ตอนที่แล้วตอนที่ 042 – เป้าหมายในครานี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 044 – หินวิญญาณสำเนียงดารา

ตอนที่ 043 – ทะเลหญ้าหมอกม่วง


ตอนที่ 043 – ทะเลหญ้าหมอกม่วง

 

เบื้องหลังประตูกางเขนเป็นที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาลของทุ่งหญ้าสีม่วง

ใต้เท้ามีหญ้าสีม่วงเติบโตอยู่ทุกหนทุกแห่ง และขณะที่มองไปรอบๆ มันดูคล้ายเป็นดั่งทะเลสีม่วง และไร้ที่สิ้นสุดภายในสายตา ถังเทียนและอาโม่หลี่อ้าปากค้างด้วยอาการตะลึง ขณะที่พวกเขามองไปรอบๆ

“โว้ โว้ โว้! มันช่างสวยงามนัก!” อาโม่หลี่อดมิได้ที่จะเชื่อในสายตาเขาเอง ขณะที่เขาจ้องมองอย่างโง่งมไปยังทะเลหญ้าเบื้องหน้าของเขา

“มันช่างอัศจรรย์อย่างแท้จริง!” ท่าทางของถังเทียนก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน

ตาเฒ่าเว่ยเป็นคนแรกที่ฟื้นคืนสติของเขากลับมา ขณะที่เขาพลันดึงถอนใบหญ้าขึ้นมา เพียงไม่นาน เขาก็มีกระบอกเล็กๆภายในมือของเขาพลางใช้มันส่องไปยังหญ้า ก่อนที่เขาจะถอนหายใจอย่างโล่งอก “มันไม่มีพิษ”

“นั่นคือสิ่งใดกัน?” ถังเทียนชี้ไปยังกระบอกเล็กภายในมือของตาเฒ่าเว่ย

“[กระบอกจักษุเที่ยงแท้] มันเป็นสมบัติดาราขั้นโลหะของกลุ่มดารากล้องจุลทรรศน์”ตาเฒ่าเว่ยกล่าวขณะที่เขาส่งกระบอกนั่นไปให้ถังเทียน

ถังเทียนรับมันมา ขณะที่มันอยู่ภายในมือของเขา มันรู้สึกได้ถึงความหนักและมีชิ้นส่วนเล็กๆของแก้วอยู่ภายใน ถังเทียนเลียนแบบการกระทำของตาเฒ่าเว่ยและถอนหญ้าม่วงขณะที่เขาวางมันเข้าไปข้างใน เพียงพบว่ามีตัวอักษรปรากฏขึ้นมาบนแผ่นแก้ว

“หญ้าหมอกม่วง ไร้พิษ วิธีใช้ : ไม่ทราบ”

“โว้ โว้ โว้! สิ่งนี้มันช่างเหลือเชื่อนัก!” ถังเทียนอุทานด้วยความประหลาดใจ

“ให้ข้าดูหน่อย ให้ข้าดูหน่อย!” อาโม่หลี่เอื้อมออกไปคว้ามันไป

“อย่างไรก็ตามมันก็คือสมบัติดารา!” ตาเฒ่าเว่ยมีท่าทางที่เข้มงวด “มันเป็นรางวัลจากสงครามที่ข้าได้ตอนยังหนุ่ม เป็นอย่างไรล่ะ มันน่าประทับใจใช่หรือไม่? โอ้ใช่แล้ว ศาสตราวุธเหล็กดำของเตาหลอม แม้ว่ามันจะไม่ใช่สมบัติดารา ถ้าหากเจ้าใช้ได้ถูกต้อง พวกมันก็จะทรงพลังเป็นอย่างมาก”

พวกเขาทั้งสองพลันตั้งใจฟังในทันที

“เตาหลอมเป็นกลุ่มดาราที่ค่อนข้างแปลก และมันเป็นกลุ่มดาราเดียวที่ปราศจากสมบัติดารา ผู้คนของเตาหลอมมีความรอบรู้ในเรื่องการหลอม และพวกเขาใช้แร่พิเศษของกลุ่มดาราเตาหลอมที่เรียกว่า ‘แผ่นเตาหลอม’ เพื่อเพิ่มการถลุงของพวกเขาและได้รับกลุ่มศาสตราวุธที่มีเอกลักษณ์” ตาเฒ่าเว่ยเริ่มอธิบายว่า “ฉะนั้น ศาสตราวุธของเตาหลอมก็เหมือนกับสมบัติดารานี้เอง ลองกระตุ้นปราณของเจ้าลงไปในศาสตราวุธ แล้วก็อัญเชิญพวกมันดู”

“ฟังดูงี่เง่าเล็กน้อย…” ถังเทียนบุ้ยปาก แต่เขายังคงลองกระตุ้นปราณของเขาลงไปในสนับมือเหล็กดำ ขณะที่เขาเงยหน้าของเขา “จะอัญเชิญมันได้อย่างไรกัน?”

“เอ่อ นี้ ข้าก็มิแน่ใจเหมือนกัน” ตาเฒ่าเว่ยตอบด้วยท่าทางที่มิสามารถไว้ใจได้

ถังเทียน “…….”

เมื่อยามที่ถังเทียนรู้สึกว่าตาเฒ่าเว่ยจะต้องหลอกลวงเขาเป็นแน่ เขาก็รู้สึกได้นิดๆกับการเชื่อมต่อระหว่างสนับมือเหล็กดำของเขา อาจจะเป็นไปได้ว่าตาเฒ่าเว่ยมิได้ล้อเล่น?

ถังเทียนลองพยายามที่จะอัญเชิญมัน ขณะที่เขารวบรวมความกล้าของเขา ก็ร้องเรียกออกเบาๆ “เตาหลอม”

ฟู่!

เปลวเพลิงสีแดงจู่ๆก็ปรากฏออกมาจากสนับมือ และสนับมือของถังเทียนก็ห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงสีแดง อย่างไรก็ตาม ถังเทียนมิได้รู้สึกถึงความร้อนเลย กลับกลายเป็นหญ้าม่วงใต้เท้าของเขาเริ่มที่จะแห้งเหี่ยวราวกับพวกมันสูญเสียความชุ่มชื้น

ถังเทียนจ้องมองอย่างโง่งมไปยังสนับมือเหล็กดำที่ห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงของเขา

เขาช่างสมกับเป็นหนุ่มเทพจริง...

สายตาของตาเฒ่าเว่ยปรากฏความประหลาดใจ

อาโม่หลี่มองไปและลองที่จะกระทำอย่างถังเทียน ขณะที่เขาเรียกเช่นเดียวกันเบื้องหน้าดาบยาวเหล็กดำของเขา “เตาหลอม”

ฟู่ เปลวเพลิงระเบิดออกมาจากดาบ และอาโม่หลี่มองดูราวกับเขากำลังถือไว้ด้วยดาบเพลิง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “โอ้ ว้าว! ทรงพลังอะไรเยี่ยงนี้!”

เจ้าอันธพาลสองตัวนี้...

คิ้วของตาเฒ่าเว่ยกระตุก

เขากระแอมไออย่างบางเบา “มันเรียกว่าเพลิงเหล็กดำ ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของศาสตราวุธเตาหลอม อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับมัน ในอนาคต พวกเจ้าทั้งสองจะต้องเจอศาสตราวุธต่างๆ สมบัติลี้ลับ และเจ้าจะต้องจดจำไว้ว่า มีเพียงการยอมรับจากพวกมันแล้วเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถใช้ออกด้วยพลังแท้จริงของพวกมัน ในอดีต ข้าเป็นกังวลว่าพวกเจ้าอาจจะพึ่งพาพลังของมัน เพียงแต่ในตอนนี้…”

ตาเฒ่าเว่ยเงยหน้าของเขาขึ้นขณะที่เขาสำรวจไปรอบๆที่ราบอันกว้างใหญ่ของหญ้าสีม่วง ก่อนที่จะกล่าวอย่างจริงจัง “พวกเจ้าทั้งสองระวังตัวไว้”

ตลอดที่ราบอันกว้างใหญ่ ปรากฏเงาเลือนลางของผู้คนอื่น บางคนมีวิชาตัวเบาอันน่าเหลือเชื่อ ขณะที่สามารถมองเห็นเป็นเพียงจุดสีดำ

“พวกเราควรจะเร่งรีบหรือไม่?” อาโม่หลี่ก็มองดูเช่นเดียวกัน

“เร่งรีบ? เจ้าจะต้องจดจำไว้ว่า ภายในสถานที่ต่างแดน เจ้าจะต้องไม่รีบร้อนอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า” ตาเฒ่าเว่ยดูคล้ายเป็นผู้รอบรู้ ขณะที่เขามองขึ้นไปยังบนท้องฟ้า “ความต่างของเวลาในที่นี้และเมืองเมฆาดาราประมาณเจ็ดชั่วโมง มันควรจะมืดในเร็วๆนี้ พวกเราจะต้องหาสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อจะพักแรมในยามราตรี”

พวกเขาพลันเห็นตาเฒ่าเว่ยกระทำบางอย่างราวกับเวทมนตร์ และภายในมือของเขาก็ปรากฏเรือสวยงามขนาดเล็ก เรือมีขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าฝ่ามือของเขา แต่มันดูงดงามและชัดเจนทุกลายละเอียด มันกำลังแล่นอยู่อย่างโดดเด่น ตาเฒ่าเว่ยกระตุ้นปราณเข้าสู่เรือ และพวกเขาก็เห็นว่าเรือที่กำลังแล่นอยู่ขยับ ก่อนที่จะชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง

“[นาวาล่องวารี] สมบัติดาราขั้นโลหะจากกลุ่มดาราใบเรือ” ตาเฒ่าเว่ยอธิบายต่อ “มันมีความสามารถเพียงอย่างเดียว ซึ่งคือการค้นหาแหล่งน้ำ ระยะห่างมันน่าจะอยู่ประมาณ 200 ลี้”

ถังเทียนและอาโม่หลี่ต่างรู้สึกหลงใหลในสมบัติต่างๆที่ตาเฒ่าเว่ยได้นำออกมา

ตาเฒ่าเว่ยเก็บนาวาล่องวารีของเขาพลางก้าวเดินไปข้างหน้า “ในฐานะผู้อาวุโส ข้าจะสอนสั่งมือใหม่ทั้งสองอย่างพวกเจ้า บางคราแม้ว่ามันจะเป็นเพียงสมบัติระดับต่ำและธรรมดามันก็สามารถที่จะช่วยชีวิตเจ้าได้”

“เฒ่าบัดซบ ท่านหลอกลวงพวกเราเกี่ยวกับความยากจนของท่าน!” สีหน้าของถังเทียนดำทะมึน

อาโม่หลี่กวัดแกว่งดาบเหล็กดำของเขา ขณะที่เขาปลดปล่อยรังสีสังหาร “ท่านใช้ยันต์ขั้นเงินล่อลวงข้ามายังที่นี้…”

“เอ่อ…” ตาเฒ่าเว่ยคล้ายจะตระหนักได้กว่ากลเม็ดของเขาถูกเปิดโปงแล้ว ขณะที่เขากระแอมไอพลางหัวร่อ “แท้จริงแล้ว ข้าหยิบยืมสิ่งเหล่านี้มาจากสหาย ฮ่าฮ่า…”

“ไปตายซะ!...”

“ท่านกล้าที่จะหลอกลวงเด็กอย่างพวกเรา…”

ท่ามกลางการทะเลาะวิวาทของพวกเขา ความเร็วในการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ การเคลื่อนไหวของตาเฒ่าเว่ยรวดเร็วที่สุด และเขาดูเหมือนจะผ่อนคลาย ความเร็วของถังเทียนก็มิได้ช้าเช่นกัน วิชาระดับสาม [แปดก้าวจักจั่น] ของเขาไม่ได้ใช้ในการเดินทาง แต่เส้นชีพจรปราณของเขานั้นแข็งแกร่ง เขาสามารถที่จะรักษาความเร็วของเขาได้ ในทางตรงกันข้ามอาโม่หลี่มีรูปแบบที่แตกต่างไป เขาวิ่งด้วยขาก้าวยาวๆ ด้วยการเดินทางของทุกคน ทุกย่างก้าวของเขาจมลึกลงไปในโคลน ขณะที่แต่ละย่างก้าวสามารถส่งเขาออกไปข้างหน้าหลายเชียะ เสียงดังก้องขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า เสียงนั้นพอเพียงที่จะทำให้ผู้คนตระหนกภายในเส้นทางของเขาได้

“ถังเทียนเจ้าได้เรียนรู้อันใดบ้างหรือไม่เกี่ยวกับกายากระเรียนที่สองของเจ้า?” ตาเฒ่าเว่ยถามขณะที่เขากำลังวิ่ง และพวกเขาก็เข้าลึกไปในดินแดนที่ราบอันกว้างใหญ่ และไม่มีสัญญาณใดๆของผู้คนรอบๆ

“ไม่เลย” ถังเทียนตอบกลับอย่างหมดหนทาง “มันไม่ขยับเลยสักนิดไม่ว่าข้าจะกระทำเช่นใด ลืมมันซะ ข้าหวังว่า [หมัดจุลวินาศ] จะมีความก้าวหน้าบางอย่าง”

“พื้นฐานถัง มาประลองกันสักคราเถอะ…” อาโม่หลี่กล่าว

“ระวัง!” ตาเฒ่าเว่ยพลันตะโกน

เท้าของอาโม่หลี่กำลังเหยียบไปยังหญ้าหย่อมหนึ่ง ยามเมื่อพลันได้ยินเสียงเตือนดังภายในใจของเขา ก็จัดการทำตามคำเตือนของตาเฒ่าเว่ย เขาดึงเท้าของเขากลับมา

ฟู่!

เงาสีม่วงก็พุ่งออกมาจากพื้นดิน

อาโม่หลี่หดร่างของเขา และกวาดฟันดาบเหล็กดำภายในมือของเขาไปยังเงานั้นอย่างปราดเปรียว

เงาถูกแยกออกเป็นสองส่วน และตกลงไปบนพื้นหญ้า

อาโม่หลี่หยิบยืมแรงของดาบที่เขาฟันออกไป ขณะที่ร่างของเขาก็เหินไปยังตำแหน่งที่ถังเทียนอยู่ ถังเทียนยกมือของเขาขึ้นพลางคว้าอาโม่หลี่ไว้ สีหน้าของเขาซีดขาว ก่อนหน้านี้เขาได้กระทำตามสัญชาตญาณของเขา และในตอนนี้เขาก็คืนสติกลับมาแล้ว เขาตระหนักได้ว่ามันฉิวเฉียดเพียงไร

ท่าทางของตาเฒ่าเว่ยจริงจัง ขณะที่เขาก้าวไปอย่างระวังไปยังตำแหน่งที่เงาสีม่วงหล่นลงไป

แล้วถังเทียนและอาโม่หลี่ก็มองเห็นรูปร่างของเงานั้น

เงาสีม่วงดูคล้ายเป็นเถาวัลย์สีม่วงที่ไขว้พันกัน รูปร่างมันคล้ายดั่งกระเป๋าสานกลมๆ และภายในกระเป๋าก็มีหนามแหลมคมเป็นซี่ๆ ถังเทียนและอาโม่หลี่ทั้งสองรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาหนาวเย็นยามเมื่อเห็นมัน ถ้าพวกเขามิได้ระมัดระวังเพียงพอและถูกมันโจมตีแล้วล่ะก็ พวกเขาก็คงจะ...

สีหน้าของอาโม่หลี่ขาวซีด

ตาเฒ่าเว่ยหยิบเอา [กระบอกจักษุเที่ยงแท้] และส่องลงบนเถาวัลย์พลางกล่าว “เจ้าจะต้องระมัดระวังไว้ มันเรียกว่ากรงขังม่วง และมันอันตรายอย่างยิ่ง หนามของมันเป็นพิษทำให้เป็นอัมพาต มีสารละลายภายในกระเป๋านั้น รากของมันมีค่า แต่พวกมันฝังอยู่ลึกอย่างมากในดิน มันลำบากมากเกินไป”

สีบนใบหน้าของพวกเขาต่างซีดเผือดแล้ว สีของกรงขังม่วงนี้เป็นสีเดียวกับหญ้าหมอกม่วง และมันก็หลบซ่อนตัวอยู่ภายในหญ้า มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะความแตกต่างของมัน ทะเลหญ้าม่วงนี้กลับกลายเป็นอันตรายในสายตาพวกเขายิ่งนัก

“ข้ามีวิธีการที่จะจัดการกับสิ่งเหล่านี้” น้ำเสียงตาเฒ่าเว่ยทุ้มลึก และคันเบ็ดก็ปรากฏมาภายในมือของเขา ที่บนปลายของมันห้อยไว้ด้วยคางคก

คางคกร้องอย่างต่อเนื่องขณะที่ถังเทียนและอาโม่หลี่จ้องมองอย่างอยากรู้ มิรู้ว่าตาเฒ่าเว่ยวางแผนจะกระทำอันใด

เพียงเห็นว่าตาเฒ่าเว่ยก้าวไปสองสามก้าวข้างหน้า และขณะที่คันเบ็ดภายในมือของเขาก็เหวี่ยงออกไป เงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นภายในหญ้า

“ฮะ!” ปราศจากการชักดาบออกจากฝักของเขา เขาก็เหวี่ยงปลอกดาบของเขา และเงาร่างสีม่วงก็ถูกแยกออกเป็นสองส่วน หล่นลงท่ามกลางพื้นหญ้า

ถังเทียนและอาโม่หลี่จ้องมองอย่างตื่นตะลึง นี่มันเป็นไปได้หรือ...

หลังจากนั้นไม่นาน

มือของถังเทียนก็ถือไว้ด้วย เจ็ดหรือแปดคันเบ็ด รวบถือพวกมันไว้รวมกัน แต่ละคันห้อยไว้ด้วยคางคก เสียงร้องดังไม่หยุด ขณะที่เขาพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อความสง่างาม อาโม่หลี่จับดาบของเขาเตรียมพร้อม จ้องมองไปยังรอบๆ และตาเฒ่าเว่ยมองอย่างเอ้อระเหยอยู่ด้านหลัง

ทันใดนั้นก็มีเงาพุ่งออกมาจากทุ่งหญ้า และอาโม่หลี่ก็ฟันไปข้างหน้า กวัดแกว่งด้วยดาบของเขา

“เจอเพลงดาบวัวคลั่งของข้าซะ!”

และเงาสีม่วงก็ปรากฏขึ้นอีก

“ลิ้มรสดาบตัดอากาศของข้าซะ!”

“ดูดาบสังหารคางคกของข้าสิ!”

พวกเขาทั้งสองผสานงานร่วมกันเป็นอย่างดี และพวกเขาก็มีความคืบหน้ารวดเร็วอย่างยิ่ง

หลังจากเดินมาเป็นสี่ชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็พบแหล่งน้ำ มันเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ปรากฏในสายตาของพวกเขา มันดูราวกับเป็นอัญมณีสีน้ำเงินขนาดใหญ่ ส่องประกายเกินจะเปรียบเทียบ ขณะที่พวกเขาเข้าใกล้ทะเลสาบ พวกเขาก็พบเห็นสิ่งมีชีวิตมากมาย วานรที่มีปีกกำลังบินอยู่ กิ้งก่าที่ดูคล้ายมัจฉา และนกที่มีหลากสีสันมากมาย เหินบินข้ามผ่านทะเลสาบ

มีก้อนหินสีขาวอยู่มากมายรอบๆทะเลสาบ ขณะที่ตาเฒ่าเว่ยใช้ [กระบอกจักษุเที่ยงแท้] ของเขา พวกเขาก็ค้นพบว่ามันเรียกว่า หินเกล็ดหิมะ และเป็นวัสดุหินที่มีคุณภาพสูง เพียงแต่กับสามคนนี้ พวกมันต่างไม่มีค่าอันใดเลย

ตาเฒ่าเว่ยตัดสินใจที่จะพักแรมในที่นี้ ขณะที่มีสัตว์อสูรมากมาย ซึ่งกล่าวได้ว่าปราศจากสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่ทำให้พวกเขาจะต้องคอยระวัง ซึ่งทำให้ดูค่อนข้างปลอดภัย

ตาเฒ่าเว่ยเตรียมพร้อมมาดี ขณะที่เขาหยิบเอากระโจมออกมาและก่อตั้งมัน

ตอนนี้ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง และค่ำนี้มันดูแตกต่างออกไป แทนที่มันจะเป็นสีส้มแต่มันก็ดูสีอ่อนกว่า

มีเส้นสายหลากสีนับไม่ถ้วนอยู่บนท้องฟ้า จัดเรียงเป็นชั้นๆของสี และมันดูน่าทึ่งอย่างแท้จริง

ตาเฒ่าเว่ยหยิบหินสีดำออกมา ขณะที่เขาเริ่มที่จะก่อไฟ และหินสีดำก็แตกกระจายภายในเปลวไฟ เปลวไฟก็สว่างวาบ ขณะที่ตาเฒ่าเว่ยกล่าวว่า มันเป็นหินจุดไฟ พวกมันสามารถเผาไหม้ได้ตลอดทั้งคืน

พวกเขาทั้งสามจับกลุ่มรอบกองไฟและพูดคุยกัน

ถังเทียนพลันกล่าวถาม “นี่ ตาเฒ่า ทำอย่างไรพวกเราถึงจะได้อันดับหนึ่ง?”

ตาเฒ่าเว่ยพลันถามกลับ “เจ้าต้องการเป็นอันดับหนึ่ง?!”

“อืม” ถังเทียนพยักหน้าด้วยท่าทางที่จริงจังของเขา

อาโม่หลี่มองไปยังถังเทียน “ข้าเห็นด้วยกับพื้นฐานถัง! พวกเราจะต้องได้อันดับแรก!”

“ถ้าพวกเราต้องการที่จะได้อันดับแรก...” ตาเฒ่าเว่ยพลางขบคิดอยู่ชั่วครู่ “พวกเราจะต้องหาหินวิญญาณสำเนียงดารา”

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด