บทที่ 1 - นายน้อยผู้ไร้ค่ากับสาวใช้ผู้แสนดี
บทที่ 1 - นายน้อยผู้ไร้ค่ากับสาวใช้ผู้แสนดี
ราตรีที่เหน็บหนาว ในกระท่อมโทรมๆที่มีแสงเทียนริบหรี่
ภายในห้องที่คับแคบและเรียบง่ายมีเพียงเตียงและเก้าอี้ ข้างเตียงมีหญิงสาวนางหนึ่งสวมชุดธรรมดาสีขาวใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาจากความเจ็บปวดจ้องมองชายหนุ่มคนหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียง
เด็กหนุ่มผู้นี้ร่างกายซีดเซียว มีนัยน์ตาสีฟ้านอนไม่ได้สติอาการปางตาย
ปัง!
ประตูถูกเปิดออก
ชายหนุ่มหน้าตาดีสูงใหญ่ปรากฏกายขึ้นที่ทางเข้าประตู
"ท่านทำใจซ่ะเถอะ!เขาคงไม่รอดแล้ว ข้าจะส่งคนมาจัดการกับศพของเขาเอง ตอนนี้ที่สำคัญท่านต้องรีบกลับตระกูลหลักได้แล้ว หากท่านผู้นำรู้เข้า เราทั้งคู่ต้องถูกลงโทษ "
"ไม่ ข้าไม่ไป! ข้าจะอยู่ดูแลนายน้อยที่นี่ "หญิงสาวพูดขึ้นขณะที่นางร้องให้แนบอยู่บนอกเจ้านาย
"ท่านลืมหน้าที่ของท่านแล้วรึ? เร็วเข้ารีบกลับไปกับข้า "ชายหนุ่มพูดในขณะที่เขาขมวดคิ้ว
"นายน้อยประสบเหตุอย่างนี้ จะให้ข้าทิ้งนายน้อยได้ยังไง? นายน้อยเลี้ยงดูข้ามาจนถึงตอนนี้ เเล้วจะให้ข้าทิ้งเขาไปได้ยังไง? " หญิงสาวพูดออกมาทั้งน้ำตาที่รินอาบบนใบหน้าที่ดูอ่อนล้าของนางจากนัยน์ตาสีแดง
"นี่ท่าน! ... " ความโกรธปรากฏออกมาบนใบหน้าของชายหนุ่ม แต่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้
"อืมมมม.....อ..อยู่ไหน?
ทันใดนั้นเสียงคร่ำครวญเบาๆดังมาจากคนที่นอนอยู่บนเตียง
หญิงสาวแปลกใจจึงหยุดร้องไห้แล้วรีบกลับไปที่มองที่เตียงเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
"เขาฟื้นแล้ว?"
ทั้งสองคนตกตะลึง
ในความเป็นจริง ซูหยุนได้ฟื้นขึ้นแล้ว แต่อาการปวดหัวอย่างรุนแรงทำให้ร่างกายของเขารู้สึกอ่อนล้า ทั่วทุกส่วนของเขาไม่สามารถขยับตัวได้
แม้ว่าเสียงของเจ้านายของนางจะผิดแปลกไปแต่ว่านางก็ยังจำได้อย่างแม่นยำ หญิงสาวตั้งใจฟังเจ้านายพูดโดยไม่ขาดตกแม้เพียงหนึ่งคำ
"ชิง เอ๋อ? นี่ ชิง เอ๋อ จริงๆเหรอ? เป็นไปไม่ได้! ชิงเอ๋อ นางตายไปแล้วนิ ... แต่เสียงนี้ ... เป็นเสียงของนางไม่ผิดแน่ๆ "
ซูหยุนนึกย้อนกลับไปแล้วสุดแสนจะเจ็บปวด ในขณะที่เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาอารมณ์ของเขาก็ฟุ่งซ่าน
"นายน้อยๆ ... " ชิงเอ๋อตกใจ พูดออกมาเบาๆ แล้วร้องให้ออกมา "ผ่านมานานแล้ว! ในที่สุดท่านก็ฟื้น! "
ซูหยุน ลืมตาของเขาขึ้นเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่งดงามที่กำลังพูดคุยกับเขา
หญิงสาวมีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบ นางมีดวงตาที่ส่องประกายเหมือนอัญมณี ริมฝีปากสีแดงเหมือนลูกเชอรี่เป็นความงดงามที่ไร้ที่ติแบบบ้านๆที่อาจทำให้ผู้คนหลงเสน่ห์และทำให้ทุกคนที่มองนางลุ่มหลง
นางเป็นหญิงสาววัยเยาว์อายุประมาณสิบห้าย่างสิบหกปี แต่รูปร่างของนางนั้นวิจิตรงดงามด้วยหน้าอกที่เด่นชัดแต่ก็ยังเดาได้ว่านางนั้นยังเด็ก น้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนผลึกใสหยดลงบนใบหน้าของนาง ช่วยไม่ได้ที่ ซูหยุน จะสงสารนาง
ซูหยุน จ้องที่หญิงสาว
"ชิง ... เอ๋อ? เป็นเจ้าจริงๆ? " ซูหยุน เพ่งมองนาง
"นี่ข้าเอง ... เป็นข้าเอง!" ชิงเอ๋อคว้ามือที่เย็นเหมือนน้ำแข็งของเจ้านาย "นายน้อยท่านประสบเหตุ พอข้าทราบเรื่องข้าน้อยก็รีบมาที่นี่ ท่านเป็นยังไงบ้าง ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่ ท่านบาดเจ็บตรงไหน? " ชิงเอ๋อยิงคำถามเหล่านี้เต็มไปด้วยความกังวล
"ข้า..."
ซูหยุนหันมองตัวเองแบบงงๆ
"เกิดอะไรขึ้น!?"
คนคุ้นเคย ฉากที่คุ้นเคย "นี่มันเป็นกระท่อมเล็กๆ ที่ ชิงเอ๋อเคยอยู่นิ?"
"ไม่ไช่ว่ากระท่อมนี้ถูกขายไปแล้วหรอ?"
"แล้วนี่ ชิงเอ๋อ นางยังมีชีวิตอยู่ ... "
ซูหยุน ไม่อาจเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ มีอะไรมากมายในหัวของเขาแต่เขายังรู้สึกมึนงง
"นี่ขนาดว่ามันถูกสาวกระดับผลิวิญญาณทำร้ายที่หัวตรงๆมันยังไม่ตาย!? ฮึ่ม!มันช่างดวงแข็งซ่ะจริง ไอ้ขยะอ้ย!"ชายหน้าตาดีที่ยืนอยู่ข้างชิงเอ๋อ สยถออกมา
"หลิงซวนสรื่อ?" ซูหยุนจำอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากความทรงจำของเขาที่ยังคลุมเครืออยู่
ซูหยุน กุมหัวของเขา "ข้าปวดเหลือเกิน ... ความรู้สึกนี้มันอะไร ... ความทรงจำของข้าทำไมถึงไม่ชัด"
"ดูเหมือนหัวของเขาจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง" ชายหน้าตาดีพูดขึ้นเบาๆ
"ท่านได้รับบาดเจ็บจากศิษย์ระดับผลิวิญญาณ ท่านบาดเจ็บภายใน แต่ไม่ต้องเป็นห่วง แค่กินยาและพักผ่อนสักพัก ภายในไม่กี่วันท่านก็คงหาย "ชิงเอ๋อ พูด
ในขณะที่ ซูหยุน จ้องไปที่ใบหน้าเล็ก ๆที่งดงามของ ชิงเอ๋อ หัวใจของเขาก็เต้นอย่างแรงเขาคว้ามือ ชิงเอ๋อ ไม่ยอมปล่อย
"อะ!..นายน้อย ... " ชิงเอ๋อ ไม่อาจต่อต้าน
นางพยายามดึงมือของนางกลับตามสัญชาติญาน แต่หัวใจของนางนั้นไม่ต้องการที่จะทำเช่นนั้น เกิดบรรยากาศที่ชื่นบานระหว่างทั้งสอง
ชายหน้าตาดีโกรธเกรี้ยว มันรีบคว้ามือของ ชิงเอ๋อแล้วพูดว่า "บังอาจ! ซู หยุน! ไอ้...ขยะ! แกกล้าล่วงเกิน คุณหนูชิงเอ๋อรึ! ข้าจะฆ่าแกซ่ะ! "
พูดเสร็จเขาก็เดินไปเพื่อจะบั่นหัว ซูหยุน
ชิ้งงงงง!
ขณะที่กระบี่ใกล้ซูหยุนเข้ามา มีสายฟ้าพลังวิญญาณถูกยิงออกมาจาก ชิง เอ๋อ ชายหนุ่มคนนั้นถูกผลักให้ถอยกลับและจำต้องใช้อำนาจพลังวิญญาณของตัวเองสกัดกั้นสายฟ้า
"โมว่สร่า นี่เจ้าจะทำอะไรน่ะ? ท่านคือนายน้อยของข้า! ทำไมเจ้าพยายามทำร้ายเขา? " ชิงเอ๋อกัดฟันตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
"นายน้อยหรอ? มีแต่ท่านเท่านั้นที่คิดว่ามันเป็นนายน้อย! ใครๆก็รู้ว่ามันคือขยะ โดยเฉพาะตระกูลหลัก? อย่าลืมว่าท่านเป็นความหวังของตระกูลหลัก มันตรงข้ามกับผู้ชายคนนี้ !!...ท่านควรตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับมันให้เร็วที่สุดซ่ะ! "
"นายน้อย ช่วยเหลือดูแลข้า! ข้าจะไม่ยอมเปลี่ยนใจเมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะอยู่ข้าง นายน้อย "ชิงเอ๋อพูดในขณะที่นางกัดริมฝีปากแน่น
"ท่านต้องรู้จักยอมรับซ่ะบ้าง ดูเจ้าขยะนี่สิ อายุตั้งสิบแปดปีแล้วแม้จะมีเจ็ดสิ่งประดิษฐ์มันยังไม่สามารถทลวงเขตแดนวิญญาณได้เลย! มันไม่คิดที่จะฝึกเสียด้วยซ้ำ หากมันไม่เมาก็มีแต่เข้าบ่อน ตัวมันไม่ต่างไปจากดินโคลนที่โดนเหยียบย่ำ? ข้ารู้มาว่าท่านคอยดูแลมันแม้กระทั่งโดนมันทุบตี ท่านยังทำดีกับไอ้เศษสวะนี่อีกรึ?! ตอนนี้มันเป็นแค่คนธรรมดากระจอกๆ!ท่านกับมันอยู่กันคนละโลกกัน ทีนี้ท่านเข้าใจแล้วหรือยัง"โมว่สร่าตะโกนออกไป
"เจ้า!... อย่ามาพูดจาหยาบคายดูถูกนายน้อยของข้าน่ะ!" ใบหน้าชิงเอ๋อแดงฉานจากความโกรธเกรี้ยว "ออกไปให้พ้นหน้าข้าซ่ะ!"
"รีบกลับตระกูลหลักกับข้าเดี๋ยวนี้"โมว่สร่า สวนกลับ
"หากว่าเจ้ายังไม่ไป วันนี้ข้าจะไม่ไปจากที่นี่" ชิงเอ๋อ ตอบ
"ท่าน...ฮึ!... ก็ได้! ตามใจท่าน! "
ปัง!
ประตูถูกกระแทกปิด
ไม่นานความเงียบ ก็เข้ามาแทนที่
เช่นเดียวกับความสงบภายหลังจากพายุกระหน่ำ
ในที่สุดชิงเอ๋อก็โล่งอก จากนั้นนางก็รีบเดินไปที่หน้าต่างมองออกไปข้างนอก หลังจากพบว่าไม่มีใครเห็นแล้วนางรีบหยิบถุงสีเทาจากใต้เข็มขัดของนางวางลงใต้ผ้าห่มของ ซูหยุน
แต่ขณะที่นางกำลังจะทำสำเร็จมีมือมาคว้าแขนของนางไว้
ชิงเอ๋อตกใจมองขึ้นไปเห็น ซูหยุน จ้องมองนางแปลกๆ
"นี่มันคืออะไร"ซูหยุน ถาม
"เงิน" ชิงเอ๋อ กระซิบกลัวว่าคนข้างนอกได้ยินเสียง
ทุกๆเดือนชิงเอ๋อ จะให้เงิน ซูหยุน เพื่อใช้จ่าย
"เจ้าไปเอาเงินนี้มาจากไหน?"
"โมว่สร่าไม่ได้พูดเมื่อกี้หรือ? ตระกูลหลักดูแลผู้ถูกเลือกที่มีอนาคตอย่างดีการให้เงินก็ด้วย ข้าไม่เคยหยุดใช้จ่ายข้าเพียงแค่ให้ส่วนที่เหลือกับนายน้อย "
ขณะที่นางพูดนางก้มหน้าลงอย่างไม่สบายใจ
"เจ้านี่โกหกไม่เก่งเลยนะ" ซูหยุน พูดในขณะที่เขาส่ายหัว "300 เป็นเบี่ยเลี้ยงรายเดือนของเจ้า แต่เจ้ามักจะให้ข้าทั้งหมด ข้ารับไว้ไม่ได้?"
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าชิงเอ๋อ
"นายน้อย ท่านทราบ?"
"วันนี้วันอะไร?" ซูหยุนถาม
"ราชวงศ์ใหม่ ปี1001 วันที่3 เดือน3 "
หลังจากที่ ซูหยุนได้ยินเขาก็เงียบไป
"นายน้อยเจ้าค่ะ ... มีสิ่งใดแปลกหรือเจ้าค่ะ?" ชิงเอ๋อ ถามด้วยสีหน้างุนงง
ทันใดนั้นนางก็ถูกซูหยุนจับกอดแน่น
"ชิงเอ๋อ!ข้าขอโทษ!"
มันเป็นคำพูดที่เรียบง่าย แต่มันกลับถูกทิ้งไปนานนับสิบห้าปี
ชิงเอ๋อตกใจ นางไม่เข้าใจการกระทำของเจ้านายตนเอง หลังจากที่เจ้านายของนางได้ประสบเหตุ ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนไป
หลังจากผ่านไปพักไหญ่นางจึงพูดเบา ๆว่า"นายน้อยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นท่านต้องมีชีวิตอยู่ ไม่เพียงเพื่อภรรยาของท่าน แต่ยังเพื่อตัวท่านเอง ท่านต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป "
ซูหยุน พยักหน้ารับ
รอยยิ้มเป็นประกายปรากฏบนใบหน้าชิงเอ๋อขณะที่นางหันหลังเดินออกไปจากห้อง
"นายน้อย นี่ก็ดึกแล้ว แล้วข้าจะจะพาซินแสจิตวิญญาณมาดูอาการท่านในภายหลัง ข้าจะต้องรีบกลับไปที่ตระกูลหลักแล้ว ตอนนี้นายท่านไม่อยู่ออกไปทำธุระข้างนอกท่านไม่ได้อยู่ในพรรค (หมายถึงพรรคตระกูลซู) ข้าแอบออกมา แต่ถึงแม้ว่านายท่านจะพบข้า ข้าก็ไม่กลัวถูกทำโทษ ข้าห่วงแต่นายน้อยดังนั้น ...ชิงเอ๋ออยากจะทิ้งเงินนี้ไว้ให้ท่านใช้ซื้ออาหารและเสื้อผ้า "
"ไม่ ชิงเอ๋อไม่ต้องแล้ว จากนี้ไปไม่ต้องนำเงินมาให้ข้าอีกแล้ว " ซูหยุนหยิบกระเป๋าและโยนไปทาง ชิงเอ๋อ
ชิงเอ๋อ ตกตะลึงขณะที่นางคว้ากระเป๋า "เงินไม่พอหรือเจ้าค่ะ?"
"เปล่า เพียงแต่ข้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แบบนี้อีกต่อไป "
นางประหลาดใจและมีรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง "เอาละ ชิงเอ๋อ ตอนนี้เจ้ารีบกลับไปได้แล้ว!"
"คุณ....คุณชาย ท่านสบายหรือเปล่า?"
"ข้า..สบายดี"
"แต่..."
"เจ้ารีบกลับไปได้แล้ว! ขืนเจ้าอยู่นานท่านผู้นำจะพบเข้าและข้าอาจจะมีปัญหา "
ชิงเอ๋อ กัดริมฝีปากสีชมพูของตัวเอง "แล้ว ... นายน้อยหากท่านมีปัญหาใดอย่าได้ลังเลที่จะบอกข้าให้รับรู้ เราจะแก้ปัญหาทุกอย่าร่วมกันและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นชิงเอ๋อ จะอยู่เคียงข้างนายน้อย "
"อืม......"
ชิงเอ๋อ ลังเลแล้วหยุดมองกลับหลังแล้วก้าวออกจากกระท่อมไป
ซูหยุน สูดลมหายใจลึกๆ มองแสงเทียนที่ริบหรี่หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น
ปัง!
เพียงไม่นานหลังจากนั้นประตูก็เปิดกว้างอีกครั้ง
แต่ว่าครั้งนี้ไม่ไช่ชิงเอ๋อ หากแต่เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี โมว่สร่า
"เจ้ายังไม่ไปอีกหรอ?" ซูหยุนถาม
"ข้าส่งนางออกไปแล้ว ข้ากลับมาคุยกับแกเป็นการส่วนตัว"โม่วสร่าพูดในขณะที่เขาจ้องซูหยุนอย่างเย็นชา
"เจ้าต้องการคุยอะไร?"
"แค่บางอย่าง"ม่อสร่าพูด
"ว่ามา"
"ดี!" "ถึงแม้ว่าชิงเอ๋อจะเป็นเด็กกำพร้าที่แกชุบเลี้ยงมา แต่ว่า ชิงเอ๋อ นางเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากและต่อมาจะมีบทบาทสำคัญในตระกูล ซู นางยังมีอนาคตอีกไกล รอนางอยู่ นอกจากนี้ คู่ครองของนางก็ได้รับการตัดสินแล้ว แม้ว่านางจะสำนึกในบุญคุณที่แกเป็นทั้งพ่อและแม่ของนาง แต่ตอนนี้แกก็ได้ตกต่ำลงแล้ว ไม่ได้เป็นคนของสาขาหลัก ข้าหมายถึงให้แก ตักน้ำใส่ตุ่มชโงกดูเงาของตัวเองซะบ้าง! แกมันไม่ต่างอะไรกับเศษขยะ? มองนางสิ! นางจวนเจียนจะอยู่ในสาขาวิหคอมตะแล้ว! เป็นคางคกอยากจะกินเนื้อหงส์รึ หึ! ? "
ซูหยุนนิ่งเงียบ
"แกหัดมองตัวเองซะบ้าง!" โมว่สร่า เยอะเย้ย ก่อนที่จะเดินออกไป
"ข้าอยากจะถามเจ้าอยู่อย่างนึง" ซูหยุน พูด
โมว่สร่าหยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง
"การที่ชิงเอ๋อถูกบังคับให้แต่งาน!มันเกี่ยวอะไรกับ สาขา นภา?"
โม่วสร่าแปลกใจ "แกรู้ได้ยังไง?!"
"เรื่องนี้เป็นความลับนิ?"
"เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้แม้กระทั่ง ชิงเอ๋อ เองนางยังไม่รู้เลย! อ้อ หรือว่าแกอาจจะเคยแอบได้ยินสาขา นภา พูดคุยกันมาก่อนทุกคนในพรรคนั้น ล้วนแต่มีชื่อเสียง เอาละถึงอย่างไร ก็ไม่จำเป็นต้องห่วงนางอีกต่อไป! ถ้าไม่อย่างนั้นแกจะต้องเสียใจแน่! ไม่ต้องอ้างถึงสาขา นภา แม้แต่ตระกูลซูก็จะไม่เหลียวแลแก!ที่นั่นไม่มีที่สำหรับคนอย่างแก! "
หลังจากพูดจบโมว่สร่าก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ซูหยุน ล้มตัวลงนอนบนเตียงของมัน
ก่อนหน้านี้หลังจากที่มันตื่นขึ้นมาความทรงจำของมันยังสับสนแต่ตอนนี้ความทรงจำของมันเด่นชัดแล้ว
เมื่อครู่นี้ ชิงเอ๋อและโมว่สร่าได้เข้ามาพูด ทำให้มันมั่นใจทุกอย่างที่คลุมเครืออยู่ในหัวสมองของมัน
มันได้ย้อนกลับมาในอดีต
หลักฐานอยู่ในความทรงจำของมันเองว่า ชิงเอ๋อ ความจริงนางได้ตายไปแล้ว
ในความทรงจำของมัน ตอนสิบขวบ ซูหยุน ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่เข้าสู่ขั้นที่ห้าได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลานั้นแม้แต่ ชิงเอ๋อ เองก็ไม่อาจเทียบกับพรสวรรค์ของมันได้ ชิงเอ๋อและซูหยุน มักถูกจับตามองโดยตระกูลหลักเป็นผู้ถูกเลือกที่มีอนาคตมากที่สุดของตระกูลหลัก
อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าสู่ขั้นที่5พรสวรรค์ของ ซูหยุน ก็หายไป แปดปีต่อมาระดับวรยุทธของมันก้าวหน้าถึงเพียงขั้นที่6เท่านั้น
เป็นผลให้ ซูหยุน ถูกตระกูลหลังเลิกสนใจและค่อยๆเลือนหายไปและในที่สุดก็หมดความสนใจไปโดยสมบูรณ์
ต่อมาผลเสียจากความอัปยศของมันต่อตระกูล ซูหยุนถูกผู้บังเกิดเกล้าขับไล่ออกมา เป็นต้นเหตุของความหยิ่งในศักศรีของตัวเองและค่อยๆดำดิ่งลึกลงไปมากฝังรากลึกจนในที่สุดมันก็ตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้า
ทุกๆวันมันจะกินแต่เหล้าติดการพนันทำให้มันสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวมันเอง
ตรงกันข้ามกับพรสวรรค์ของชิงเอ๋อ ที่ค่อยๆฉายแววมากขึ้นเรื่อยๆ จนนางได้ก้าวเข้าไปในระดับเขตแดนต่อไปและได้เข้าสู่ตระกูลหลักโดยตรง
และมิหนำซ้ำ ซูหยุน ที่เพิ่งอายุสิบแปดปีได้ทดสอบความแข็งแกร่งครั้งสุดท้ายของมัน ซึ่งมันก็ยังได้แค่ขั้นที่6
กฏของตระกูลซู มันถูกเนรเทศออกไปยังสำนักภายนอกและไม่มีสิทธิใดๆในตระกูล
ตระกูลซูมีความโหดร้ายเสมอ หรือพูดีกอย่างหนึ่ง การเอาตัวรอดคือสิ่งที่ควรทำ
สำหรับเหตุผลที่มันถูกขับออกจากบ้าน เพราะฝีมือที่ไม่เอาไหนของมัน มันเก็บซ่อนความโกรธเกลียดของมันไว้ ในขณะที่มันต้องคอยรับใช้ตระกูลซู
"สิ่งเหล่านี้มันคือเรื่องของภพก่อนของข้า แต่ตอนนี้ ภพนี้ มันจะไม่มีทางเหมือนเดิม!"
ตระกูลซู ต้องการยกระดับสาขานภา พวกเขาจึงตั้งใจจะใช้ชิงเอ๋อ รูปลักษณ์และพรสวรรค์ของนางไม่เคยขาดการกล่าวถึงและหลายตระกูลต้องการได้ตัวนาง
ชีวิตเรื่องความรักของชิงเอ๋อไม่ใช่หน้าที่ของ ซูหยุน แต่กลับกลายเป็นว่า ชิงเอ๋อ สมัครใจแต่งงานเอง
แต่ว่านางจะมีโอกาสได้ทำหรือเปล่า? การแต่งงานที่ได้รับการกำหนดไว้ล่วงหน้าและนางมีความหมายเพียงเพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ของตระกูลซูกับสาขา นภา หลังจากที่ชิงเอ๋อเห็นว่าไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลง,นางตัดสินใจมอบร่างกายให้ ซูหยุน ในตอนที่มันมาหาครั้งสุดท้าย,แต่ซูหยุนกลับออกไปกินเหล้า,มันกินเพื่อดับทุกข์ของมันด้วยเหตุนี้มันจึงพลาดโอกาศได้อำลา
ชิงเอ๋อตัดสินใจหนี แต่สุดท้ายนางก็ไปได้ไม่ไกล สาขา นภา โกรธแค้นมากและสังหารนางในที่สุด
ซูหยุนจำได้ว่ามันเป็นราชวงศ์ใหม่ วันที่9 เดือน 5 ปี 1005
หลังจากที่ ชิงเอ๋อ ตาย สาขา นภา ได้กุเรื่องขึ้นมาว่า ชิงเอ๋อ ตายเพราะป่วยซึ่งในตอนแรก ซูหยุน ปักใจเชื่อแต่มันมารู้ในภายหลังจากการซุบซิบของผู้อาวุโสของความจริงในเรื่องนี้
ด้วยเหตุนี้ซูหยุนจึงได้ตาสว่าง และได้ตื่นจากสภาพสิ้นไร้เรี่ยวแรงของมัน
หลังจากที่ชิงเอ๋อได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ มันเริ่มจะรู้จักตัวเอง และรู้จักโลกอย่างแท้จริง
ไม่มีใครคอยให้เงินมันทุกๆเดือน ไม่มีใครคอยดูแลเมื่อยามมันเจ็บไข้และไม่มีใครห่วงใยมันอีกแล้ว
หลังจาก ซูหยุน ได้สูญเสียนางไป มันจึงเข้าใจว่า ตัวมันติดหนี้ชิงเอ๋อมากแค่ไหน
ทำให้มันตัดสินใจ คิดที่จะแก้แค้น
แต่ทว่าวการที่จะจัดการ สาขา นภา นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเสียเมื่อไหร่? มันจะไปเทียบกับผู้ฝึกยุทธระดับเขตแดนปรมาจารย์ในสาขาได้อย่างไร? เพียงแค่คิด มันก็หมดหวังแล้ว มันจึงเดินทางออกจากตระกูลซูไปทั่วยุทธภพ เพื่อเสาะหาปรมจาย์ที่จะสอนวรยุทธและระษาอาการป่วยและเยียวยาสภาพจิตใจของมัน
อย่างไรก็ตามหลายคนสงสัยว่าทำไม มันถึงไม่บรรลุขั้นที่7ได้สักที แม้แต่เหล่าฝู่ที่ฝึกสอนยังจนปัญญา
ด้วยเหตุนี้ซูหยุนจึงท้อแท้สิ้นหวังอย่างมาก มันจึงแอบเข้าไปในทวีปปีศาจและพบกับวัตถุหลอมจิตวิญญาณและแม้แต่เสี่ยงชีวิตเผชิญหน้ากับ"ลัทธิยรู่ม่อ" ในครั้งนั้นมันค้นพบว่า เลือดของมนุษย์กับเลือดปีศาจนั้นใช้แทนกันได้
แต่ความเป็นจริงมันเป็นสิ่งที่โหดร้าย ถึงแม้ว่ามันจะถ่ายเลือดแล้ว,ช่วงแรกๆมันจะรักษายากมากๆ ทั่วทุกมุมยุทธภพที่อยู่ภายใต้ฟ้าสวรรค์ ซูหยุน ไม่มีที่จะไป
มันเป็นเส้นทางที่หันหลังกลับไม่ได้,แต่ว่ากันตามจริงแล้วมันมีโอกาศที่จะทำให้มันกลายเป็นเจ้ายุทธภพได้
เหตุผลเดิมที่พรสวรรค์ ซูหยุน หายไปก็คือว่ามันประสบโรคแปลก ๆ
คนที่มีจิตวิญญาณพิการ,จะทุกข์ทรมานจากโรคที่หายาก ไม่ว่าความผิดปกติจะตรวจพบได้ยากขนาดไหน หากมีการตรวจพบการรักษาก็จะไม่ใช่เรื่องยาก
เสียดายตรงที่ว่า ขณะที่มันกำลังระษาอาการป่วยอยู่นั้น,ดันเป็นโอกาศที่จะโจมตีสาขา นภา พอดี แม้ว่าโอกาสจะดีเลิส,แต่มันไม่มีเวลารักษาอย่างให้หายอย่างสมบูรณ์ เมื่อต้องเผชิญสองทางเลือก,มันจึงไม่อาจรอเวลาได้ ที่ความจริงแล้วมันต้องใช้เวลารักษานับ10ปีถึงจะหายขาด
" แต่ว่าคราวนี้ มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว!"มันคิดในใจ
ก่อนที่มันจะตั้งเป้าลอบสังหาร เขาได้คิดกลยุทธ์อย่างรอบคอบแล้ว นั่นคือการใช้วัตถุวิญญาณ ตัดคอพ่อเฒ่าระดับสูงของสาขา นภา แล้วยืมพลังของวัตถุวิญญาณ ทำลายสาขา นภา
แต่ทว่ามันได้ประเมินวรยุทธของพ่อเฒ่าระดับสูงของสาขา นภา น้อยไป ในระหว่างการต่อสู้ ซูหยุน ถูกพ่อเฒ่าฆ่าตาย
หลังจากมันได้ตายแล้ว จิตสำนึกของมันได้ย้อนกลับมาที่กระท่อมก่อนสิบห้าปีที่แล้ว มันได้ย้อนกลับมาก่อนที่ ชิงเอ๋อ จะหลบหนีออกจากตระกูลซู เป็นเวลาสามปีหลังจากที่มันถูกขับออกจากบ้านของมัน
"สวรรค์ได้ให้โอกาสข้าเป็นครั้งที่สอง" ซูหยุน พึมพำกับตัวเอง
#################