บทที่ 20: นายน้อยผู้ยิ่งใหญ่
บทที่ 20: นายน้อยผู้ยิ่งใหญ่
แม้แต่ก่อนที่เขาจะเกิดใหม่ซูหยุนไม่สามารถมีระดับการบ่มเพาะสูงได้ถึงขนาดนี้ แต่ตามลำดับขั้นแล้วทำไมความก้าวหน้าในการบ่มเพาะของเขาจึงไม่คืบหน้าเขาจึงเดินทางไปทั่วทวีป,ได้พบปะกับผู้คนมากมายและได้ประสบการณ์มาก เขาเคยพบกับนักบ่มเพาะของทวีปปีศาจเพื่อค้นหาเทคนิคปีศาจที่เขาสามารถใช้ได้ ดังนั้นเขาจึงมีความคิดที่เปิดกว้างมากและความคิดอ่านทำให้เขาเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนส่วนใหญ่
ซูหยุนกลับถึงบ้านสองวันต่อมาหลังจากเสร็จเรื่องบางเรื่อง เนื่องจากเจ้าของคอกม้าหายตัวไปเขาจึดชดใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าของด้วยม้าของเขาที่เขาซื้อมาจากเมืองทะเลสาปกระจก โชคดีที่ม้าป่ามีลำตัวแข็งแรงและมีขากรรไกรที่มีการพัฒนาดีเจ้าของพอใจอย่างมากมันมีเสถียรภาพตามธรรมชาติและไม่ได้ขอให้ซูหยุนชดเชยค่าเสียหายของสัญญากู้ยืมเงินที่หายไป
หลังจากที่จัดการเรื่องต่างเรัยบร้อยแล้วซูหยุนกลับไปที่ทิศทางของกระท่อมของเขาในป่า
"ในอีกหนึ่งเดือนจะมีการประลองจัดขึ้นภายในตระกูล ข้าได้ยินมาว่าทุกคนในตระกูลใหญ่ ได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว เจ้าต้องฝึกให้หนัก เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำคะแนนได้สูงในการประลองหรือเปล่า? เจ้าแน่ใจมั้ยว่าเจ้าไม่ต้องการรออีกสามปี? "
ที่ถนนในแหล่งชุมชนหญิงวัยกลางคนยืนกอดอกหันหน้าไปทางชายหนุ่มคนหนึ่งขณะที่นางดุด่า
ชายหนุ่มคำนับรับในคำพูดของผู้หญิงคนนั้นอย่างแรง
"ลูกรัก,เจ้าไม่ต้องกังวนว่าจะไม่มีหญิงสาวคนไหนพูดกับเจ้า มองไปที่ลูก ๆ ของคนอื่นสิไม่มีใครเลยที่มีการบ่มเพาะต่ำ? แม่รู้ว่าว่าตราบใดที่เจ้าติดในสองร้อยอันดับแรกในการประลองท่านพ่อของเจ้าจะรู้สึกภาคภูมิใจ! แต่หากว่าเจ้าเอาแต่อยู่บ้าน,ไม่เคยไปลานฝึกยุทธเพื่อฝึกฝน,ไม่เคยบ่มเพาะแล้วต่อไปจะทำยังไง,เจ้ายังจะทำอยู่แบบนี้ยังงั้นหรือ?
"ท่านแม่การเข้าสองร้อยอันดับแรกนั้นพูดนะมันง่าย? ในรอบคัดเลือกแต่ละสนามมีคนในสำนักของเราน้อยมากที่เข้าไปได้ ครั้งล่าสุดข้าได้ยินมาว่ามีเพียง 12 คนเท่านั้นที่เข้าร่วมการประลองและเมื่อเข้าไปแล้วท่านต้องประลองกับผู้เชี่ยวชาญอีก 7000 กว่าคน ท่านแม่ท่านคิดจริงๆหรือว่าลูกชายของท่านจะมีความสามารถโดดเด่นในหมู่คนเหล่านี้? ปล่อยข้าให้อยู่คนเดียวในฐานะครอบครัวใน,การประลองนี้เหมือนว่าข้ารนหาที่ตายหากข้าเข้าร่วม! มันไม่มีประโยชน์หรอก!
หลังจากหญิงวัยกลางคนได้ฟังเช่นนี้นางโมโหมาก "เจ้าลูกไม่รักดีเจ้าจะไม่ลงประลองอย่างนั้นใช่มั้ย? นี่เป็นโอกาสเดียวของเจ้าเเละครอบครัวเราที่มีแต่ว่าเจ้ายังจะพูดแบบนี้ได้อย่างไร? มองลูกชายข้างบ้านสิ!เขาฝึกฝนอย่างหนักทุกวันในลานฝึกยุทธ แม่ได้ยินมาว่าเขาก้าวผ่านขั้นเจ็ดเขตแดนพื้นฐานวิญญาณแล้วและอาจจะเข้าถึงขั้นที่แปดได้ในอักไม่นาน! แต่ดูตัวเจ้าสิ!ยังอยู่ขั้นที่หกพื้นฐานวิญญาณ! เจ้า ... . ทำไมเจ้าช่างน่าผิดหวัง? "
"ท่านแม่มันไม่เหมือนกัน หวังชู่เก็บเงินได้ตั้งแต่ต้นปีสามารถซื้อยาจิตเพื่อการบ่มเพาะได้ ไอ้การใช้ยาประเภทนี้มันทำให้เขาสามารถก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ท่านมองที่ข้าสิท่านเคยนำมาให้ข้าเพื่อบ่มเพาะหรือไม่? ข้าอยู่ที่จุดสูงสุดของเขตแดนการบ่มเพาะขั้นที่หก แต่ความคืบหน้าของข้าก็หยุดนิ่งไม่ว่าข้าจะฝึกอย่างหนักแค่ไหน ... .. โอ้!ท่านแม่อย่าคิดถึงการบ่มเพาะจิตวิญญาณอีกต่อไปเลย ข้าคิดว่าข้าประดิษฐ์อักษรอยู่ที่บ้านนั้นดีพอแล้ว ... "
หลังจากหญิงวัยกลางคนได้ยินอย่างนี้นางก็ร้องไห้อย่างรุนแรง
ซูนหยุนชะลอฝีเท้าลงหลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกหลากหลายผุดขึ้นมาในใจ
ในโลกนี้ความสามารถทางจิตวิญญาณเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แต่ว่ามันยังเป็นปัจจัยหลักของเงื่อนไขภายนอกอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญ ๆ เช่นช่วงต้นการบ่มเพาะหรือการทลวงต้องใช้เม็ดยาบ่มเพาะ,เทคนิคต่างๆและอื่น ๆ
"การประลองทุกสามปีของตระกูลซู?"
ในตระกูลซู,ถ้าศิษย์สำนักภายนอกก่อนอายุยี่สิบปีทลวงผ่านเขตแดนผลิวิญญาณ (Tl: เขตแดนที่ 2 หลังจากพื้นฐานวิญญาน) พวกเขาจะมีคุณสมบัติเข้าสู่สำนักภายใน หากไม่สามารถเข้ามาภายในอายุยี่สิบปี ... มันจะเป็นเรื่องยากที่จะก้าวหน้าในอนาคตดังนั้นพวกเขาจึงยอมแพ้ เหตุผลถึงแม้พวกเขาจะฝึกฝนอย่างหนัก แต่ความก้าวหน้าของพวกเขาจะช้าลงดังนั้นจึงไม่เหมาะที่จะพยายามที่จะทลวงระดับการบ่มเพาะที่สูงขึ้น
นี่เป็นการทดสอบความแข็งแกร่งเมื่อผลความแข็งแกร่งออกมาและตรงตามมาตรฐานท่านจะสามารถเข้าสู่สำนักภายใน
อย่างไรก็ตาม,ยังมีวิธีการอีกอย่างหนึ่งนั่นคือ "การประลองทุกๆสามปีตระกูลซู "
แถวการลงทะเบียน,สำนักภายในและภายนอก
ไม่ จำกัด จำนวนผู้เข้าร่วมการประลอง
รางวัลการประลอง,รางวัลที่สำคัญคือได้รับการจัดอันดับสมาชิกตระกูล,เม็ดยาบ่มเพาะและเคล็ดวิชา, สำหรับอัฉริยะพิเศษตระกูลซูจะจัดครูฝึกสอนเป็นเวลาสามปี นี่เป็นรางวัลที่มากที่สุดเนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในสำนักหรือตระกูลใหญ่พวกเขาจะต้องพึ่งพาคัมภีร์สำหรับเส้นทางการบ่มเพาะของพวกเขา การทดลองผิดและวิถีทางที่ผิดพลาดจะนำไปสู่ความสูญเสียมากมาย อย่างไรก็ตามด้วยในด้านของมืออาชีพที่ได้รับการฝึกฝนของคุณความคืบหน้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นการประลองจะเป็นการแข่งขันที่สูง
รางวัลพิเศษเพิ่มเติมสำหรับศิษย์ภายนอก คือคุณสมบัติในการเข้าสู่สำนักภายในของตระกูลซู
แม้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่ก็เป็นรางวัลอันล้ำค่าสำหรับผู้ที่อยู่สำนักภายนอกของตระกูลซู
หลังจากซูหยุนคาดการณ์เรื่องนี้เขาหันหลังกลับไปและมุ่งหน้าไปยังจุดลงทะเบียนสำหรับการประลอง
ขณะที่เขาเข้ามาลงทะเบียนมีกลุ่มคนบรุษและสตรีมารวมกันที่นี่ แต่ทุกคนสวมใส่ชุดสบายๆ โดยไม่มีอาวุธวิเศษและแสดงท่าทีธรรมดาๆ
ผู้รับผิดชอบการลงทะเบียนนั้นมาจากสำนักภายในของตระกูลซูเนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คนที่มีเวลาลงทะเบียน ด้วยเหตุนี้จึงมีพวกเขาบางคนอยู่ภายในสำนัก พวกเขาต้องให้โอกาสสำหรับผู้บ่มเพาะสำนักภายนอกมิฉะนั้นจะมีการก่อจลาจล
"ชื่อ!"
เสมียนผู้รับผิดชอบการลงทะเบียนตะโกนโดยไม่ต้องเงยหน้าขึ้น
"หลี่เฟิง"
"เขตแดน"
"มันคือ ... . เอ่อ...ขะ ขะ..ขั้นที่หกพื้นฐานวิญญาณ"
คนที่อยู่ด้านหลังเขาหรี่ตาลงความด้วยความเหยียดหยามปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา
เสมียนไม่ได้สนใจ แต่ศิษย์คนอื่น ๆ จากสำนักภายนอกได้มีการสบประมาทอย่างเห็นได้ชัด ในใจของหลี่เฟิงโกรธมาก แต่พวกเขามีการบ่มเพาะที่สูงกว่าดังนั้นเขาจึงได้แต่เงียบแล้วกลืนคำพูดของตัวเอง
"ชื่อจริง"
"ซูหยุน"
"ซูหยุน?"
เสมียนเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้านหน้า
ซูหยุนค่อยๆวิเคราะห์เสมียนด้านหน้าและทันใดนั้นเขาก็จำใบหน้าที่คุ้นเคยนี้ได้
"ซูต้าไห่,เจ้าเป็นเสมียนศิษย์ภายในสำหรับการประลอง?"
"โอ้นายน้อยซู,ข้ายังจำท่านได้ดี! เป็นเกียรติที่ได้พบท่าน! " ศิษย์สำนักภายในลุกขึ้นหัวเราะเย้ยหยัน
ซูต้าไห่มีอายุมากกว่าซูหยุนประมาณ 5 หรือ 6 ปีและรับผิดชอบในคลังเก็บของ บ้านของเขาฟุ่มเฟือยและในระหว่างการนับสิ้นค้า,เมล็ดพันธ์มากมายจำนวนหนึ่งหายไป, ทุกคนรู้ดีว่าซูต้าไห่ยักยอก แต่เนื่องจากซูกุ้ยม่อหนุนหลัง จึงไม่มีใครสามารถทำอะไรได้
อย่างไรก็ตาม,ซูกุ้ยม่อไม่ชอบขี้หน้าซูหยุนเสมอตั้งแต่แรกๆ เนื่องจากซูหยุนได้สืบทราบสาเหตุของความมั่งคั่งอันมหาศาลของซูกุ้ยม่อซูหยุนจึงเปิดโปงและเปิดเผยความลับบางอย่าง ความลับเหล่านี้ลุกลามอย่างรวดเร็วจนแม้แต่ซูกุ้ยม่อไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ซูต้าไห่เป็นคนเคราะห์ร้ายและเมื่อธุรกิจของเขากับซูกุ้ยม่อถูกเปิดเผยเขาก็สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เขาถูกลงโทษโดยถูกบังคับให้ต้องอยู่นอกบ้านด้วยแสงแดดที่ร้อนระอุและลมพดมาสองสามวัน
"ข้าไม่คิดว่านายน้อซูจะเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ได้ ...เพราะว่าท่านถูกขับไล่ออกจากบ้านของท่าน ท่านยังกล้าที่จะลงทะเบียนอีกหรือ? "นี่กระไร?" หลังจากที่ท่านอยู่ในย่านคนจรแล้วท่านคิดถึงประโยชน์ของสำนักภายในของตระกูลซู?
ซูต้าไห้ตะโกนอย่างจงใจปล่อยให้ทุกคนได้ยินอยู่ภายในสี่หลา แม้ว่าซูหยุนจะถูกขับออกจากสำนักภายในของตระกูลซูซึ่งทุกคนในสำนักรู้กันทั่วไปทั้งสำนักภายในและสำนักภายนอกของตระกูลซูแต่มีเพียงไม่กี่คนที่ได้เห็น ซูหยุน หลังจากที่ซูต้าไห่เรียกออกมาหลายคนเริ่มเข้าใจและกระซิบที่ด้านหลัง
"งั้นเขาคือซูหยุน"
"เขาเป็นแค่ขยะของตระกูลซู?"
"ด้วยสักยภาพที่ยอดเยี่ยมเมื่อเขาเกิดมาเขาเพิ่งบรรลุขั้นที่เจ็ดของเขตแดนพื้นฐานวิญญาณ เขาไม่ได้มีคุณบัติอะไร? ข้าเกรงว่าก่อนที่เขาจะอายุยี่สิบปีเขาอาจจะไม่สามารถก้าวเข้าสู่เขตแดนผลิวิญญาณได้! ไร้ประโยชน์แท้ๆ "
"เขาไม่มีอะไรแค่สวะ,แค่มีการศึกษาเลี้ยงดูที่ดี หากข้าอยู่ในสำนักภายในและได้เข้าใช้ลานฝึกวิชาที่เหนือกว่า,เม็ดยาบ่มเพาะและการฝึกฝน,ข้ามั่นใจว่าข้าจะต้องทลวงผ่านเขตแดนผลิวิญญาณ! "
"หลักๆแล้วพวกเรานับว่าไม่ได้เลวร้ายไปกว่าบรรดาสำนักภายใน แต่บ้านเกิดของพวกเราไม่อาจเทียบได้!"
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยหยันในฝูงชนมากมาย
ดูเหมือนว่าแม้แต่คนนอกครอบครัวซูหยุนก็เกลียดซูหยุน ปากของซูต้าไห่ไฮแตกรอยยิ้มอันน่าภาคภูมิใจ
"ไอ้หนู,ข้าต้องการให้เจ้าออกจากตระกูลซูโดยสมบูรณ์!" ซูต้าไห่คิด
"ข้ายังสามารถสมัครได้ใช่มั้ย?"
"แน่นอน!"
เมื่อซูหยุนรู้สึกสงบซูหยุนก็หัวเราะออกมา เขากลับมานั่งอยู่ในตำแหน่งของเขาทันที
"อะไร?" "คุณชายซูผู้ทรงเกียรติ" แม้จะต้องลงทะเบียนการประลอง? ข้าคิดว่าท่านน่ายอมรับความอัปยศของท่าน กล่าวคือท่านไม่ได้อยู่ในตระกูลซูอีกต่อไป ท่านกลับไปเถอะ? "
เมื่อการสนทนาระหว่างซูต้าไห่กับซูหยุนสิ้นสุดลง,มีเสียงกระจ่างสดใสดังออกมา