ตอนที่ 031 – ยอดฝีมือเรียงรายบนแท่นชม
ตอนที่ 031 – ยอดฝีมือเรียงรายบนแท่นชม
“พี่ใหญ่ซือหม่า พวกเรามิจำเป็นต้องแอบซ่อนเลย” เสิ่นหยวนสัมผัสหน้ากากบนหน้าของเขารู้สึกอึดอัดอย่างยิ่งพลางอดมิได้ที่จะกล่าวออกมา
[คั่นหนังสือ : ขอเปลี่ยน ‘เฉินหยวน’ จากผลึกฟ้า เปลี่ยนเป็น ‘เสิ่นหยวน’ นะครับ พอดีได้แหล่งที่มาพวกชื่อแซ่จีนมาครับ แหล่งที่มา]
“เบาเสียง เบาเสียง” ซือหม่าเซียงซานกล่าวอย่างเบาๆ เขาสวมใส่หน้ากากผู้หญิงที่ตกแต่งอย่างหรูหรางดงามอย่างยิ่ง และเหล่าผู้คนที่มิรู้คงจะคิดว่าเขาจะต้องเป็นสตรี
สายตาของเสิ่นหยวนจับต้องไปบนหน้ากากของเซียงซาน และเขารู้สึกคลื่นไส้ พี่ใหญ่ซือหม่ามักจะแปลกประหลาดเสมอ โชคดีนักที่หน้ากากของข้าปกติดีเป็นเพียงหน้ากากตัวตลกธรรมดา
“ไปกันเถอะไปชมดูบุรุษผู้ที่เอาชนะเจ้าได้” น้ำเสียงเซียงซานเปล่งออกมาจากเบื้องหลังหน้ากาก มันช่างน่ากลัวอย่างยิ่งถึงขนาดที่ทำให้ผู้คนขนลุกได้เลย และทำให้เสิ่นหยวนรู้สึกจนขนลุกพองไปทั่วทั้งร่าง
ระดับพลังของพี่ใหญ่ซือหม่าลึกลับและมิอาจหยั่งถึงได้ แม้แต่อาจารย์ใหญ่ที่เข้มงวดก็ยังคงดูแลเขาอย่างดี
เสิ่นหยวนเพิ่งออกมาจากการสำนึกผิด และได้ถูกลากมาด้วยพี่ใหญ่ซือหม่า
ทันใดนั้น เซียงซานก็หยุดเดินพลางหันหลังกลับมา
เอ๋?
เสิ่นหยวนก็ว้าวุ่นใจ แต่เขาก็ก็หันร่างของเขาในทันที
ไม่ไกลจากเบื้องหลังพวกเขา สตรีสามคนผู้ซึ่งสวมใส่ผ้าคลุมหน้าและหมวกไม้ไผ่ ห่างไปไกลจากสายตาพวกเขา
“หานปิงหนิง” เซียงซานกล่าวกับตัวเองอย่างเงียบๆ
เปลือกตาของเสิ่นหยวนกระตุกขึ้นและการแสดงออกของเขาก็แปรเปลี่ยนไป ทั่วทั้งเมืองเมฆาดารามีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถชิงชัยกันได้กับพี่ใหญ่ซือหม่า นั่นคือหานปิงหนิงและเหลียงชิว! เสิ่นหยวนเคยได้แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับพี่ใหญ่ซือหม่ามาหลายคราแล้ว และพลังของพี่ใหญ่ซือหม่าทำให้เขารู้สึกว่ามิสามารถจะต้านทานไหว
แต่หานปิงหนิงเป็นนักสู้ผู้ที่ซึ่งมีความสามารถชิงชัยได้โดยตรงกับพี่ใหญ่ซือหม่า
นางมาที่นี้ทำไมกัน?
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
ไช่เสวี่ยคล้ายเป็นดั่งนกน้อยตัวเล็กที่หลบหนีออกมาจากกรง นางร่าเริงเป็นอย่างยิ่ง และแม้ว่านางจะสวมใส่ผ้าคลุมหน้าและหมวกไม้ไผ่ ความเยาว์วัยและมีชีวิตชีวาของนางก็มิอาจสามารถปกปิดได้ “ศิษย์พี่ช่างเก่งกาจนัก! อาจารย์ถึงยอมให้พวกเราออกมาในวันนี้ ข้าคาดมิถึงเลย!”
“แม้ว่าจะมิมีอันใดมากมายให้ดูระหว่างการแข่งขันรอบคัดเลือก มันก็ยังดีที่ได้ออกมาสูดอากาศข้างนอก” เหอเสี่ยวฉินค่อนข้างที่จะมีความสุข ทุกวันนี้ อาจารย์ใหญ่ดูแลการฝึกของพวกนาง และทุกคนก็ต่างโอดครวญไปหลายวัน
ศิษย์พี่หานพาพวกนางไปหาอาจารย์ใหญ่ นางอ้างว่าต้องการพาพวกนางไปชมงานชุมนุมเมืองเมฆาดาราในรอบคัดเลือก เมื่อถึงเวลาตอนนั้น พวกนางรู้สึกกังวลยิ่งนัก ศิษย์พี่จะต้องหาข้ออ้างที่น่าเชื่อถือเพื่อออกจากสถาบันให้ได้
เหตุใดกันอาจารย์ใหญ่ถึงจะยอมรับข้ออ้างต่ำๆเช่นนี้อย่างการมาดูงานแข่งรอบคัดเลือก?
แต่พวกนางกลับมิได้คาดถึงว่าอาจารย์จะยอมรับทันทีและยังคงบอกให้พวกนางชมดูการต่อสู้อย่างตั้งใจ
ไช่เสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินทั้งคู่ต่างงุนงง ชมดูการต่อสู้อย่างตั้งใจ? มีอันใดที่น่าดูกันในงานชุมนุมยุทธ์รอบคัดเลือก?
“ศิษย์พี่ การแข่งขันใดที่พวกเราควรดู?” ไช่เสวี่ยกล่าวถามอย่างอยากรู้
หานปิงหนิงกำลังจะตอบกลับ ทันใดนั้น นางก็รู้สึกถึงบางอย่างภายในหัวใจนาง นางหยุดยั้งฝีเท้าลง เงยหน้าของนางพลางมองไปยังเบื้องหน้า ไช่เสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินผู้ซึ่งยืนอยู่ประกบข้างนางรู้สึกได้ถึงบางอย่างแปลกๆพลางมองตามไปยังสายตาของหานปิงหนิงและมองไปยังเบื้องหน้า สายตาพวกนางคมราวกับกระบี่ราวกับว่ามันเจาะทะลุผ่านผ้าคลุมหน้าบางๆ
ไม่ไกลนัก บุรุษหนุ่มสองคนภายใต้หน้ากากกำลังมองมายังพวกนาง
“ซือหม่าเซียงซาน” น้ำเสียงหานปิงหนิงเย็นเยียบทำให้สีหน้าไช่เสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
สี่คำนี้และหน้ากากแปลกๆคล้ายจะทำให้ความน่ากลัวเพิ่มขึ้น
ทั้งสองฝ่ายต่างมองกันและกันจากที่ไกล
“โฮะ โฮะ!” เสียงหัวร่อแหลมสูงเบื้องหลังหน้ากากหรูหรา ซือหม่าเซียงซานคล้ายพบบางอย่างน่าสนใจ
“นี่มันช่างน่าสนใจนัก” หานปิงหนิงกล่าวอย่างเย็นชาภายในผ้าคลุมหน้า ปรากฏความซุกซนบนดวงตาคู่งามของนาง
ความเกลียดชังที่แสดงโดยทั้งสองฝั่งต่างสลายหายไปในอากาศอย่างฉับพลัน
ซือหม่าเซียงซานมองไปยังพวกนางก่อนที่เขาจะหายไปในฝูงชนกับเสิ่นหยวน
ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนดวงตาของไช่เสวี่ยและเหอเสี่ยวฉิน ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความตกใจ ก่อนหน้านี้ พวกนางมิได้เข้าใจว่าทำไมศิษย์พี่ถึงพาพวกนางมาเพื่อชมดูการแข่งขันรอบคัดเลือกหรือทำไมอาจารย์ถึงยอมรับอย่างง่ายดายนัก แต่ในตอนนี้ พวกนางพบว่าซือหม่าเซียงซานแห่งผลึกฟ้าก็มาด้วยตัวเองเช่นเดียวกัน ดังนั้นจักต้องมีบุคคลที่ทรงพลังอยู่ที่นี้
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เมื่อใดกันที่บุคคลที่ทรงพลังปรากฏขึ้นภายในเมืองเมฆาดารา?
“ศิษย์พี่…”
ไช่เสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินกล่าวพร้อมกัน
“ไปกันเถอะ” หานปิงหนิงกล่าวขัดทั้งสองอย่างเย็นชาพลางเดินไปข้างหน้า
ไช่เสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินก็รีบเร่งติดตามนางไป
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
“มันน่าจะเป็นที่แห่งนี้” หวังเจิ้นกล่าวอย่างลวกๆ
หมิงกวงก็ลดเสียงต่ำลงทันที “พี่เจิ้นมันคล้ายว่ามีผู้คนมากมายติดตามพวกเรามา”
“ผู้คนมากมาย?” หวังเจิ้นกล่าวพลางร้องโอ้ “ผ่อนคลายไว้ มันมิมีอันใดเกี่ยวข้องกับพวกเรา”
“มิมีอันใดเกี่ยวข้องกับพวกเรา...” หมิงกวงมิเข้าใจได้ว่าทำไมพี่เจิ้นจึงมีความมั่นใจเช่นนี้
“มาเถอะ เข้าไปกัน” หวังเจิ้นเดินเข้าสู่แท่นชมของสนามมิได้หันหลังกลับ
ในใจหมิงกวงรู้สึกอยากรู้เหลือเกิน แม้ว่าพี่เจิ้นอารมณ์ดี มาเพื่อที่จะมาชมดูการแข่งรอบคัดเลือกเช่นนี้ มันเป็นสิ่งที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน
เป็นบุคคลประเภทใดกันที่คู่ควรแก่การมาชมดูของพี่เจิ้น?
หวังเจิ้นและหมิงกวงมาเร็วเกินไป ในที่นี้ยังมิมีใครมายังแท่นชม กวงหมิงมองไปรอบๆแท่นชม “พี่เจิ้น หรือว่าพวกเราจะมาผิดที่หรือเปล่า?”
“โอ้ มันมิน่าจะผิดพลาดนะ” หวังเจิ้นกล่าวตอบ
หมิงกวงส่ายหัวของเขาอย่างต่อเนื่อง แท่นชมดูเล็กอย่างน่าสมเพช และยังคงมิมีใครอยู่ที่นี่ มีการแข่งรอบคัดเลือกในช่วงเวลาเดียว ส่วนใหญ่ เหล่านักสู้ส่วนมากมีพื้นฐานที่ต่ำกว่ามาตรฐานทั่วไปจะมิมีผู้ใดมาชมดู ปกติแล้วผู้ที่มาชมจะเป็นเพียงครอบครัวและสหายของนักสู้เท่านั้น
พรึบ
กลุ่มคนจำนวนมากรีบวิ่งเข้ามา ยามเมื่อพวกเขาพบเห็นหวังเจิ้นและกวงหมิง ดวงตาของพวกเขาสว่างขึ้นในทันทีและรวมตัวกันรอบพวกเขา ด้วยแท่นชมที่เล็กอย่างมากมันทำให้ท่วมท้นไปด้วยผู้คน
หมิงกวงเห็นผู้คนที่รีบร้อนเข้ามาหนังหัวของเขาก็ด้านชา “พี่เจิ้น พวกเขาติดตามพวกเรามาจริงๆ”
“โอ้ ไม่เป็นไร” หวังเจิ้นตอบอย่างลวกๆ สายตาของเขาจับจ้องไปยังถังเทียนผู้ซึ่งนอนกรนอย่างเสียงดังที่มุมเวที
“ข้าขอถามได้หรือไม่ ท่านคือหมิงกวงนักศึกษาจากสถาบันอสูรอำมหิตใช่หรือไม่?” สาวสวยนางเบียดเข้ามาพลางมองไปยังหมิงกวงอย่างชื่นชม
ความรู้สึกไม่ดีของหมิงกวงก็จางหายไปในทันที ขณะที่เขากำลังจะเตรียมอวดโฉมความหล่อเหลา เขาก็เห็นที่ทางเข้าจากหางตาของเขาและตาของเขาก็แข็งค้าง
หื้ม?
หวังเจิ้นก็คล้ายรู้สึกได้เช่นเดียวกัน เขาหันหน้าพลางจับจ้องไปยังทางเข้า
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
“ทำไมผู้คนถึงได้เยอะเช่นนี้!” เสิ่นหยวนตกตะลึง นี้มันเป็นเพียงการแข่งรอบคัดเลือกแต่แท่นชมดูก็ยังคงเต็ม นี้มันไม่สมเหตุผลแล้ว
ทางเข้าแท่นชมดูมันเป็นคอขวด พวกเขามิสามารถที่จะเบียดเข้าไปได้
ในเวลาเดียวกัน หานปิงหนิงและศิษย์น้องของนางจากสถานนางแอ่นเหนือก็มายังด้านข้างพวกเขา
“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญนัก ข้ามิคาดว่าคุณหนูปิงหนิงจะมีความสนใจในตัวของถังเทียน” ซือหม่าเซียงซานยิ้มเย้ย คำกล่าวของเขาทำให้นางหนาวถึงกระดูกสันหลัง
“มิใช่ว่าศิษย์พี่ซือหม่าก็มาด้วยหรือ?” หานปิงหนิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาของนางปราศจากการเปลี่ยนแปลง
ไช่เสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินจ้องมองไปยังทั้งสองจากสถาบันผลึกฟ้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ผลึกฟ้าและนางแอ่นเหนือต่างไม่เป็นมิตรกันอยู่แล้ว เนื่องจากพวกเขาทั้งสองต่างอยู่ในอันดับแรกหรือสอง
“ขอให้ข้าได้เปิดทางให้คุณหนูปิงหนิง” ซือหม่าลอบยิ้ม เขาย่างก้าวพลางเดินไปยังแท่นชมดู
การย่างก้าวของซือหม่าเซียงซานเบาบางอย่างยิ่งจนทำให้มิได้ยินเสียงอันใดเลย มันราวกับมีรัศมีแห่งความมืดมัวปกคลุมเงาร่างของเขา มันเป็นปราณที่อันตรายยิ่งนักมันปกคลุมไปด้วยทั้งลานสนามในทันที
ในทันทีกลุ่มผู้คนที่ต่างปิดกั้นทางเข้าแท่นชมดูต่างก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด พวกเขาหันหน้ามาพลางมองไปยังซือหม่าเซียงซานด้วยความหวาดกลัว
“ขอทางด้วย” น้ำเสียงของซือหม่าเซียงซานอ่อนโยนและนุ่มนวล แต่น้ำเสียงของเขาสามารถได้ยินทั่วทั้งลานสนาม
ทุกคนต่างหลีกทางให้ทันที
ซือหม่าเซียงซานหันข้างพลางออกท่าทางเชื้อเชิญ
หานปิงหนิงพยักทางไปทางเขาเพื่อขอบคุณ แล้วนางก็เดินไปยังพื้นที่เล็กๆตรงไปยังแท่นชมดู ผู้คนที่ซึ่งในเส้นทางต่างหลีกเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ
สามสตรีลึกลับคลุมหน้าและสองบุรุษลึกลับสวมหน้ากาก ปรากฏขึ้นในแท่นชมดูขนาดเล็กอย่างคาดมิถึง ดึงดูดความสนใจผู้คนทั้งหมดในทันที
พวกเขาทั้งห้ามิเคยคาดคิดว่าแท่นชมดูของการแข่งรอบคัดเลือกมันจะเล็กขนาดนี้ มันสามารถรองรับผู้คนได้เพียงสองถึงสามร้อย ที่ที่พวกเขาแข่งขันแท่นชมดูสามารถรองรับได้ถึงหลายพันคน ดังนั้นที่พวกเขาสวมชุดปลอมแปลง ด้วยความหวังว่ามันจะมิต้องตกเป็นที่สนใจใดๆ
อย่างไรก็ตามในลานสนามนี้ ซึ่งสามารถรองรับได้เพียงสองร้อยคน ทั้งห้ามิสามารถพูดกล่าวอันใดได้เลย พวกเขาราวกับเป็นดวงจันทร์ภายใต้ความมืดมิด มันเป็นที่สะดุดตาอย่างยิ่ง
หลังจากนั้น พวกเขาก็พบเห็นหวังเจิ้นและหมิงกวง
หวังเจิ้นสามารถจดจำทั้งสองได้ในทันที กล่าวถามอย่างสับสน “ทำไมพวกเจ้าถึงแต่งตัวเช่นนั้นกัน?”
พวกเขามิใช่คนแปลกหน้ากัน และเคยประลองกันมาหลายครา หวังเจิ้นเป็นหนึ่งในคนสำคัญของสถาบันอสูรอำมหิต พวกเขาทั้งสองต่างมีสถานะและประสบการณ์มิได้แตกต่างกันมากนัก
ผู้คนอื่นที่อยู่ในแท่นชมดูได้ยินและคอยฟังอย่างตั้งใจ ด้วยน้ำเสียงหวังเจิ้นที่กล่าวอย่างปกติของเขา ทั้งห้าคนนี้จะต้องมีที่มาอันน่าทึ่ง
มิว่าจะเป็นซือหม่าเซียงซานหรือหานปิงหนิง พวกเขาต่างนิ่งงันโดยคำกล่าวของหวังเจิ้น เขามิสามารถที่จะแสร้งทำเป็นมิรู้จักมิได้เลยหรือ?
“ศิษย์พี่หวังเจิ้น” หานปิงหนิงทักทายอย่างสุภาพและปลดผ้าคลุมหน้าของนางออก ไช่เสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินก็ทักทายอย่างเหมาะสมพลางปลดออกผ้าคลุมหน้าและหมวกไม้ไผ่เช่นเดียวกัน
ทันใดนั้นแท่นชมดูก็แทบระเบิด
“คุณหนูปิงหนิง!”
“เทพธิดา!”
..
ด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมภายในหู หานปิงหนิงมิได้เปลี่ยนแปลงการแสดงออกของนาง
“ต้าเจิ้น เจ้าทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับข้าเสมอเลย” ด้วยความหงุดหงิดซือหม่าเซียงซานก็ถอนหายใจพลางปลดหน้ากากของเขาออก
เสียงที่ดังอึกทึกครึกโครมก็เปลี่ยนก็หยุดลงและผู้ชมที่ตื่นเต้นแปรเปลี่ยนเป็นแข็งค้างในทันที
ซือหม่าเซียงซาน!
ลานสนามกลายเป็นเงียบกริบ
ความหวาดกลัวคล้ายดั่งกับโรคระบาดมันแพร่กระจายผ่านขึ้นไปบนใบหน้าของผู้คนพลางเข้าไปในดวงตาของพวกเขา
ซือหม่าเซียงซานยิ้มด้วยสายตาที่หรี่ลงของเขา เขาดูคล้ายสามัญธรรมดาและอ่อนโยนและเป็นมิตร
เพียงแต่มิมีผู้ใดคิดเช่นนั้น
ซือหม่าเซียงซาน
ตั้งแต่ที่เชียนฮุ่ยจากเมืองเมฆาดาราไป ซือหม่าเซียงซานก็ครองอันดับหนึ่งของเมืองเมฆาดารา เพียงแต่เขาได้รับการปฏิบัติแตกต่างอย่างมากจากเชียนฮุ่ย ชื่อเสียงของซือหม่าเซียงซานชั่วร้ายและมันสามารถที่จะทำให้ทารกร้องไห้หยุดร้องได้เลย
[คั่นหนังสือ : ขอเปลี่ยนชื่อนางเอกครับ 上官千惠 = ซ่านกวนเชียนฮุ่ย]
โหดร้าย ชั่วร้าย อารมณ์ร้อน วิปลาส...
บุคลิกที่แปลกประหลาดแต่ทรงพลังอย่างยิ่งทำให้ทุกผู้คนต่างหวาดกลัวตัวตนของเขา
นี้...มันคือการแข่งรอบคัดเลือกแน่หรือ!
ในความเงียบกริบ ถังเทียนเปิดตาของเขาด้วยความมึนงง
หื้ม ผู้คนทั้งหมดนี้มาจากที่ใดกัน...
ถังเทียนมองไปที่แท่นชมด้วยดวงตาที่งัวเงียของเขา ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นหานปิงหนิง
ถังเทียนก็แปรเปลี่ยนเป็นฮึกเหิมทันทีพลางโบกแขนขึ้นสูงไปยังแท่นชมและตะโกน
“ฮ้า คุณหนู! ท่านมาเพื่อเป็นสักขีพยานการต่อสู้ในตำนานของหนุ่มเทพผู้นี้หรือ? วะฮ่าฮ่า คุณหนู ท่านตาถึงนัก!
เสียงเงียบกริบถูกทำลายโดยเสียงตะโกนของถังเทียน บรรยากาศมืดมัวและตื่นตระหนกสลายหายไปอย่างกะทันหัน
ทุกผู้คนต่างจับจ้องไปมองหานปิงหนิง
ดูคล้ายว่าสีหน้าของหานปิงหนิงจะมิได้เปลี่ยนแปลง แต่ที่ที่ผู้คนมิอาจมองเห็นได้คือนิ้วมือที่กำลังกำกระบี่ก็แปรเปลี่ยนเป็นขาว
นี้เป็นคราแรกที่นางรู้สึกอยากจะขุดหลุมฝังตัวเองเหลือเกิน
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ