ตอนที่แล้วตอนที่ 014 - ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 016 – สาเหตุของความพ่ายแพ้

ตอนที่ 015 – จดหมายของเฉียนฮุ่ย


ตอนที่ 015 – จดหมายของเฉียนฮุ่ย

นามยันต์จิตวิญญาณโบราณถูกเรียกกันมาตั้งแต่สมัยโบราณจนมาถึงทุกวันนี้ สามารถที่จะทนทานจากการทำลายได้อย่างดี วิชาภายในยันต์จิตวิญญาณเต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์และแก่นแท้

ยันต์จิตวิญญาณโบราณมีอีกชื่อหนึ่งในนามยันต์จิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์

“ผู้สร้างยันต์ใบนี้เป็นผู้ก่อตั้งและผู้บุกเบิกเทือกเขากระเรียนสวรรค์ และได้รับยกย่องว่า ระบำกระเรียน ปรมาจารย์กระเรียน” สายตาเฒ่าเว่ยเต็มไปด้วยความเคารพยามที่เขาเล่า

ถังเทียนเกาศีรษะของเขา “ช่างฟังดูทรงพลังจริง…”

ดวงตาของอาโม่หลี่เปล่งประกาย “ว้าว ว้าว ข้าเคยได้ยินนามนี้มาก่อน! นักสู้จากทวีปตะวันออกในสมัยโบราณ พวกเขาทั้งหมดทรงพลังอย่างมาก! ข้าจำได้ว่ามันเขียนอยู่ในตำราเล่มหนึ่งว่า ปรมาจารย์กระเรียนกวาดล้างไปทั่วทั้งทวีปตะวันออกในปีนั้น”

“เจ้าอ่านหนังสือออกด้วยงั้นรึ?” ความรู้สึกประหลาดใจแต่งแต้มเต็มไปบนใบหน้าถังเทียน

อาโม่หลี่รู้สึกอับอายเล็กน้อย “เมื่อไม่นาน”

“เทือกเขากระเรียนสวรรค์ ณ ตอนนี้ถูกควบคุบโดยนิกายกระเรียน นิกายกระเรียนนี้ก่อตั้งโดยปรมาจารย์กระเรียนซึ่งสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนิกายกระเรียนไม่ได้รุ่งเรืองดั่งเช่นในอดีต และกลายมาเป็นดาราธรรมดาภายในเส้นทางสวรรค์” ตาเฒ่าเว่นส่ายหัวด้วยความเวทนา “ข้าคาดว่าเหล่าวิชาของนิกายกระเรียนล้วนถูกทำลายสิ้น ถ้าหากไม่ สถานการณ์ก็คงไม่ลำบากเฉกเช่นทุกวันนี้”

“ด้วยยันต์จิตวิญญาณนี้ เป็นยันต์จิตวิญญาณของวิชาการบ่มเพาะปราณอย่างแท้จริงจากนิกายกระเรียน และถูกส่งต่อมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว วิชาบ่มเพาะปราณของนิกายกระเรียนขึ้นชื่อด้วยความยาก นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมนิกายกระเรียนยังคงอยู่ถึงวันนี้ การบ่มเพาะพลังนั่นแตกต่างจากการบ่มเพาะปราณของพวกเราในตอนนี้ พวกเขาฝึกหนักคอยต่อยอดเรื่อยๆ และไม่สามารถที่จะสับเปลี่ยนวิชาอื่นได้ แต่วิชาการบ่มเพาะในทุกวันนี้ ขึ้นอยู่กับระดับวิชา และไม่ต้องกล่าวถึงการต่อยอด”

“แล้ววิธีใดที่ดีที่สุด?” ถังเทียนอดไม่ได้ที่จะถาม

“แต่ละอันมีข้อดีและข้อเสีย” ตาเฒ่าเว่ยพึมพำ “การบ่มเพาะปราณในอดีต จากเริ่มยันจุดสูงสุดของวิชาบ่มเพาะ พวกเขาฝึกเพียงวิชาเดียว ซึ่งเพียงพอแล้วเนื่องจากวิชาของพวกเขานั้นแข็งแกร่ง เพียงแต่ว่าเมื่อวิชาขั้นใดหายไป พวกเขาจะไม่ได้สามารถฝึกอันใดได้อีก”

[คั่นหนังสือ : ตามโน๊ตที่ทางผู้แปลอังกฤษได้บอกไว้ โดยทั่วไปแล้ว การบ่มเพาะในอดีต มีเพียงตำราเท่านั้น และจะถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ ดังนั้นในระดับแรกคือปราณแท้จริง ก็จะใช้ได้เพียงระดับแรกและกระบวนท่าแรกๆเท่านั้น ถ้าหากขาดหายไป ก็จะไม่สามารถฝึกเพิ่มขึ้นจากขั้นปราณแท้จริงได้อีก หรือพูดง่ายๆครับ ก็เหมือน คัมภีร์ยุทธ์ทั่วไป ที่หน้าขาดหายไปก็จะฝึกไม่ได้ แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ มันมียันต์จิตวิญญาณแล้วยังไงก็จะมีสาระสำคัญอยู่ตราบเท่าขั้นของยันต์และสามารถที่จะฝึกอันใหม่ก็ได้ถ้าเจออันที่แข็งแกร่งกว่า]

“ตอนนี้บ่อตันเถียนของเรานั้นแปรเปลี่ยนเป็นหลายบ่อเป็นขั้นบันได มันทำได้ง่ายต่อการผสมวิชาการบ่มเพาะอันหลากหลาย ในทางฝึกฝนก็เช่นนี้ศักยภาพของเรานั้นจะลดภาระลง การที่อยู่ในขั้นสามหมายความว่าจะต้องฝึกวิชาบ่มเพาะพลังปราณและวิชาการต่อสู้ระดับสาม ตราบเท่าที่คุณสมบัติคล้ายกัน เจ้าจะสามารถบ่มเพาะได้อย่างอิสระ ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น เหล่านักสู้ในปัจจุบันจะรุ่งเรืองได้อย่างไร นิกายโบราณสืบต่อส่งต่อกันมาและจะต้องดูแลเหล่านักสู้ให้แข็งแกร่งขึ้น แต่พวกเขาจะใช้จ่ายในราคาที่สูงขึ้น ภายในกรณีนี้ของนิกายโบราณอาจจะเลือกอาโม่หลี่เป็นศิษย์ ขณะที่เจ้า ถังน้อย มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะเข้าร่วมนิกายได้”

ทั้งสองแปรเปลี่ยนเป็นดูดีขึ้นพลางพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าเขาจะถูกกล่าวว่าไม่มีพรสวรรค์เทียบเท่าอาโม่หลี่ ถังเทียนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขารู้ว่าโชคดีภายในยุคสมัยนี้ ที่ใช้ยันต์จิตวิญญาณในการฝึกฝน

“ในความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับ [ตำรารปราณกระเรียน] เป็นที่สิ่งตื้นเขิน ข้าเพียงว่ามันช่วยยืดขยายเส้นพลังปราณให้แข็งแกร่งทนทานขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ ข้าคิดว่ามันเหมาะสมกับเจ้าเช่นเดียวกับการเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาการต่อสู้ระยะประชิด พลังทางด้านร่างกายเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ส่วนที่เหลือเจ้าจะต้องค้นหาด้วยตัวเอง แต่ข้ารับประกันได้ว่ามันยากนักที่จะฝึกฝน ในอดีตที่ข้าได้รับ [ตำราปราณกระเรียน] แม้มันจะแตกต่างจากการบ่มเพาะในยุคนี้ แต่มันก็ดีกว่าวิชาอื่นๆ อีกมากมาย” ตาเฒ่าเว่ยโบกมือให้พวกเขาในทันที “เอาล่ะ ข้าได้บอกกล่าวในสิ่งที่ข้ารู้แล้ว อย่าได้ถามข้าอีก”

อาโม่หลี่รู้สึกตื่นเต้น “พื้นฐานถัง ไปฝึกบ่มเพาะเร็ว! แล้วพวกเรามาสู้กันอีกเมื่อเจ้าเข้าสู่ปราณแท้จริงขั้นสาม! ข้าจะไปขัดเกลาในการเคลื่อนไหว และจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่!”

ตาเฒ่าเว่นขัดทั้งสองขึ้น “ทำไมพวกเจ้าช่างน่ารำคาญเช่นนี้ ไปฝึกกันได้แล้ว นี่ ให้ข้าบอกอะไรพวกเจ้าอย่าง เพื่อไม่ให้พวกเจ้าทำข้าอับอายขายหน้าในการชุมนุมยุทธ์ของเมืองเมฆาดารา ข้าได้เตรียมการฝึกพิเศษให้พวกเจ้าทั้งสอง”

“การฝึกพิเศษ?” ถังเทียนและอาโม่หลี่ต่างได้รับความสนใจจากเรื่องนั้นทันที

“นี่ เดี๋ยวพวกเจ้าจะได้รู้ในไม่นาน” ตาเฒ่าเว่ยหัวร่อ

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

ถังเทียนอยู่ในอารมณ์สดใสและเบิกบานใจ ไม่ใช่เพราะเขาได้รับ [ตำราปราณโบราณ] แต่เป็นเพราะสาเหตุเขาได้รับจดหมายจากเฉียนฮุ่ย

จดหมายดังกล่าวค่อยเดินทางผ่านเส้นทางสวรรค์ และนั้นทำให้มันดูเก่าจากการสึกหรอ

เมื่อเปิดซองสีชมพู กลิ่นหอมหวนกระจายอย่างเบาบาง อักษรสวยงามของเฉียนฮุ่ยปรากฏขึ้นในสายตาถังเทียน เขาหยิบมันขึ้นวางบนฝ่ามืออย่างระมัดระวัง และรีบร้อนอ่านคำต่อคำ

“พี่ใหญ่เทียน ท่าเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าคิดถึงท่านมากเหลือเกิน ที่นี้ช่างเต็มไปด้วยความน่าเบื่อ ข้าไม่ชอบกฏและผู้คนที่นี้เลย พี่ใหญ่เทียนข้ากำลังรอท่านมาหา และพวกเราจะได้หลบหนีไปยังเส้นทางสวรรค์ด้วยกัน ข้าได้เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางนี้ไว้แล้ว ฮิฮิ พวกเขาไม่รู้เรื่องราวเลย พวกเขาไม่เชื่อในตัวพี่ใหญ่เทียน แต่ข้าเชื่อ พี่ใหญ่เทียนจะต้องทำสำเร็จ ข้าเชื่ออย่างแน่นอน ใช่แล้วพี่ใหญ่เทียนข้าได้เบาะแสเกี่ยวกับป้ายทองสัมฤทธิ์มาด้วย กางเขนบนป้ายทองสัมฤทธิ์ เป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มดารากางเขนใต้ และถ้าหากตำรากล่าวได้ถูกต้อง มันเป็นไปได้สูงว่าจะเป็น สมบัติดาราของกลุ่มดารากางเขนใต้ มันถูกเรียกในนาม ป้ายดารากางเขนใต้แห่งความเพียร และในบรรดาสมบัติดารา ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มีน้อยนิดเหลือเกิน”

ถังเทียนแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังพลางอ่านอย่างตั้งใจ

“กลุ่มดารากางเขนใต้อยู่ระหว่างกลุ่มดาราซางหยิงและกลุ่มดาราปั้นเหรินหม่าและเป็นกลุ่มดาราเล็กๆที่นั่น จนถึงตอนนี้ กลุ่มดารากางเขนใต้มีเพียงสมบัติดาราชิ้นเดียว และนั้นก็คือป้ายทองสัมฤทธิ์แห่งความเพียร อย่างไรก็ตามมันไม่มีบันทึกเกี่ยวกับสิ่งนั่น พี่ใหญ่เทียนท่านจะต้องค้นหาด้วยตัวเองแล้ว เมื่อดูจากชื่อของมันแล้ว มันน่าจะเป็นสมบัติดาราที่ช่วยการฝึกฝน เหล่าตัวเลขนั้น ถ้าข้าคาดไม่ผิด มันน่าจะเกี่ยวข้องกัน พี่ใหญ่เทียน ท่านต้องจดจำเอาไว้ว่า ท่านห้ามบอกใครเด็ดขาดเกี่ยวกับป้ายทองสัมฤทธิ์นี้! มันอาจจะดึงดูดพวกคนเลว! ป้ายดารากางเขนใต้เป็นดั่งสมบัติดารา พวกจำต้องเพียงไปยังเทือกเขา ถึงจะสามารถตามหาเบาะแสได้ ข้าได้เริ่มศึกษาข้อมูลของกลุ่มดารากางเขนใต้แล้ว พี่ใหญ่เทียนข้าเฉียนฮุ่ยฉลาดใช่ม๊า รีบมาหาและชื่นชมเฉียนฮุ่ยเร็ว…”

[คั่นหนังสือ : กลุ่มดาวซางหยิงกับปั้นเหรินหม่า ยังคิดชื่อไม่ออกว่าจะใช้อะไรดีขอทับศัพท์ไปก่อนนะครับ จริงๆมันก็คือกลุ่มพวกราศีต่างๆนั้นแหละ]

จดหมายมีความยาวมากและจากที่เห็นเขาได้รู้ว่าเฉียนฮุ่ยใช้เวลานานมากในการเขียนจดหมาย

ถังเทียนอ่านจดหมายสองสามครา คำต่อคำ หลังจากที่อ่านซ้ำเสร็จแล้ว เขาก็พับเก็บมันไว้อย่างระมัดระวัง

สมบัติดารา คาดว่าป้ายทองสัมฤทธิ์คือสมบัติดารา...

ถังเทียนคล้ายสงบลงอย่างที่เป็น แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยของข้อมูลที่ไม่น่าเชื่ออย่างล้นเหลือ ถ้าไม่ใช่เพราะเฉียนฮุ่ยเป็นคนบอกเขา เขาคงไม่เชื่อมันอย่างแน่นอน

บนเส้นทางสวรรค์เต็มไปด้วยดวงดาราและดวงดาราค่อยๆรวมกลุ่มก่อเกิดเป็นกลุ่มดารา ตามตำนาน ในกลุ่มดาราต่างๆ จะมีสมบัติพิเศษ และมันก็คือสมบัติดารา

อย่างไรก็ตาม สมบัติดาราไม่สามารถเปรียบเทียบกับสมบัติของเหล่าวีรบุรุษหรือสุดยอดฝีมือ อย่างเช่น ดวงใจคลุ้มคลั่งของราชสีห์เหล่ยอ๋าง แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวในมือของเขา แต่ก็ไม่ได้หมายว่ามันเป็นสมบัติดาราของกลุ่มดาราสิงห์ คล้ายกับธนูสวรรค์ของเซียนธนูโฮ่วอวี้เทียน นั่นก็ไม่ได้เป็นสมบัติอันดับหนึ่งของกลุ่มดาราธนูเลย

ทุกสมบัติอันยิ่งใหญ่ในตำนาน มหากาพย์บทกวีและตำราต่างๆ ห่างไกลจากสมบัติดาราจริงๆ

ในวันหนึ่ง ถังเทียนได้พบว่าป้ายทองสัมฤทธิ์ได้อยู่กับเขามาตั้งแต่เด็ก มันเป็นสมบัติดารามาตลอด แม้ว่ามันจะดูคล้ายเป็นสมบัติสามัญธรรมดา ถังเทียนรู้ว่าน่าจะเป็นรูปแบบพิเศษของมัน

มารดา...ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ทำไมถึงไม่ได้บอกกล่าวข้า...

หัวใจของถังเทียนกลายเป็นเงียบงัน และด้วยสายตาที่หมองหม่นของเขา

แต่อย่างเร็วเขาก็ตื่นกลับมา ทันใดนั้นความรู้ฮึกเหิมก็พลุ่งพล่ายภายในหัวใจเขา ดวงตาอันหมองหม่นกลายเป็นสดใส เขาพลางกำหมัดของเขาแน่นอีกครา

มารดา ข้าจะไม่เกรงกลัว!

ไม่ว่ามันจะยิ่งใหญ่อันตรายเพียงใด ไม่มีวันที่จะหยุดข้าได้!

บุตรของท่านจะไม่ทำให้ท่านอับอาย

ข้าจะสืบหาต้นเหตุเกี่ยวกับเรื่องนี้!

ทำให้ดีที่สุด ถังเทียน!

ถังเทียนยกหมัดขวาไปยังท้องฟ้าและสาบานต่อมารดาของเขาเฉกเช่นเดียวกับตัวเอง

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

ผิวหนังของโจวเผิงดำคล้ำจากการตากแดด ริมฝีปากของเขาแตกแห้ง เขาดูเหนื่อยล้าและแทบจะไม่สามารถเปิดตาของเขาขึ้น

‘ซู’ กระถางน้ำเย็นรินลงบนหมดหัวของเขา

“โจวมู่ รอให้ข้าได้ขึ้นเป็นผู้นำก่อนเถอะ เจ้าได้ตายแน่!” โจวเผิงขบฟันกล่าว

ปราศจากอารมณ์บนสีหน้าของเขา โจวมู่ตอบ “รอจนเจ้ากลายเป็นผู้นำ หลังจากนั้นเจ้าค่อยกล่าวถึงมันอีกรอบ”

“ข้าต้องได้เป็นผู้นำอย่างแน่นอน! ข้าจะสังหารเจ้า! และสังหารถังเทียน! ข้าจะสังหารทุกคนที่มันบังอาจขวางทางข้า!” โจวเผิงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ทันทีที่เขาเสร็จสิ้น ปราศจากเรื่องราวใดๆ เขาก็หยิบหินดาราขึ้นมาบ่มเพาะวิชาในทันที

ไม่นานหลังจากนั้น หินดาราก็สูญเสียพลังและค่อยแตกเป็นเสียงๆกระจายไปบนพื้น ที่ที่ซึ่งโจวเผิงยืนอยู่เต็มไปด้วยเศษหินดารามากมาย

จำนวนของหินดาราเมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วมันจะเยอะจนน่าประหลาดใจ

พลังปราณแท้จริงของโจวเผิงเข้าสู่จุดสูงสุดของขั้นสามได้อย่างรวดเร็วมาก เขาจะสามารถที่จะก้าวเข้าสู่ขั้นสี่ได้แล้ว ด้วยพลังปราณแท้จริงขั้นสี่ เทียบกับสถาบันทั้งหมด เขาคงเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับสูงทั้งเมืองเมฆาดารา

โจวมู่ยังคงไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ พลางสอนบทเรียนให้โจวเผิงอยู่หลายครั้ง โจวเผิงรู้ได้ในเวลานั้น มันไม่ใช่เพราะความบังเอิญเลยที่เขาจะรับในตอนนี้ แทนที่มันเป็นเพราะเขาได้แสดงความดุร้ายในก่อนหน้านี้

ความสามารถโดยกำเนิดของร่างกายของโจวเผิงอยู่ในขั้นดีมาก และเขายังมีความสัมพันธ์อันโดดเด่นของพฤกษาธาตุ และถือเป็นสมาชิกที่โดดเด่นมากที่สุดในรุ่นนี้ของตระกูลโจว น่าเสียดายที่เขามักจะออกนอกลู่นอกทาง แสวงหาแต่ความสุขไร้ระเบียบวินัย เขาถูกบีบบังคับให้ประสบ ณ สถานการณ์ปัจจุบันนี้ของเขาอย่างสิ้นหวัง ไม่มีที่ให้หนี ยังคงต้องจัดการปรับปรุงความเร็วเพื่อให้เกินความคาดหมายของผู้คน

ตระกูลโจวเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาการต่อสู้พฤกษาธาตุ และมีประวัติอันยาวนานเกี่ยวกับพฤกษาธาตุ บนดาราอู่อันนี้ ตระกูลสามารถโดดเด่นและเติบโตได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากรู้จักกันดีในนามของยอดฝีมือพฤกษาธาตุ

เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถบรรลุขั้นสี่ได้ โจวเผิงก็จะสามารถฝึกวิชาอันมีชื่อของตระกูลโจว [กระบี่พฤกษาไร้ใจ]

[กระบี่พฤกษาไร้ใจ] มีชื่อเสียงและสามารถหลอมรวมวิชาระดับสี่ต่างๆของตระกูลโจวได้

หากโจวเผิงสามารถฝึกฝน [กระบี่พฤกษาไร้ใจ] เขาจะสามารถสืบทอดตำแหน่งของผู้นำตระกูลได้ แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็ไม่สามารถที่จะคัดค้านได้

อย่างไรก็ตาม [กระบี่พฤกษาไร้ใจ] ถือว่ามีระดับความยากสูงในการฝึกฝน และเหล่าสมาชิกต่างๆได้ลองพยายามที่จะฝึกฝนมัน จุดจบก็คือความล้มเหลว ผู้ที่สามารถฝึกฝนวิชาตระกูลสำเร็จในประวัติศาสตร์ต่างประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

แต่โจวเผิงกลับมีโอกาสในการสำเร็จวิชา [กระบี่พฤกษาไร้ใจ]

เมื่อเห็นโจวเผิงเปิดตาของเขาขึ้น โจวมู่รายงานปราศจากอารมณ์ใดๆ “พวกเราได้รับข่าวของถังเทียนว่าเขาได้ลงสมัครเข้าร่วมชุมนุมยุทธ์ของเมืองเมฆาดาราในปีนี้ ผู้นำตระกูลโจวได้ลงสมัครให้เจ้าด้วยแล้ว และนี้เป็นเพียงโอกาสเดียวที่เจ้าได้กู้หน้าคืน!”

ดวงตาของโจวเผิงแสดงให้เห็นถึงเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน “เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน! ข้าจะเป็นผู้ที่สังหารเขาเอง!”

เมื่อเขากล่าวเสร็จสิ้น เขาก็หันหลังกลับไปเข้าสู่การบ่มเพาะต่อ

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด