บทที่ 4 - เคล็ดวิชาอสูรลึกลับ
บทที่ 4 - เทคนิควิชาอสูรลึกลับ
"นั่นมันเสียงซูกุ้ยม่อนิ!"
เสียงกราดเกรี้ยวของ ซูกุ้ยม่อ เปรียบกับการข่มขู่เมื่อตอนกลางวันกับตอนนี้เทียบกันไม่ได้เลย แม้ว่าชิงเอ๋อนางจะเป็นศิษย์ภายใน แต่นางยังคงเป็นคนธรรมดา นั่นหมายความว่าในตระกูลหลักนางไม่มีอำนาจและไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของตระกูลได้โดยตรง
ดังนั้น ซูกุ้ยม่อ จึงไม่กลัวการข่มขู่ก่อนหน้านี้ของ ซูหยุน มองไปที่ซูกุ้ยม่อเขามองเห็นเจตนาฆ่าพวยพุ่งออกมาจากตัวเขา ถ้าหากซูกุ้ยม่อ มาจัดการในคืนนี้จะไม่มีผลใด ๆ แต่ตอนนี้ซูหยุนยังเป็นคนพิการที่ถูกขับออกจากตระกูลมีฐานะต่ำต้อยและไม่มีเงิน ถึงแม้ว่าซูหยุนจะตายก็ไม่มีใครสนใจแม้แต่จะเหลียวตามอง
"เวลาเป็นแก่นสารของชีวิต"คำพูดนี้ไม่แปลกเลย หัวใจซูยหยุนเต็นถี่ จากนั้นเขาก็โดดขึ้นไปบนโต๊ะคว้าเลือดหมาป่าดำขึ้นวาดบนเสื้อผ้า
ชี่!ชี่!ชี่!
ซูหยุนเริ่มวาดหัวกะโหลกบนเสื้อของเขา
การเคลื่อนไหวของเขามีความรวดเร็วและมีฝีมือแล้วรูปแบบกะโหลกปีศาจก็ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของเขา
สำนักวิชาอสูรเคล็ดวิชาพื้นฐานภูติวิญญาณ: อาคมหัวกะโหลกอสูร เป็นรูปแบบที่ง่ายมากแม้กระทั่งศิษย์ระดับหก อย่างซูหยุนยังสามารถใช้วิชานี้ได้อย่างง่ายดาย
ใช้บริเวณหน้าอกเป็นจุดเริ่มต้นเลือดเป็นตัวกลางแล้วใช้วิญญาณรอบๆอาคมหัวกระโหลกเพื่อเปิดใช้วิชา
เคล็ดวิชานี้ใช้พลังภายใน ทำให้กลิ่นไอพลังมีประสิทธิภาพและส่งผลให้ในร่างกายกลายเป็นสีแดงเข้มเลือดคูณความแข็งแกร่งของผู้ใช้ แต่วิชานี้จะใช้ได้ราวสิบนาทีส่งผลให้ผู้ใช้หมดสติเพราะมันใช้เลือดของผู้ใช้เป็นพลังงานสำหรับใช้เคล็ดวิชา
หลังจากนั้นผู้ใช้จะต้องฟื้นฟูเลือดจำนวนมาก สำนักเซียนไม่เคยสอนวิชานี้ มันเป็นวิชาเฉพาะของศิษย์นิกายอสูร โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันมีความเสี่ยงและมันธรรมดามากๆ นี่คือเหตุผลที่สำนักเซียนพยายามที่จะกำจัดเคล็ดวิชาเหล่านี้
เพราะวิชาเหล่านี้จะทำทำการปรับเปลี่ยนพลัง เพราะโรคที่พบยากที่ซูหยุนเป็น เขาเลยคุ้นเคยกับวิชาที่แปลกประหลาดอย่างวิชาภูติวิญญาณนี้เป็นอย่างมาก
ซูหยุนได้ฝึกวิชาหลายประเภทที่ไม่ได้พึ่งพาการบ่มเพาะ หลังจากเสร็จสิ้นการใช้อาคมวิญญาณกะโหลกซูหยินถ่ายปราณวิญญาณของเขาเข้าไปในนั้นเพื่อเปิดใช้เคล็ดวิชา
ร่างกายของซูหยุนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มทันที เหงื่อเริ่มไหลออกมา ตาของเขาเริ่มกลายเป็นสีแดง ทำให้ดูน่ากลัว
ปัง! ประตูแตกออกเป็นชิ้นๆ เหล่าฝูงชนวิ่งเข้ามา
"ซูกุ้ยม่อ!!" ซูหยุนหอบหายใจอย่างหนัก
ในขณะที่ฝูงชนเริ่มเทเข้าไปในกระท่อมเล็ก ๆของเขา คนที่วิ่งเข้ามาถึงกับตะลึงกับผิวสีแดงเข้มของซูหยุนทำให้พวกเขาต้องระมัดระวัง
ซูกุ้ยมู่ถามด้วยเสียงอันสั่นเทา
" ซูหยุน..กะ..กะ. . .แกจะทำอะไร ? "
"ทำไมพวกเจ้าแห่กันเข้ามาที่บ้านของข้ากลางดึกกลางดื่นหรือเจ้าต้องการจะทวงเงิน!? ซูหยุนถาม
ในขณะที่ความเจ็บปวดที่เกิดจากเลือดของเขาถูกใช้โดยเคล็ดวิชา ได้ฟังซูหยุนพูดอย่างนั้นซูกุ้ยม่อขมวดคิ้วแน่น
"แน่นอน!ข้าจะมาทวงเงินที่เจ้าติดหนี้ข้า! เจ้าติดหนี้ข้าหลายเหริญจิตรวิญญาณและวันนี้ข้าจะมาทวงมันคืน!"
"พวกเจ้าจะมัวยืนเซ่ออยู่ทำไม..จัดการมัน!?"
"แต่เดี๋ยว!ก่อนที่จะตายเจ้าอยากจะพูดอะไรอีกมั้ย! แท้ที่จริงถึงแม้ชิงเอ๋อจะเข้าสู่ตระกูลหลักแล้วมันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับข้า ดังนั้น ขอให้เจ้าจงคุกเข่าขอความเมตตาซะ! และเอาเงินมาคืนข้าหรือว่า..จะให้ข้าทำให้เจ้าพิการดี..ฮ่าๆๆ ข้าจะทำให้เจ้าเป็นขยะให้สมดังชื่อ! เลือกเอ้าาา!ฮ่าๆๆๆ!!"
ซูกุ้ยม่อกล่าวด้วยรอยยิ้มที่แสนเย่อหยิ่ง เขาก็ตัดสินใจที่จะสั่งสอนซูหยุน! ซูหยุนยังคงเงียบ หลังจากนั้นชั่วครู่เขาก็สืบถาม
"มีไม่มีทางเลือกที่สาม?"
"ไม่!" ซูกุ้ยม่อตอบกลับ
"งั้นข้าจะทำอย่างหนึ่ง!" ซูหยุนตอบ
"ทำอย่างหนึ่ง?"
ซูกุ้ยม่อหยุดชั่วขณะ ขณะที่เขากำลังมองหาซูหยุน ซูหยุนก็ขยับอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าวิ่งเข้ามาหาเขาในพริบตา
ซูหยุนระเบิดปราณจิตวิญญาณออกจากร่างของเขาปราณจิตวิญญาณไหลออกมาเหมือนน้ำป่าท่วมเขื่อน
"วิชาเคลื่อนที่ของคุณชายชยอดเยี่ยมไปเลย ......เขาอยู่ขั้นที่หกจริงหรือ?"
หนึ่งในลูกสมุนอุทานออกมา คนอื่นๆไม่มีเวลาที่จะให้ความเห็น เพราะตอนนั้นกำปั้นของซูหยุนได้ถึงหน้าอกของ ซูกุ้ยม่อแล้ว
ปัง!
ซูกุ้ยม่อต้านรับไว้โดยที่เขายังไม่ทันระวังทำให้เขากระเด็นออกจากประตูไป
ขณะที่เขาล้มลงบนพื้นดินเขาพ่นเลือดคำหนึ่งออกไปและแทบจะประคองตัวเองไม่ให้หมดสติไม่ไหว
อัศจรรย์!
ตื่นตลึง!
ทุกคนตกตลึงจนอ้าปากค้าง ถึงแม้ว่าซูกุ้ยม่อไม่ได้เป็นอัจฉริยะ แต่การบ่มเพาะของเขาก็อยู่ระดับเจ็ดเมื่อเทียบกับซูหยุนขยะระดับหก
อย่างไรก็ตามซูกุ้ยม่อที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงหมัดเดียวของซูหยุน!
มีแต่ศิษย์ระดับเก้าเท่านั้นที่จะทำแบบนี้ได้ ศิษย์ระดับแปดยังทำแบบนี้ได้ยากเลย แต่ ... .เหตุใดซูหยุนถึงสามารถทำได้?
"นายท่าน!!!" หลังจากลูกสมุนเรียกสติกลับมาพวกเขารีบวิ่งไปประคองซูกุ้ยม่อขึ้น ไม่มีใครกล้าท้าทายซูหยุน
หลังจากประมือกันหนึ่งรอบพวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาทำร้ายซูหยุนพวกเขาจะประสบกับปัญหาเดียวกันหรือเลวร้ายยิ่งกว่าซูกุ้ยม่อแน่นอน
แม้ว่านี่จะเป็นกลลวงแต่มันก็หลอกซูกุ้ยม่อกับลูกน้องทั้งหมดได้ ถ้าหากซูหยุนมีการบ่มเพาะอยู่ที่ระดับเก้าเหล่าลูกสมุนก็ไม่ใช่คู่มือของเขา
"เป็นไปไม่ได้!จะ..จะ...เจ้าทำได้ยังไง!?ทำไมเจ้าถึงมีพลังแบบนี้ได้?"
ชายที่ชื่อซูหวังไค ถามด้วยความตกใจและความเป็นปรปักษ์ในสายตาของเขาขณะที่เขาจ้องซูหยุน
"ทำไมข้าถึงไม่มีพลังแบบนี้บ้าง? "
"แก!....ก็เห็นๆอยู่ว่าระดับการบ่มเพาะของแกอยู่ขั้นที่หก"
ซูกุ้ยม่อลุกขึ้นเช็ดเลือดออกมาจากปากของเขาแล้วพูดออกมาด้วยความแค้น
" แก!บังอาจทำให้ข้าบาดเจ็บ! ซูหยุน! เยี่ยมมาก! บางทีข้าอาจจะประเมินเจ้าต่ำไป แต่ข้าจะทำให้เจ้าพบกับความตายที่อนาถ! "
"เจ้าต้องการเอาคืนข้ารึ?" ซูหยุนถาม
"ทำไมข้าต้องเป็นคนทำ? ข้าจะบอกท่านพ่อ... .. ให้ลงโทษแกตามกฎของตระกูลซู! "
" พวกเจ้ากำลังทำพลาดอย่างมาก ! " ซูหยุนส่ายหัว
"อะไร!?" ด้วยอำนาจของพ่อข้าใครจะช่วยเจ้าได้? " ซูกุ้ยม่อถาม
"แน่นอนว่าข้าทำไม่ได้!" ซูหยุนกล่าว
"ฮ่าๆๆๆๆช่างน่าขันนัก!" ซูกุ้ยม่อหัวเราะออกมาดัง ๆ
"ซูหยุน บางทีโทษทัณฑ์ของแกอาจจะเป็นสองเท่า แต่ถึงยังไงสุดท้ายแล้วผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างกัน แกจะไปสู้อะไรได้กับคนที่มีอำนาจบารมี? "
ชายคนหนึ่งมีหนวดเคราสั้นเหยียดหยันกล่าว
"มันเหมือนตั๊กแตนตำข้าวที่พยายามจะหยุดรถหรือคล้ายดั่งมดพยายามจะเขย่าต้นไม้!"
ทุกคนหัวเราะเยาะเย้ย แต่ซูหยุนไม่ได้มีความโกรธเขาเพียงมองฝูงชนนั้นเท่านั้นที่สวมความลังเลแล้วกล่าวว่า
"มันเป็นความลับท่านผู้นำตระกูลไม่ให้ข้าพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่วันนี้ข้าจะบอกพวกเจ้า!"
รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนหายไป
"เจ้าควรทราบก่อนว่าการทดสอบพลังคราที่แล้วข้าได้รับการจัดอันดับการบ่มเพาะขั้นที่หก แต่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นของปลอม! ข้าได้เข้าไปยังอีกเขตแดนมานานแล้ว ที่คนเรียกข้าว่าถังขยะระดับหกเป็นพียงสิ่งที่คนภายนอกรับรู้! ทำไมข้าต้องปิดบังนะเหรอ!? นี้เป็นเพราะข้าเป็นอาวุธลับของตระกูลซู! "
"อาวุธ….ลับ?" ซูกุ้ยม่องุนงงไปหมด
"ใช่"ซูหยุนพูด
"นี่คือสิ่งที่คนเชื่อถือได้บางคนเท่านั้นที่รู้ ข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน แต่ถ้าหากเจ้ากำจัดข้าครอบครัวของเจ้าน่าจะถูกขับออกจากตระกูลซู! ว่ากันที่จริงแล้ว ตระกูลซูสัญญาจะไม่ทำร้ายข้า ตราบใดที่ข้ายังเป็นอาวุธลับ แต่ก็เอาเถอะข้าเห็นแก่หน้าเจ้าสักครั้ง ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้าคงได้ตายไปแล้ว! ข้าเพียงแค่ต่อยเจ้าเท่านั้นทำให้เจ้าบาดเพียงเจ็บนิดหน่อย การที่จะฆ่าเจ้ามันง่ายๆยิ่งกว่าฆ่ามด ไม่ได้ยากเย็น"
หลังจากพูดจบทุกคนก็กลัว ซูกุ้ยม่อมองไปที่สมุนโดยรอบในความสับสน
"ลูกพี่...... สิ่งที่มันพูดอาจจะเป็นความจริง มันไม่น่าจะอยู่ในขั้นที่หกมิฉะนั้นเขาคงไม่ต่อยท่านจนได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรอก...... "
"ถ้าสิ่งที่มันพูดเป็นความจริงเราต้องอย่าพึงไปยั่วยุมันในตอนนี้ ... ..มันอาจมีความลับอีกมากซ่อนไว้!"
"ข้า... ..ข้าจะรีบไปให้เร็วที่สุด ต่อไปข้าจะไม่ยุ่งกับผู้ชายคนนี้อีก!"
กลุ่มสมุนของซูกุ้ยม่อไม่สนใจเกี่ยวกับงานที่ซูกุ้ยม่อมอบหมายอีกต่อไป พวกเขาพยายามหว่านล้อมให้ซูกุ้ยม่อถอนตัว!
"แต่ว่า... ..มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง? " ซูกุ้ยม่อยังไม่ค่อยพอใจ เพียงหนึ่งหมัดส่งผลลัพธ์ได้ขนาดนี้ อย่างไรก็ดี ? ซูหยุนเพียงแค่ไว้ชีวิตเขา! การบ่มเพาะขั้นที่หกทำให้บาดเจ็บสาหัสหากว่ามันอยู่ในระดับที่เจ็ด ข้าอาจจะปางตายก็ได้ มันเป็นศิษย์ชั้นนอกจริงๆเหรอ ? ที่ท่านผู้นำบอกว่ามันได้ซ่อนพลังเอาไว้ อาจจะเป็นเรื่องจริง ! พวกเราต้องทนต่อความอัปยศดังนั้นพวกเราจะปล่อยไว้แบบนี้รึ!"
" เร็วเข้า! ช่วยพยุงข้าที "
ซูกุ้ยม่อกัดฟันพูด
"ครับ....ลูกพี่?" พวกลูกสมุนนำซูกุ้ยม่อออกไป
"เดี๋ยว" ซูหยุนตะโกน ทุกคนตัวสั่น ซูกุ่ยม่อมองซูหยุนด้วยยสายตาที่ซับซ้อน
"มีอะไร...แกต้องการอะไรจากข้าอีก?" ซูกุ้ยม่อเปล่งเสียงพูด
"ข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาวุธลับอย่าได้ไปบอกให้ใครรู้มิฉะนั้นหากคนจากตระกูลหลักได้ยินพวกเจ้าอย่าหวังว่าจะมีชีวิตอยู่ !"
ซูกุ้ยม่อและกลุ่มของเขาตัวสั่นแล้วพยักหน้า
"พรุ่งนี้เช้านำเลือดวานรอัคคีหนึ่งชั่งมาให้ข้ามิฉะนั้นข้าจะไม่ลืมเรื่องนี้!"ซูหยุนพูดต่อ
"เลือดวานรอัคคีหนึ่งชั่ง?"
ซูกุ้ยม่ออดใจแทบไม่ไหวจากคำพูดนี้
"มันมีราคาถึงห้าพันเหรียญจิตวิญญาณ!"
วานรอัคคีมีค่าและหายากมาก ดังนั้นเลือดของมัรก็ยิ่งหายากและมีราคาแพง ซูหยุนอยากได้หนึ่งชั่งซูกุ้ยม่อไม่อยากจะเชื่อว่าซูหยุนจะกล้าขอ
"ข้าจะใช้สำหรับการบ่มเพาะ ถือว่าแลกกับการรักษาชีวิตน้อยๆของเจ้า รึว่า...เจ้าไม่ตกลง? "
"ดูเหมือนว่าเจ้าไม่ค่อยจะเต็มใจ? อย่าทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดใจหรือจะให้ข้าเอาอะไรที่ยากยิ่งไปกว่านี้ "
ซูหยุนกล่าวด้วยความไม่สนใจแต่ตอนนี้ทุกคนบอกได้ว่าเขากำลังขู่ซูกุ้ยม่อและกลุ่มของเขา หัวใจซูกุ้ยม่อเต็มไปด้วยความเสียใจ
แต่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้? ซูกุ้ยม่อได้แต่แบกรับความเจ็บช้ำในใจของเขาเท่านั้นและออกไปอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้ากระท่อมก็กลับเข้าสู่บรรยากาศอันเงียบสงบ
แต่หลังจากที่คนพวกนั้นออกไป ซูหยุนก็ทรุดตัวลงบนพื้น...