บทที่ 13 - เรียกข้าว่าเทพกระบี่
บทที่ 13 - เรียกข้าว่าเทพกระบี่
ซูหยุนทำหูทวนลมตะโกนไปทางลูกสมุน มันเร่งฝีเท้าเข้าไปไกล้ในทางทิศใต้ของโดมสีดำแทน
“บังอาจ ทำหูทวนลมอย่างนั้นหรือ แกคงเบื่อชีวิตแล้วใช่มั้ย? ข้าจะตัดขาเจ้าทิ้งซะ!”
ลูกสมุนโกรธจัด, เร่งปราณวิญญาณขึ้นมาแล้วรีบวิ่งไปทางซูหยุนด้วยความโกรธอย่างรวดเร็ว
ซูหยุนหยุดเท้าลงทันทีแล้วสูดลมหายใจลึก,มันยกแขนขึ้น ฟาดกระบี่สนิมใส่ด้านนอกโดมสีดำ
ในขณะที่กระบี่ปะทะกับโดมสีดำด้านนอก,คลื่นพลังปราณวิญญาณนับไม่ถ้วนวิ่งผ่านโดม
ตูม! วินาทีนั้น,ภาพที่น่าอัศจรรย์ปรากฏขึ้น
หลังจากจ้องไปที่กระบี่ขึ้นสนิมที่สามารถเจาะทะลุโดมสีดำด้านนอกได้
โดมสีดำด้านนอกและด้านในก็แยกออกจากกัน, ปราณวิญญาณที่ดูดซับอยู่ข้างในทะลักออกมาเหมือนถังน้ำที่แตก
ศิษย์สำนักกระบี่เซียนได้แต่งงในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูเหตุการณ์
พลังปราณวิญญาณที่ถูกดูดได้กลับเข้าไปในร่างศิษย์สำนักกระบี่เซียน พลังยุทธของพวกเขากลับมาอีกครั้ง
"เกิดอะไรขึ้น"
หัวหน้าชุดเกราะดำดวงตาเปิดกว้างหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
สถานการณ์ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
“นี่ ... อะไร ... นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“โดมทมิฬ ... .โดมทมิฬพังแล้ว!”
“เจ้าหนู! เจ้าเป็นใคร?
ผู้อาวุโสชุดเกราะดำส่งเสียงร้องออกมา
โดมสีดำนี้แม้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่มันก็ไม่ใช่ของวิเศษ, แต่มันเป็น ข่ายอาคมวิญญาณ,ถึงกระนั้นมันก็ไม่ควรถูกทำลายได้ง่ายๆ
ฉางหยูยังตกตะลึงกับการพังทลายของโดมทมิฬ, สำหรับภารกิจนี้,ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับ ข่ายอาคมวิญญาณ,หากแต่มันเป็นวิชาระดับต่ำ ที่เจ้าลัทธิได้สร้างขึ้น
"ฆ่ามัน! ฆ่ามันให้ข้าที! ไอ้พวกขี้ครอกฆ่ามัน!”
หัวหน้าชุดเกราะดำถูกครอบงำด้วยความโกรธในขณะที่เขาคำราม
แต่ในเวลาต่อมาเขาถูกห้อมล้อมด้วยศิษย์สำนักเซียนกระบี่
หัวหน้าชุดเกราะดำตกใจทันทีพยายามที่จะหนี, หลังจากที่กลิ้งหลบกระบี่ที่เข้ามาเขาเห็นเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เซียนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาโจมตีเขา
โดมสีดำได้ดูดเอาปราณวิญญาณศิษย์สำนักกระบี่เซียนและลดพลังของพวกเขาลงหลายขั้น, แต่ตอนนี้โดมถูกทำลายลงพวกเขาฟื้นคืนปราณวิญญาณกลับมา,ที่นั่นยังมีศิษย์ที่น่ากลัวมากกว่ายี่สิบคน
“ฆ่ากลุ่มโจรนี้ซะ! แก้แค้นให้กับพี่ใหญ่ ลู่ กับพี่ หยู่มู่!”
ศิษย์ของสำนักกระบี่เซียนตะโกน
"ฆ่ามัน!"
ทุกคนตะโกน
ใบหัวหน้าชุดเกราะดำขาวซีด เขาเห็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปตอนนี้ เขารีบตะโกน:“ถอย!..ทุกคนถอย!”
กลุ่มโจรชั่วรีบวิ่งหนี แต่ไปได้ไม่ไกลก่อนที่ศิษย์สำนักกระบี่เซียนจะวิ่งไล่กวดทัน
ยกเว้นหัวหน้าชุดเกราะดำทุกคนของกลุ่มคนชั่วถูกฆ่าตายเกลี้ยง
สถานการณ์ได้พลิกผลันอย่างสมบูรณ์!
ศิษย์สำนักกระบี่เซียนพาตัวหัวหน้าเกราะดำกลับมาแบบเป็นๆ
“นำมันมาเส้นดวงวิญาณน้อง ลู่!”
“ให้มันคุกเข่าต่อหน้าศพน้อง ลู่!”
“ตัดหัวมันออกมา!”
ศิษย์สำนักกระบี่เซียนส่งเสียงร้องตะโกน
หัวหน้าชุดเกราะดำตอนนี้กลัวสุดขีดตอนนี้เขาได้กลิ่นของปัสสาวะ เขาร้องขอความเมตตา, แต่มันก็ไม่มีประโยชน์
หัวหน้าชุดเกราะดำได้ดูหมิ่นศิษย์สำนักกระบี่เซียน,ด้วยเหตุนี้ทำไมพวกเขาต้องมีความเมตตา?
ศิษย์สำนักกระบี่เซียนยกกระบี่ชี้ปลายกระบี่ไปที่คอหัวหน้าชุดเกราะดำ, พร้อมที่จะฆ่าหัวหน้าชุดเกราะดำ
“อย่าพึ่งรีบฆ่ามัน ฆ่ามันไปตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา!”
ไกล้ๆกันนั้นซูหยุนวิเคราะห์สถานการณ์แล้วตัดสินใจพูดขึ้น
ทุกคนหันไปมองที่ซูหยุน
หลังจากที่ศิษย์สำนักกระบี่เซียนได้ยินพวกเขามองไปที่ซูหยุนแล้วตัดสินใจหยุดสิ่งที่พวกเขาจะทำ
“ขอบคุณท่านจอมยุทธ หากว่าท่านจอมยุทธไม่ได้ทำลายโดมสีดำข้าเกรงว่าพวกเราทุกคนที่นี่จะต้องตายด้วยน้ำมือของนิกายมารนั่นไปแล้ว!”
ศิษย์สำนักเซียนกระบี่หลายคนเข้ามาขอบคุณซูหยุน
"มิได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย เป็นพวกท่านก็น่าจะทำแบบเดียวกันกับข้า, ข้าบังเอิญเดินผ่านมาได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกท่าน แล้วข้าจะไม่ช่วยพวกท่านได้อย่างไร?”
ซูหยุนพูด
"ช่างเป็นคนที่ประเสริฐแท้!"
เป็นคำพูดที่ทำให้ศิษย์หลายคนรู้สึกอบอุ่น, ศิษย์หลายคนในขณะนี้มีความประทับใจซูหยุนมาก
“จิตใจท่านช่างกล้าหาญนัก! ข้าจะจดจำสิ่งนี้เป็นแบบอย่างของข้า!”
“อย่าได้เอ่ยเช่นนั้นเลย,ข้ายังไม่ได้ก้าวเข้าเขตแดนผลิวิญญาณ ! เรียกข้าว่า”เทพกระบี่!”ก็พอแล้ว ซูหยุนโกหก
“ยังไม่ได้ก้าวเข้าเขตแดนผลิวิญญาณ?” ทุกคนต่างผงะ
มีเพียงการบ่มเพาะของพื้นฐานวิญญาณเขายังกล้าคิดที่จะเดินทางคนเดียวในหุบเขาจันทร์เสี้ยว นี่นับว่าเป็นการแกว่งเท้าเข้าสู่ความตาย?
อย่างไรก็ตาม,หลังจากที่ซูหยุนทำลายโดมสีดำลงได้อย่างง่ายดายซูหยุนไม่ใช่คนธรรมดาๆ ที่นี่ไม่มีใครกล้ามองข้ามเขา
"ทำไมเหรอค่ะ?" ทำไมพวกเราถึงไม่ฆ่ามัน? มันเป็นโจรชั่ว!!” ก่อนผู้อาวุโสของสำนักเซียนกระบี่พูดเป็นศิญย์หญิงพูดขัดขึ้นมาขณะที่นางมองไปที่ซูหยุน
“ใช่มันควรถูกสับเป็นชิ้น!”
“เป็นพันๆชิ้น! เราไม่รู้ว่าเจ้าสารเลวนี้ฆ่าคนไปแล้วเท่าไหร่!”
เหล่าศิษย์เอะอะเสียงดังขึ้น พวกเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังหัวหน้าชุดเกราะดำ
หัวหน้าชุดเกราะดำตัวสั่นเป็นเจ้าเข้านั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
ซูหยุนพยักหน้า“อืม!...ที่ท่านกล่าวมามันก็ถูกพวกท่านต้องการคิดบัญชีไอ้หมอนี่,แต่หากฆ่ามันตอนนี้,พวกท่านจะหมดโอกาสติดตามหาหัวหน้าทั้งหมด, นิกายมารซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาจันทร์เสี้ยว, หากขาดมัน,ท่านจะไม่มีโอกาสหาพวกเขาพบ เว้นชีวิตมันไปก่อน,หลังจากท่านแจ้งสำนักเซียนกระบี่ท่านสามารถคิดบัญชีให้กับสหายของพวกท่านก็ยังไม่สาย, เราไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไว้ได้,นิกายลัทธิมารไม่สมควรอยู่บนโลกนี้! พวกเราต้องตัดรากถอนโคนมันทิ้ง!!”
“น้องชายพูดถูก,พวกเราควรแจ้งผู้ใหญ่ฝ่ายในของพวกเราไห้ทราบสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้!”
“พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะแล้วกลับไปที่สำนักของเราตอนนี้!”
“ศิษย์พี่ มู่ ยังต้องการรักษา! รีบกลับกันเถอะ!”
“งั้นพวกเรากลับ!”
เหล่าลูกศิษย์ตะโกน พวกเขาได้ตัดสินใจ
พวกเขาไม่ต้องการอยู่ในสถานที่ๆหลอกหลอนช่วงเวลาหนึ่งของพวกเขามากไปกว่านี้อีก
หลังจากซูหยุนได้ยินอย่างนี้เขารีบพูดออกมา“ช้าก่อน!”
“น้องชาย,มีสิ่งใดอีกงั้นรึ?” ศิษย์พี่ มู่ ถาม
“ถ้าหากท่านออกไปตอนนี้,พวกเราจะจะได้รับการเผยตัว
“เผยตัว?”
"ใช่?" ซูหยุนพยักหน้า“กลุ่มโจรที่ตายไปจะถูกพบในภายหลัง เมื่อเจ้าลัทธิของพวกมันตรวจสอบพื้นที่,ข้าเกรงว่าเวลาที่พวกผู้ใหญ่ของสำนักเซียนกระบี่มาถึง,นิกายลัทธิมารอาจจะออกจากหุบเขาจันทร์เสี้ยวไปไม่เหลือแล้ว,! เมื่อพวกมันออกไป,พวกมันต้องออกคุกคามไปทั่วทั้งยุทธภพ!”
หลังจากจบคำพูดของเขาทุกคนก็เริ่มคิด
“สิ่งที่น้องชายพูดมาก็มีเหตุผล! เหล่าพี่น้องของพวกเรายังไม่อาจไปได้!”
ทันใดนั้นศิษย์สตรีแก้มแดงพูดขึ้นหลังจากที่นางเหลือบมองไปที่ซูหยุน นางเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด
“แต่หากพวกเราไม่ไป,เราจะกำจัดนิกายมารนี้ได้อย่างไร?”
“เราไม่ทางทำสำเร็จ!”
“เนื่องจากน้องชายคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้น้องชายต้องมีแผนการใช่มั้ย?”
"แผนการ?" ความจริงแล้วเรื่องนี้ง่ายมาก เพียงแค่ให้ศิษย์ของพวกท่านบางคนปะปนแทรกซึมเข้าไปในนิกายลัทธิมาร แล้วให้พวกเขาทำลายมันจากภายใน! ส่วนที่เหลือกลับไปที่สำนัก”
“แฝงตัวไปกับนิกายลัทธิมาร?”
ทุกคนตกใจ“นี่ไม่ไม่นับว่าเป็นการแกว่งเท้าเข้าสู่ความตาย?”
“เราจะไม่เป็นไร!”
ซูหยุนเหลือบมองไปที่ผู้อาวุโสของสำนักเซียนกระบี่รู้สึกประหลาดใจเมื่องเงยหน้าขึ้นมองในสายตาของเขา ศิษย์สองสามคนยืนเรียงรายกับพี่น้องที่ได้รับบาดเจ็บและคนอื่นๆในแถว
“พี่ชาย มู่ ข้าได้ยินมาว่าพวกท่านมีวิชากระบี่เรียกว่า ‘กระบี่เงาอำพราง’ หากใช้พลังอำนาจวิญญาณเกื้อหนุนผิวหนังจะทำหน้าที่เสมือนสิ่งอำพรางตา! ใช่มั้ย?”
พี่ชายมู่ตกใจ“ไม่มีใครน่าจะรู้เกี่ยวกับวิชานี้ภายนอกสำนักเซียนกระบี่ ท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”
“ฮ่า ๆ ๆข้ามีสหายอยู่ในสำนักเซียนกระบี่!” ซูหยุนหัวเราะขณะที่เขาคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
หลังจาก,พี่มู่ได้ยินอย่างนี้ก็ครายความกังวลของเขา,“พวกเราศิษย์สำนักเซียนกระบี่,แน่นอนว่าพวกเราได้เรียนวิชากระบี่เงาอำพรางนี้”
"เยี่ยม" ซูหยุนพยักหน้า “เราจะใช้วิชานี้เพื่ออำพรางตัวและมอบบทเรียนนี้ให้กัยนิกายลัทธิมาร!”
“แต่น่าเสียดายที่ทักษะนี้ถูกค้นพบได้โดยง่ายโดยหัวหน้าของพวกมัน! ไม่มีทางเป็นไปได้! เป็นไปไม่ได้!” พี่ใหญ่ มู่ ส่ายหัวอย่างเร็ว
“คนชั่วเหล่านี้แม้ว่าพวกมันอาจจะแข็งแกร่งกว่าข้า,แต่พวกมันมีระดับเพียงเขตแดนผลิวิญญาณ, พวกมันควรจะได้รับบทเรียน เราจะปะปนเข้าไปด้วยกับอาจารย์ของพวกมัน,ดังนั้นพวกมันจะไม่ทันสังเกตเห็น! พี่ชาย มู่ มั่นใจได้!”
แต่...
“พี่ใหญ่ มู่ ท่านลืมหลักการของสำนักเซียนกระบี่? นี่สำหรับได้ผลประโยชน์ของคนธรรมดาทั่วไป! มันเป็นเจตจำนงของมนุษย์! นอกจากนี้เมื่อเราทำลายนิกายลัทธิมารสำเร็จจะมีผลตอบแทนมากมายรอเราอยู่ภายในนั้น, ต้องมีวิชาที่มีประสิทธิภาพมากมายความกลัวเพียงอย่างเดียวกักขังตัวเราไว้! ท่านต้องการชื่อเสียง แต่กลัวที่จะออกท่องยุทธภพ!”
ซูหยุนกล่าว
ได้ยินแบบนี้พี่ชายมู่ยอมผ่อนคลาย
คนธรรมดาทั่วไป? ประโยชน์สำหรับคนธรรมดาทั่วไป? เขาไม่ได้กังวน เขาห่วงเกี่ยวกับโอกาสสำหรับตัวเองและคนที่รับหน้าที่ เขาห่วงแค่สำนัก
นี่คือโอกาสเหมาะ,และเป็นโอกาสของผู้ที่รับหน้าที่หวงแหนมาก,ต่อให้ที่นั่นมีอันตราย
"วิเศษ!! ข้าเห็นด้วยกับวิธีการนี้!”
สุดท้าย,พี่ใหญ่ มู่ ก็ได้ตัดสินใจตนเอง
ซูหยุนพยักหน้า“ท่านแจ้งคนของท่านเนื่องจากท่านได้รับบาดเจ็บ ยกเว้นข้า,เลือกคนอื่นเจ็ดคนพร้อมที่จะมากับข้าและไปมอบบทเรียนเจ้านิกายลัทธิ์มาร! ให้หัวหน้าของพวกมันพาเราไปที่นั่น!”
“ไอ้โจรชั่วสมควรตาย!” พี่ไหญ่ มู่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ เขายังจำความเจ็บปวดที่แขนของเขา,ในดวงตามีเจตนาฆ่าศัตรูของเขา
"ยังไม่ใช่ตอนนี้!"
หลังจากซูหยุนพร้อมแล้วเขาก็เดินไปทางหัวหน้าชุดเกราะดำ