ตอนที่ 026 – ถ้างั้นก็ต้องสู้!
ตอนที่ 026 – ถ้างั้นก็ต้องสู้!
ท่าเท้าท่องไพรของถังเทียนพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ท่าเท้าท่องไพรวิชาระดับสองบรรจุไปด้วยการย่างก้าวค่อนข้างมาก และมันเป็นเพียงพื้นฐานในการใช้ปราณ ความยากลำบากในการฝึกจึงสูงไม่มากเมื่อเทียบกับฝ่ามือลอยล่อง
ถังเทียนฝึกท่าเท้าท่องไพรอย่างขยัน ซึ่งการย่างก้าวเป็นจุดอ่อนของเขา ภายในการต่อสู้ การย่างก้าวเป็นสิ่งสำคัญอย่างชัดเจน
เขามิได้ใช้เวลามากไปกับฝ่ามือลอยล่อง เขาเพียงฝึกมันเพื่อที่จะสามารถฝึกฝ่ามือไร้เงาวิชาระดับสาม
ถังเทียนใช้ความเพียรทั้งหมดของเขาไปกับหมัดจุลวินาศ เนื่องด้วยคำบอกกล่าวเกี่ยวกับมหาวินาศของสือโถว ทำให้เขาประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
หมัดนั่น ช่างทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง!
มันรุนแรงอย่างยิ่งจนทำให้ถังเทียนจำต้องระลึกถึง เขาอดมิได้เลยที่หัวใจเขาจะสั่นสะท้าน
เป็นคราแรกที่ถังเทียนพบเห็นวิชาการต่อสู้ ที่ก่อเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้า มันช่างแข็งแกร่งและทรงพลังรุนแรงอย่างแท้จริง! ถ้าหากเขาได้เรียนรู้ หมัดมหาวินาศ มันคงจะดีอย่างยิ่งที่มันจะเป็นสาเหตุทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง!
ในทุกคราช่วงเวลาแห่งความเพียรที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะมิได้เกียจคร้าน ส่วนมากเขาก็กัดฟันอย่างเด็ดเดี่ยว แต่ในเวลานี้ ภายในร่างกายของเขาปรากฏเพลิงลุกโชติไปด้วยความเร่าร้อน
เขาฝึกด้วยทุกวิถีทางของเขา ใช้เวลาทั้งหมดในช่วงเวลาแห่งความเพียรฝึกหมัดจุลวินาศ
ระดับความยากลำบากสูงเป็นอย่างยิ่งสำหรับการฝึก หมัดจุลวินาศ และเมื่อเทียบกับหมัดอัสนีบาต จำนวนความสำเร็จของหมัดที่เพื่อจะเชี่ยวชาญมันสูงมาก หมัดจุลวินาศ 400,000 หมัด มันเป็นความต้องการถึงสองเท่าของหมัดอัสนีบาต และเพื่อให้ได้รับ หมัดมหาวินาศ มันมีความต้องการความสำเร็จหมัดจุลวินาศอย่างมากมายถึง 1,000,000 หมัด
ถ้าหากมิได้พบเห็นพลังของหมัดมหาวินาสด้วยตาของเขาเอง ถังเทียนคงจะเมินมันอย่างแท้จริง 1,000,000 หมัด มันจะใช้เวลานานเท่าใดกัน?
แต่ในตอนนี้ ถังเทียนมีเพียงความศรัทธาอันแรงกล้า
มิใช่แค่เพียง 1,000,000 หมัดเองรึ? 1,000,000 หมัดของจุลวินาศเพื่อแลกกับกระบวนท่าสังหารที่น่ากลัว มันได้กำไรอย่างยิ่งยวด!
เขามองเห็นยันต์สีทองบนประตูกางเขน เช่นเดียวกับกำแพงหมอกที่สลายหายไปโดยหมัดอัสนีบาตสังหาร แต่ตอนนี้ในหัวของถังเทียนมีเพียง หมัดมหาวินาศ!
กำแพงหมอกสลายไปเป็นเบาบาง แสดงให้เห็นอีกชั้นของกำแพง
ถ้างั้นกำแพงหมอกก็สามารถที่จะทำลายได้สินะ
ถังเทียนประหลาดใจเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จมตัวเองอยู่กับการฝึกหมัดจุลวินาศอย่างโหดร้ายรุนแรง สถานที่นี้อาจจะมีความลึกลับมากมาย แต่ในขณะนี้ มิมีสิ่งใดน่าสนใจไปกว่าการที่จะได้รับหมัดมหาวินาศ
หลังจากฝึกมา 20 วัน รวมกับช่วงเวลาแห่งความเพียรด้วย ถังเทียนสำเร็จหมัดจุลวินาศไปแล้ว 80,000 หมัด
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
หานปิงหนิงมายังบึงหยกทะเลไผ่ดั่งเช่นปกติ งานชุมนุมยุทธ์ใกล้เข้ามาแล้ว นางจำต้องใช้เวลาเพื่อฝึกวิชาตัวเบา นางเชี่ยวชาญในวิชากระบี่ นางชำนาญวิชากระบี่วารีธาตุอันสง่างาม [พิรุณโปรยปราย] และยังเป็นที่รู้จักกันดีในนามผู้เชี่ยวชาญอันดับสูงของสถาบันนางแอ่นเหนือ
ซือหม่าเซียงซานแห่งผลึกฟ้า หานปิงหนิงแห่งนางแอ่นเหนือ และเหลียงเซียวแห่งอสูรอำมหิต ต่างเป็นสามอันดับแรกระหว่างร้อยอันดับของสถาบันในเมืองเมฆาดารา ยามเมื่อเฉียนฮุ่ยจากไป พวกเขาต่างอยู่ในอันดับนั้นและมิมีผู้ใดสามารถจะแทนที่
ในระหว่างทั้งสาม นางแอ่นเหนืออาจจะถือได้ว่าเป็นสถาบันที่พิเศษเนื่องจากเป็นสถาบันสตรีล้วน ศิษย์ทุกคนในสถาบันต่างเป็นสตรี
หานปิงหนิงเป็นที่รู้จักในเรื่องงามของนาง เด็กหนุ่มจำนวนนับไม่ถ้วนต่างโอ้อวดว่ารู้จักกับนางแต่พวกเขาก็ถูกปฏิเสธหมดโดยนาง การกระทำของนางคล้ายคลึงเฉียนฮุ่ยเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้คนต่างเรียกนางว่า ‘เฉียนฮุ่ยน้อย’ หานปิงหนิงยังได้กล่าวไว้ว่าเฉียนฮุ่ยเป็นบุคคลที่นางเลื่อมใส
หานปิงหนิงเดินทางด้วยมือเปล่า นางเหินเข้าสู่ทะเลไผ่อย่างรวดเร็ว ร่างของนางแลดูงดงามและเปรื่องปราด
นางมองลงต่ำอย่างเฉยชา ผู้คนที่ต่างอาศัยอยู่ที่นี้เป็นพิเศษกำลังจับตัวต่อ นางมิชอบที่จะพบปะกับผู้คนและนางมักจะหลีกเลี่ยงการสบตา
ทันใดนั้น สายตานางก็แข็งค้าง
ในพื้นที่ว่างด้านข้างของบึงหยกทะเลไผ่ บุรุษผู้หนึ่งกำลังฝึกบ่มเพาะวิชาตัวเบา หานปิงหนิงสามารถที่จะจดจำวิชาตัวเบาที่บุรุษผู้นั้นบ่มเพาะได้ในทันทีมันเป็นวิชาตัวเบาระดับสอง ท่าเท้าท่องไพร การย่างก้าวของเขาดูติดๆขัดๆ ในสายตานาง ท่วงท่าช่างดูงุ่มงามนัก
นางยังคงไม่จากไป นางจดจำบุรุษผู้นี้ได้
ถังเทียน!
ทั่วทั้งเมืองเมฆาดารา มีเพียงผู้เดียวที่สามารถทำให้เฉียนฮุ่ยยิ้มได้คือบุรุษผู้นี้ ยามเมื่อเฉียนฮุ่ยยังอยู่ในเมืองเมฆาดารา หานปิงหนิงพึ่งเข้าศึกษาในสถาบัน ยามนั้นนางเลื่อมใสเฉียนฮุ่ยเป็นอย่างยิ่ง
เฉียนฮุ่ยสมบูรณ์แบบภายในหัวใจนาง นางมิได้สังเหตุเลยว่าการกระทำและบุคลิกของนาง ได้เรียนรู้และถอดแบบมาจากเฉียนฮุ่ยโดยไม่รู้ตัว
มีเพียงสิ่งเดียวที่หานปิงหนิงมิอาจเข้าใจได้มาจนถึงทุกวันนี้ และนั่นคือถังเทียน
หานปิงหนิงมิสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมคนที่สมบูรณ์ดั่งเช่นเฉียนฮุ่ยถึงมองเห็นบางอย่างในบุรุษไร้ค่าผู้นี้!
แม้กระทั่งวิชาระดับสองง่ายๆอย่าง [ท่าเท้าท่องไพร] บุรุษผู้นี้ยังคงมีปัญหา สิ่งใดกันที่เขาสามารถทำให้เฉียนฮุ่ยโปรดปรานในตัวเขา?
หานปิงหนิงยืนอยู่บนต้นไผ่ จมอยู่ในความคิดของนาง
ทันใดนั้น กิ่งที่อยู่ใต้เท้านางก็สั่นไหวพลางปลุกหานปิงหนิงกลับมาสู่ความเป็นจริง สีหน้าเต็มไปด้วยความตระหนก กิ่งไผ่ยังคงสั่นอย่างต่อเนื่อง เสียงดังก้องสามารถได้ยินมาแต่ไกล
หานปิงหนิงผู้มากไปด้วยประสบการณ์รู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีอสูรมหึมาอยู่ใกล้ๆบริเวณนี้
แต่นางก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย มันยากนักที่อสูรมหึมายังปรากฏในบึงหยกทะเลไผ่แห่งนี้ เนื่องด้วยทั่วทั้งสถานที่นี้เป็นบึง สายตาหานปิงหนิงสงบนิ่ง ท่ามกลางทะเลไผ่อันหนาแน่น นางค้นหาอย่างช้าๆ
อย่างไม่คาดคิด ม่านตาของนางก็หดเล็ก
เงาร่างที่สับสนเหินไปมาระหว่างต้นไผ่ เป็นเด็กหญิงตัวน้อยวัยเพียงเจ็ดถึงแปดปี ผมของนางถูกหวีถักไว้และด้วยใบหน้าแดงแต้มไปด้วยคราบน้ำตาสองสาย สีหน้าของนางซีดเผือดขณะที่เม้มริมฝีปากเล็กของนางแน่น นางวิ่งด้วยกำลังทั้งหมดของนาง
หานปิงหนิงจดจำเด็กหญิงตัวน้อยได้ นางควรที่จะอยู่ในตระกูลผู้ซึ่งคอยจับตัวต่อ ในช่วงเวลาที่นางมายังทะเลไผ่เพื่อฝึกวิชาตัวเบานี้ หานปิงหนิงได้พบเจอนางสองสามครา
มันจักต้องมีอสูรตามหลังนางมา!
หานปิงหนิงหดเอวของนางพลางเตรียมตัวที่จะหนี แต่ในขณะนั้น อสูรมหิมาสีดำก็พุ่งออกมาจากป่าไผ่ในทันที
ตึง ตึง ตึง!
ต้นไผ่ที่หานปิงหนิงยืนอยู่ต่างสั่นอย่างบ้าคลั่ง นางสูญเสียการควบคุมแต่ก็กลับมามั่นคงอีกคราได้อย่างรวดเร็ว
แรดเกราะเหล็กหมึกดำ!
การแสดงออกของหานปิงหนิงเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ทำไมอสูรระดับสูงถึงปรากฏตัวที่บึงหยกทะเลไผ่แห่งนี้ได้กัน
หานปิงหนิงมีปราณแท้จริงขั้นสี่ระดับกลางและยังอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด แต่มันก็ยังยากที่จะชนะ จะมีอันใดแย่ไปกว่านี้อีกเมื่อวันนี้นางมิได้พกกระบี่ออกมาด้วย
ให้ตายสิ!
แรดเกราะเหล็กหมึกดำขนาดใหญ่คล้ายดั่งภูเขาลูกย่อมๆ ร่างของมันปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเขียวซึ่งยากที่จะสร้างบาดแผลด้วยกระบี่ มันเป็นสัตว์อสูรที่โหดร้าย แรดเกราะเหล็กหมึกดำมีขนาดมหึมา แต่มันก็มิได้ดูเงอะงะเลย เสียงที่ยามมันวิ่งช่างน่าตื่นตระหนก มันมิได้สนใจต้นไผ่พลางวิ่งตรงเหยียบย่ำไผ่ทั้งหมด
น้ำตาของเด็กหญิงตัวน้อยก็ไหลลงมาอย่างรวดเร็ว แต่นางก็ยังคงมีสติดี นางมิได้ร้องไห้พลางวิ่งราวกับชีวิตขึ้นอยู่กับการวิ่ง
อย่างไรก็ตามระยะห่างของทั้งสองก็เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
หานปิงหนิงกัดฟันของนางพลางเร่งรีบลงไป
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
ถังเทียนกำลังฝึกท่าเท้าท่องไพรและหมัดจุลวินาศภายในช่วงเวลาแห่งความเพียร และพึ่งฝึกวิชาตัวเบาเสร็จสิ้น การใช้ชีวิตแบบนี้ มันช่างมีค่าอย่างยิ่ง
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้เท้าของเขา
เอ๊ะ?
ถังเทียนสงสัยพลางหยุดชะงัก และทันใดนั้น เขาก็พบเงาร่างเล็กพุ่งออกมาจากทะเลไผ่
มันเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ และนางก็มองเห็นถังเทียนยามเมื่อนางพุ่งออกมา
“พี่ชาย รีบหนีเร็วเข้า!”
เสียงนิ่มนวลกระวนกระวายของนางก็ดังเข้ามาในหูของถังเทียน
ในเวลาเดียวกัน เงาดำมหึมาก็ดังครึกโครมพุ่งออกมาจากทะเลไผ่ ต้นไผ่เมื่อปะทะเข้ากับไหล่ของเงาดำต่างหักขาดคล้ายกระดาษภายในชั่วพริบตาและมันก็หักกระจายเป็นชิ้นไปทุกทิศทาง
สัตว์อสูรตัวนี้ถังเทียนมิเคยพบเห็นมาก่อนเลย มันช่างดุร้ายนัก!
ไม่ดีแล้ว!
ม่านตาของถังเทียนหดเล็กลง เด็กหญิงตัวน้อยพยายามที่จะล่อสัตว์อสูรไปยังทิศทางอื่น แต่ด้วยเหตุนั่นเอง ก็ทำให้นางล่าช้าไปชั่วขณะและสัตว์อสูรก็เข้าใกล้นาง
ช่างเป็นเด็กหญิงที่กล้าหาญนัก...
แรดเกราะเหล็กหมึกดำก็กระทืบเท้าหลังของมันทันทีพุ่งตรงไปยังเด็กหญิงตัวน้อย
ในขณะเดียวกันถังเทียนก็กระโจนออกไปโดยปราศจากความลังเล
เขาคล้ายดั่งเสือชีตาห์ที่ระเบิดพลังอันแข็งแกร่งเข้าจู่โจม วาดผ่านเป็นการเคลื่อนไหวที่งดงาม ขณะที่ระยะห่างของพวกเขาใกล้เข้ามาและด้วยการตอบสนองของถังเทียนรวดเร็วอย่างยิ่ง เขาก็เข้าใกล้แรดเกราะเหล็กหมึกดำเพียงชั่วพริบตา
ทันใดนั้นเงาร่างของถังเทียนก็สลายหายไป
ลำแสงสีเงินของรังสีหมัดเส้นหนึ่งคล้ายดั่งอัสนีบาตก็ฉีกกระชากท้องฟ้า
[อัสนีบาตสังหาร]!
อัสนีบาตสีเงินพุ่งโจมตีไปยังร่างของแรดเกาะเหล็กหมึกดำ
ทันใดนั้นร่างใหญ่ของแรดเกราะเหล็กหมึกดำก็เซล้มไปด้านข้าง
ถังเทียนผู้ซึ่งอยู่กลางอากาศก็ได้โอกาสแหวกว่ายไปคว้าเด็กหญิงพลางจากไป
ช่างอันตรายยิ่งนัก!
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ถังเทียนหอบหายใจอย่างหนัก ใช้พลังที่หมดเกลี้ยงคลานขึ้นมา หันหัวมองไปยังเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมกอดของเขา นางหลับตาแน่นใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“นี่ นี่ นี่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง!”
ถังเทียนเขย่าเด็กหญิงตัวน้อยภายในอ้อมแขน ขณะนั้นเด็กหญิงตัวน้อยผู้ซึ่งเม้มปากของนางอย่างแน่น ก็อดกลั้นมิได้อีกต่อไปพลางร้องไห้เสียงดัง
ถังเทียนก็ทำอะไรไม่ถูก “นี่ นี่ นี่ หยุดร้องนะ หยุดร้อง เจ้าบาดเจ็บที่ใดหรือไม่?”
ตึงตึง!
ทันใดนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือนและดังมาจากด้านหลังพวกเขา
ถังเทียนตกใจและเด็กหญิงตัวน้อยก็หยุดร้องไห้
ถังเทียนหันหน้าไปเพื่อมองดูแรดเกราะเหล็กหมึกดำใช้ความพยายามที่จะคลานขึ้นมาอีกครา ถังเทียนหายใจเข้าอย่างหนาวเหน็บและผมเผ้าเขาก็ตั้งชันในทันที
[อัสนีบาตสังหาร]!
นั่นคือกระบวนท่าสังหารหมัดอัสนีบาต [อัสนีบาตสังหาร]!
[อัสนีบาตสังหาร] สามารถแม้กระทั่งทำลายกำแพงหมอกเบื้องหลังประตูนั่นได้ แต่สัตว์อสูรตัวนี้ลิ้มรสไปหนึ่งครา แต่มันกลับมิได้เป็นอันใดเลย?
ถังเทียนวางเด็กหญิงตัวน้อยเบื้องหลังเขา ด้วยความยุ่งยากใจพลางพึมพำ “หนีเร็วเข้า!”
“พี่ชาย หนีไปด้วยกันเถอะ!” เด็กหญิงตัวน้อยดึงเสื้อของถังเทียน
พี่ชายก็ต้องการหนีเช่นกัน...
ภายในใจถังเทียนรู้สึกขมขื่น เขานึกถึงวิชาตัวเบาอันต่ำต้อยของเขา เขารู้ว่ามิสามารถจะหนีจากสัตว์อสูรตัวนี้ไปได้
ถังเทียนสังเกตุเห็นเด็กหญิงตัวน้อยมองมายังเขาอย่างฉุนเฉียว ไฮ้ ถ้าหากเขาจำต้องบอกกล่าวนาง เขาคงจะอับอายขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง...
ปราศจากความกังวล ถังเทียนคว้าไปยังเด็กหญิงตัวน้อย หอบหายใจเข้าด้วยตาที่เบิกกว้าง กล้ามเนื้อแขนของเขาก็ปูนโปดเขาพลางพ่นลมออก เขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเขาโยนเด็กหญิงด้านข้างราวกับนางเป็นดั่งกระสอบทราย
“พี่ชาย…”
เด็กหญิงตัวน้อยลอยไปบนอากาศแกว่งแขนขาของนางอย่างร้อนรนใจ ด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
ทันใดนั้นเงาร่างงดงามและเปรื่องปราดก็เหินลงมาจากฟ้า คว้าเด็กหญิงและหันร่างเหินกลับไปยังต้นไผ่อีกครา
ถังเทียนเห็นว่าเป็นหญิงสาวที่เขาไม่ได้รู้จัก แต่เขาก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย หันกลับไปเผชิญหน้ากับแรดเกราะเหล็กหมึกดำ การแสดงออกของเขาแปรเปลี่ยนเป็นดุดันและเหี้ยมโหด เขากระชากชุดของเขาเปิดเผยให้เห็นกล้ามเนื้อบนร่างของเขา
‘ในเมื่อข้าหนีไม่ได้ ถ้างั้นก็ต้องสู้!’
ขวับ เขาดึงขาขวาดั่งเหล็กไถวาดผ่านเป็นรอยลึกลงบนพื้นย่อเอวของเขาตั้งท่าม้า กางแขนทั้งสองออก เหยียดนิ้วทั้งสิบของเขา หลังจากนั้นก็ชี้ไปยังแรดเกราะเหล็กหมึกดำปราศจากความหวาดกลัวบนใบหน้าของเขา
“เข้ามาเลย! เจ้ากระทิงเขลายักษ์!”
เสียงคำรามของถังเทียนก็ดังก้องไปทั่วป่าไผ่
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ