ตอนที่ 039 – วิญญาณนิล
ตอนที่ 039 – วิญญาณนิล
“กระบี่เล่มนี้ติดตามปรมาจารย์กระเรียนมาตลอดชีวิตของเขา และมันยังมีความสามารถพิเศษที่เชื่อมโยงกับวิชาการต่อสู้ของนิกายกระเรียน มันเป็นเพราะกระบี่เล่มนี้ที่ทำให้ข้าสามารถสัมผัสรับรู้ได้ถึงใครบางคนที่สามารถบ่มเพาะพลังทวิกายากระเรียน ถ้าเจ้านำมันไปด้วย มันสามารถที่จะช่วยให้เจ้าพบฝ่ายตรงข้ามได้ ข้ามิรู้ว่าเขานั้นเป็นใคร แต่ข้าเชื่อในความสามารถของเจ้า ถ้าเจ้ามิสามารถกอบกู้นิกายกระเรียนได้ มันก็คงจะถึงคราวที่มันจะต้องล่มสลาย”
“ไปซะ ไปร่ำลามารดาของเจ้า”
ดวงตาของผู้อาวุโสกระเรียนเปล่งประกายลึกซึ้ง พลางยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าย่นของเขา
เฮ่อผูกกระบี่ไว้ที่เอวของเขาด้วยด้ายสีเงินอย่างจริงจัง และทำให้เกิดรอยย่นพับบนชุดของเขาซึ่งปราศจากร่องรอยเปื้อน การแสดงออกของเขากลับมาสงบอีกครา เขาหันไปหาผู้อาวุโสกระเรียนและโค้งคำนับอย่างสุภาพ ก่อนที่เขาจะหันจากไป
บุรุษหนุ่มสวมใส่ชุดสีขาวพลางห้อยไว้ด้วยกระบี่ของเขาขณะที่เดินลงบันไดเข้าสู่เส้นทางสวรรค์ ย่าวก้าวของเขาสง่างาม ขณะที่ลมภูเขาพัดผมสีเงินของเขาปลิวไสว ใบหน้าของเขายังคงอ่อนโยนและสง่างามดั่งเช่นหยก เขามองดูคล้ายมั่นคงและสงบนิ่ง
เหล่าศิษย์ของนิกายกระเรียนผู้ที่เดินผ่านเขาไป มองไปภายในดวงตาของเขาพลางรู้สึกได้ถึงความซับซ้อนบางอย่างที่สุดจะพรรณนา
พบเจอกับเงาร่างที่แน่นหนาราวกับกระบี่ คำกล่าวทั้งหมดคล้ายจะเป็นเพียงไร้กำลังและใช้การไม่ได้
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
ในส่วนของขนาดหอตำราของนางแอ่นเหนือมิต่างอันใดจากหอตำราผลึกฟ้า อาจารย์ใหญ่ของนางแอ่นเหนือต่างเป็นผู้เก็บสะสมทั้งหมด หลังจากการเก็บสะสมรุ่นสู่รุ่น พวกเขาก็สามารถจัดการสร้างหอตำราขนาดอันน่าอัศจรรย์ได้
หอตำรามีการแบ่งขอบเขตอย่างเคร่งครัด แต่หานปิงหนิงมีอำนาจในการเข้าถึงที่สูงสุด นางสามารถที่จะเข้าไปเรียกดูตำราบันทึกโบราณใดๆก็ได้ตามที่นางปรารถนา
เพียงแต่วันนี้ นางมิได้ฆ่าเวลาเพื่อให้มันผ่านไป
นางหยิบตำราออกมาและวางพวกมันกลับเขาไปอีกคราอย่างต่อเนื่องตลอดเที่ยงวัน ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้งหลายครา
ทันใดนั้นนางก็หยุดยั้งฝีเท้าของนางและถูกดึงดูดโดยบันทึกโบราณที่อยู่ภายในมือนาง
“สภาวะบ้าคลั่ง ยามเมื่อผู้คนตกอยู่ภายใต้อารมณ์เชิงลบอย่างมาก ผู้คนนั้นจะถูกผลักดันเข้าสู่สภาวะพิเศษ พลังของความบ้าคลั่งของนักสู้จะเพิ่มขึ้นอย่างยิ่ง มันครอบงำสามารถทางร่างกายในการสังหาร ความดุร้ายและอารมณ์เชิงลบจะถูกครอบงำทั้งหมด
โอกาสที่คนสามัญธรรมดาจะเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งมีเพียงน้อยนิด
มีบุคคลอยู่สองประเภทที่สามารถจะเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งได้อย่างง่ายดาย บุคคลแรกคือบุคคลที่มีสายเลือดพิเศษ หรือบุคคลที่สอง ผู้ที่ซึ่งเป็นนักสู้แห่งความมืด ยามเมื่อนักสู้ผู้ที่ซึ่งมีสายเลือดพิเศษเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่รุนแรง พลังอันซ่อนเร้นภายในสายเลือดของเขาจะถูกปลุกและกดดันบุคคลนั้นเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง ในขณะที่ นักฆ่า นักลอบสังหาร และนักสู้แห่งความมืดอื่นๆ ได้สะสมความรู้สึกเชิงลบมากเกินไปยามเมื่อทำการสังหาร และดังนั้นมันคงจะง่ายสำหรับพวกเขาที่จะเข้าสู้สภาวะบ้าคลั่ง…”
หานปิงหนิงอ่านคำแล้วคำเล่า วันที่ถังเทียนต่อสู้กับแรดเหล็กเกราะดำ เขาก็เข้าสู่สถาวะบ้าคลั่ง และทิ้งความประทับใจอย่างลึกซึ้งในใจนาง
ถังเทียนช่างเป็นบุคคลที่เต็มไปด้วยความลึกลับและคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญทั้งหมด แต่เมื่อเวลาผ่านไป หานปิงหนิงมีความรู้สึกว่าความบังเอิญเหล่านี้มิใช่เพียงเรื่องความบังเอิญ
นักสู้แห่งความมืด? ยามเมื่อหานปิงหนิงนึกถึงถังเทียน นางก็นึกถึงความร่าเริงของเขานางพลางส่ายหัวอย่างไม่หยุด คนเสเพลเช่นนั้นจะเป็นนักสู้แห่งความมืดได้เยี่ยงไรกัน?
ถ้างั้น มันสามารถจะเป็นได้เพียงเขามีสายเลือดพิเศษ!
มันอาจจะเป็นไปได้ว่าถังเทียนนั้นมีสายเลือดพิเศษหรือไม่?
หานปิงหนิงตกตะลึงอย่างมาก ในที่ที่นางอยู่ยืนอยู่ในตอนนี้
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
บึงหยกทะเลไผ่
ยามเมื่อถังเทียนเหินผ่านทะเลไผ่ เขาใช้ออกด้วยความยืดหยุ่นของกิ่งไผ่พลางเหยียบย่างแผ่วเบา มุงไปข้างหน้าเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวของเขาอาจจะไม่สง่างาม แต่มันก็รวดเร็วอย่างมาก แต่ละย่างก้าวมีความแม่นยำอย่างยิ่ง ถ้าหากเขาพบต่อฟันเลื่อยในระหว่างทาง เขาจะใช้ออกด้วยฝ่ามือไร้เงาสังหารพวกมัน
ยามเมื่อฝ่ามือไร้เงาและวิชาตัวเบาถูกนำมาใช้ภายใต้สถานการณ์เช่นทะเลไผ่นี้ มันสามารถที่จะประยุกต์ใช้ได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อไม่กี่วันก่อน ถังเทียนทุกข์ทรมานจากการก่อสร้างกายากระเรียนน้อยตัวที่สอง แต่เขากลับพบว่ากายากระเรียนน้อยตัวนี้มิยอมรับฟังคำสั่งของเขาเลย ไม่ว่าถังเทียนจะกระตุ้นมันเยี่ยงไร มันก็มิยอมขยับเขยื่อน ยันต์จิตวิญญาณ [ตำราปราณกระเรียน] มันไม่มีความเข้าใจสักนิดเลย ยามเมื่อเขาได้กล่าวถามตาเฒ่าเว่ย ตาเฒ่าเว่ยเพียงมองเขาด้วยอาการมึนงง
ถังเทียนก็โยนมันทิ้งไปด้านข้าง เพียงไม่นาน ยามเขากำลังฝึกฝนวิชาตัวเบา เขาก็ตระหนักได้ว่าความทนทานของเขาช่างน่าทึ่งนัก
ขณะที่ถังเทียนเหินไปมาภายในทะเลไผ่ เขาก็พลันหยุดลงพลางมองดูเวลา ทำไมน่านน่านถึงยังไม่มาในวันนี้?
ยามปกติ น่านน่านจะมาอยู่รอบๆแล้วในตอนนี้ ทำไมนางยังคงไม่มา? หรือว่านางพบเจออุบัติเหตุอันใดในระหว่างทาง?
ถังเทียนรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย เขาเคลื่อนไหวขาของเขา เอียงร่างและเข้าไปลึกภายในทะเลไผ่ เขารู้ว่าที่ใดที่น่านน่านอยู่ดังนั้นเขาจะตัดสินใจไปดูยังสถานที่นั้น
การเคลื่อนไหวของถังเทียนแม้ไม่ประทับใจแต่ความเร็วของเขาก็รวดเร็วนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความหนาแน่นของปราณแท้จริงของเขา มันใช้ออกได้เป็นเวลานานอย่างมาก ยามปกติถ้าหากเขากลั้นหายใจด้วยปราณ เขาสามารถที่จะเหินไปได้ไกลปราศจากการหายใจได้เลย
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากระยะไกลเสียงที่ได้ยินคล้ายกับเสียงปะทะกันของดาบและกระบี่
ถังเทียนเบิกตากว้าง ปราศจากความลังเลใจเขาใช้ออกวิชาตัวเบาอย่างต่อเนื่อง ภายในอากาศเงาร่างของเขาก่อตัวจนเป็นกลุ่มเงาหลายร่าง
ด้วยความรวดเร็วกระท่อมไม้ไผ่ก็ปรากฏเบื้องหน้าเขา
นั่นคือบ้านของน่านน่าน
ถังเทียนมิได้รีบพุ่งออกไปในทันที เขาหรี่ตาพลางเอียงตัวเบียดออกจากต้นไผ่อย่างเงียบๆ
มารดาของน่านน่านโบกกระบี่เหล็กของนางพลางปัดป้องบุรุษในชุดดำ บุรุษในชุดดำปกปิดใบหน้าของเขาด้วยหน้ากาก เปิดเผยเพียงดวงตาคู่หนึ่ง เขาใช้ออกด้วยดาบคู่และวิชาดาบของเขาแปลกประหลาดอย่างยิ่ง แสงอันเยือกเย็นเปล่งออกมาจากดาบราวกับหิมะ บุรุษชุดดำล้อมรอบตัวเขาไปด้วยเกล็ดหิมะ
มารดาของน่านน่านใช้กำลังด้วยทั้งหมดของนาง นางบีบบังคับตัวเองให้แข็งแกร่งและไม่ยอมถอย น่านน่านหลบอยู่ในมุมหนึ่ง ใบหน้าเล็กๆเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแต่นางก็มิกล้าที่จะร้องไห้ ราวกับนางกลัวที่จะทำให้มารดาของนางเสียสมาธิ
ดวงตาของถังเทียนชื่นชมยิ่งนัก เขาเอาสนับมือเหล็กดำออกมาจากคลังศาสตราวุธคนโทอย่างเงียบๆ
นี่เป็นคราแรกที่ถังเทียนมีส่วนร่วมในการต่อสู้เช่นนี้ แต่เขาก็มิได้เกรงกลัวภายในหัวใจของเขา เขารู้สึกสงบอย่างมิเคยเป็นมาก่อน ยามเมื่อเขาสวมใส่สนับมือเหล็กดำ เขาก็เข้าใกล้พวกเขาอย่างเงียบๆราวกับเขาเป็นดั่งจิ้งจอก เฝ้ารอโอกาสที่จะโจมตี
มานดาของน่านน่านเริ่มที่จะหมดกำลังขณะที่คู่ต่อสู้พ่นเกล็ดหิมะอย่างหนาแน่นขึ้น ความเย็นกัดไปถึงกระดูก
ดวงตาบุรุษชุดดำสว่างวาบพลางคำราม ดาบคู่ผสานติดกันและก่อเกิดรังสีของเสี้ยวลำแสง ฟาดฟันมันลงมา
มารดาของน่านน่านกรีดร้องออกมา!
ในช่วงเวลานั้น ถังเทียนก็ปล่อยกำลังของเขาทั้งหมดไปที่ขาของเขาและกระโจนไปข้างหน้าราวกับเขาเปรียบดั่งศรหลุดออกจากแหล่ง
บุรุษชุดดำตกใจ ขณะที่ดาบคู่ผสานกันมันเป็นกระบวนท่าสังหารของเขา เขามิได้เก็บงำความรุนแรงใดๆเลย และดวงตาของเขาก็รู้สึกตกใจในสิ่งที่เขาเห็น
ยามเมื่อมารดาของน่านน่านเห็นถังเทียน สีหน้าสิ้นหวังของเขาพลันเปล่งประกายไปด้วยสีสัน กระบี่เหล็กในมือของนางก็พุ่งไปข้างหน้าแทนที่จะถอยกลับ
เคร้ง
ขณะที่ดาบและกระบี่ปะทะกัน กระบี่เหล็กก็ระเบิดแตกออกเป็นชิ้นๆ
รังสีของอัสนีบาตทำให้ไขว้เขวผ่าและฉีกกระชากอากาศออก กระทบถูกเอวของบุรุษชุดดำอย่างหนักหน่วง
[อัสนีบาตสังหาร]!
บุรุษชุดดำกรีดร้องและจิตใจของถังเทียนพลันมืดมัว เขาคล้ายสังเกตเห็นได้ว่าเขายังคงมิสิ้นลมหายใจ เขาก็ระดมหมัดชกออกราวกับพิรุณโปรยปรายชกออกไปยังร่างของบุรุษชุดดำ
บุรุษชุดดำคล้ายดั่งกระสอบสาย เขาปลิวออกไปและล่วงหล่นลงบนพื้นไร้การเคลื่อนไหว
“ระวัง!” เกือบจะเป็นเวลาเดียวกัน น่านน่านตะโกนและพาถังเทียนกลับมาสู่ความเป็นจริง
เขาทำผิดพลาดไปและรังสีแสงอันเยือกเย็นของมีดกรีดผ่านร่างของเขา ทิ้งเป็นรอยบนชุดของเขา
“ตี๋หาน!”
ถังเทียนคำราม สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธขณะที่เขาค้นพบเงาของตี๋หาน
ถังเทียนเพิ่งจะมีประสบการณ์กับการโจมตีเช่นนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน และเช่นนี้ยามเมื่อเขาพบเห็นมันในวันนี้ เขาก็สามารถจดจำมันได้ในทันที
สภาพแวดล้อมเงียบกริบ และเงาของต้นไผ่ก็โฉบฉวัดเฉวียนไปมา แต่ก็มิมีการตอบสนองใดๆ
ถังเทียนมิกล้าที่จะประมาท ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ และด้วยการกลยุทธ์การต่อสู้ของตี๋หานที่ใช้ มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพื้นที่สำหรับการล่า
มารดาของน่านน่านพยายามที่จะคลานขึ้นมาพลางดึงหลอดไม้ไผ่ ต่อสีเขียวขนาดเท่าหัวแม่มือก็บินออกไปพลางเกิดเสียงหึ่งๆบริเวณรอบๆ มารดาของน่านน่านก็ถอนหายใจ “เขาจากไปแล้ว”
“เฮ้อ” ถังเทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางนั่งลงบนพื้น เขาจะไร้ความรู้สึกเมื่อยามที่เขาหมดแรงลง ในตอนนี้การต่อสู้จบลงแล้ว แขนและขาของเขาก็เหนื่อยล้าไปหมดทุกที่ เพียงแต่เขามิรู้ว่าทำไมเขาถึงไม่รู้สึกหวาดกลัวยามเมื่อเขาเข้าไปต่อสู้ในความเป็นความตาย
ในเวลานั้นน่านน่านก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง
มารดาของน่านน่านถือกระบี่พลางเดินไปยังบุรุษชุดดำที่ถูกถังเทียนสังหาร และปลดหน้ากากออกเปิดเผยใบหน้า บุรุษชุดดำสิ้นลมหายใจแล้ว จุดที่ถังเทียนโจมตีดูคล้ายมันถูกฟาดฟันด้วยดาบหรือกระบี่ที่แหลมคม ด้วยความกระวนกระวายใจถังเทียนปราศจากความลังเลที่จะใช้ออกด้วยวิชากายากระเรียน
“เกิดอันใดขึ้น?” ถังเทียนฟื้นคืนพลังของเขาก็ลุกขึ้นพลางเดินเข้ามา
กระบี่ของมารดาน่านน่านคลี่เอาชั้นนอกของชุดดำออกเผยให้เห็นชิ้นส่วนของป้ายทองแดง ด้านบนของป้ายทองแดงมีอักษรว่า ‘ตาย’
สีหน้าของมารดาน่านน่านเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นของนาง “วิญญาณนิล!”
“วิญญาณนิล?” มันเป็นคราแรกที่ถังเทียนได้ยินนามนี้
สีหน้าของมารดาน่านน่านซีดเผือด ร่างของนางล้มลงไปบนพื้นขณะที่นางพึมพำ “เป็นผู้คนของวิญญาณนิล… วิญญาณนิล…”
“พวกเขาทรงอำนาจมากหรือ?” ถังเทียนสังเกตได้ถึงบางอย่างเกี่ยวกับการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงของมารดาน่านน่านพลางขัดจังหวะนาง
มารดาของน่านน่านคืนสติของนางกลับมา นางฝืนหัวร่อให้กับถังเทียน “ข้าขอขอบคุณเจ้ามากในครานี้… เพียงแต่เจ้าได้ลากตัวเองเขาไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาใหญ่แล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอก” ถังเทียนส่ายหัวของเขา
“เจ้ามิเข้าใจ วิญญาณนิลน่ะ” น้ำเสียงของมารดาน่านน่านรู้สึกขมขื่น “วิญญาณนิลน่ะ เป็นนิกายที่ลึกลับอย่างยิ่ง พวกเขาเยือกเย็นและไร้อารมณ์ และในเส้นทางสวรรค์เป็นนักสู้แห่งความมืดที่ฉาวโฉ่ที่สุด พวกเขาเป็นพวกที่ดื้อรันมากยามเมื่อเขาออกตามหาสมบัติดารา ความแข็งแกร่งของพวกเขาเหนือกว่าที่เจ้าจะจินตนาการและยังมีผู้เชี่ยวชาญมากมายอยู่กับพวกเขา ประวัติของวิญญาณนิลย้อนกลับไปไกล ยามที่เส้นทางสวรรค์เพิ่งจะถูกค้นพบ วิญญาณนิลก็ถือกำเนิด และตราบจนกระทั่งวันนี้พวกเขาก็เป็นนิกายที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงอยู่”
“ช่างทรงอำนาจยิ่งนัก!” ถังเทียนเบิกตาของเขากว้าง
“เจ้าได้สังหารสาวกของวิญญาณนิลและพวกเขาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวไว้” มารดาของน่านน่านมองไปยังถังเทียนด้วยสีหน้าเป็นกังวลพลางกล่าวอย่างแน่วแน่ “ข้าจะพาน่านน่านไปไกลจากสถานที่แห่งนี้ไปยังสถานที่ของพี่ชายของข้า”
“ทำไมพวกมันถึงตามล่าท่านกัน?” ถังเทียนถามอย่างอยากรู้
มารดาของน่านน่านมองดูสับสน “เป้าหมายของพวกเขาคือน่านน่าน”
น่านน่านได้หยุดร้องไห้แล้วพลางขยับเข้ามา นางมองเห็นใบหน้าของบุรุษชุดดำก็อ้าปากค้าง “ข้ารู้จักเขา เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าเห็นเขากำลังไถ่ถามไปทั่วเกี่ยวกับตราประทับกางเขน น่านน่านคล้ายจะเคยเห็นมันบนมือพี่ใหญ่ เพียงแต่น่านน่านฉลาด น่านน่านมิได้บอกพวกเขา เว้นเสียแต่ว่าเขากลับคิดคำนวณได้? แต่น่านน่านก็พยายามที่จะไม่แสดงพิรุธออกไป”
หัวใจของถังเทียนหล่นวูบ รอยประทับกางเขน!
กลุ่มดารากางเขนใต้
ผู้คนเหล่านี้ พวกเขามาตามหาป้ายดารากางเขนใต้แห่งความเพียร์เป็นแน่แล้ว!
วิญญาณนิล… ป้ายดารากางเขนใต้แห่งความเพียร
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ