ตอนที่ 022 – แผนการของเสิ่นหยวน
ตอนที่ 022 – แผนการของเสิ่นหยวน
[ทัณฑ์อเวจี] ของอาโม่หลี และ [ทลายปราการเหล็ก] ของ เสิ่นหยวน ต่างปะทะกันอย่างน่ากลัว
ตูม!
ปราณแท้จริงปะทะกันอย่างรุนแรง และกระแสอากาศเล็กๆนับไม่ถ้วนต่างระเบิดกวาดกระจายไปทั่วทิศทาง
เลือดและปราณทั้งสองของพวกเขาปะปนกันเละเทะ ขณะที่ร่างของพวกเขาถอยออกไปสองสามก้าว
มิมีผู้ใดสังเกตุเห็นในกระแสความวุ่นวายของอากาศ เงาร่างหนึ่งเคลื่อนไหวไปข้างหน้าอยู่ด้านตรงข้ามกระแส
เสิ่นหยวนตามืดมัวในชั่วอึดใจ ก่อนที่ภาพเงาจะปรากฏทันทีด้านหน้าของเขา และรูม่านตาของเขาหดลง ถังเทียน! กระแสอากาศอันเล็กตัดผ่านใบหน้าและลำคอของถังเทียน แต่เขาก็มิได้ตอบสนองอันใด
การตอบสนองของเสิ่นหยวนรวดเร็วอย่างมาก แม้ว่าปราณแท้จริงของเขายังคงไม่ฟื้นมา เขายังคงหยุดถังเทียนด้วยฝ่ามือขวา
สายตาของเสิ่นหยวนจ้องมองไปยังนัยน์ตาอันสงบของถังเทียน พลางหัวใจเขาก็สั่นสะท้าน เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวจริง!
โชคดีจริงเขารู้เพียงวิชาหมัดอัสนีบาต...
ขณะที่เขานึกถึงเรื่องนี้ภายในใจ เขาก็มองเห็นหมัดของถังเทียน
หมัดปกคลุมไปด้วยชั้นของแสงสีขาวเลือนลาง เสิ่นหยวนตกตะลึง มันคือรังสีหมัด
มันเป็นไปได้อย่างไรที่จะใช้รังสีหมัดในหมัดอัสนีบาต?
ปัง!
รังสีหมัดที่ปกคลุมหมัดอัสนีบาตสลายหายไปในอากาศ และในทันทีมันก็ปรากฏขึ้นด้านขวาของเสิ่นหยวน
อย่างมีไหวพริบ เสิ่นหยวนดีดฝ่ามือของเขาหยุดยั้งหมัดของถังเทียน
ฝ่ามือและหมัดปะทะกัน เสิ่นหยวนสามารถที่จะรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและปราณแท้จริงแทรกซอนเข้าสู่ฝ่ามือของเขาจากหมัดถังเทียน ทันใดนั้น การป้องกันของเสิ่นหยวนสลายหายไป
เสิ่นหยวนตะโกนก้องขอความช่วยเหลือภายในความเงียบ
ช่างน่าเศร้า ถังเทียนมิยอมให้เขาได้ตอบสนองอันใด ก่อนที่หมัดที่สองจะปรากฏออกมาจากชุดอันฉีกขาดและปะทะเข้ากับหัวไหล่ของเสิ่นหยวน
เสิ่นหยวนครวญครางขณะที่เขารู้สึกเจ็บปวดที่หัวไหล่ของเขา ปราณแท้จริงของเขาสลายหายไปพลางตัวของเขาปลิวกระเด็นดั่งกรอบสายทราย
การเคลื่อนไหวของถังเทียนรวดเร็วยิ่ง ขณะที่เขาเหินไปพร้อมกับเสิ่นหยวน เขาก็ส่งออกหมัดอีกครากลางอากาศ หมัดพุ่งไปดุจดั่งอัสนีบาต
เสิ่นหยวนสูญเสียสมดุลพลางจ้องไปยังหมัดของถังเทียนที่คล้ายกับดาวตก ใบหน้าของเขากำลังจะถูกชกโดยหมัดพลางหลับตาลง
“ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้!”
ปัง!
เสิ่นหยวนรู้สึกเจ็บปวดบนใบหน้าของเขา สติของเขาว่างเปล่าพลางล่วงหล่นไปบนพื้นคล้ายดั่งโดนค้อนยักษ์ทุบลงไปในโคลน
ก่อนที่เขาจะสลบเขาก็นึกถึงว่า “มิใช่ว่าข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้แล้วรึ? เหตุใดกันเขาถึงได้ใช้วิธีชั่วร้ายเช่นนี้…”
เท้าทั้งสองข้างของถังเทียนเหยียบลงบนพื้น
ฮูววว เขาหอบหายใจดังคล้ายลมกรรโชก และชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
“พื้นฐานถัง เขาขอยอมรับความพ่ายแพ้แล้วมิใช่รึ?” อาโม่หลี่กล่าวอย่างเหนื่อยอ่อนจากด้านหลัง
เสียงหอบหายใจของถังเทียนในที่สุดก็สงบลง เขายืนขึ้นตัวตรงพลางยิ้มอย่างมีความสุข “ถ้าหากพวกเราปล่อยให้เขายอมรับความพ่ายแพ้เช่นนั้น แล้วพวกเราจะไปค้นทรัพย์สินสงครามได้อย่างไร? การได้รับทรัพย์สินสงคราม พวกเราจะต้องได้รับชัยจากการต่อสู้เท่านั้น!”
“แต่…” อาโม่หลี่ผู้มีบุคลิกที่บริสุทธิ์และซื่อสัตย์ หยุดยั้งคำพูดที่คิดจะกล่าว
“ถ้ามิมีอันใดแล้ว รีบมาช่วยข้าหาเชือกเร็วเข้า” ถังเทียนกล่าวอย่างรีบร้อน
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
เสิ่นหยวนตื่นขึ้นมาโดยมีสีหน้าซีดเผือด และในด้านหน้าของเขาปรากฏใบหน้าสองคน ใบหน้าของอาโม่หลี่ผู้ซึ่งแลดูเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและสำนึกผิด ขณะที่ใบหน้าของถังเทียนดำทะมึนเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
“เจ้าเป็นตัวบัดซบอันใดกัน ถึงได้เสแสร้งทำเป็นศิษย์ผลึกฟ้า” ถังเทียนตะคอกด้วยความโกรธ
“ข้ามิได้แสร้งทำเป็นเลย” เสิ่นหยวนที่พึ่งรู้สึกตัวกล่าวตอบ
ถังเทียนยิ่งคลั่งเข้าไปใหญ่ “เจ้ายังกล้าที่จะหลอกลวงข้า! ศิษย์ผลึกฟ้าอันใดจะเป็นยาจกเช่นเจ้า ปราศจากสิ่งของบนตัวเจ้า!”
“ข้า…” เสิ่นหยวนเปิดปากแต่ไม่รู้จะกล่าวเช่นไรดี
“พื้นฐานถัง เขามาจากผลึกฟ้าจริง ข้าจดจำเขาได้” อาโม่หลี่กล่าวจากด้านข้าง
ถังเทียนแปรเปลี่ยนการแสดงออกเป็นเศร้าและเจ็บปวด “ถ้างั้นมันช่างเลวร้ายยิ่ง! เมื่อใดกันที่ศิษย์ผลึกฟ้าถึงได้ตกต่ำเช่นนี้ ถึงขนาดที่ว่ามิสามารถจะจ่ายสินสงครามยามพวกเขาพ่ายแพ้ได้? นี้มันช่างน่าสบประมาทและอัปยศของผลึกฟ้าอย่างยิ่งใหญ่!”
เสิ่นหยวนมิรู้ว่าจะควรหัวร่อหรือร้องไห้ดี สหายผู้นี้พยายามที่จะค้นหาสิ่งของบนตัวเขาเพื่อจะรับเป็นสินสงคราม เสิ่นหยวนใช้เวลาฝึกซ้อมอย่างหนัก ขณะที่เขามักจะเป็นคนที่เรียบง่ายและมัธยัสถ์ เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่พกสิ่งของอันใดไว้บนตัว
“แน่นอนว่าข้าจะมัดพวกเขาทั้งสองรวมกันพลางถลกหนังทั้งเป็นและแขวนพวกเขาไว้ด้านนอกสถาบันผลึกฟ้าเพื่อสลายความโกรธในใจข้า” ถังเทียนกล่าวเสียงเข้ม
อาโม่หลี่ถึงกับลิ้นพันกันพลางกล่าวอย่างตะกุกตะกัก “พะ...พื้นฐานถัง นี้ นี้ มัน โหดร้ายเกินไป…”
ใบหน้าถังเทียนขึงขังด้วยสายตาที่ดุร้าย “โหดร้าย? อยากจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ใจต้องเหี้ยม!”
เสิ่นหยวนอ้าปากค้างใบหน้าซีดเต็มไปด้วยอาการตกตะลึง
จนกระทั่งมือวางบนร่างของเขาและเริ่มที่จะมัดรอบชุดเขา เสิ่นหยวนก็ตอบสนองกล่าวอย่างเร่งรีบว่า “เดี๋ยวก่อน! ข้ายินดีจะไถ่ตัวเอง! ข้ายินดีจะไถ่ตัวเอง!”
เสิ่นหยวนตื่นตระหนกยามเมื่อเขาคิดถึงฉากที่เขาโดนถลกหนังและแขวนไว้นอกสถาบันผลึกฟ้าอดมิได้ที่จะสั่นสะท้าน
“เจ้าต้องการสิ่งใด?” เฉินเหยียบแสดงท่าทางอย่างมั่นคงแต่น้ำเสียงของเขากับสั่นพลางเปิดเผยความหวาดกลัวในใจของเขา
อาโม่หลี่ลอบเคลื่อนไหวไปด้านข้างหนึ่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ เสิ่นหยวน อ้า ผลึกฟ้าเป็นที่รู้จักกันว่าต่างกำเนิดเหล่าผู้คนที่แข็งแกร่ง แต่ยังคงถูกรังแกโดยพื้นฐานถังถึงขนาดนี้ ช่างน่าเวทนานัก!
ช่างโชคดีแท้ที่ข้าอยู่ฝ่ายเดียวกับพื้นฐานถัง...
ในทันทีหัวใจของอาโม่หลี่ก็เต็มไปด้วยความขอบคุณ
“ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นนักสู้ อย่างนั้นจ่ายเป็นยันต์จิตวิญญาณละกัน” ถังเทียนแสร้งไอเบาๆ “อย่างไรก็ตาม เจ้าควรจะพิจารณามัน ด้วยฐานะของเจ้า เจ้าจะต้องรู้ว่ายันต์จิตวิญญาณใดที่จะมิทำให้เจ้าดูขายหน้าได้ โอ้ แน่นอน ความโกรธภายในใจข้าสำคัญกว่าฐานะของเจ้า”
“ยันต์จิตวิญญาณ…” เสิ่นหยวนถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาเป็นเพียงนักสู้งี่เง่า เขามิได้เก็บสิ่งของมากมายนัก แต่เขาก็สะสมยันต์จิตวิญญาณไว้เป็นจำนวนมาก “ยันต์ชนิดใดที่เจ้าต้องการ?”
ถังเทียนเห็นการแสดงออกของเสิ่นหยวนพลางขบฟันแน่นขณะที่ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความสุข เจ้าแพะอ้วน!
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขาก็เป็นดั่งเช่นปกติ “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดบ้างหรือไม่?”
“ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด!” ดวงตาเสิ่นหยวนกลายเป็นว่างเปล่า เขาจ้องมองใบหน้าของถังเทียน และมิได้กล่าวอะไรออกมาเป็นเวลานาน ถังเทียนคิดว่าเขามีอะไรอยู่บนใบหน้าจึงทำให้เสิ่นหยวนยังคงจ้องมองใบหน้าเขา
“แท้จริงเจ้ากำลังมุ่งสู่เส้นทางการเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด!” น้ำเสียงเสิ่นหยวนเต็มไปด้วยความนับถือ “ไม่เสียทีที่ข้าพ่ายแพ้”
หลังจากได้ยินคำกล่าวนั้น ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดดูช่างน่าประทับใจ… ภายในใจถังเทียนก็กระหึ่ม ดูคล้ายว่าตาเฒ่าเว่ยจะมิได้หลอกลวงข้า
เสิ่นหยวนกล่าวอย่างตื่นเต้น “ถ้าหากเจ้ากล่าวถึงผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดแล้วล่ะก็ มันจะต้องมี ห้าพื้นฐานวิชาการต่อสู้เป็นสิ่งสำคัญ วิชาตัวเบา วิชาดัชนี วิชาฝ่ามือ วิชาหมัด และวิชาข้อต่อ ยันต์ชนิดใดที่เจ้ามีแล้วมั้ง?”
ถังเทียนสังเหตุเห็นว่าเสิ่นหยวนตื่นเต้นมากกว่าที่เขาเป็นเสียอีกพลางทำให้ใจของเขารู้สึกอารมณ์เสีย เขาหยิบยันต์ออกสามใบที่เขาพบบนตัวของหยางหย่ง “เอาไปดู นี้เป็นยันต์สามใบที่ข้ามีอยู่ แต่ข้ามีเจตนาที่จะแลกเปลี่ยน [ดัชนีเหล็กไหล] เนื่องเพราะความสัมพันธ์ทั้งห้าธาตุของข้าเป็นกลาง ข้ามิสามารถที่จะฝึกมันได้”
“โอ้ วิชาตัวเบาทั้งสองนั้นดี สำหรับผู้ที่มิมีความสัมพันธ์ทางธาตุเป็นกลาง [ดัชนีเหล็กไหล] สามารถแลกเปลี่ยนเป็น [กรงเล็บเหยี่ยว] เนื่องจากทั้งสองมีความคล้ายคลึงกัน วิชาระดับสาม [กรงเล็บเหยี่ยว] นั้นทรงพลัง และในด้านของวิชาฝ่ามือ ข้ามี [ฝ่ามือไร้เงา] ฝ่ามือนี้พิถีพิถันยากคาดเดาและยังเหมาะสมกับการต่อสู้ระยะประชิด [หมัดอัสนีบาต] ของเจ้าก็ดี แต่ยังคงขาดพลัง ในด้านของวิชาระดับสาม เจ้าสามารถฝึก [หมัดจุลวินาศ] และวิชาข้อต่อที่ข้ามี [วิชาห่วงโซ่สัมพันธ์]
“เป็นส่วนประกอบที่สมบูรณ์อย่างมาก [ท่าเท้าท่องไพร] ย่างก้าวพิถีพิถัน [แปดย่างก้าวจักจั่น] เป็นที่รู้กันดีในเรื่องความเร็ว [กรงเล็บเหยี่ยว] ใช้ความคล่องแคล่วในการต่อสู้ ทุกนิ้วเปรียบดั่งตะขอ [ฝ่ามือไร้เงา] ใช้ภาพมายาซ่อนเร้นการจู่โจม ก่อเกิดความสับสนต่อศัตรู [หมัดจุลวินาศ] พลังทำลายดุจอัสนีบาตทลายจนเป็นซากใช้เพื่อปิกฉากการต่อสู้ [วิชาห่วงโซ่สัมพันธ์] สร้างความประหลาดใจให้ศัตรูยามต่อสู้ในระยะประชิดด้วยพลังอันน่าอัศจรรย์ ใช้ออกทุกส่วนของร่างกายเป็นดั่งอาวุธร้ายแรงแม้กระทั่งข้อต่อ!”
“เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก!” ขณะที่ได้ยินที่เขากล่าว สายตาถังเทียนจ้องมองไปยังเขา
“สุดยอดมาก!” อาโม่หลี่ชื่นชม มันหาได้ยากนักที่จะพบผู้คนที่สามารถกล่าวได้อย่างรอบรู้ มีหลายวิชาในแต่ละประเภท และเพื่อที่จะมีความรู้หลากหลายวิชาการต่อสู้ มันสามารถทำให้เห็นได้ว่า เสิ่นหยวนหมกหมุ่นอยู่กับวิชาการต่อสู้
“ข้ามิเคยคิดว่าเจ้าจะมีความกล้าที่จะท้าทายเดินไปบนเส้นทางที่ยากลำบากของผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด นี้มันช่างน่าเลื่อมใสนัก” ใบหน้าเสิ่นหยวนเต็มไปด้วยความชื่นชมพลางกล่าวอย่างจริงจัง “ข้ามียันต์จิตวิญญาณทั้งสามนั้น [ฝ่ามือไร้เงา] [หมัดจุลวินาศ] และ [วิชาห่วงโซ่สัมพันธ์] ข้าจะมอบพวกมันให้เจ้า! วางใจได้ ทั้งหมดมันเป็นขั้นเงิน”
ถังเทียนยิ้ม “ฮี่ฮี่ ข้ามองเจ้าผิดไป เจ้าก็เป็นหนุ่มน้อยที่ดีเหมือนกัน!”
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
ภายในบ้านของเสิ่นหยวน
“นี่ยันต์จิตวิญญาณสามใบ โปรดรับมันไว้” เสิ่นหยวนเสนอยันต์จิตวิญญาณทั้งสาม ขณะที่หยางหย่งหลบอยู่ที่มุมด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ถังเทียนรับยันต์จิตวิญญาณทั้งสามมาพลางจากไปอย่างมีความสุขพร้อมอาโม่หลี่
หยางหย่งอดไม่ได้ที่จะกล่าว “เหล่าเฉิน ทำไมเจ้าถึงได้มอบยันต์เหล่านั้นให้พวกมันไป? ถ้าหากพวกเราจัดการในตอนนี้ พวกเราสามารถเปลี่ยนแปลงความพ่ายแพ้นี้ได้!”
เสิ่นหยวน “แล้วหลังจากนั้นล่ะ? พวกเราสามารถสังหารพวกมันได้งั้นรึ? ความพ่ายแพ้ครานี้ เป็นความอัปยศที่มิมีวันชำระล้างออกไปได้”
หยางหย่งกลายเป็นโง่งมและปราศจากคำกล่าว
เสิ่นหยวนกล่าวถูกต้อง พวกเขามิจำเป็นต้องกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่และเอาชนะอาโม่หลี่และถังเทียน ด้วยตำแหน่งและเอกลักษณ์ของพวกเขา ชัยชนะจักต้องได้มาอย่างสมบูรณ์ และความพ่ายแพ้ถือเป็นเรื่องอัปยศ มิว่าความล้มเหลวอันใดก็ถือเป็นความอัปยศ
“ข้าสงสัยจริงพวกมันคิดอะไรกันอยู่?” เสิ่นหยวนกล่าวอย่างเปิดเผย “มันกล่าวว่าหากข้ามิสามารถระงับความโกรธของพวกมันได้ มันจะถลกหนังข้าทั้งเป็นและแขวนด้านนอกสถาบันผลึกฟ้า”
หยางหย่งหน้าซีดขาวดั่งหิมะ ยามเมื่อเขานึกถึงฉากที่เสิ่นหยวนกล่าว เขาก็ถึงกับสั่นสะท้าน มิอาจที่จะระงับโทสะ เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่น “พวกมันกล้าที่จะโหดร้ายกับเจ้าเช่นนั้น!”
เสิ่นหยวนตบปลอบใจบนไหล่ของหยางหย่ง “ยันต์เหล่านั้นนับเป็นอันใดกับข้า? ข้าจะใช้มันตราบเท่าที่มันขจัดภัยคุกคามได้”
หยางหย่งตกอยู่ในความเงียบ เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที ถูกต้องแล้ว ยันต์จิตวิญญาณสองสามใบจะนับเป็นอันใดกับเขา?
“นอกจากนี้ ถ้าหากมันบ่มเพาะยันต์จิตวิญญาณเหล่านั้นจริงๆ ฮี่ฮี่ มันจะประสบเพียงความทรมาน!” เสิ่นหยวนยิ้ม
“อย่าบอกนะว่ายันต์เหล่านั้นมีปัญหา?” หยางหย่งถามอย่างอยากรู้
“มันไม่มีปัญหาอันใด กับยันต์จิตวิญญาณเหล่านั้น แม้แต่การผสมผสานระหว่างวิชาการต่อสู้ ข้าได้คัดสรรให้กับเขาอย่างสมเหตุสมผล” เสิ่นหยวนหัวร่ออย่างเย็นชา
หยางหย่งยังคงกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “แล้วทำไมมันถึงจะทุกข์ทรมาน?”
เสิ่นหยวนส่ายหัว “เจ้ามิได้เข้าใจในเรื่องของผู้เชี่ยวชาญวิชาการต่อสู้ระยะประชิดเลย ด้วยวิชานี้ซับซ้อนและยากลำบากอย่างยิ่ง ปราศจากพรสวรรค์อันน่าอัศจรรย์ ก็มิมีทางที่จะเดินในเส้นทางนี้ วิชาเหล่านี้มีลักษณะพิเศษต่างกันอย่างยิ่ง หลักวิชาพวกมันเหมาะสมอย่างสมบูรณ์แบบ และถ้าหากเขาสามารถที่จะบ่มเพาะมันทั้งหมด ความแข็งแกร่งของมันจะพรั่งพรูอย่างแน่นอนและแทบจะมิมีจุดสิ้นสุดของความสำเร็จของมัน”
หยางหย่งรู้สึกสับสนมากขณะที่เขาฟังอยู่
“อย่างไรก็ตาม มิมีผู้ใดเคยทำเช่นนั้น ตัวอย่างเช่น ข้าเชี่ยวชาญในการฝึกฝ่ามือทรายเหล็ก ถ้าหากข้าเริ่มจากการบ่มเพาะวิชาหมัด จากนั้นข้าก็จะบ่มเพาะแต่เพียงหมัดเหล็กและฝ่ามือทรายเหล็ก เป็นต้น ดังนั้น ข้าสามารถที่จะลดระยะการบ่มเพาะลงได้ ถ้าหากข้าเรียนวิชาหมัดที่ไม่เกี่ยวข้องกับหมัดเหล็ก มันก็คงจะใช้เวลาในการบ่มเพาะนานยิ่งขึ้น และถ้าฝึกวิชาต่างประเภทห้าอย่างล่ะ? นั่นมันคงจะใช้เวลามาก มากอย่างยิ่ง”
“มีเพียงสุดยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงเท่านั้น ที่จะสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดได้ เนื่องจากทุกวิชาการต่อสู้ที่พวกเขาเรียนรู้ พวกเขามีเวลาเพียงช่วงสั้นก่อนที่พวกเขาจะบ่มเพาะได้อย่างสมบูรณ์แบบ ประเมินจากพรสวรรค์ของถังเทียนรวมด้วยวิชาการต่อสู้ห้าวิชาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฮี่ฮี่ มันคงจะกลายเป็นเพียงคนธรรมดาแล้ว”
เสิ่นหยวนหรี่ตาพลางกล่าวอย่างนิ่มนวล
หยางหย่งมิรู้ว่าเพราะเหตุอันใดแต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ
***********************************************************
ขอขอบคุณ Tongchat Chotisen เรื่องความหมายของชื่อวิชาและข้อมูลต่างๆครับ
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ