ตอนที่ 042 – เป้าหมายในครานี้
ตอนที่ 042 – เป้าหมายในครานี้
แรงลมกระโชกจากหมัดเบื้องหลังประตูกางเขนดังก้องกังวาน
ภายในสถานที่ที่มิมีการหลั่งไหลของเวลา ถังเทียนยืนอยู่ผู้เดียว ใจเด็ดเดี่ยวตั้งแต่ต้นจนจบ
เสียงทุ้มลึกของหมัดจุลวินาศดังก้องภายในหู ปราณแท้จริงของเขาคล้ายดั่งเป็นเครื่องสายของเครื่องดนตรี ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างทรหดอดทน เป็นวิธีที่เรียบง่ายและน่าเบื่อหน่ายของการฝึกฝน ขณะที่เวลานับถอยหลังไปอย่างเงียบๆ หยาดเหงื่อก็ชุ่มโชกชุดของเขา ด้วยไอที่ระเหยจากตัวของเขา ถังเทียนคล้ายเป็นดั่งเครื่องจักร กระทำซ้ำแล้วซ้ำหลายครั้งหลายครา
ทุกหมัดเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ทุกหมัดคือการต่อสู้
มิมีผู้ใดผู้คุยกับเขา เขาสามารถได้ยินเพียงเสียงลมจากหมัดของเขา การเต้นของหัวใจที่รุนแรงของเขา และหยดเหงื่อที่หลั่งไหลหยดติ่งลงไปบนพื้นหิน
มันช่างน่าเบื่อและจืดชืดอย่างยิ่ง ปราศจากความตื่นเต้น กระทำการใช้ออกวิชาการต่อสู้ที่คุ้นเคยที่เขาได้บรรลุถึงจุดสุดยอดของมันแล้ว ฝึกฝน ทำสมาธิ ฝึกฝนอีกครา และทำสมาธิอีกครา
นอกเหนือจากคราล่าสุด ยามเมื่อเขาสลบไสลเข้าสู่นิทรา ถังเทียนมิได้เสียเวลาเปล่าเพียงสักนิดเดียว
เขาเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง และตราบเท่าที่เขาหลับตาหลง ถังเทียนก็คงจะหลับไป
มันเป็นการต่อสู้ที่ท้าทายอย่างแท้จริง...
ตัวเลขบนประตูกางเขนกระโดดขึ้นจาก 100,000 ถึง 200,000 ก่อนที่จะบรรลุถึง 900,000 ในวันนี้
ความพยายามและหยาดเหงื่อของถังเทียนที่สูญเสียไป มีเพียงประตูกางเขนเท่านั้นที่รู้
ใบหน้าของถังเทียนมิได้มีลักษณะร่าเริงและโหดร้ายเฉกเช่นยามปกติ มีเพียงความมุ่งมั่น ใบหน้าสงบและตรงไปตรงมาแทนที่ด้วยท่าทางที่เจ็บปวด ราวกับเขาถูกเชือดเฉือนด้วยดาบ และความเจ็บปวดได้ปรากฏภายในดวงตาของเขา
สายตาของเขาไล่ตามภาพของหมัดของเขา
ทันใดนั้นร่างของเขาก็สั่น และปรากฏภาพของความเข้าใจภายในร่างของเขา
ชั่วครู่ การสั่นอันคลุมเครือเริ่มจากบ่อตันเถียนที่สาม
“วินาศ!”
ทันใดนั้น เสียงคำรามก็ดังกังวาน ถังเทียนขยับขาของเขารวดเร็วดังอัสนีบาต และหนึ่งหมัดก็ระเบิดออกไป!
ปราณแท้จริงที่ปลดปล่อยออกมาจากทั่วร่างของเขา ราวกับเส้นสายนับไม่ถ้วนถูกดึงออกมาพร้อมกัน ขณะที่คลื่นอันนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหว ซึ่งคล้ายกับคลื่นนับหมื่นต่างมารวมกันที่หมัดของถังเทียนและปลดปล่อยออก
หมัดของถังเทียนชกออกไปที่กำแพงหมอกปราศจากเสียงและปราศจากการแจ้งเตือน
ปุ!
เสียงที่ดังนุ่มนวลอย่างยิ่ง ราวกับว่ามันมิได้ใช้พลังรุนแรงอันใดเลย
หมัดนี้แทบจะผลาญปราณแท้จริงของถังเทียนไปทั้งหมด ความเหนื่อยล้านี้ทำให้เขาหน้ามืด แต่เขายังคงรักษาท่าทางของการชก และมิได้ขยับเขยื้อนตัวเลย
แฮ่ก… แฮ่ก...
เสียงหายใจอย่างหนักราวกับเขาสูบลม หยาดเหงื่อไหลลงบนแก้มของถังเทียน ใบหน้าอันคมคายของถังเทียนดูแข็งค้างราวกับรูปสลัก
แฮ่ก… แฮ่ก… มันสำเร็จแล้วหรือ…? ฮู...
ปัง!
กำแพงหมอกเบื้องหน้าของเขาทันใดนั้นก็กลายเป็นพังทลายลง ก่อเกิดเป็นชิ้นส่วนเม็ดเล็กๆนับไม่ถ้วนของกำแพงหมอกและสลายหายไปในอากาศ
แฮ่ก… สำเร็จแล้ว...
สภาพแวดล้อมของเขาเริ่มที่จะหมุนวน
มันหมดเวลาแล้วงั้นรึ?
กลับมาภายในห้องของเขา ถังเทียนนอนอยู่บนพื้นกรนเสียงดังลั่น
เขามิรู้ได้ว่าเขานอนหลับไปยาวนานเท่าใด แต่ขณะที่เขาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย มันก็เป็นยามราตรีแล้ว และความหิวโหยจู่โจมไปทั่วร่างของเขา ขณะที่มือและขาของเขาเมื่อยล้า ถังเทียนรู้สึกได้ว่าเขาสามารถที่จะกินวัวได้ทั้งตัวด้วยตัวคนเดียว
“อาหาร อาหาร รีบออกมาเร็ว รีบออกมาเร็ว…”
ถังเทียนกลืนน้ำลายของเขาพลางพึมพำอย่างบ้าคลั่ง กำลังมองหาอาหาร โชคดีที่ทุกคนที่สถาบันคาราเมลเป็นพวกนักกิน และด้วยระยะห่างที่ไกลจากเมืองเมฆาดาราอย่างยิ่ง ก็มีอาหารตุนไว้มากมายเหลือเฟือ ถังเทียนรีบคว้าขนมเปี๊ยะชิ้นใหญ่อย่างรวดเร็วพลางกลืนกินมันทั้งอัน
ทันใดนั้นสายตาของเขาก็มองไปยังลานฝึกซ้อม
อาโม่หลี่กำลังนั่งพิงรั้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังขบคิดบางอย่างอยู่
แมลงวันวัว...
ถังเทียนรู้สึกสับสน ถ้าแมลงวันวัวกำลังพึมพำเกี่ยวกับในเรื่องบ่มเพาะ ถังเทียนจะแสร้งทำเป็นว่าเขามิได้เห็นคนเสเพลบ่มเพาะอย่างแปลกประหลาด เพียงแต่มันหายากนักที่จะเห็นสีหน้าเป็นกังวลบนใบหน้าของเขา
ด้วยขนมเปี๊ยะที่อยู่ในปากของเขา ถังเทียนลุกขึ้นพลางไปปรากฏตัวข้างขวาของอาโม่หลี่
“แมลงวันวัวเจ้ากำลังขบคิดอันใดบางอย่างงั้นหรือ?”
อาโม่หลี่เงยหน้าของเขาขึ้นพลางพึมพำ “พวกเราจะต้องไปยังประตูดาราในวันพรุ่งนี้และข้า...ข้ารู้สึกกังวลเล็กน้อย”
ด้วยความตกใจ ถังเทียนปลอบเขา “อย่าได้เป็นกังวล บุรุษหนุ่มเทพผู้นี้จะช่วยเหลือเจ้าเอง!”
การได้อยู่กับอาโม่หลี่มาเป็นเวลานาน ถังเทียนเข้าใจเขาเป็นอย่างดี แม้ว่าอาโม่หลี่อาจจะดูหยาบและแข็งแรงแต่ภายใน เขาเป็นบุคคลที่ค่อนข้างใจดีและขลาดเขลา
“ข้าได้ยินมาว่าถ้าหากเจ้าบุกเบิกดินแดนด้วยวิธีนี้ มันจะเป็นอันตรายยิ่งนัก…” อาโม่หลี่ยังคงพึมพำต่อ
“มีอันใดที่จะต้องกลัวกัน!” ถังเทียนตบไปยังไหล่ของอาโม่หลี่ “เจ้าเป็นบุรุษผู้ที่ซึ่งกำลังจะสร้างสรรค์เส้นทางเต๋าของตนเอง! เจ้าจะแค่มองมันเป็นเพียงการฝึกฝนอย่างหนึ่งและก็มิจำเป็นต้องไปกังวลอันใด! อันตรายที่พวกเราต้องเผชิญ พวกเราจะผ่านมันไปด้วยกัน!”
อาโม่หลี่คล้ายผ่อนคลายกว่าเดิมและเขาก็พลันถาม “พื้นฐานถัง เจ้ามิเกรงกลัวเลยหรือ?”
“ไม่เลย” ถังเทียนพิงรั้วพลางเคี้ยวขนมเปี๊ยะขณะที่เขากล่าว “ข้าได้คิดเกี่ยวกับมันแล้ว ข้าจะกอบกู้คืนอันดับหนึ่งกลับมาเพื่อตาเฒ่าเว่ย เขาได้มอบตำราปราณกระเรียนให้ข้า และเขายังเป็นคนดี แม้ว่าข้าจะมิรู้ว่าตาเฒ่าเว่ยเป็นคนดีเพียงใด หรือทำไมเขาจะต้องปกป้องสถาบันคาราเมลนี้ ข้าก็คิดว่าเขาจะต้องมีเหตุผลของเขา ทุกคนจะต้องมีบางสิ่งที่จะต่อสู้เพื่อมัน ตั้งแต่นี้ไม่ว่าตาเฒ่าเว่ยต้องการจะกระทำสิ่งใด ข้าก็จะช่วยเหลือเขา ข้าต้องการที่จะชนะผู้คนอื่น ได้รับอันดับหนึ่งและมอบมันให้กับตาเฒ่าเว่ย ด้วยการผ่านทางนี้ สถาบันคาราเมลจะทรงพลังยิ่ง! แล้วจากนั้นข้าก็จะขอตาเฒ่าเว่ยให้พาอาจารย์เฉินมายังสถาบันคาราเมลนี้ อาจารย์เฉินเป็นอาจารย์ที่ดีอย่างยิ่ง เมื่อยามที่ข้าสะสางทุกสิ่งเสร็จสิ้น ข้าจะมุ่งไปหาเชียนฮุ่ยโดยที่ไม่ต้องเสียใจอันใด บนเส้นทางสวรรค์ โอ้ นี่คือเป้าหมายในครานี้ ข้าจะต้องทำให้สำเร็จ!”
“อันดับ… อันดับหนึ่ง...” อาโม่หลี่จ้องมองอย่างว่างเปล่า
“งั่มงั่ม” ถังเทียนกล่าวขณะที่เขากินขนมเปี๊ยะของเขา “ยามเมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว ข้าต้องการที่จะไปหาเชียนฮุ่ย แม้ว่าข้าจะต้องจากไป ข้าจะต้องนำชัยชนะไปกับข้าด้วย ดังนั้นข้าจึงจะไร้ความเสียใจอันใด”
อาโม่หลี่งุนงง
ถังเทียนพลันหันไปหาเขา “แมลงวันวัว ทำไมเจ้าถึงต้องการที่จะสร้างเส้นทางเต๋าของตัวเองกัน?”
อาโม่หลี่กลับมาสู่ความเป็นจริงพลางเกาหัวของเขา “ยามเมื่อข้ายังเยาว์ ข้าคิดว่ามันเป็นสิ่งที่สง่างาม ยามเมื่อข้าเติบโตขึ้น ข้าก็มิรู้แล้วว่าทำไม และเช่นเดียวกับทุกคราที่ข้าคิดเกี่ยวกับมัน ข้าก็มีความกระตือรือร้นและมีแรงกระตุ้นเป็นอย่างมาก บางทีข้าอาจรู้สึกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่มีเกียรติ”
“งั้นเจ้าเกรงกลัวหรือไม่?” ถังเทียนกัดไปที่ขนมเปี๊ยะของเขา “เกรงกลัวหลังจากที่เพียรพยายามแล้ว เจ้าอาจจะมิได้รับอะไรตอบแทนกลับมา? เกรงกลัวที่แม้ว่าเจ้าจะฝึกฝนหนักหนาเพียงใด แต่เจ้าก็อาจจะห่างไกลจากเป้าหมายของเจ้า?”
อาโม่หลี่ส่ายหัว “มีอันใดที่จะต้องเกรงกลัวกัน มันเป็นการฝึกบ่มเพาะและมันเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมมาก มันสง่างามเยี่ยงไร น่าเบื่อเยี่ยงไรมันก็มิได้เปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน! ยามเมื่อข้ายังเยาว์ ข้าสามารถที่จะทำอันใดก็ได้ตามที่ข้าต้องการ ข้าอาจจะเพียงแค่รู้สึกน่าสมเพชเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มีเพียงแค่นั้น”
“งั้นทำไมเจ้าถึงจะต้องเกรงกลัวในการต่อสู้?” ถังเทียนเสร็จสิ้นจากการเคี้ยวขนมเปี๊ยะชิ้นสุดท้ายหันไปมองอาโม่หลี่อย่างจริงจัง “เจ้าฝึกฝนอย่างหนักและบ่มเพาอย่างหนักมาเพื่อสร้างเส้นทางเต๋าของตัวเอง เส้นทางเต๋าต่างได้รับมาจากชัยชนะ ความหมายที่จะบอกคือถ้าเจ้าจะสร้างเส้นทางเต๋าแล้วไม่ได้คิดถึงชัยชนะเลยหรือ? มีเพียงยามที่เจ้าต่อสู้เท่านั้นที่จะได้รับชัยชนะ แต่ละชัยชนะก็คล้ายดั่งการก้าวขึ้นไปบนแท่นหิน และแต่ละชัยชนะ เจ้าก็ย่างก้าวเข้าใกล้เป้าหมายของเจ้า ศัตรูของเจ้าก็จะแข็งแกร่งขึ้น และต้องได้ชัยต่อพวกเขา เส้นทางเต๋าของเจ้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นและบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบ”
“เริ่มต่อสู้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เอาชัยศัตรูคนแล้วคนเล่าและอย่าได้เกรงกลัวความล้มเหลวหรือความตาย อย่าได้ถอย!” ถังเทียนกล่าว “ไปทำลายพวกเขาให้หมด เคียงข้างกัน”
ถังเทียนยกฝ่ามือขวาของเขาขึ้น
ลำแสงของดวงตะวันแรกส่องผ่านป่าและสาดลงไปบนฝ่ามือของบุรุษหนุ่ม
อาโม่หลี่ถูกกระตุ้น ราวกับว่ามีบางอย่างที่เกิดขึ้น เขากล่าวอย่างจริงจัง “พื้นฐานถัง เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว! มันมิมีความหมายอันใดเลยที่จะสร้างเส้นทางเต๋าและมิได้นำชัยชนะมาได้!”
เพียะ!
สองฝ่ามือปรบกันกลางอากาศ
“ทำลายพวกเขาทั้งหมด!”
ทั้งสองตะโกนอย่างพร้อมเพียงพลางหัวร่อขณะที่มองหน้ากัน
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
การรักษาความปลอดภัยที่ประตูดาราแน่นหนานัก
ประตูดาราแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในถ้ำท่ามกลางภูเขาและหุบเขาอันรกร้าง พวกเขาขยายขนาดของถ้ำและมันเห็นได้ชัดว่าการดำเนินการเกิดขึ้นได้ไม่นาน เห็นได้อย่างชัดเจนจากรอยบิ่นของขวาน
เบื้องหน้าประตูดารา สถาบันหลายแห่งรอคอยที่จะเข้าไป… น่าแปลกใจที่เจ้าเมืองปฏิเสธคำร้องขอที่จะเข้าร่วมอื่นๆ แต่พวกเขาผู้ที่ซึ่งได้รับการตอบรับและถูกเลือกสามารถก่อตั้งกลุ่มและต่อสู้กับสถาบันอื่นๆได้
ถังเทียนศึกษาประตูดาราอย่างระมัดระวัง และพลันสังเกตเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างประตูกางเขนของเขา และประตูดาราเบื้องหน้าเขา นอกจากนี้เครื่องหมายกางเขนก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
เว้นเสียแต่ว่าประตูกางเขนก็เป็นเช่นเดียวกันกับประตูดารา?!
แต่ประตูกางเขนมาอยู่ภายในร่างกายเขาเองได้เยี่ยงไร?
อื้ม… คำถามนี้คล้ายจะดูซับซ้อนเกินไปเล็กน้อย...
กลุ่มแรกที่ได้รับอนุญาติให้เข้าไปยังประตูดาราคือสถาบันผลึกฟ้า ผู้ที่นำเหล่าศิษย์คืออาจารย์ใหญ่ของผลึกฟ้าและซือหม่าเซียงซาน เพียงแต่สีหน้าของผู้คนอื่นดูเคร่งครึมและเข้มงวด กลุ่มที่สองเป็นของสถาบันนางแอ่นเหนือและเช่นเดียวกันผู้นำของพวกเขาคืออาจารย์ใหญ่ เพียงแต่ศิษย์สตรีเขาคู่กับกระบี่มองดูสวยงามและสง่างามอย่างยิ่ง มันช่างเป็นภาพที่งดงามจริงๆ
ถังเทียนสามารถจดจำหานปิงหนิงได้ในทันทีพลางกระโดดโบกมือขณะที่เขาตะโกน “อ้า! คุณหนู คุณหนู! ขอให้โชคดี!”
การย่างก้าวของหานปิงหนิงแปรเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าลงและศิษย์สตรีด้านหลังนางก็ก้มหัวลงพลางหัวเราะคิกคัก
“โอ้ นั่นคือถังเทียนงั้นหรือ?” อาจารย์ใหญ่ผู้ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าพลันหันมากล่าวถาม
หานปิงหนิงกลับมาสู่ความเป็นจริงพลางกล่าวตอบอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว อาจารย์ใหญ่”
“อันที่จริง เขาก็เป็นบุรุษที่มีพรสวรรค์!” อาจารย์ใหญ่ของนางแอ่นเหนือกล่าวชื่นชม
บุรุษหนุ่มที่มีพรสวรค์...
เปลือกตาของหานปิงหนิงกระตุก
“หยวนหยวน! สู้สู้!”
เสียงตะโกนของถังเทียนดังขึ้นอีกครา หานปิงหนิงแทบจะสามารถจินตนาการได้เลยว่าเสิ่นหยวนจะมีความรู้สึกคันขยิบเยี่ยงไร และท่าทางของนางก็กลายเป็นสงบนิ่ง
แท้จริงแล้ว ความสุขต่างได้รับจากการแข่งขัน...
เมื่อยามถึงคราวของสถาบันสันติธรรม ผู้คนก็อ้าปากค้างเป็นคราแรก
“ช่างเป็นจิตวิญญาณขุนพลที่ทรงพลังอันใดเยี่ยงนี้! เป็นรัศมีที่ทรงพลังอย่างยิ่ง!”
“มันจะต้องเป็นยันต์ขุนพลที่มีชื่อเสียงเป็นแน่!”
“จิตวิญญาณหอกเดียวดาย! อ๊า! มันคือจิตวิญญาณหอกเดียวดาย!”
……
…
เสียงกรีดร้องดังผ่านเข้าไปยังหู ในใจของโจวเผิงไม่มีความภาคภูมิแม้แต่น้อยนิด เขาจ้องมองไปยังถังเทียนด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
ถังเทียนจ้องมองไปยังโจวเผิงและเห็นเขาจ้องมองกลับมา ในทันทีเขาก็เกิดความคิดพลางกระซิบบอกบางอย่างกับอาโม่หลี่ อาโม่หลี่พยักหน้าพลางมองไปยังโจวเผิงด้วยความมุ่งร้าย
ทั้งสองแยกตัวออกมาพลางยืนเผชิญหน้ากัน
ทั้งสองเริ่มจะขยับตัวเคลื่อนไหวแปลกๆ และในทันทีมันก็ดึงดูดความสนใจผู้คนรอบๆ
เพียงมองดูอาโม่หลี่ที่เริ่มเลียนแบบโจวเผิง ขณะที่เขากดไปบนลำคอของเขา เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงหนาวเสียดไปจนถึงกระดูกสันหลังของผู้คน “โฮะโฮะ นี้มิใช่จอมเผด็จการถังของสถาบันสันติธรรมหรืออย่างไร? ทำไมเขาช่างดูเหนื่อยล้ายิ่งนัก?”
ถังเทียนก็เลียนแบบเช่นเดียวกันด้วยรอยยิ้มที่สดใส “เยี่ยมมาก ข้ามิคาดคิดว่าเจ้าจะส่งตัวเองมาหาข้าในที่นี้!”
ถังเทียนก็ชกหมัดของเขาออกไปอย่างช้าๆ ขณะที่อาโม่หลี่จ้องมองไปยังเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เขาพองแก้มของเขาราวกับเขากำลังใช้พลังอย่างมากและใช้ออกฝ่ามือของเขาอย่างช้าๆ
หมัดและฝ่ามือสัมผัสกันอย่างบางเบา
หลังจากนั้นอาโม่หลี่ก็กุมฝ่ามือของเขาพลางกรีดร้องด้วยเสียงที่รุนแรงยิ่งขึ้น “ข้าจะสังหารเจ้า! ข้าจะสังหารเจ้า!”
ในช่วงเวลานี้ ด้วยร่างที่เป็นดั่งอสูรกายของเขาที่เลียนแบบอยู่ก็บิดเบี้ยว ราวกับว่าเขาได้รับบาดเจ็บ มันดูน่ากลัวอย่างยิ่ง
ทั้งสองกำกับและแสดงออกฉากเบื้องหน้าด้วยตัวของพวกเขาเอง พวกเขามิสามารถที่จะแสดงต่อไปได้อีกพลางเริ่มระเบิดหัวเราะ ผู้คนรอบตัวพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าพวกเขากำลังแสดงออกท่าทางการขัดแย้งระหว่างโจวเผิงและถังเทียน ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปแล้ว อย่างมิคาดคิดทั้งสองคนต่างแสดงท่าทางนั้นขึ้นในวันนี้อีกครา การแสดงอาโม่หลี่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่งและหลายคนอดมิไม่ได้ที่จะหัวร่อ
ใบหน้าของโจวเผิงรุ่มร้อน เขากำหมัดของเขาแน่นและทำให้นิ้วของเขาแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด มีเหล่าสายตาเยาะเย้ยดูถูกเขาอย่างที่มิเคยเห็นมาก่อน
ถังเทียน! อาโม่หลี่!
ข้าต้องการที่จะเลาะกระดูกของเจ้าแปรเปลี่ยนเป็นขี้เถ้าและโยนมันทิ้งยามเมื่อเจ้าตายตก!
เพียะ!
ถังเทียนและอาโม่หลี่แปะมือกันอย่างมีความสุข
“เจ้าแสดงบทผู้ฝีมือต่ำต้อยได้ดียิ่ง!” ถังเทียนยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น
“ขอบคุณสำหรับคำชมเชย” อาโม่หลี่คำนับอย่างสุภาพ
ทั้งสองหัวร่อพลางทำให้ภาพลักษณ์ของโจวเผิงดูคล้ายน่าสมเพชยิ่งขึ้น แม้กระทั้งจิตวิญญาณขุนพลก็ยังดูคล้ายหมองคล้ำเลือนลาง กระทั่งผู้คนจากตระกูลโจวก็ยังถอยห่างจากโจวเผิงพร้อมกัน ด้วยการกระทำของถังเทียนและอาโม่หลี่นี้มันช่างเลวร้ายจริงๆ
หลังจากเวลาผ่านไปนานแล้ว ก็ถึงคราของสถาบันคาราเมล
“เข้าไปกันเถอะ!” ตาเฒ่าเว่ยเดินไปเบื้องหน้า สีหน้าของเขามั่นคง ภายในมือเขาถือไว้ด้วยดาบที่พุพังมีรอยเปรอะเปื้อน มันดูคล้ายราวกับเขาพบมันมาจากกองขยะ
ถังเทียนและอาโม่หลี่ติดตามอย่างใกล้ชิดพลางก้าวผ่านไปยังประตู
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ