ตอนที่แล้วตอนที่ 016 – สาเหตุของความพ่ายแพ้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 018 – กายากระเรียน

ตอนที่ 017 – สถาบันผลึกฟ้า


ตอนที่ 017 – สถาบันผลึกฟ้า

 

ถังเทียนคลานออกมาจากประตูกางเขนเยี่ยงสุนัขปางตาย เขาได้เพิ่นพูนความสำเร็จของหมัดอัสนีบาตจนถึง 80,000 แต้ม ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง [ตำราปราณกระเรียน] อาจจะใช้เวลานานมาก ถังเทียนใช้เวลาฝึกมากกว่าที่นั่งพักเสียอีก แต่ถังเทียนก็ยังสามารถปรับตัวได้และไม่เสียเปล่า ถึงแม้จะเป็นวันที่สองของการบ่มเพาะ ถังเทียนก็สามารถปรับตัวได้ค่อนข้างดี

ครานี้การบ่มเพาะก็ทรมานเช่นเคย อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับคราที่แล้ว มันดูดีกว่ามาก

อย่างน้อยเมื่อยามถังเทียนก้าวออกมาจากประตูกางเขน เขาก็มีสติดีและไม่ได้อยู่ในอาการมึนงง

แต่การฝึกอันบ้าคลั่งนั้นก็ยังคงทำให้เขาเหนื่อยล้า

อัตราการสำเร็จของหมัดอัสนีบาตของเขาเพิ่มขึ้นหกถึงเจ็ดส่วน ขณะที่จำนวนเพิ่มขึ้น ถังเทียนได้สังเหตุเห็นถึงบางอย่างน่าอึดอัดใจ เขาพยายามที่จะแก้ไขการกระทำที่น่าอึดอัดใจนี้ และการแก้ไขเหล่านี้ทำให้อัตราความสำเร็จของหมัดอัสนีบาตเพิ่มขึ้น

ไม่ใช่คราแรกที่ถังเทียนกระทำเช่นนี้

ยามเมื่อเขาฝึกฝนวิชาการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน เขาก็ได้คุ้นเคยกับการกระทำนี้ ถ้าเขากระทำตามคำแนะนำของผู้ชี้แนะ เขาพบว่ามันยากมากที่จะบรรลุความสมบูรณ์ นั้นเป็นสาเหตุว่าทำไมวิชาการต่อสู้พื้นฐานของเขามันถึงดูสมบูรณ์แบบ มันเป็นเพราะเขาไตร่ตรองกระบวนท่าของเขาอย่างต่อเนื่องพลางแก้ไขมัน

เช่นเดียวกับหมัดอัสนีบาตนี้

แก่นแท้ของยันต์จิตวิญญาณขั้นทองแดงไม่ได้สูงมากนัก คาดว่าผู้สร้าง [หมัดอัสนีบาต] อาจจะไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง

ยันต์จิตวิญญาณอาจจะประทับร่างให้ผู้คนเพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง

ยันต์จิตวิญญาณบรรจุความเข้าใจอย่างลึกซึ้งโดยตรงต่อมาตรฐานของผู้สร้าง การคาดหวังจากพลังยันต์จิตวิญญาณขั้นสามัญธรรมดาเพื่อที่จะได้รับสาระของแก่นแท้ขั้นสูงมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน

ยันต์จิตวิญญาณขั้นทองแดงบรรจุด้วยประสบการณ์ที่ตื้นเขินและคลุมเครือมากที่สุด ความสามารถที่แข็งแกร่งขึ้น ความสามารถในการฝึกฝนขั้นลึกล้ำ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับบุคคลที่สามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้งและเพียรพยายาม

ระดับความเข้าใจของถังเทียนอยู่ในขั้นสามัญธรรมดา แต่ด้วยพื้นฐานของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก หลังจากจำนวนการฝึกฝนอันหยั่งไม่ถึง เหล่าสภาพอันน่าอึดอัดใจที่ไม่คุ้ยเคยต่างสลายหายไปกลายเป็นฝุ่นผงแปรเปลี่ยนเป็นคุ้นเคย

วิชาหมัดระดับสองและวิชาหมัดพื้นฐานต่างใกล้เคียงกัน แม้กระทั่งหมัดอัสนีบาตก็เป็นเช่นเดียวกัน

ถังเทียนไม่สามารถอธิบายได้ แต่วิชาพื้นฐานหมัดได้ยั่งรากลงไปในกระดูกและแปรเปลี่ยนเป็นดั่งสัญชาตญาณของเขา อันใดถูก อันใดแปลกประหลาด เขารู้สึกถึงมันได้ทั้งหมด

ถังเทียนยังคงคิดอย่างเรียบง่าย ตราบเท่าที่มันรู้สึกไม่ถูกต้อง เขาจะคงเปลี่ยนมันจนกว่าจะรู้สึกสบายใจ โอกาสสูงในการปล่อยหมัดอัสนีบาต ก็ยิ่งถูกต้องมากกว่าที่มันจะควรเป็น หลังจากทั้งหมดนี้ทำซ้ำเรื่อยๆ หมัดอัสนีบาตก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นแนวทางของถังเทียน

ในขณะที่อัตราความสำเร็จของหมัดอัสนีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อัตราความสำเร็จของเขาอยู่ที่ประมาณเจ็ดในสิบส่วน

แม้ว่าผลลัพธ์จะไม่น่าประหลาดใจเฉกเช่นหวังเจิ้น แต่ถ้าหากข่าวนี้แพร่ออกไป มันก็สามารถทำให้ผู้คนบางส่วนตกใจได้อย่างแน่นอน

ถังเทียนไม่พึงพอใจกับผลลัพธ์นี้ เขาคุ้นเคยต่อการที่จะทำให้สมบูรณ์แบบเต็มสิบส่วน เพียงเจ็ดส่วนเป็นสิ่งที่น่าอนาถเกินจะทน อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้รีบร้อน เขาใช้เวลาห้าปีกับพื้นฐานวิชาการต่อสู้ และนั่นฝึกให้เขากลายเป็นบุคคลที่อดทนมากขึ้น

โอ้ การบ่มเพาะทั้งหมดมันเกี่ยวกับความอนทนและความถูกต้อง

การบ่มเพาะ [ตำราปราณกระเรียน] ของเขาดีขึ้นอย่างมากและพลังเบื้องหลังประตูกางเขนนี้ก็หนาแน่นและยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง [ตำราปราณกระเรียน] มีรูปแบบของมันอยู่บ้างแล้ว ถึงมันจะเป็นเส้นทางที่ซับซ้อนและลึกซึ้ง แต่ถังเทียนก็จดจำมันได้ขึ้นใจ มันคือกระเรียนราวกับว่าเขากำลังวาดออกเป็นกระเรียนตัวเล็กๆ

[ตำราปราณกระเรียน] ก็เหมือนอย่างที่ตาเฒ่าเว่ยได้กล่าวเอาไว้ เส้นปราณของมันยืดยาวนัก ความอดทนของถังเทียนช่างน่าอัศจรรย์มาก มันไม่แน่ใจนักว่าศักยภาพของ [ตำราปราณกระเรียน] แท้จริงเป็นเช่นไร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันคู่ควรกับการบ่มเพาะ การบ่มเพาะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นความเร็วในการบ่มเพาะก็เพิ่้มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน

นั่นมันทำให้ถังเทียนเบิกบานใจอย่างยิ่ง

ประสิทธิภาพในการบ่มเพาะมากขึ้นและเขา ตัวของเขา มีป้ายดารากางเขนใต้แห่งความเพียร เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกลัว แม้ว่าเขาจะไม่มีวิชาการต่อสู้ให้เรียนมากมาย

วิชาหมัด วิชาดัชนี วิชาฝ่ามือ วิชาตัวเบา หลอมรวมวิชาเข้าด้วยกัน...

เขาจะบ่มเพาะมันทั้งหมด!

กลายเป็นเทพเจ้าแห่งการต่อสู้ระยะประชิด!

โอ๊ะ แต่ทำไมตาของเขาช่างหนักเหลือเกิน… ช่างเหนื่อยเหลือเกิน...

หลังจากนั้นถังเทียนก็เดินไปด้วยความมึนงงและเข้าสู่การหลับใหล

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

เป็นเวลาสามวันหลังจากนั้นถังเทียนก็ตื่นขึ้นมา นอนหลับเป็นเวลาสามวันเต็ม ถังเทียนรู้สึกตกใจมากกับความสามารถในการนอนหลับของเขา

สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากคือปราณแท้จริงของปราณกระเรียนขั้นสาม เพิ่มขึ้นมาเพียงนิดเดียว

แม้เขาจะกำลังหลับอยู่ปราณแท้จริงมันควรจะเพิ่มขึ้น มันเป็นปราณแท้จริงประเภทใดกัน!

ถังเทียนคลานขึ้นมาอย่างโกรธ หลังจากที่เสียเวลานอนไปสามวันเต็ม หัวใจเขารู้สึกเจ็บปวด

เขาเปิดประตูและแสงจากด้านนอกทำให้เขามึนงง

ตะวันยามเที่ยงทำให้เกิดคลื่นความร้อนอย่างรุนแรงตรงมายังเขา

บนลานฝึก อาโม่หลี่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ทุกดาบของเขามีสมาธิจดจ่อเต็มสิบส่วน

แมลงวันวัว...

ถังเทียนจ้องมองไปยังเขา ก้าวออกจากกระท่อมไม้ มือทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเขา พลางก้าวเดินไปด้านข้างของลานฝึก ‘ปัง’ กระโดดลงไปบนแผ่นไม้ด้านข้าง “นี่ หนุ่มน้อย ช่างขยันเหลือเกิน!”

อาโม่หลี่ได้ยินเสียงของถังเทียน จึงหยุดและหันมา พาดดาบไม้ทั้งสองไว้บนไหล่ของเขา เหงื่อไหลย้อยจากหัวลงมา เขามองไปที่ถังเทียนพลางหัวเราะอย่างดัง “พื้นฐานถัง ในที่สุดเจ้าก็ตื่นแล้ว ข้าอยากจะปลุกเจ้าขึ้นมาจริงๆ แต่ตาเฒ่ากล่าวว่าเจ้าฝึกหนักเกินไป และขอให้ข้าปล่อยเจ้านอนไป ถึงกระนั้นเจ้าก็นอนตั้งสามวันเต็ม เจ้าคงจะเต็มไปด้วยพลังอย่างแน่นอนแล้ว!”

อาโม่หลี่กล่าวคล้ายอิจฉา รู้สึกราวกับว่าเขาสามารถนอนได้สามวัน เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

สารเลวตัวนี้ตั้งใจพูดเรื่องนี้...

เส้นเลือดปูนโปนบนหน้าผากถังเทียน และเขาก็เริ่มที่จะพูดอย่างนักปราชญ์ “แน่นอน เทพหนุ่มอย่างข้า แน่นอนต้องนอนอย่างเทพ! นี้เรียกว่าเทพนิทรา… โอ้ แมลงวันวัว เจ้าควรจะตั้งใจฝึกให้ดี ตอนนี้ข้าบ่มเพาะ [ตำราปราณกระเรียน] แล้วมันโหดเหี้ยมมาก ระวังตัวไว้ไม่งั้นจะโดนทุบตีเยี่ยงสุนัข!”

อาโม่หลี่หัวร่อออกมาเสียงดัง “พื้นฐานถัง ข้าก็ได้เรียนวิชาใหม่มาเหมือนกัน [ดาบปฐพีคลั่ง] และมันก็ทรงพลังยิ่งนัก! มาเถอะ มาประลองดูกันสักรอบ! ครานี้ ข้าจะต่อสู้กับเจ้าอย่างจริงจัง ตาเฒ่าเว่ยกล่าวถูก มีเพียงวิชาอันแข็งแกร่งของข้าเท่านั้นที่จะได้ชัยต่อคู่ต่อสู้ และเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเคารพที่ยิ่งใหญ่!”

ถังเทียนขมวดคิ้วเป็นแนวบนหน้าผากของเขาพลางพึมพำ “หมดกัน สหายถูกล้างสมองโดยตาเฒ่าด้วงดิน!”

“ใครกันที่เจ้าเรียกว่าด้วงดิน?” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังถังเทียน

ถังเทียนสั่นสะท้านและหันหน้าไปพบเห็นตาเฒ่าเว่ยจ้องมองมายังเขาด้วยใบหน้าชั่วร้าย

ใบหน้าถังเทียนสว่างไสวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อะแฮ่ม ตาเฒ่า ข้ากำลังกล่าวถึงพลังของท่านน่าเหลือเชื่อขนาดไหน และตั้งแต่นี้วัวเขลา เขาควรจะเชื่อฟัง”

“พื้นฐานถัง! เจ้ากล้าที่จะว่าข้าโง่งั้นรึ! เจ้าตายแน่!” อาโม่หลี่ตะโกน

“ทำไมเจ้าถึงตะโกนคล้ายภูติผีกัน?” ทันใดนั้นตาเฒ่าเว่ยก็จ้องไปยังอาโม่หลี่ และอาโม่หลี่แปรเปลี่ยนเป็นเงียบในทันที

ในใจถังเทียนรู้สึกบางอย่างแปลกใจพลางเกาหัวของเขา มีอย่างบางอย่างเกิดขึ้นในสามวันที่ผ่านมาในขณะที่ข้าหลับงั้นรึ? เมื่อไหร่กันที่เจ้าวัวเขลานี้กลายเป็นอยู่ในโอวาทของตาเฒ่าเว่ย?

นี้มันช่างประหลาดนัก...

“เอาล่ะ ข้ากำลังจะพาพวกเจ้าสองคนไปยังสถานที่นึงในวันนี้” ตาเฒ่าเว่ยโบกมือของเขา “ไปชำระล้างตัวเองให้สะอาดซะ อย่าทำให้ข้าได้อับอาย”

ถังเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าว “ตาเฒ่า พวกเราทั้งสองสะอาดมากกว่าท่านซะอีก”

ตาเฒ่าเว่ยเขินอายพลางกระแอมไอ “ขอเวลาข้าสักครู่”

และนั่น เขาก็หายเข้ากลีบเมฆ

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

ถังเทียนและอาโม่หลี่มองเห็นตัวอักษรสี่ตัวอันใหญ่ ‘สถาบันผลึกฟ้า’ ด้วยความตะลึง นอกเหนือจากพวกเขาสามคน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างต่อเนื่อง เหล่าผู้คนนั้นสวมเสื้อผ้าที่ดูหรูหราและน่าประทับใจ

พวกเขาได้รับสายตาแปลกๆเป็นช่วงๆ ชายสามคนกับเสื้อผ้าฉีกขาดและเก่า ทำให้เป็นที่สะดุดตาเป็นพิเศษ

“นี่ ตาเฒ่า ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ได้พาพวกเรามาผิดที่?” อาโม่หลี่อดไม่ได้ที่จะถามออกไป

สถาบันผลึกฟ้าเป็นอันดับหนึ่งของเมืองเมฆาดารา และยังเป็นสถาบันชั้นดีที่สุดในเมืองเมฆาดาราอีกด้วย บรรดาผู้ที่ซึ่งสามารถเข้าศึกษาได้ มีเพียงเศรษฐีและเหล่าอัจฉริยะ

หลายปีที่ผ่านมาหลังจากที่ เชียงกวน เฉียนฮุ่ย จากไป สถาบันผลึกฟ้าครองอันดับแรกดั่งเช่นหินผา สถาบันนี้เป็นสถาบันที่ดีที่สุดในเมืองเมฆาดารา เหล่าอาจารย์ที่แข็งแกร่ง อุปกรณ์ฝึกซ้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกคุณภาพสูง ร้านค้าหินดาราที่ใหญ่ และร้านค้าที่ขายยันต์จิตวิญญาณขั้นสูง

มองไปยังเมืองเมฆาดารา สถาบันผลึกฟ้าอยู่จุดสูงสุดของสถาบันที่มีชื่อเสียง

ในขณะนั้นมีชายวัยกลางคนก้าวมาข้างหน้า

“ข้าขอถามท่าน ท่านคืออาจารย์ใหญ่เว่ย?”

“ถูกต้อง เป็นข้าเอง” ตาเฒ่าเว่ยตะโกนอย่างภูมิใจ

“ได้โปรดตามข้ามา อาจารย์ใหญ่ได้เฝ้ารอการมาของท่าน” ชายวัยกลางคนกล่าว แสดงให้พวกเขาติดตามเขาไปยังจุดหมายปลายทาง

ตาเฒ่าเว่ยพยักหน้าพลางกล่าวกับถังเทียนและอาโฒ่หลี่ว่า “ตามข้ามา อย่าได้หลงไปไหนล่ะ”

พวกเขาทั้งสองตามติดอย่างใกล้ชิด

“นี้มันผิดปกติแล้ว นี้มันผิดปกติแล้ว พวกเราจะต้องระวังตัวเองให้ดี ไม่งั้นตาเฒ่าอาจจะขายพวกเราได้อีก” ถังเทียนพึมพำ

“อ๊า อ๊า พวกเราสองต่างเป็นอัจฉริยะและแน่นอนว่าพวกเราค่อนข้างมีราคาอย่างมากเลย” อาโม่หลี่พยักหน้าของเขาอย่างต่อเนื่อง

ตาเฒ่าเว่ยผู้ซึ่งอยู่ด้านหน้า มีสีหน้าเป็นกังวลและเขาก็หยุดเดินในทันที และถังเทียนกับอาโม่หลี่ก็ถูกฟาดศรีษะโดยเขา

ชายวัยกลางคนยิ้มอยู่ตลอดเวลาบนใบหน้าของเขาและแม้ว่าเขาจะซ่อนอารมณ์ไว้อย่างดี แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของสองคนนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงออกอาการดูแคลนบนใบหน้าของเขา

เหล่านักศึกษาผู้ที่ต่างผ่านคนทั้งสามต่างอยากรู้เรื่องการปรากฏตัวของพวกเขา

ทั้งสามคนต่างแต่งตัวไม่ได้เข้ากันกับสถาบันผลึกฟ้าแห่งนี้เลยสักนิด

อย่างไรก็ตาม ทั้งสามก็ไม่แสดงออกถึงความไม่สบายใจ เป็นตาเฒ่าเว่ยที่ดูเคร่งขรึมและจริงจัง ในขณะที่ถังเทียนและอาโม่หลี่แสดงออกถึงความอยากรู้อยากเห็นในทุกสิ่งที่พวกเขาพบเจอ

สถาบันผลึกฟ้ามีสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายและไม่เคยเห็นมาก่อน

สถาบันผลึกฟ้าใหญ่มากและในที่สุดพวกเขาก็มาถึงยังห้องของอาจารย์ใหญ่ ชายวัยกลางคนมองเห็นอาจารย์ใหญ่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูด้วยอาการตกใจ เขาได้ติดตามอาจารย์ใหญ่มาหลายปีและนี้เป็นคราแรกที่เขาพบเห็นอาจารย์ใหญ่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเขาเอง

“เจ้า ในที่สุดก็มาจนได้!” ชายชรากล่าวด้วยเสียงหัวเราะขึ้น เดินไปยังพวกเขาพลางอ้าแขนออก

ตาเฒ่าเว่ยก็ยิ้มเช่นกันและเดินเข้าไปกอด “ข้าไม่มีทางเลือก ได้แต่หน้าด้านมายืมสถานที่เจ้าสักหน่อย”

“อย่าได้กล่าวถ้อยคำที่สุภาพระหว่างเราสองเลย” ชายชราหัวร่อพลางหันหน้ามาพิจารณาถังเทียนและอาโม่หลี่ ก่อนจะถามอย่างมีความสุข “พวกเขาทั้งสองคือคนที่เจ้าเลือกมางั้นรึ?”

ตาเฒ่าเว่ยสายหน้าพลางชี้ไปยังอาโม่หลี่ “เขาเชี่ยวชาญในวิชาดาบ และข้าได้จับตามองเขามาหลายปีแล้ว ในที่สุดข้าก็ได้ชิงตัว...โอ้ ข้าหมายถึงรับเขามา!”

หลังจากนั้นเขาก็ดึงถังเทียนเข้ามา “ข้ารู้สึกว่าคนนี้เหมาะสมที่จะเดินไปยังเส้นทางของผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด แต่อย่างที่เจ้ารู้ ข้าไม่ได้เชี่ยวชาญในด้านนั้น ไม่อยากละเลยในตัวเขา ข้าจึงไม่มีทางเลือกจึงพาเขามาด้วย”

“ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด?” เขามองไปยังถังเทียนอย่างแปลกๆพลางพิจารณาถังเทียนอีกครา

“อืม มันต้องการที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดที่น่าอัศจรรย์ด้วยซ้ำ” ตาเฒ่าเว่ยกล่าว

“ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดปกติ” ชายชราปรากฏความสนใจขึ้นพลางหัวเราะ “เข้าไปคุยกันด้านในเถอะ ผู้ช่วยสวี่ พาเด็กหนุ่มสองคนไปเดิมชมสถานที่”

ชายวัยกลางคนรีบโค้งคำนับและกระทำตาม “ขอรับ”

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด