "พี่ใหญ่ซูท่านสบายดีไหม? พวกเราเป็นห่วงท่านจริงๆ! "
"หืม? มีอะไร?"
"เรื่องที่ท่านถูกขับออกจากตระกูล ... คือว่า ... ก็ท่านออกไปทำภารกิจข้างนอกและหายตัวไปเป็นเดือน ท่านเพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้ข้าเลยไปหาท่าน แต่ประตูถูกล็อคเมื่อข้าเคาะประตูก็ไม่มีใครตอบเลย แต่ตอนนี้ข้าเจอพี่ซูหยุนแล้วและยังมีชีวิตอยู่ข้าจึงโล่งใจ! "
"เจ้ากังวลว่าข้าจะเจออันตราย "
"ใช่พี่ซูหยุน แม้ว่าคำพูดจะดูน่ารำคาญแต่เราก็ยังเป็นห่วงท่านจริงๆ "
ชายหนุ่มผิวคล้ำชื่อซินหยางเดินเข้ามาพูดด้วยเสียงที่แหบเล็กน้อย
ซินเอียวไม่กล้าพูดถึงเรื่องที่ซูหยุนถูกขับออกจากสำนักภายในเพราะกลัวว่าซูหยุนจะไม่สบายใจ อย่างไรก็ตามพี่ชายของนางเพียงแค่โพล่งคำที่ออกมาจากหัวของเขาเท่านั้น
"เรื่องเล็กน้อย? ฮ่า ๆ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรพวกเจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ "
"พี่ซูหยุนท่านตั้งใจจะเข้าร่วมการประลองจริงๆหรือ?"
"ใช่"
"แต่ท่าน... ท่านแค่ระดับพื้นฐานวิญญาณขั้นที่หก?"
"อ่า!!ใช่! พี่ซูหยุนระดับการบ่มเพาะแค่ขั้นที่หก,หากท่านเข้าาร่วมการประลองท่านจะถูกทำร้าย! ข้าคิดว่าท่านควรกลับบ้านทิ้งการแข่งขันครั้งนี้! "
"คนโง่,นี่ท่สนกำลังพูดอะไร?"
ซินเอียวไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และแตะที่เข่าซินหยาง
ซินหยางรู้สึกปวดทั่วเข่าของเขาทันทีและลูบมันอย่างรวดเร็ว เขาใช้เวลาสักพักเพื่อรวบรวมตัวเองและขอโทษ "พี่ซูหยุน - ข้าไม่ได้หมายความว่า..ข้าหมายความว่า ... เอ่อ ... ข้า ... "
ซูหยุนรู้ถึงความตั้งใจของ ซินหยาง ดี ซูหยุนไม่โกรธและกล่าวอย่างยอมรับว่า "ข้าไม่ได้อยู่ที่เขตแดนพื้นฐานวิญญาณขั้นที่หกอีกแล้ว"
"การบ่มเพาะจิตวิญญาณตอนนี้ไม่ได้อยู่ขั้นที่หกอีกแล้ว?" สองพี่น้องกระพริบตาจ้องมองกันและกัน พวกเขารู้สึกถึงพลังวิญญาณที่ซูหยุนมี
ซูหยุนเจตนาซ่อนกลิ่นอายวิญญาณของเขาไว้
หลังจากที่ทั้งสองรู้สึกถึงกลิ่นอายที่แท้จริงแล้วพวกเขาก็ตกใจ
"กลิ่นอายที่อัดแน่นของเขตแดนพื้นฐานวิญญาณ" ซินหยาง พูดไม่ออก
"พี่ซูหยุนท่าน ...ท่านสามารถสร้างความก้าวหน้าได้?" ซินเอียวร้องไห้ราวกับว่าเป็นตัวนางเอง
"ดูนี่สิ ดูเหมือนว่ากลิ่นอายนี้มีมากกว่าขั้นที่เจ็ดของระดับพื้นฐานวิญญาณซะอีก!ข้างงไปหมดแล้ว ... ดูเหมือนท่านจะมีโอกาสทลวงผ่านขั้นที่แปดเขตแดนพื้นฐานวิญญาณ! พี่ใหญ่ซูหยุนความสามารถของท่านในที่สุดก็กลับมา! "
เมื่อดูทั้งสองคนยิ้มให้กับความสำเร็จช่วยไม่ได้ที่หัวใจเขารู้สึกอบอุ่น
บางทียกเว้น ชิงเอ๋อ ในโลกนี้ไม่มีใครสนใจเขาจริงๆ
"ด้วยการบ่มเพาะขั้นที่แปดพวกเราสามารถก้าวเข้าสู่สองร้อยอันดับแรกได้ แล้วพวกเราจะเข้าสู่สำนักภายในของตระกูลซู! พี่ซูหยุนตอนนี้ท่านมีโอกาสกอบกู้เกียรติยศในอดีตของท่านแล้ว"
"ไม่ต้องห่วงเราจะสามารถเข้าสู่การจัดอันดับสองร้อยอันดับแรกได้อย่างแน่นอน" ตอนนั้นซินหยางชูกำปั้นขึ้นมาและสาบานว่าจะเข้าสู่การจัดอันดับ
"ข้าหวังว่าเราคงจะไม่เจอกับศิษย์ภายในของตระกูลซู!" ซินเอียวปิดตาของนางแล้วอธิษฐานเงียบ ๆ
เป้ง! เป้ง!
ในเวลานั้นเสียงระฆังดังมาจากสนามกลาง
ตาของทุกคนหันมองไปที่เขตศูนย์กลางของการประลอง