ตอนที่ 65 ทางออก
65
ทะยานข้ามภพของจางหมิงยังคงอยู่ในขั้นชำนาญ ดูเหมือนว่าวิชาตัวเบาไม่ได้เลื่อนขั้นง่ายๆดังเช่นวิชาอื่น ถึงช่วงที่ผ่านมาจางหมิงจะฝึกท่าเท้าพิสดารโดยมีถางเจียฉีเป็นผู้แนะนำได้ถึงขั้นสามัญแต่มันก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ทางไกล วิชานั้นเป็นแกนหลักในการหลบหนีระยะสั้นในการต่อสู้ระยะประชิดเท่านั้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นจางหมิงก็สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากระดับของมันอยู่ในขั้นสูงระดับที่ห้าแล้ว
เป็นอีกครั้งที่จางหมิงและจิ้งจอกน้อยต้องหลบวานรจิตวินาศที่ขวางทางอยู่ แต่นั่นไม่ได้เป็นปัญหาเมื่อดูเหมือนวานรตัวนี้ก็ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่มันจึงได้มุ่งหน้าต่อไปยังที่หมายด้วยความเร็วสูงสุด
เวลากำหนดของการแข่งขันคือหนึ่งเดือนเต็ม ระยะเวลานี้ดูจะนานมากเกินไปหากให้พวกมันเพียงแค่เดินทางไปสู่ทางออก แต่นี่ก็ผ่านพ้นไปยี่สิบกว่าวันแต่การแข่งขันกลับยังไม่ยุติ
“แปลกนะ ความจริงการคัดเลือกก็ไม่ได้ยากมากมาย แต่ทำไมถึงยังไม่ได้ผู้สอบผ่านจนครบเสียที” จางหมิงพึมพำแต่กลับมีเสียงตอบกลับมา
“หากไม่ยากก็คงไม่ใช่การคัดเลือกน่ะสิ”
“ศิษย์พี่ติง...” จางหมิงมองอีกฝ่ายที่ทะยานตามมาข้างๆอย่างค้นหา
“ข้ามีนามว่าหยินซื่อ ...หากเจ้าอยากรู้จัก” ฝ่ายตรงข้ามแนะนำตัวมาแบบนั้น แต่จางหมิงไม่ได้แปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ใช่คนที่คิดแม้จะมีรูปลักษณ์เดียวกัน
“เจ้าเป็นคนของถางเจียฉีหรือ”
“ข้าคือคู่พันธะ”
“แต่เจ้าไม่ได้ใช้วิชาปลอมแปลง ทำไมถึงได้...” จางหมิงมั่นใจว่าร่างที่อยู่ตรงหน้าคือติงหรงจริงๆ เพราะอย่างน้อยก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าจิ้งจอกน้อยไม่ได้ทักท้วงถึงภาพมายา
“ข้าไม่ได้พอใจกับร่างเนื้อนี้ หากคำสั่งของเจ้านายถือเป็นเด็ดขาด นอกนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ...นายท่านมีข้อความมาให้ กล่าวคือในอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้หรือมากกว่าท่านจะไม่อยู่ใกล้เจ้า แต่อย่าได้ดีใจไป ความลับของเจ้ากำลังถูกตรวจสอบจากสำนัก จนกว่าความจริงจะเปิดเผยนายท่านถึงจะกลับมา”
“ดูเหมือนสิ่งที่นายของเจ้าอยากได้คงจะไม่ง่ายสินะ”
“ไม่ใช่ธุระของเจ้าในเรื่องนี้ ในเมื่อพลังของเจ้ายังไม่ถูกเปิดออกอย่างแท้จริง คำถามของเจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องตอบให้มากความ ลากันตรงนี้ ต่อไปข้าจะยังคงเป็นติงหรงหากเจ้าจะเรียก” น้ำเสียงนั้นเย็นชืดก่อนจะกลับกลายเป็นของติงหรงจริงๆในช่วงหลัง
จางหมิงกับหยินซื่อจากกันเพียงเท่านั้น บอกตามตรงคือจางหมิงตามความเร็วของอีกฝ่ายไม่ทัน ก็ดูเหมือนว่าทั้งเจ้านายและคู่พันธะนั้นเก่งกาจไม่แพ้กันเลย
“เจ้านั่นเป็นตัวอะไรกันนะ”
ใจกลางป่า ห่างจางเส้นแสงที่พุ่งขึ้นฟ้าไปไม่มาก
ไม่ได้น่าแปลกใจหากยังมีผู้คนที่ผ่านทางออกไปกันไม่ได้ เมื่อคนจำนวนมากมายมาชุมนุมกันอยู่ที่จุดเดียวด้วยความต้องการที่คล้ายคลึงหายนะย่อมเกิดขึ้น
จางหมิงไม่ได้บุ่มบ่ามแต่สังเกตการณ์อยู่ไกลๆ จิ้งจอกน้อยที่นั่งนิ่งจนเริ่มเบื่อหน่ายก็ได้ขอตัวออกไปล่าอาหารกิน
นี่เล่นอะไรกันอยู่...
สิ่งที่ปรากฏตรงจุดหมายเบื้องหน้าคือเหล่าผู้คนที่ยืนคุมเชิงกันเองล้อมรอบแสงที่พุ่งขึ้นฟ้า หากมีผู้ที่ก้าวออกไปก็จะถูกพลังหลายหลากเข้าโจมตีก่อนจะหายไปโดยการนำพาของแก้วผลึกวารี แต่ก็มีบ้างที่สามารถรอดพ้นจนหายวับเข้าไปในแสงสีขาวใจกลางนั้น
ในมือของจางหมิงถือแกนผลึกวิญญาณชิ้นหนึ่งที่มีลักษณะยาวรียาวประมาณนิ้วมือ มันนำมาหมุนเล่นไปมาเพื่อสังเกตขณะรอคอยจิ้งจอกน้อยอย่างเบื่อหน่าย
แกนวิญญาณนั้นไม่ได้ส่งกลิ่นหอมหวนออกมามากมายเช่นก่อนหน้า กลิ่นของมันเพียงเบาบางหากจะมากกว่าลูกแก้ววิญญาณเพียงเล็กน้อย จางหมิงยังคงสงสัยว่ามันสามารถกินสิ่งที่อยู่ในมือเข้าไปได้หรือเปล่า
เคร้ง!
ตอนนี้เสียงปะทะกันของอาวุธดึงดูดความสนใจของจางหมิงไปมันจึงได้เก็บแกนวิญญาณเอาไว้แล้วเฝ้าชมอย่างนึกสนุก
แสงสีขาวและทองวูบวาวไปมาจากผลของพลังปราณ แม้จะมีสีเขียวปะปนมาบ้างแต่ก็ถูกลบล้างไปด้วยกระแสมวลชนที่คลุ้มคลั่ง
จางหมิงไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มก่อนแต่ดูเหมือนผู้ที่ปะทะกันไม่มีสักคนที่จะผ่านประตูไปได้ ที่เหลือก็แค่พวกที่ดูเชิงอยู่ห่างๆเหมือนมัน หากอักษรเลขสิบเจ็ดบนประตูไม่สามารถทำให้คนที่เหลือเข้าไปได้ทั้งหมด มีความเป็นไปได้ว่าการปะทะกันอีกระลอกไม่นานก็คงเริ่มขึ้น
ในผู้คนทั้งหมดนี้จางหมิงไม่พบคนที่รู้จัก ติงหรงมันจะไม่กล่าวถึงเมื่อย้อนถึงพลังของอีกฝ่าย ส่วนเจ้าอ้วนคงถูกศิษย์พี่จูช่วยเหลือออกไปแล้ว และมันไม่เห็นแม้แต่สมุนหนึ่งกับพรรคพวกที่เหลือ
“ดูเหมือนคนที่พอจะมีฝีมือคงออกไปกันเกือบหมดแล้ว เอาเถอะ ออกไปข้าก็ไม่มีอะไรทำ มาดูกันว่าสุดท้ายแล้วใครกันนะที่จะเหลือรอดออกไป” จางหมิงเอนหลังพิงต้นไม้อยู่บนยอดสูงเพื่อให้ชมการต่อสู้ได้ถนัด และไม่นานจิ้งจอกน้อยก็กลับมา
ลูกแก้ววิญญาณถูกจากหมิงเก็บไว้ ครั้งนี้จิ้งจอกน้อยได้มาถึงสี่ลูกด้วยกันโดยเฉพาะขนาดที่ไม่เล็กนักของมันจางหมิงก็พอจะคำนวณขนาดตัวของสัตว์ที่มันไปล่าได้
“เจ้ากินจุขึ้นอีกแล้วหรือเปล่า”
จิ้งจอกน้อยไม่ได้ตอบกลับคำถามแต่เพียงแค่มองดูเจ้านายอย่างไม่เข้าใจ จางหมิงก็ไม่ได้ว่าอะไรก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อหาอะไรสนุกๆทำได้
“เรามาพนันกันเถอะว่าในกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันข้างหน้านั้นใครจะเหลือเป็นคนสุดท้าย”
อา... การพนันกับโจรมันเป็นของคู่กันอยู่แล้ว จะขาดก็แต่สุรารสดีกับสตรีข้างกาย
“เจ้าว่าใครจะชนะ” จางหมิงเลิกคิ้วถามจิ้งจอกน้อยที่ก็ดูจะสนใจเช่นเดียวกัน
“รางวัลๆ” และจิ้งจอกน้อยก็ดูจะเจ้าเล่ห์กว่าเมื่อก่อนมาก
“ฮะฮะ รู้จักต่อรองด้วยหรือ อืม... หากเจ้าทายถูกข้าจะปรุงเม็ดยาเพิ่มปราณชั้นยอดให้เจ้าสิบเม็ด”
“สิบห้า!”
“เกินไปแล้วเจ้าเด็กน้อย คิดว่าข้าได้วัตถุดิบมาเพียงแค่ไปขอหรืออย่างไร เอาเถอะ ถ้าเจ้าทายถูกข้าจะทำให้ก็ได้ แต่ถ้าข้าทายถูกเจ้าต้องนำลูกแก้ววิญญาณมาสิบเม็ดในการล่าครั้งต่อไป” จางหมิงยิ้มให้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าคิดหนัก
การหลอมลูกแก้ววิญญาณทำให้จิ้งจอกน้อยต้องกินในปริมาณที่มาก แต่สิบเม็ดก็เกินความจุของกระเพาะมันอยู่ดี แต่เมื่อคิดได้ว่าหากเป็นลูกแก้วลูกเล็กๆจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กก็คงไม่เป็นไรมันจึงได้ยิ้มออกและตกลง
“ดีมาก เช่นนั้นมารอดูกันเถอะ”
การต่อสู้เบื้องหน้าไม่ได้ยาวนานนักเมื่อต่างฝ่ายต่างกลุ้มรุมกันอาการบาดเจ็บก็มีมากจากลูกหลงที่เข้ามาหา จากคนนับร้อยตอนนี้นับได้เพียงสิบกว่าคน และคนที่จิ้งจอกน้อยได้ทายเอาไว้กลายเป็นแสงหายไปแล้วจึงทำให้มันหูลู่ไปด้านหลังอย่างนึกเสียใจ
“หึหึ ไม่เป็นไร ต่อไปเจ้าต้องดูคนให้เป็น...” ไม่ทันจบคำคนที่จางหมิงคาดหวังก็กลายเป็นแสงหายไปเช่นกัน
“โอ้ ท่านก็เช่นเดียวกัน”
จางหมิงออกอาการเซ็งอย่างออกนอกหน้าเมื่อถูกจิ้งจอกน้อยที่มันสอนมาเองกับมือสวนกลับ แต่มันก็ยังพอใจที่จิ้งจอกน้อยของมันเรียนรู้ได้ไว
ควับ!
เสียงหวดผ่านอากาศเหนือศีรษะทำให้จางหมิงและจิ้งจอกน้อยหลบไปยังต้นไม้อีกต้นใกล้ๆ พวกมันตวัดสายตามองคนที่อยู่แทนที่บนต้นไม้ต้นเดิมอย่างไม่พอใจ
“ปฏิกิริยารวดเร็วดีนี่” ผู้พูดตวัดกระบี่เข้าฝักเมื่อกล่าวจบคำ
มันคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับขั้นสูงอีกหนึ่งคนของการแข่งขัน!