ตอนที่ 024 – [อัสนีบาตสังหาร]!
ตอนที่ 024 – [อัสนีบาตสังหาร]!
ชีวิตภายในเหมืองหินเป็นไปอย่างเรียบง่ายและบรรลุตามเป้าหมาย ถังเทียนแปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เขาได้เรียนรู้จากคนอื่นเกี่ยวกับกล้ามเนื้อบนร่างเปลือยเปล่าของเขา กล้ามเนื้อมีความเงางามราวกับพวกมันบรรจุพลังจนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ถังเทียนมุ่งความสนใจไปยังรังสีหมัดของเขาก่อนที่จะทุบลงบนหินอย่างแรง
ด้วยการทุบก้อนหินก็เป็นรอยแตกละเอียดกระจายออกไป
หมัดของถังเทียนราวกับพิรุณโปรยปรายทุบลงบนก้อนหินอย่างต่อเนื่อง รอยแตกบนก้อนหินก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น รอยแตกละเอียดก็ปรากฏ ด้วยการทุบของเขาก้อนหินก็แปรเปลี่ยนเป็นกองหินบด
ถังเทียนคัดกองหินบดที่ใหญ่กว่าเกาลัดและโยนออกไปด้านข้าง
หมัดจุลวินาศของเขายังอ่อนแอและห่างไกลจากพลังหมัดของพี่ใหญ่สือโถวอย่างมาก เขาจำต้องใช้ออกหลายหมัดก่อนที่เขาจะสามารถบดหินได้ นอกจากนั้น หินที่เขาบดทำลายก็มีขนาดไม่เท่ากัน
หมัดจุลวินาศของสือโถวสามารถบดทำลายหินได้ขนาดเหมือนกัน นั่นคือมาตรฐานสูงสุดอย่างแท้จริง
ถังเทียนเลื่อมใสเขาพลางทำให้มีแรงกระตุ้น
หมัดจุลวินาศนั้นทรงพลังมากกว่าหมัดอัสนีบาต วิชาหมัดจุลวินาศระดับสามบรรจุไปด้วยวิชาการกระตุ้นปราณแท้จริง ในขณะที่วิชาหมัดอัสนีบาตระดับสองมีเพียงการแสดงออกถึงพื้นฐาน
ด้วยการใช้ปราณแท้จริงในชั่วพริบตาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการทำลาย เป็นเช่นเดียวกับที่เรียกว่า ‘วินาศ’
หมัดจุลวินาศนั้นเรียบง่ายธรรมดา เพียงแต่มิได้หมายความว่าพลังของมันอ่อนแอ หมัดจุลวินาศคล้ายดั่งเช่นฝ่ามือทรายเหล็กของเฉินหยวน มุ่งมั่นไปยังพลังมากกว่าความแม่นยำ มันมีความสามารถในการทำลายอย่างน่าอัศจรรย์
เมื่อยามฝึกหมัดจุลวินาศสำเร็จอย่างลึกซึ้ง มันอาจจะสามารถทำการจู่โจมระยะไกลได้
ถังเทียนมิเคยคาดคิดว่าตำราปราณกระเรียนจะสามารถเข้ากันได้ดีกับหมัดจุลวินาศนี้
เมื่อยามกายากระเรียนกระตุ้นหมัดจุลวินาศ ปราศแท้จริงก็สั่นไปด้วยรังสีของเส้นสายคมดาบ รอยแตกบนก้อนหินที่เกิดจากหมัดจุลวินาศของถังเทียนก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ด้วยหมัดจุลวินาศธรรมดา โดยปกติรอยแตกจะไม่สม่ำเสมอ แต่รอยแตกจากหมัดถังเทียนทำให้หินดูราบเรียบและละเอียดราวกับพวกมันถูกหั่นโดยดาบ
ถังเทียนแก้ไขหมัดจุลวินาศอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็มิได้ยอมแพ้กับหมัดอัสนีบาต
การฝึกทั้งหมดของหมัดอัสนีบาตสำเร็จ ณ เบื้องหลังประตูดารากางเขนใต้
ปราศจากการพักผ่อน ถังเทียนก้าวไปยังประตูอีกคราและเริ่มฝึกฝน
หลังจากที่เขาสำเร็จหมัดอัสนีบาตถึง 200,000 หมัดแล้ว มันก็มิได้เป็นเรื่องยากสำหรับเขา เพียงแต่มันน่าเบื่อและเหนื่อยมาก
ทุกวัฏจักรแห่งความเพียรมีสิบวัน ในช่วงเวลาสิบวันนั้น เขามิได้พูดคุยกับผู้ใดเลย เขากระทำเพียงชกหมัดออกครั้งแล้วครั้งเล่า แม้กระทั่งช่วงเวลาพัก เป็นสองสามวันสุดท้ายของการฝึก เขาก็หมดเรี่ยวแรงทั้งกายและใจ
ถังเทียนส่งออกหมัดได้อย่างรวดเร็ว หมัดสลายหายไปกลางอากาศและปรากฏออกมาด้วยไร้สัญญาณใด มันมิอาจคาดเดาได้เลย
ในช่วงเวลาสองสามวัน เขาใช้หมัดจุลวินาศทั้งวันเพื่อบดทำลายหิน ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงความก้าวหน้า โดยเฉพาะพลังแขนของเขา พวกมันแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ หมัดจุลวินาศแลดูเรียบง่ายและธรรมดา หมัดอัสนีบาตของถังเทียนค่อยมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
รวดเร็วและรุนแรง พวกมันต่างมีความแตกต่างคนละรูปแบบกัน แต่มันก็เข้าคู่กันอย่างดี
เหงื่อของเขาไหลหยดย้อยขณะที่เหนื่อยหอบอย่างหนักระหว่างแรงลมที่ก่อเกิดโดยหมัด ตัวเลขด้านหลังประตูเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
399,999
400,000!
เสียงหอบใจดังซ้ำๆ และหมัดอัสนีบาตอันรวดเร็วก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ภายในความเงียบสงบ เสียงลึกลับก็ดังก้องขึ้นมาทันที แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเสียงของอากาศ มันก็สามารถที่จะปล่อยพลังลึกลับดั่งคมมีด
ภายในดวงตาของถังเทียนปราศจากอารมรณ์และเงียบงันก็ปรากฏร่องรอยของความเยือกเย็นราวกับเขากลายเป็นอสูรกายกำลังรวบรวมพลัง
เสียงหายใจหยุดทันที
ร่างถังเทียนหายไปดั่งอสูร
หมัดสีเงินชุดแรกก็ปลดปล่อยออกมาราวกับลำแสงที่โชติของอัสนีบาต อากาศรอบๆถูกฉีกกระฉาก
ราวกับอัสนีบาต ปลดปล่อยแสงสว่างจ้า ฉับพลันนั้นก็สว่างไปทั่วทิศทาง ปราณอันทรงพลังถูกปลดปล่อย ดูราวกับพลังที่มิมีสิ่งใดสามารถต้านทานมันได้ มันง่ายดายนักที่จะทำให้ผู้คนหวาดหวั่น
อัสนีบาตสีเงิน ระเบิดอย่างรุนแรงรอบๆอากาศ ก่อเกิดเป็นหมอกควัน
ตูม!
ปราณแท้จริงของถังเทียนก็หมดไปในทันที และดวงตาของเขาดูเหนื่อยล้า คลื่นพลังปราณพัดตรงมายังเขา ในชั่วพริบตามันก็มาอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว
“อ้า อ๊า อ๊า…”
เขามิทันได้เตรียมตัวและมันก็เหวี่ยงเขาไปขึ้นในอากาศโดยคลื่นพลังปราณ ปัง เขาปลิวลอยเข้าไปในกำแพงหมอกอีกด้านหนึ่งก่อนที่กระเด็นลงมาบนพื้น
ถังเทียนเหยียดหลังของเขาพลางนอนลงบนพื้น เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงไม่มีพลังเหลือภายในร่างของเขา และมิสามารถจะขยับได้สักนิ้วหนึ่ง เขาเพียงแค่นอนอยู่ตรงนั้น มองอย่างว่างเปล่าบนเพดาน เหงื่อของเขายังคงหลั่งไหล และอย่างรวดเร็วมันก็ท่วมภายใต้ตัวเขา
ในที่สุดข้าก็สำเร็จแล้ว...
กระบวนท่าสังหารหมัดอัสนีบาต [อัสนีบาตสังหาร]!
เขาเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก เปลือกตากลายเป็นหนักอึ้ง และเขาก็ผล่อยหลับไปในทันที
มันเป็นคราแรกที่เขาหลับเบื้องหลังประตูกางเขนดาราใต้
ยามเมื่อถังเทียนนอนหลับอยู่ เขาไม่ได้สังเกตุถึงยามเมื่อเขาใช้ออก [อัสนีบาตสังหาร] ยันต์สีทองขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นบนประตูกางเขน บนยันต์ถังเทียนใช้ออกด้วยหมัดที่รุนแรง ด้านล่างของขาเขาปรากฏคำสองคำ หมัดอัสนีบาต!
หลังจากที่มิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ถังเทียนก็ค่อยๆตื่นขึ้นมา ยามเมื่อเขามองไปยังประตูกางเขน เขาก็สะดุ้งด้วยความตระหนก ช่วงเวลาแห่งความเพียรกำลังจะสิ้นสุดลง!
เขามิสามารถที่จะคลานขึ้นมาทันเวลา มีเพียงสายตาพร่ามัวไปชั่วขณะก่อนที่จะกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
“พื้นฐานถัง เร็วเข้า ถึงเวลาทำงานแล้ว!” ประตูไม้พุพังต่อหน้าเสียงดังของอาโม่หลี่มิได้ช่วยอะไรเลย
“ข้ามาแล้ว ข้ามาแล้ว!” ถังเทียนรีบเร่งคลานขึ้นมา รีบร้อนล้างหน้าล้างตาของเขาพลางรีบเร่งไปยังประตู
ชีวิตประจำวันของเขาก็เริ่มขึ้นอีกวัน
ทุกๆวันเขาอยู่อย่างมีชีวิตชีวา
ถังเทียนค่อยๆรู้สึกและเข้าใจในกฏของประตูกางเขนดาราใต้มากยิ่งขึ้น มิว่ามันจะเป็นเจตนาของกลุ่มดารากางเขนใต้หรือไม่ ประตูกางเขนและตัวเลข ‘10’ เชื่อมโยงกันอย่างแปกประหลาด ประตูกางเขนจะเปิดทุกๆสิบวันและทุกคราที่เปิดออกมันก็จะมีเวลานานถึงสิบวัน ถ้าความเข้าใจของเขาถูกต้องในช่วงเวลาแห่งความเพียร หลังจากนั้นช่วงเวลาแห่งความเพียรครั้งต่อไปเปิด ถังเทียนคงจะสามารถที่จะมั่นใจและยืนยันมันได้
เมื่อเสร็จสิ้นวัฏจักรแห่งความเพียรแล้ว ถังเทียนต้องการใช้เวลาฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ในช่วงเวลาสิบวันนั้น มันช่างเป็นความบังเอิญยิ่งนัก เมื่อสิบวันในช่วงเวลาแห่งความเพียรเป็นเช่นเดียวกับขีดจำกัดของถังเทียน
เนื่องจากวัฏจักแห่งความเพียรนี้ หมัดจุลวินาศของถังเทียนดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ที่ดีขึ้นอย่างยิ่งแล้วก็คงจะเป็นตำราปราณกระเรียน เส้นสายกายากระเรียนของถังเทียนแปรเปลี่ยนเป็นชัดเจนยิ่งขึ้น และเหล่าเส้นชีพจรก็เพิ่มขนาดเป็นสองเท่ายามเมื่อเขากระตุ้นใช้ออกกายากระเรียน
กายากระเรียนขยายตัวขึ้นถึงสองครา และถังเทียนค้นพบอีกประการว่าการชำระล้างปราณแท้จริงของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
การชำระล้างปราณแท้จริงโคจรไปตามกำแพงของบ่อตันเถียนที่สาม ค่อยๆเกาะเป็นกลุ่มก้อนก่อเกิดเป็นกำแพง
ปริมาณความจุของบ่อตันเถียนที่สามารถก็แปรเปลี่ยนเป็นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
ฉากยามค่ำคืนที่วิเศษ ทุกคนต่างรวมตัวกันเพื่อย่างเนื้อและร่ำสุรา งานในเหมืองหินช่างเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายและยากแค้น ค่ำคืนนี้เป็นโอกาสที่หายากสำหรับพวกเขาได้พักผ่อนและผ่อนคลาย
หลังจากได้คุ้นเคยกับพวกเขา ถังเทียนและอาโม่หลี่ก็รับรู้ได้ว่าเหล่าบุรุษกล้ามโตที่พวกเขาคล้ายดุร้ายแต่ในความเป็นจริง พวกเขาต่างซื่อตรงและเป็นมิตร พวกเขาทั้งสองต่างปราศจากความอายที่จะร่วมสังสรรค์พวกเขา ด้วยบุคลิกภาพด้านความสัมพันธ์ของพวกเขา พวกเขากลายเป็นพวกเดียวกันกับเหล่าบุรุษกล้ามโตอย่างรวดเร็ว
กองไฟสาดส่องไปบนใบหน้าของทุกคน สว่างไสวและสลายหายไป
“พี่ใหญ่สือ ท่านทำอันใดในก่อนหน้านี้กัน?” ถังเทียนถามอย่างอยากรู้
สือโถวหัวร่อ “ข้ารับจ้างส่งของ”
“เป็นไปไม่ได้! ท่านทรงพลังขนาดนี้เนี้ยนะ พี่ใหญ่สือ!” ถังเทียนมองอย่างไม่เชื่อ ในสายตาของถังเทียน ความสามารถของพี่ใหญ่สือช่างน่าประทับใจเป็นอย่างมาก
เขาสงสัยว่าพี่ใหญ่สืออย่างน้อยก็อยู่ในขั้นสี่ของปราณแท้จริง แม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นห้า เขาก็จะไม่สงสัยเลย ภายในเมืองเมฆาดารางานธรรมดาเพียงต้องการขั้นสอง และขั้นสามสามารถที่จะหางานที่ดีได้ ยามเมื่อถึงขั้นสี่ของปราณแท้จริง โอ้ ตามที่เห็นเมืองเมฆาดารา ก็มีเพียงหัวหน้ากองกำลังที่อยู่ในขั้นสี่
นอกเหนือจากเขา มีผู้เชี่ยวชาญไม่กี่คนที่อยู่ในขั้นสี่และเหนือกว่านั้น และพวกเขาติดอันดับสูงในสถาบันของพวกเขา ภายในเมืองเมฆาดารา เหล่าศิษย์ที่อยู่ในขั้นสี่ จะถูกดูแลอย่างดีมากกว่าเหล่าอาจารย์ซะอีก เหล่าอาจารย์ที่อยู่ในขั้นสี่ภายในเมืองเมฆาดารานั้นช่างน่าสงสาร ไม่เพียงแค่เมืองเมฆาดาราแต่ทั่วทั้งดาราอู่อันนี้ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน
เหล่าผู้คนที่อยู่ในขั้นสี่ของปราณแท้จริง พวกเขาทั้งหมดจะเลือกไปยังสถานที่ที่ใหญ่เพื่อหารายได้ สำหรับเหล่าศิษย์ที่อายุเยาว์ผู้ซึ่งบรรลุไปถึงขั้นสี่ พวกเขาจะไม่อยู่ในสถานที่เล็กๆแห่งนี้ไปตลอดชีวิต ถ้าหากพวกเขามิกล้าเผชิญออกไป พวกเขาก็จะมองหากลุ่มดาราใหญ่ๆเพื่อเข้าไปยังวิทยาลัยที่ดีเพื่อศึกษาต่อ
เหล่าผู้คนที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าขั้นห้า ถังเทียนมิเคยพบเห็นมาก่อน
พี่ใหญ่สือโถวและที่เหลือต่างแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างล้นหลาม ถังเทียนมั่นใจว่าถ้าเฉินหยวนพบพี่ใหญ่สือโถวในวันหน้า เขาคงมิอาจรับมือได้ครบสิบกระบวนท่า
อาโม่หลี่เมามายจนมิอาจเดินตรงได้ เขาดูหยาบคายและแข็งแกร่งเข้าได้ดีกับบุรุษมีกล้ามเหล่านี้ พลังร่างกายอันบ้าคลั่งของถังเทียนคล้ายดูน้อยนิดและอ่อนแอในที่นี้
พี่ใหญ่สือโถวหัวร่อ “พลังปราณอันน้อยนิดของข้าเคยยอดเยี่ยม แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ตาเฒ่าเว่ยเยี่ยมยอดในยุคของเขา แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว”
“ตาเฒ่าเว่ยทรงพลังมากในอดีตใช่รึไม่?” ความสนใจของถังเทียนถูกดึงดูดขึ้นทันที
“เอ่อ เขาทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง” สือโถวแสดงออกเต็มไปด้วยอารมณ์สะเทือนใจ “เพียงแต่หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บ และนั่นทำให้เขาบาดเจ็บยิ่งขึ้นจนแก่ชราลงและเขาก็หยุดลง ผู้คนเช่นพวกเราปราศจากความสามารถแล้ว เมื่อยามที่รุ่งเรืองห้าสิบปีในอดีต ก็จะตกต่ำลง”
ถังเทียนไม่เชื่อ “ไม่มีทาง พี่ใหญ่สือโถวพวกท่านทั้งหมดต่างแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ข้ารู้ว่าต่อให้ท่านอายุแปดสิบ ท่านยังคงสังหารกระทิงได้เพียงหมัดเดียว!”
“ฮ่า ฮ่า!” สือโถวหัวร่ออย่างดัง กระดกเหล้าองุ่นอย่างรุนแรง ปรากฏความมึนเมาในสายตาเขา “ข้าขอให้คำกล่าวของเจ้าเป็นจริง เสี่ยวเทียน โอ้ใช่แล้ว เสี่ยวเทียนเจ้าคิดอย่างไรกันถึงได้จะเดินไปบนเส้นทางของผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด”
“ตาเฒ่าเว่ยกล่าวกับข้า เขากล่าวว่าข้านั้นดุร้ายและป่าเถื่อน เหมาะสมกับการเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด และเขายังกล่าวว่าผู้หญิงของข้าจะหลงรักในผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด…” ถังเทียนเกาหัวของเขา
สือโถวสำลักเหล้าองุ่นของเขาพลางสีหน้าเขาก็แดงขึ้น
“อย่าบอกนะว่าตาเฒ่าหลอกหลวงข้า?” ถังเทียนเบิกตากว้าง
ใบหน้าของสือโถวแดงขึ้นเรื่อยๆ เป็นเวลานานก่อนที่เขาจะลูบพุงของเขาพลางนั่งตัวตรง ด้วยการแสดงออกที่จริงจัง “ข้ากล้าสาบานได้เลยว่าตาเฒ่าเว่ยไม่ได้หลอกลวงเจ้า”
“ฮึ ถ้าหากเขากล้าที่จะหลอกลวงข้า เขาได้ตายแน่แล้ว!” ถังเทียนกล่าวอย่างดุดัน
สือโถวเก็บงำรอยยิ้มของเขาพลางกล่าวอย่างจริงจัง “เพียงแต่มันเป็นเรื่องยากลำบากที่กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด ไม่สิ มันยากลำบากอย่างยิ่งยวด”
ถังเทียนส่ายหน้าพลางเห็นด้วยอย่างจริงจัง “ข้ามิเกรงกลัว ตราบเท่าที่ข้าสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ ข้าก็มิเกรงกลัวกับการทรมานจากความยากลำบาก เนื่องเพราะข้าได้สัญญากับเฉียนฮุ่ยไว้แล้วว่า ข้าจะไปพบนางที่ภูเขากลุ่มดาราอมตะ พวกเราก็จะเดินไปบนเส้นทางสวรรค์ด้วยกัน”
การแสดงออกของสือโถวแข็งขันอย่างรวดเร็ว เขาถอนหายใจพลางวางถ้วยเหล้าองุ่นลง “เสี่ยวเทียน ข้ามิได้คัดค้านอันใด หากเจ้าต้องการไปยังภูเขากลุ่มดาราอมตะ เพียงแต่ถ้าเจ้าต้องการเดินทางไปยังเส้นทางสวรรค์แล้วล่ะก็ ข้าแนะนำว่าเจ้าควรจะบรรลุอย่างน้อยขั้นห้าของปราณแท้จริง”
“ขั้นห้า?” ถังเทียนตกใจอยู่ชั่วครู่ แต่เขาก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “เอ่อ ข้าจะจดจำมันไว้”
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ