ตอนที่ 057 – ฝึกโดนทุบตี
ตอนที่ 057 – ฝึกโดนทุบตี
[คั่นหนังสือ : ขอเปลี่ยนคำเรียกหา ‘คุณชายข่ง’ เป็น ‘ใต้เท้าข่ง’ นะครับ เนื่องจากเริ่มแรกท่านเจ้าเมืองเรียก ‘ข่งเซียนเซิง’ เพียงแค่ครั้งเดียวครับ นอกจากนั้นก็เป็น ‘ข่งต้าเหริน’ หมด ขอไม่แก้ในตอนก่อนหน้านะครับ แต่เปลี่ยนมาแก้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปนะครับ]
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
ถังเทียนเป็นเหมือนเป้าล่อที่ดวงแสงนับไม่ถ้วนเคลื่อนที่อย่างไม่ครั่นคร้าม คลื่นแล้วคลื่นเล่า กระแทกร่างของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน พลังของดวงแสงสมบูรณ์แบบจนทำให้ถังเทียนได้รับประสบการณ์ของความเจ็บปวด แต่มันก็ไม่มากเพียงพอที่จะทำให้เขาสลบไสลในทันที
ทหารผู้ซึ่งอยู่ภายในอากาศ ด้วยเหตุผลอันใดก็มิทราบน้ำเสียงของเขา มันฟังดูเหมือนเยือกเย็นและเหี้ยมโหด
“จดจ่อกับพื้นที่การป้องกันของเจ้า เจ้าร่ำเรียนวิชาการต่อสู้แตกต่างกันมามิใช่หรือ? วิชาการต่อสู้บางอันควรที่จะใช้โจมตี และบางอันควรจะใช้ป้องกัน”
“ใช่แล้ว เจ้าไม่สามารถที่จะป้องกันการโจมตีทั้งหมดได้ แต่มันมิได้หมายความว่าเจ้าจะต้องหยุดป้องกันจริงหรือไม่? เจ้าควรจะใช้พลังของเจ้าทั้งหมด ศักยภาพของเจ้าทั้งหมด และปัดป้องเพียงการโจมตีเล็กน้อย และเจ้าก็จะปัดป้องได้มากขึ้น ยิ่งเจ้าป้องกันมากเท่าไหร่ เจ้าก็จะทนทานรับการโจมตีได้เท่านั้น โอกาสรอดของเจ้าก็จะสูงขึ้น”
“ให้ข้าได้เตือนเจ้า ในช่วงเวลาวิกฤติของกองทัพกางเขนใต้ในเวลานั้น ปกติแล้วทุกๆเดือนจะมีผู้คนตายตกถึงหกคน ในความจริงที่ว่าพวกเขาต่างใช้ออกการโจมตีมากไป”
น้ำเสียงไร้อารมณ์และเลือดเย็นของทหารดังเข้าหูของถังเทียน นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาภายในค่ายทหารเกณฑ์นี้ ทหารก็กลับกลายเป็นมีความเป็นมนุษย์ยิ่งขึ้น เลือดเย็นและไร้อารมณ์
ถังเทียนขบฟันของเขาขณะที่เขาอดกลั้นฝืนทน เขามิมีโอกาสที่จะตอบคำเลย ดวงแสงเบื้องหน้าของเขาหนาแน่นนัก ดวงแสงหลั่งไหลเข้ามาพร้อมกัน ทำให้มันดูราวกับมันพายุที่กำลังเติบโตขึ้นปกคลุมเบื้องหน้าของเขา ถังเทียนตระหนักได้ว่าหมัดจุลวินาศและฝ่ามือไร้เงาต่างไร้ค่าในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าหมัดจุลวินาศจะรุนแรงและทรงพลัง ความเร็วของการโจมตีมันก็ช้านัก และแม้ว่าฝ่ามือไร้เงาจะสามารถปกคลุมพื้นที่กว้างได้ เหล่าฝ่ามือไร้เงามันก็ไม่สามารถควบคุมและไม่สามารถปกป้องเขาจากอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มันน่าจะดีกว่าที่จะใช้ออกกรงเล็บเหยี่ยว
ดวงแสงต่างมีขนาดเท่ากำปั้น มันน่าจะดีกว่าที่จะใช้ออกกรงเล็บเหยี่ยวขณะที่มันสามารถคว้าจับพวกมันได้อย่างดี จุดสำคัญคือกรงเล็บเหยี่ยวที่ใช้ออกการโจมตีออกไปมันมีความเร็วเป็นอย่างยิ่ง
ท่ามกลางแสงระยิบระยับ ถังเทียนมุ่งมั่นจดจ่ออย่างมิเคยเป็นมาก่อน เขาไม่กล้าที่จะเสียสมาธิเลย สิ่งใดที่ทำให้เขาวอกแวกและมันคงจะทำให้เขามีจุดจบที่เลวร้าย ก่อนหน้านี้ ถังเทียนวอกแวกเพียงเล็กน้อยและเขาก็ถูกกระแทกด้วยดวงแสงไปบนจมูกของเขาซึ่งมันยังคงมีเลือดไหลอยู่
ยามเมื่อจุดเปราะบางอย่างจมูกถูกโจมตี ถังเทียนก็ดูเหมือนสูญเสียกำลังของเขาทั้งหมดในการป้องกัน ร่างของเขาแบกรับการโจมตีสามสิบครั้งถ้วนก่อนที่เขาจะฟื้นคืนสติกลับมา
หลังจากนั้น สังเกตเห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่าถังเทียนปกป้องจุดสำคัญของเขาได้ดีขึ้น
กรงเล็บทั้งคู่ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง ในค่ายเกณฑ์นี้พวกมันก่อตัวเป็นดั่งม่านเพลิงยามเมื่อดวงแดงกระแทกไปยังที่ม่านเพลิงพวกมันก็ระเบิดกระเด็นออกไป
แต่ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของดวงแสงก็สามารถทะลวงผ่านเข้าไปภายในการป้องกันของถังเทียน พวกมันกระแทกร่างของเขา ในขณะนี้กายากระเรียนภายในถังเทียนก็โคจรขึ้นด้วยตัวเอง ช่วยขจัดมากกว่าครึ่งของความเสียหาย แต่มันก็ยังคงทำให้มีรอยช้ำอยู่
ถังเทียนปัดป้องการโจมตีอย่างเหนียวแน่น ขณะที่เขาค่อยๆจับเคล็ดลับมันได้ ขณะที่เขาปัดป้องดวงแสง หากเขาเพิ่มพลังมากยิ่งขึ้น มันจะสามารถสะท้อนกลับด้วยความเร็วยิ่งขึ้น และมันก็กระแทกดวงแสงสองสามดวงที่เข้ามากระเด็นออกไป
ตามที่คาดไว้ วิธีของถังเทียนมีผลเป็นอย่างยิ่ง เหล่าดวงแสงที่ถูกสะท้อนกลับไปกระแทกไปยังดวงแสงอันอื่นที่กำลังพุ่งเข้ามา และความเครียดของถังเทียนก็ลดน้อยลง
“ไม่เลว ที่คิดคำนวณถึงวิธีการที่ถูกต้อง” น้ำเสียงเยือกเย็นของทหารค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น
ทหารเงยหน้าของเขาขึ้นพลางมองไปยังดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวบนท้องฟ้า “อดกลั้นจนกว่าดวงตะวันจะขึ้น แล้วเจ้าจะสามารถพักได้ แต่เจ้าจะต้องจดจำไว้ว่า ขณะที่เข้าใกล้ตอนเที่ยงวัน ความกดดันที่เจ้าจะได้เผชิญจะยิ่งมากและมากยิ่งขึ้น”
น้ำเสียงเลือดเย็นและเย็นเฉียบดังก้องภายในสถานที่ป่าเถื่อนนี้
“นี่คือความหมายที่กล่าวกันว่า ‘ภายใต้ความมืดมิดมักมีแสงสว่างอยู่เสมอ!’”
[คั่นหนังสือ : ต้นฉบับอังกฤษ ‘Darkness come before the dawn’ เป็นสำนวนความหมายประมาณว่า ‘ยังคงมีความหวังภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้าย’ เลยขอใช้สำนวนนั่นแทนนะครับ]
ขณะที่ถังเทียนสาปแช่งภายในใจของเขา “บัดซบ เจ้าทหารโฉด ความมืดมิดอันใดกัน…”
เขาไม่กล้าที่จะเสียสมาธิ ความเร็วของกรงเล็บเหยี่ยวก็เพิ่มขึ้น แต่ละกรงเล็บส่งเสียงกรีดแหลมเต็มไปในอากาศ
การเปลี่ยนแปลงของทหารเห็นได้อย่างชัดเจน เจ้าสารเลวตัวนี้ดูคล้ายจะโง่เขลาในก่อนหน้านี้ แต่เขาก็มิได้ใช้อารมณ์ในการโจมตี กลิ่นอายแห่งอันโหดร้ายและตื่นเต้นในตอนนี้มาจากที่ใดกัน? นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาภายในค่ายทหารเกณฑ์นี้ ทหารก็เปลี่ยนแปลงกลายเป็นอีกบุคคลหนึ่ง แม้ว่าเขาจะยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น และมักจะอยู่ในอาการงุนงง การกระทำของเขาก็เต็มไปด้วยบางอย่างที่ถังเทียนมิสามารถอธิบายได้ มันราวกับเขาได้พบจุดหมายของเขา
ถังเทียนรู้สึกสับสน แต่เขาก็มิมีเวลาที่จะขบคิดถึงมัน เนื่องจากการโจมตีเข้ามายังเขาและมันก็มากมายอย่างบ้าคลั่ง
มันเป็นดั่งเช่นที่ทหารได้กล่าวไว้ว่ามันจะยากลำบากยิ่งขึ้น...
ถังเทียนขบฟันของเขาแน่น ดวงตาเบิกกว้าง ขณะที่เขาใช้กำลังของเขาทั้งหมดที่จะใช้ออกความเร็วของกรงเล็บของเขาอย่างน่าทึ่งซึ่งมันปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง มีเพียงสิ่งนี้ที่เขาจะยืนหยัดอดทนต่อการโจมตีของดวงแสงได้
แต่จำนวนของดวงแสงก็พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้น ความกดดันของถังเทียนก็กลับกลายเป็นมากยิ่งขึ้น ยามเมื่อถังเทียนมิอาจจะทนทานได้อีก การป้องกันของเขาก็พังทลาย และดวงแสงนับไม่ถ้วนก็กระแทกเขาราวกับพิรุณโปรยปราย เขาร้องออกมาเสียงดังและกระเด็นออกไปไกล
ถังเทียนผู้ที่ซึ่งจมอยู่ในความยุ่งเหยิงและวุ่นวายของจำนวนดวงแสงที่โจมตีเขาอยู่ มิได้สนใจเลยว่าปราณแท้จริงของเขามีการเปลี่ยนแปลง
กายากระเรียนตัวแรกมิอาจทนทานรับไหวได้อีกต่อไป มันพังทลายจนเกิดเสียงดัง ยามเมื่อกายากระเรียนตัวที่สองรู้สึกอันตราย มันก็โคจรอย่างช้าๆ ซึมซับพลังของดวงแสงอย่างไม่หยุดหย่อน!
ทหารผู้ที่ซึ่งอยู่ภายในอากาศพึมพำ “เพื่อที่จะฝึกนรกประเภทนี้ในขั้นสาม แท้จริงแล้วเขาเป็นสัตว์ประหลาดประเภทใดกัน?”
ภายในคำกล่าวของเขาปรากฏร่องรอยของความตื่นเต้นและความหวาดผวา
เป็นไปได้หรือไม่ว่าจิตวิญญาณขุนพลได้ค้นพบวิญญาณของเขาแล้ว?
ดวงตะวันเริ่มขึ้นพาดผาดขอบฟ้าและความเร็วของดวงแสงก็ค่อยๆเริ่มช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
ตุบ
ถังเทียนผู้ซึ่งกำลังมึนงง ก็ล้มลงไปกับพื้น และจมสู่นิทรา
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
มิมีผู้ใดสนใจถังเทียนอีกต่อไป ใต้เท้าข่งนึกถึงถังเทียนที่ได้ทำลายสนามแห่งข้อบกพร่องซึ่งเป็นไปได้สูงว่าเขามีเส้นชีพจรโลหิตพิเศษ มันสามารถอธิบายได้เช่นเดียวกันว่าทำไมถังเทียนถึงมีพรสวรรค์ที่ย่ำแย่ แต่เขาก็ยังมีความสามารถ เส้นชีพจรโลหิตพิเศษของนักสู้มักจะมีพลังอยู่เสมอ แต่พลังของเส้นชีพจรโลหิตนั้นแปลกประหลาด มันมิสามารถที่กระตุ้นด้วยพลังสามัญธรรมดา
ใต้เท้าข่งใช้เวลาและความพยายามเป็นอย่างมากกับสนามแห่งข้อบกพร่องนี้ ถ้าเขาจะต้องจ่ายสำหรับเรื่องนี้ และได้พบเจอพรสวรรค์อันหายากเป็นการตอบแทน ใต้เท้าข่งก็คงจะมิได้ใส่ใจนัก แต่สนามแห่งข้อบกพร่องกับถูกทำลายลงเพียงเพื่อได้นักสู้เส้นชีพจรโลหิตพิเศษ หัวใจของใต้เท้าข่งก็แตกสลาย
เขาจมอยู่ในความคิดของเขาว่าควรที่จะสร้างสนามแห่งข้อบกพร่องอันเรียบง่าย หรือจะสร้างสนามแห่งข้อบกพร่องที่หรูหรายิ่งกว่านี้ดี?
ด้วยความนับถือต่อผู้อาวุโส พวกเขามิได้สนใจเกี่ยวกับถังเทียน อาโม่หลี่และที่เหลือต่างคาดคิดว่าถังเทียนอยู่ภายใต้การฝึกพิเศษและมิมีผู้ใดที่คิดจะรบกวนเขา ในทางตรงกันข้าม ทุกคนต่างมีแรงกระตุ้น ถังเทียนได้ใช้สนามแห่งข้อบกพร่องพิสูจน์ตัวเองแล้ว และพวกเขามิอาจจะล้าหลังได้
การเดินทางสงบราบเรียบ
ภายในรถม้าของสมาคมนักสู้แห่งแสง มิมีใครกล้าที่จะวางแผนสิ่งใดๆ
หลังจากการเดินทางไกลและยากลำบาก พวกเขาก็เหินบินมามากกว่าสองเดือนเต็มก่อนที่พวกเขาจะมาถึงภูเขากลุ่มดาราอมตะในที่สุด
ยามเมื่อรถหยุดลง ทุกคนต่างมีความสุข พวกเขาได้อยู่ภายในรถม้ามากว่าสองเดือนและทุกคนต่างรู้สึกเบื่อหน่าย
ปัง!
ถังเทียนกระแทกไปบนประตูด้วยกำลังของเขาและโห่ร้องด้วยความสุข “พื้นฐานถัง! พื้นฐานถัง! เร็วเข้า ออกมาเถอะ! พวกเรามาถึงแล้ว!”
ประตูเปิดออก ถังเทียนมีอาการหน้าซีดและมึนงงอยู่ เขาก็เอ่ยปาก “พวกเรามาถึงภูเขากลุ่มดาราอมตะแล้วงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง พวกเรามาถึงแล้ว!” อาโม่หลี่มองอย่างเป็นกังวล “พื้นฐานถังเทียน เจ้าดูไม่ดีนัก เจ้าไม่สบายงั้นหรือ?”
“ข้ามิเป็นไร ข้าเพิ่งจะผ่านการฝึกมาอย่างหนักยิ่ง ข้าต้องการพักผ่อน” ภายในใจถังเทียนรู้สึกอบอุ่นและเขาก็บังคับยิ้มออกบนใบหน้าของเขา
ร่างของถังเทียนปกคลุมไปด้วยรอยฟกช้ำ การฝึกของทหารมันช่างโหดร้ายอย่างยิ่ง แต่ละวันถังเทียนบาดเจ็บอย่างหนัก ถ้ามิใช่เพราะยางพอกของราชินีต่อภายในมือของเขาแล้วล่ะก็ เขาคงอาจจะบาดเจ็บสาหัสอยู่ในตอนนี้ก็ได้ ตั้งแต่ที่ค่ายทหารเกณฑ์ของทหารเปิดออก ถังเทียนก็เข้าไปยังในประตูกางเขนเพื่อฝึกซ้อมทุกวัน
ทุกๆวันถังเทียนผ่านมันมาได้แบบฉิวเฉียด
ทหารสารเลวตัวนั้น เขามิมีความเมตตาและกลับกลายเป็นใจหินยิ่งขึ้น
“เจ้าควรจะห่วงสุขภาพของเจ้าบ้าง ฝึกมากเกินไปมันอาจจะแย่มากเกินไปนัก” อาโม่หลี่รู้สึกกังวล
“อย่าได้ดูแคลนข้า! ข้าคือบุรุษหนุ่มเทพ!” ถังเทียนจ้องมองไปยังอาโม่หลี่อย่างจงใจ.
จากนั้นอาโม่หลี่ก็สงบและหัวร่อ “นั่นคือสิ่งที่ข้าจะกล่าว ผู้ใดกันที่จะสามารถเอาชนะบุรุษหนุ่มเทพเช่นเจ้าได้กัน?”
ถังเทียนถอนหายใจภายในหัวใจของเขา เจ้าแมลงวันวัว เจ้าดูแคลนคนบ้าทั้งหมดในโลกนี้แล้ว...
ภายในหัวใจของถังเทียน ทหารมันเป็นบ้าอย่างยิ่ง เขามิมีความนุ่มนวลหรือโง่เขลาสักนิด สารเลวตัวนั้นมันเลือดเย็นและบ้าคลั่งอย่างยิ่ง แม้กระทั่งบุรุษหนุ่มเทพผู้นี้ก็มิสามารถทนไหว...
ยามเมื่อถังเทียนนึกถึงเกี่ยวกับการฝึกที่เขาจะต้องประสบภายในคืนนี้ ดวงตาของเขาก็แทบจะหลั่งน้ำตาออกมา
“ไปกันเถอะ ไปกันเถอะ พวกเขากำลังจะลงไปกันแล้ว!” อาโม่หลี่ร้องเรียก
“อืม!” ถังเทียนตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าปราศจากกำลัง
ยามเมื่อถังเทียนปรากฏตัว บางคนต่างตกใจ
หานปิงหนิงขมวดคิ้ว “ถังเทียน เจ้าไม่สบายงั้นหรือ?”
อาโม่หลี่กล่าวจากด้านข้าง “เขาเพิ่งจะฝึกมาอย่างหนัก!”
หานปิงหนิงพลันเข้าใจ ด้วยความห่วงใยในคำกล่าวของหานปิงหนิง คนอื่นก็รู้สึกกดดันเป็นอย่างยิ่ง ถังเทียนช่างทรงพลังยิ่งนัก แต่เขายังคงฝึกหนักราวกับเสี่ยงชีวิต ข้อแก้ตัวอันใดที่จะทำให้พวกเขาเกียจคร้านและเสียเวลาเปล่ากัน?
ซือหม่าเซียงซานและคนอื่นตัดสินใจอย่างเงียบๆว่าพวกเขาจะใช้เวลาเป็นสองเท่าที่พวกเขาได้ฝึกฝนนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ผู้อาวุโสเปิดเผยสีหน้าที่ดูแคลน ถังเทียนมิเคยออกมาจากห้องของเขามาสองสามวันแล้ว เฮอะ แล้วเขาจะฝึกอันใดได้? ภายในรถม้านี้ นอกเหนือจากห้องของใต้เท้าข่ง พวกมันมีขนาดเล็กอย่างยิ่ง นอกเหนือจากที่นั่งแล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะฝึกฝนวิชาของเขาภายในห้อง
เจ้าเด็กผู้นี้คงจะรู้เพียงการโอ้อวด นอกจากนั้นเขาก็คงถูกกำหนดชะตามาให้เป็นเด็กธรรมดา
จากสิ่งที่เห็น ความสามารถของถังเทียนเป็นเพียงเพราะเส้นชีพจรโลหิตของเขา เขาไม่มีพรสวรรค์ เกียจคร้าน และรู้เพียงแต่การโอ้อวด บุคคลเช่นนี้ผู้อาวุโสต่างเห็นมันมามากมายนัก
แต่เขาก็มิได้คิดที่จะละเลยเช่นเดียวกัน แค่เพียงปล่อยให้คนสามัญนี้วิ่งไปทำเส้นทางของตัวเขาเอง
“ใต้เท้าข่ง!” นักสู้ผู้หนึ่งปรากฏตัวมาพลางมองอย่างเคารพไปที่เขา
“หัวหน้าของพวกเจ้าอยู่หรือไม่?” ใต้เท้าข่งยิ้มบางเบา
[คั่นหนังสือ : 部长 ปู้จ่าง แปลได้เป็น ‘รัฐมนตรี’ ‘เลขานุการ’ และ ‘หัวหน้า’ ด้วย ฉะนั้นของใช้เป็น ‘หัวหน้า’ แทนนะครับ เพราะมันเป็นกองกำลังไม่ใช่พวกขุนนางอะไร หรือหากตอนต่อไปข้างหน้ารู้ประวัติความเป็นมาอย่างแน่ชัดว่าอาจจะเป็นพวกขุนนางแล้ว ผมขอแก้ไขให้ถูกต้องที่สุดนะครับ]
“ท่านหัวหน้าอยู่เบื้องหลังประตูในตอนนี้ นางอาจจะออกมาในสิ้นเดือนหน้า” นักสู้คนนั้นรู้สึกเสียใจ “ถ้าหากนางรู้ว่าท่านจะมา นางคงจะมีความสุข”
ใต้เท้าข่งรู้สึกตกใจยามเมื่อเขาได้ยิน ใบหน้าของเขาก็เปิดเผยถึงความสุขในทันที “หรือว่านางกำลังพยายามที่จะบรรลุขั้นแปดงั้นหรือ?”
“ขอรับ!” นักสู้แสดงความชื่นชม “ท่านหัวหน้ากล่าวไว้ว่า อัตราความสำเร็จในครานี้มีสูงยิ่ง!”
“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม!” ใต้เท้าข่งรู้สึกปลื้มปิติ ถ้าหากน้องสาวเขาสามารถที่จะบรรลุไปยังขั้นแปดได้งั้นมันก็หมายความว่าอำนาจของตระกูลข่งก็คงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขารีบเร่งกล่าว “อย่าได้รบกวนนาง ข้ามาที่นี่เพื่อส่งมือใหม่ที่มีพรสวรรค์ พรสวรรค์ของพวกเขาถือว่าดีและพวกเขาก็มีเจตนาที่จะมุ่งไปยังภูเขากลุ่มดาราอมตะ ข้าจะส่งต่อพวกเขาให้”
“ขอบคุณสำหรับความใจกว้างของใต้เท้าข่งขอรับ!” นักสู้กล่าวด้วยความเคารพ สามารถที่จะทำรับบุคคลรุ่นใหม่มันเป็นข่าวดีสำหรับภูเขากลุ่มดาราอมตะนัก
“มีเด็กอีกคน เขาอาจจะเป็นนักสู้เส้นชีพจรโลหิตพิเศษ เจ้าสามารถโยนเขาไปที่ค่ายได้เลย มองหาค่ายที่ยอดแย่และยากลำบาก ปล่อยให้นักสู้เส้นชีพจรโลหิตนี้ค้นหาเส้นทางของเขาเอง” ใต้เท้าข่งกล่าวอย่างลวกๆ
“ขอรับ!” นักสู้รีบตอบรับอย่างรวดเร็ว ภายในหัวใจของเขา เขาได้เลือกค่ายที่เลวร้ายที่สุดต่อถังเทียนแล้ว
เจ้าเด็กผู้นี้คงได้กระทำผิดต่อพี่ชายของหัวหน้าเป็นอย่างยิ่งแล้ว
ช่างน่าเวทนานัก
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ