ตอนที่ 049 – ใครกันแน่ที่จะถูกสังหาร?
ตอนที่ 049 – ใครกันแน่ที่จะถูกสังหาร?
หมัดกระแทกปลายหอกอย่างแม่นยำกระเด็นไปด้านข้าง
ทุกคนสามารถเพียงเห็นแค่อัสนีบาตสีเงินผ่าลงมา ก่อนที่จะสังเกตเห็นร่างที่มิคาดคิดปรากฏเบื้องหน้าเหลียงชิว
ถังเทียน!
อำนาจอันทรงพลังที่ปลดปล่อยออกมาจากหอก จิตวิญญาณหอกเดียวดายลอยถอยหลัง ปลดปล่อยพลังปราณของมัน ม่านตาสีเทาของจิตวิญญาณขุนพลจ้องมองไปยังถังเทียน
หมัดที่สว่างไสววูบวาบ กระชากการมองเห็นของทุกผู้คน ทำให้ดวงตาของพวกเขามองเห็นเป็นรูปร่างเลือนลางทิ้งไว้ในสายตาของพวกเขา
มันคือถังเทียน
ถังเทียนแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้เยี่ยงไร?!
หลายคนต่างตกตะลึงและไม่เชื่อในสายของพวกเขา พวกเขาได้เห็นถังเทียนใช้ออกหมัดอัสนีบาตมาก่อน เพียงแต่มิเคยเห็นหมัดอัสนีบาตที่สง่างามเช่นนี้! มันช่างเป็นหมัดที่รวดเร็วนัก!
“พื้นฐานถัง! ระวังตัวด้วย…” อาโม่หลี่รีบกล่าวเตือน
ท่าทางของถังเทียนขึงขังและเอาจริงเอาจัง เขานำสนับมือเหล็กดำจากคลังศาสตราวุธคนโทออกมา และสวมใส่พวกมัน
“โจวเผิง เจ้าต้องการที่จะสังหารใคร? ใครกันแน่ที่จะถูกสังหาร?”
คำกล่าวของถังเทียนเย็นเยียบที่เต็มไปด้วยความรังเกียจเหยียดหยาม ด้วยท่าทางที่สูงส่งมองลงไปยังโจวเผิง มันราวกับเป็นการตบหน้าโจวเผิง และโจวเผิงรู้สึกใบหน้าของเขาร้อนผ่าว ขณะที่โลหิตของเขาก็สูบฉีดขึ้นไปบนหัวของเขา
“จิตวิญญาณหอกเดียวดาย สังหารเขาซะ!” โจวเผิงที่กำลังเดือดพลางตะโกน “ข้าต้องการให้มันตาย!”
จิตวิญญาณขุนพลขั้นเงินสั่นสะท้าน สลายหายไปจากตำแหน่งที่เขาอยู่ และชั่วครู่ต่อมาเขาก็ปรากฏเบื้องหน้าของถังเทียน หอกก่อเกิดเป็นภาพติดตาด้วยความเร็วของมัน และขยายอย่างรวดเร็วเบื้องหน้าของถังเทียน
ติง!
สนับมือเหล็กดำของเขาขวางกั้นปลายหอกอย่างหนักแน่น หยุดยั้งการเคลื่อนไหวของมันอย่างเฉียบพลัน
“ใครกันแน่ที่จะถูกสังหาร?”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูแคลน มันก็ดังขึ้นมาอีกครา ด้วยสายตาที่เยือกเย็นของเขา
ด้วยพลังของกายากระเรียนที่สอง แม้ว่าปราณแท้จริงเอ่อล้นไปถึงขอบกั้นและถูกขวางโดยกำแพงแห่งความสมูบรณ์แบบ เส้นสายเล็กๆของปราณแท้จริงก็โคจรไปตามเส้นชีพจรและกระจายไปทั่วร่างของถังเทียน ทำให้พลังและเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นอย่างมากมายทุกส่วนของร่างกายของเขา
ถังเทียนมิเคยคิดที่จะสังหารผู้ใดมาก่อน แต่ใครครานี้ ภายในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยรังสีสังหาร ราวกับคลื่นรุนแรงของทะเล เขามิสามารถที่จะต้านทานมันได้ แต่ด้วยสาเหตุอันใดบางอย่าง แม้ว่าเขาจะมิได้พยายามต่อต้านการกระตุ้นที่จะสังหาร ภายในหัวใจของเขาก็สงบนิ่งได้อย่างยอดเยี่ยม
จิตวิญญาณขุนพลขั้นเงินถูกป้องกันได้อีกครา ความต้องการต่อสู้ของเขาสว่างวาบภายในดวงตากระเบื้องสีเทาของเขาทันใดนั้นก็สว่างเป็นลำแสงสีเงิน
ปลายหอกสั่นเล็กน้อย ‘วูบ’ ทันใดนั้น ก็เกิดคลื่อนเสียงกระแทก และหอกสามเล่มก็ปรากฏขึ้นมา ราวกับมันเป็นมังกรพิษสามตัวออกมาจากภายในถ้ำฉกไปยังถังเทียน
ถังเทียนมิได้เคลื่อนไหวสักนิดเดียวพลางแบเปิดฝ่ามือที่กำหมัดไว้ ฝ่ามือไร้เงา!
ฝ่ามือสีดำระเบิดออก ก่อเกิดเป็นภาพฝ่ามือประมาณสิบฝ่ามือ พวกมันราวกับเป็นเงาที่ต้นไม้สาดลงมาบนพื้นโดยที่แสงส่องไม่ถึงเพราะใบไม้ที่หนาแน่น เกิดเป็นภาพเงาดำและมืนมน และทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกมันมิสามารถจะหลบหลีกพ้นจากมันได้
ติง ติง ติง!
เสียงปะทะของหอกดังออกมาสามครา แต่มันมีเพียงเสียงเดียวที่ก้องกังวานภายในหูของทุกผู้คน
“บอกข้า ใครกันแน่ที่จะถูกสังหาร?”
ถังเทียนหัวร่ออย่างเยือกเย็น ขณะที่เขากล่าวอย่างช้าๆ แต่ชัดเจนอย่างยิ่ง สีหน้าของโจวเผิงแดงก่ำมากจนดูคล้ายใบหน้าของเขาเริ่มที่จะมีโลหิตไหลซึมออกมา เล็บนิ้วมือของเขาจิกลึกลงไปในฝ่ามือของเขา แต่เขาก็มิกล้าที่จะเคลื่อนไหว
ฝ่ามือไร้เงาวิชาระดับสามที่ใช้ออกโดยถังเทียนได้กลับกลายเป็นสิ่งที่อันตราย แต่ละส่วนของเงาฝ่ามือนั้นต่างมีจุดหมายเพื่อสร้างความสับสบให้กับศัตรู แต่ด้วยอำนาจของกายากระเรียน ทุกส่วนกลายเป็นแหลมคมราวกับดาบ เสียงที่ดังก้องด้วยความรุนแรง ทำให้ผู้ชมทุกคนรู้สึกหนาวสั่น
แต่แรงกดดันของจิตวิญญาณขุนพลขั้นเงินก็มากมายอย่างยิ่งทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง
อย่างไรก็ตามหยางอวิ๋นสามารถที่บรรลุถึงจุดสูงสุดเป็นปรมาจารย์แห่งหอกภายในเวลาสองร้อยปี ด้วยความเชี่ยวชาญวิชาของเขาเข้าลึกซึ้งถึงแก่นแท้ เขาไร้คู่ต่อสู้ แม้ว่ายันต์จิตวิญญาณนี้จะถูกสร้างขึ้นตอนที่เขายังหนุ่ม แต่มันก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับวิชาหอกของเขา
จิตวิญญาณขั้นเงินตะโกนพลางจับกลางหอกด้วยมือขวาของเขาราวกับเป็นพลอง หมุนควงหอกเป็นวงกลม
วูบ!
ก่อเกิดพายุหมุนที่น่าตกใจอย่างฉับพลันที่เบื้องหน้าของถังเทียน และฝ่ามือที่แหลมคมของฝ่ามือไร้เงาภายในท้องฟ้าต่างถูกมันดูดเข้าไปหา
ดวงตาของถังเทียนปรากฏความเย็นเยียบ เขาพลันดึงถอนตัวเองแปรเปลี่ยนกระบวนท่าของเขา
หมัดขวาดึงไปที่ข้างเอวของเขา ตามมาด้วยการสั่นสะเทือนที่ยากจะสัมผัส หมัดของเขาก็พลันระเบิดออก
หมัดจุลวินาศ!
ปัง!
พายุหมุนแตกออกเป็นชิ้นๆ ดวงตาของจิตวิญญาณขุนพลสว่างวาบ ปลายหอกของเขาดึงกลับมาอย่างบางเบา และพุ่งออกไปอย่างรุนแรง!
ตูม!
ก่อให้เกิดเสียงดังราวกับอัสนีบาตพื้นดินสั่นสะเทือน พลังไร้รูปแบบของปราณระหว่างถังเทียนและจิตวิญญาณขุนผลแผ่กระจายไปทั่วเสียงดังอย่างฉับพลัน
ด้วยพลังปราณแท้จริงขั้นสี่ของจิตวิญญาณขุนพลมันช่างน่าทึ่งอย่างยิ่งและด้วยวิชาหอกของเขา ไม่มีป้อมปราการอันใดที่เขาจะมิสามารถทำลายได้ เขาพุ่งออกไปง่ายๆและระเบิดกายากระเรียนตัวแรกของถังเทียน
มันดูคล้ายถังเทียนคาดคิดไว้แล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงกระบวนท่าสังหารของเขาในก่อนหน้านี้ เขาพลันลดการป้องกันของเขา และปล่อยปราณที่ไร้รูปแบบหลั่งไหลไปยังตันเถียนของเขา ลงไปที่ละขั้น และพุ่งไปยังกายากระเรียนตัวที่สอง!
ปราณแท้จริงขั้นสี่อันรุนแรงและแข็งแกร่ง พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วที่กายากระเรียนตัวที่สอง
มันราวกับกระทิงวิ่งเข้าสู่มหาสมุทร และมันก็หายไปปราศจากร่องรอย
โอกาสมาแล้ว!
ถังเทียนมิได้ถอย ห้านิ้วของฝ่ามือซ้ายของเขาโค้งงอแปรเปลี่ยนเป็นรูปของกรงเล็บเหยี่ยวและเอื้อมจับไปยังหอกของจิตวิญญาณขุนพลขั้นเงิน
ถังเทียนในครานี้ กระทำตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ของจิตวิญญาณขุนพลขั้นเงินนี้ แม้ว่าปราณแท้จริงของถังเทียนเป็นเพียงขั้นสาม แต่ด้วยอำนาจของกายากระเรียน เขาก็มีพลังเหนือกว่าขั้นสามมากมาย ปราณไร้รูปแบบจากหมัดจุลวินาศไม่อาจจะจินตนาการได้ และขณะที่จิตวิญญาณขุนพลขั้นเงินทำลายปราณไร้รูปแบบ เขาก็มิคาดคิดว่าถังเทียนจะคว้าจับเขาในทันที
ผู้ชมรอบๆผู้ที่ซึ่งต่างชมดูอยู่ต่างตกตะลึง นี้ นี้ นี้...มันไร้เหตุผลสิ้นดี!
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และถ้าหากทั้งสองฝ่ายมีพลังต่างกันอย่างมาก พวกเขาจะประสบความเสียหายเท่ากัน กล่าวโดยทั่วไปแล้วในช่วงเวลานี้ทั้งสองฝ่ายควรจะหยุดพักชั่วครู่
อย่างไรก็ตามถังเทียนได้หักล้างกฏเกณฑ์นี้อย่างสิ้นเชิง!
บุรุษผู้นี้...
เขากลายเป็นบุคคลที่ทรงพลังอย่างยิ่ง...
ทุกคนจ้องมองอย่างว่างเปล่าด้วยปากที่เปิดอ้าของพวกเขา ขณะที่พวกเขามองไปยังถังเทียน พวกเขาก็ปราศจากคำพูดที่จะกล่าว
[กรงเล็บเหยี่ยว] วิชาการต่อสู้ระดับสาม นิ้วทั้งห้าดุจดั่งกรงเล็บเหล็ก และพลังของนิ้วรู้กันดีว่าใช้คว้าจับศัตรู
วิชาการต่อสู้อันอื่นของถังเทียนเมื่อเทียบกับหมัดจุลวินาสแล้วมันอ่อนแอยิ่ง แต่ถังเทียนก็ให้ความสำคัญต่อทุกวิชาของเขาและฝึกฝนกระทำซ้ำบรรลุถึง 100,000 ครั้ง หากเป็นสถาบันอื่นหรือศิษย์คนอื่น ถ้าพวกเขาจะต้องบรรลุจำนวนการฝึกนี้ พวกเขาแน่นอนว่าจะบรรลุระดับสูงได้
ห้านิ้วของเขาคว้าจับไปยังตัวหอก
จิตวิญญาณขุนพลขั้นเงินรู้ได้ว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย เขาพลันใช้เรี่ยวแรงอันรุนแรงของเขาหมุนควงตัวหอกอย่างรวดเร็ว
กายากระเรียนของถังเทียนแหลมคมราวกับดาบ และนิ้วทั้งห้าก็คว้าจับไปที่ตัวหอกราวกับดาบเหล็กเกาะแน่นที่ตัวหอก ขณะที่ตัวหอกเริ่มหมุนควงด้วยความเร็ว มันพลันกวัดแกว่งเกิดประกายนับไม่ถ้วนระเบิดออกระหว่างนิ้วทั้งห้าของเขา
ประกายทั้งหมดเหล่านี้มิได้เป็นอันตรายต่อสนับมือเหล็กดำเลย มันเป็นเพียงแค่พลังหมุนของตัวหอกทำให้นิ้วมือมิสามารถที่จะยึดเกาะได้อย่างที่ควร
แต่เจตนาของถังเทียนมิใช่เพื่อตัวหอก นิ้วทั้งห้าของเขาคว้าจับแน่นขึ้นอีกคราที่ตัวหอก และราวกับอสูร เขาพุ่งตรงไปยังจิตวิญญาณขุนพลขั้นเงิน
หัวไหล่ของจิตวิญญาณขุนพลขั้นเงินสั่นสะเทือน เขาต้องการที่จะกดดันถังเทียนออกไป อย่างไรก็ตาม สำหรับถังเทียนแล้ว ทนทานต่อการสั่นสะเทือนนี้ เมื่อเทียบกับการสั่นสะเทือนของหวังเจิ้นแล้ว มันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย ถังเทียนหยิบยืมพลังนี้และมือขวาของเขาก็อยู่ในมุมที่แปลกประหลาด ทันใดนั้นก็คว้าจับไปที่ข้อศอกของจิตวิญญาณขุนพลขั้นเงิน
จิตวิญญาณขุนพลขั้นเงินรู้ได้ว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตรายและบ้าคลั่งอย่างเห็นได้ชัด
การตัดสินใจของเขาถูกต้องแม่นยำนัก
ถังเทียนมิใช่ผู้คนสามัญธรรมดา ผู้ที่ซึ่งไม่สามารถขบคิดได้อย่างรวดเร็ว และใช้ข้อศอกเป็นศูนย์กลาง เขาบิดข้อมืออีกข้างของจิตวิญญาณขุนพลขั้นเงินไปรอบๆ
จิตวิญญาณขุนพลขั้นเงินกลับกลายเป็นตื่นตระหนก และเขาพยายามที่จะสลัดถังเทียนราวกับชีวิตเขาขึ้นอยู่กับมัน
ถังเทียนสงบเป็นอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ ปราณแท้จริงของทั้งสองผ่านต่างยันกันไปอย่างต่อเนื่อง หยิบยืมพลังจากแขนของฝ่ายตรงข้าม ถังเทียนบิดร่างของเขาราวกับเส้นก๋วยเตี๋ยว ขาข้างหนึ่งอยู่ในท่าที่เก้งก้าง ในชั่วพริบตา ก็คว้าจับไปยังหัวไหล่ของจิตวิญญาณขุนพลขั้นเงิน
เขาคำรามอีกครา!
ทั่วร่างของถังเทียนพลันปลดปล่อยพลัง!
แครก! แครก! แครก!
เสียงดังเตือนภายในหัวใจก้องกังวานและจิตวิญญาณขุนพลขั้นเงินก็แปรเปลี่ยนเป็นลำแสง และสลายหายไปในอากาศ
ถังเทียนลอยลงอย่างมั่นคงบนพื้น ขณะที่เขาจ้องมองอย่างเย็นชาไปยังโจวเผิง และอีกคราที่เขากล่าวย้ำอย่างช้าๆ “ใครกันแน่ที่จะถูกสังหาร?”
[วิชาห่วงโซ่สัมพันธ์]!
โลหิตจางหายไปจากใบหน้าของโจวเผิง เขาซีดขาวราวกับกระดาษ และความเกรี้ยวกราดและความไม่พอใจของเขาก็ละลายราวกับน้ำแข็ง มีเพียงความหวาดกลัวที่หลงเหลืออยู่ เพิ่มขึ้นสูงมากกว่าน้ำทะเล ราวกับมันท่วมทุกส่วนภายในจิตใจเขา
เขากลับกลายเป็นตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง ราวกับเขาสูญเสียจิตวิญญาณไป ยืนนิ่งอย่างว่างเปล่าตะลึงงัน
เป็นไปได้เยี่ยงไร…? เป็นไปได้เยี่ยงไร…? นั่นคือจิตวิญญาณหอกเดียวดาย… จิตวิญญาณหอกเดียวดายของปรมาจารย์หอกหยางอวิ๋น...
สถานที่นี้ต่างเงียบกริบ ทุกผู้คนรู้สึกตกตะลึงกับพลังของถังเทียน จนกระทั่งตอนนี้ มิมีผู้ใดคิดว่าการพัฒนาของถังเทียนจะน่าตกใจไปทั้งโลกทั้งสวรรค์เช่นนี้! เว้นเสียแต่ว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้เสแสร้งมาก่อนหน้านี้...
ดวงตาอาโม่หลี่เบิกกว้าง ฉากการต่อสู้ทั้งหมดในตอนนี้ ทำให้เขามิมีความกังขาในสายตาของเขาเลย พื้นฐานถัง...เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอนแล้ว
เสิ่นหยวนมองอย่างว่างเปล่าไปที่ถังเทียนผู้ที่ซึ่งอยู่ในการต่อสู้ เขาก็พลันนึกถึงวันที่อยู่ในแท่นชมวันนั้น
‘พี่หยวนหยวน! ยันต์จิตวิญญาณของท่านช่างทรงพลังอย่างยิ่ง! มันมีประโยชน์มาก!’
“ข้าเชี่ยวชาญพวกมันทั้งหมด วิชาทั้งห้าอย่าง โว้ มันช่างทรงพลังสุดยอดนัก!”
เจ้า… แท้จริงแล้วเจ้าเชี่ยวชาญมันทั้งหมด...
หานปิงหนิงแข็งค้าง ความดุดัน ความโดดเด่น และปราศจากความหวาดกลัว ถังเทียนที่เบื้องหน้าของนางหักล้างความคิดอย่างสิ้นเชิงในก่อนหน้า ความบ้าที่โบกมือมาให้นาง บุรุษหนุ่มอันอ่อนวัย นางพลันนึกถึงคำกล่าวที่ถังเทียนได้กล่าวเอาไว้ ซึ่งนางรู้สึกว่ามันน่าขบขันนักในเวลานั้น คำกล่าวที่ว่า ‘บุรุษหนุ่มผู้เป็นหนุ่มเทพ!’
ณ ตอนนี้ อย่างไรก็ตาม นางมิได้รู้ว่าคำกล่าวนั้นน่าตลกขบขันแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ในครานี้ ถังเทียนมิได้เข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งเลย...
ทำไม… เขาถึงสามารถที่กลายเป็นแข็งแกร่งเช่นนี้…?
หานปิงหนิงค่อนข้างว้าวุ่นใจ อย่าบอกข้านะว่าถังเทียนผู้นั้นที่ยืนอยู่ในที่นี่ และถังเทียนที่ข้ารู้จัก ต่างเป็นบุคคลคนละคนกัน?
ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา!
ขณะที่หานปิงหนิงยอมรับถึงจุดนั้น ถังเทียนก็ก้าวเดินไปอย่างช้าๆไปยังโจวเผิง
“ใครกันแน่ที่จะถูกสังหาร?” น้ำเสียงของถังเทียนยังคงเยือกเย็น รังสีสังหารทำให้ทุกผู้คนหนาวสั่นไปหมด เหล่าผู้คนที่อยู่ในอาการมึนงงด้วยความกลัว ต่างตื่นขึ้นมา
โจวเผิงดูคล้ายราวกับเขากำลังจะตายตก จิตวิญญาณขั้นเงินของเขาสลายหายไปเบื้องหน้าของเขา และเขาก็สูญเสียความกล้าหาญและความมั่นใจทั้งหมดของเขา
แม้กระทั่งจิตวิญญาณหอกเดียวมันก็ยังมิสามารถที่จะชนะได้...
“ถังเทียน ถ้าหากเจ้ากล้าที่จะสัมผัสเส้นผมแม้แต่เส้นเดียวของนายน้อยแล้วล่ะก็ พวกเราตระกูลจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งในตระกูลโจวปรากฏขึ้นอย่างดุร้ายแต่ภายในหัวใจก็หวาดกลัว ตะโกนขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญของตระกูลโจวอีกคนโต้กลับ “ถังเทียน ครานี้พวกเราทำผิดไปแล้ว ถ้าหากเจ้าปล่อยพวกเราไป…”
เงาภาพของถังเทียนสลายหายไป
แก๊ก
เสียงกระดูดแตกหักที่มิอาจจะไม่มีทางได้ยินผิดดังออกมา โจวเผิงถูกคว้าจับที่ลำคอของเขา และความตายก็ปรากฏภายในดวงตาของเขาขณะที่เขาสลบไป เขาหล่นล่วงลงไปบนพื้นอย่างอ่อนเปลี้ย
“ถังเทียน! เจ้ากล้…”
เสียงคำรามของผู้คุ้มกันของตระกูลโจวพลันหยุดลงในทันที ขณะที่มีมือหนึ่งกระแทกหน้าอกของเขา
เหลียงชิวกระทำราวกับมิมีผู้ใดอยู่ในที่นี่พลางหดมือของเขา ฝ่ามือของเขาปัดจนสะอาด ขณะที่เขากล่าวอย่างโจ่งแจ้งว่า “คนประเภทตระกูลโจวนี้ พวกเขาไม่คู่ควรที่จะอยู่ภายในเมืองเมฆาดาราอีก”
ซือหม่าเซียงซานพลันปรากฏที่ด้านข้างของผู้คุ้มกันตระกูลโจวอีกคน และหลังจากนั้นเขาก็กระอักพ่นโลหิตกระจายออกมา ซือหม่าเซียงซานแสดงรอยยิ้มที่ดูไม่น่าเป็นอันตราย “ข้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง”
หานปิงหนิงเก็บกระบี่ของนางไปภายในฝัก และผู้คุ้มกันตระกูลโจวที่นอนอยู่เบื้องหน้าขาของหน้าก็หมดลมหายใจสุดท้าย นางกล่าว “ข้าตัวแทนของตระกูลหานและนางแอ่นเหนือ สนับสนุนในการกำจัดตระกูลโจว”
ตระกูลโจวในยามปกติมักจะกดขี่ข่มเหง และหลังจากที่คิดจะหยุดยั้งโจวเผิง มันก็เป็นการกระทำที่ต่อต้านตระกูลโจว แม้ว่าทุกผู้คนจะประลองกันอย่างโหดเหี้ยมเป็นปกติ แต่การที่จะมีการสังหารใครบางคนมันเป็นเรื่องที่หายากนัก และโจวเผิงก็เป็นบุคคลที่ซึ่งใจคับแคบ ทำให้ทุกคนต่างไม่ชื่นชอบเขา
และสิ่งสำคัญคือ พวกเขากังวลว่าการเคลื่อนไหวของตระกูลโจวอีกคราจะเลวร้ายยิ่งขึ้นต่อถังเทียน
ถังเทียนที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขา ให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งของอันตรายอย่างยิ่งต่อพวกเขา
มันเป็นเรื่องง่ายๆ เป็นการกระทำที่ดีที่พวกเขาได้ทำไป มันหมายความว่าได้ช่วยเจ้าจัดการทุกสิ่ง ศิษย์แข็งแกร่งทั้งสามคน ฝึกฝนและบรรลุไปความเข้าใจซึ้งกันและกันในเวลาเดียวกัน
พวกเขาทั้งสามแสดงออกดูคล้ายกับว่า ‘ทุกสิ่งอย่างได้จบลงแล้ว’ ขณะที่พวกเขามองไปยังถังเทียน
“อา อา อา ทางที่ดีพวกเจ้าทั้งหมดอย่าได้คิดจะปล้นสินทรัพย์สงครามของข้า!” ถังเทียนมีสีหน้าแสดงออกประมาณว่า ‘ถ้าพวกเจ้ากล้าที่จะแตะต้องสิ่งของของข้า ข้าจะต่อสู้กับเจ้า’
พวกเขาทั้งสามต่างแข็งเป็นหิน
เหลียงชิวกล่าวกับตัวเองอย่างเงียบๆ “คนเช่นข้า ด้วยฐานะของข้า…”
ซือหม่าเซียงซานกล่าวกับตัวเองอย่างเงียบๆเช่นกัน “กระทำไปเถอะ เจ้ากระทำไปเถอะ มิใช่ว่าเจ้าจะไม่กระทำแล้วจะมีผู้ใดตายกัน…”
หานปิงหนิงพึมพำเงียบๆ “ตามที่คาด กลับมาเป็นเช่นเคย…”
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ