ตอนที่แล้วตอนที่ 010 - ย้ายสถาบัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 012 – ทดสอบวิชาหมัดอัสนีบาต

ตอนที่ 011 – ความเพียรแห่งการฝึกฝน และ ตระกูลโจว


ตอนที่ 011 – ความเพียรแห่งการฝึกฝน และ ตระกูลโจว

เวลาผ่านไปถังเทียนตะโกนจากเสียงดังจนกลายเป็นเบาและในที่สุดก็แหบแห้ง

มีเพียงเสียงฝ่าอากาศของหมัดของเขาที่ไม่สิ้นสุด

ผวัะ ผวัะ ผวัะ...

สำหรับวิชาการต่อสู้ระดับต่ำพลังกายเป็นรากฐานของทุกสิ่ง เป็นเวลาห้าปี เขาฝึกฝนอย่างหนักทุกวี่วัน ปริมาณครั้งการฝึกฝนของเขามากมายเกินกว่าที่ผู้ใดจะคาดคิดได้ และความอดทนของเขาช่างทรหดอย่างอัศจรรย์

ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แสดงให้เห็นปริมาณการฝึกฝนที่น่าอัศจรรย์

ในการเผชิญกับการฝึกซ้อมอย่างบ้าคลั่งเอาจริงเอาจังนี้ แม้เหล่าผู้คนที่มีความแข็งแกร่งดั่งถังเทียน หากได้ลองฝึกซ้อมเช่นนี้ครั้งแรก คงจะไม่สามารถรับมันได้อย่างแน่นอน

เพียงหลังจากที่สิ้นสุดพลังเส้นสายสุดท้าย ถังเทียนก็ล้มลงบนพื้น นอนอยู่บนพื้นอย่างกับซากศพ

ความเพียรของการฝึกซ้อมนี้ช่างบ้านัก แม้ว่าจะมีพลังปราณแท้จริงคอยฟื้นฟูร่างกายก็ตาม และแม้กระทั่งความหิวจะไม่มีอยู่ในพื้นที่แปลกหลาดนี้  แต่สมาธิที่จะต้องใช้เท่ากันตลอดจนน่าประหลาดใจ

พลังปราณของเขาหมดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่มีเหลือพอที่จะฝึกซ้อม เขาจึงเริ่มบ่มเพาะวิชาลับการบ่มเพาะพลังปราณ และเมื่อยามที่พลังปราณถูกฟื้นฟู เขาก็ดิ่งเข้าไปสู่การฝึกอีกครา ด้วยรูปแบบการฝึกนี้ ถังเทียนไม่ยอมเสียเวลาเปล่าสักนิดเดียว

เมื่อเวลาผ่านไป การฝึกอันทรหดนี้จะสร้างภาระให้กับร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ ความเมื่อยล้าจะทำให้ยากที่จะฟื้นฟู และเวลาในการบ่มเพาะพลังปราณก็ยาวนานขึ้น และความเจ็บปวดจากการฝึกซ้อม ใช้เวลาในการรักษามากยิ่งขึ้น

การเพิ่มช่วงระเวลาของสมาธิ สภาพจิตใจของเขาเหนื่อยล้าอย่างสาหัส ถังเทียนรู้สึกเหมือนหัวของเขาจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆจากความเหนื่อยล้า

ความเย็นจากพื้นหินสีดำนี้ส่งไปยังแก้มของเขา และปลุกเขาขึ้นแผ่วเบา อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถที่จะขยับได้แม้แต่เพียงนิ้วเดียว คล้ายอย่างกับว่าร่างกายไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป

ในเวลานี้ เขาควรจะฝึกบ่มเบาะพลังปราณ แต่ไม่ว่าจะพยายามเพียงแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมานั่งได้

ความเหนื่อยล้ากัดเซาะคล้ายกับกระแสน้ำในทะเล ก่อเกิดให้เปลือกตาของเขาหนักและหนักยิ่งขึ้น

นอนหลับ เป็นเพียงการนอนหลับ นอนหลับในตอนนี้ จะเป็นสิ่งที่น่าพอใจเพียงใดกัน...

เสียงที่น่าพึงพอใจร้องเรียกออกมาจากภายในสมองของเขาทันที มันช่างเต็มไปด้วยความยั่วยวน

นอนเถอะ เจ้าทำได้ดีมากแล้ว พักผ่อนเพียงสักครู่ เจ้าสมควรที่จะได้รับมัน...

คล้ายมีปีศาจแอบซ่อนอยู่ในสมองของเขา คอยยั่วยวนเขา

ถังเทียนมุ่งมั่นที่จะเปิดตาของเขาขึ้น หวังคลานขึ้นมา แต่ทั่วทั้งร่างกายของเขาช่างอ่อนล้านัก และยังคงไม่สามารถขยับได้แม้สักนิดนึง

“ไม่! ข้าไม่ต้องการที่จะนอน! ข้าต้องการที่จะฝึก!” ถังเทียนตะโกนภายในใจ และคล้ายจะกล่าวบอกปีศาจที่อยู่ในใจเขา

“เจ้าไม่มีแรงพอที่จะฝึกซ้อมแล้ว นอนเถอะ หลังจากเจ้าพักผ่อนจะค่อยเริ่มฝึกมันใหม่ เจ้าทำได้ดีที่สุดแล้ว เจ้าฝึกซ้อมมาพอแล้ว อย่าได้บีบบังคับตัวเอง ทำไมต้องทรมานตัวเองขนาดนี้? พักผ่อนสักครู่ มันจะเป็นสิ่งที่น่าหลงใหลและหอมหวาน…”

“ไม่! ข้าต้องการที่จะฝึก! ข้าต้องการที่จะฝึก! ข้าเพียงต้องการที่จะฝึก!”

ถังเทียนเป็นคนที่ซึ่งเดือดดาลได้ง่าย และยามที่เขาโกรธจะรุ่มร้อนดั่งลาวา ร่างกายของเขาถูกจุดประกายในชั่วพริบตา

ความโกรธของเขาก่อเกิดความดื้อรั้นและไม่เต็มใจ

เขาคล้ายดั่งราชสีห์ถูกยั่วยุ ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน สั่นสะท้านจนไม่อาจควบคุม แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความพลุ่งพล่านดั่งทะเลเพลิง

เขาเปิดตาอันกระหายเลือดเขาของ จ้องมองอย่างดุร้ายไปยังภาพสะท้อนพื้นอันเย็นเฉียบ เสียงคำรามที่ลึกจากช่องว่างระหว่างฟันของเขาค่อยๆเค้นออกมา

“เป็นดุจดั่งเทพเจ้า เจ้าจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร?”

“ข้าต้องไปยังภูเขาดาราอมตะ! ข้าต้องการพบเฉียนฮุ่ย! พวกเราจะมุ่งไปยังเส้นทางสวรรค์ด้วยกัน!”

“เจ้าได้ให้คำมั่นแล้ว เจ้าจะมายอมแพ้ได้อย่างไร?”

“ถังเทียน…”

“อย่าได้แม้แต่ยอมแพ้”

“เจ้าห้ามยอมแพ้!”

ด้วยเสียงคำรามโกรธดังออกมาจุดประกายพลังปราณปราศจากที่มา ถังเทียนค่อยๆพยุงร่างของเขา พลางเปิดตาของเขาขึ้นกว้างแลดูดุร้ายขึ้น ด้วยเส้นเลือดที่ปูดโปนบนหน้าผากของเขา

ร่างกายของเขาสั่นอย่างต่อเนื่อง แต่เขายังคงค่อยๆลุกขึ้น

เหงื่อหลั่งไหลจากร่างของเขาดั่งสายน้ำ ก่อตัวเป็นภาพสะท้านคล้ายดั่งเงาบนพื้น สะท้อนภาพอันอ่อนล้าของเขา

เจ้าสามารถที่จะไม่ยอมแพ้… ถังเทียน… เจ้าล้าหลังผู้อื่นไปมากแล้ว...

วันที่สิบ

ความรู้สึกของถังเทียนค่อนข้างดูคล้ายเลอะเลือน และเขาไม่สามารถที่จะมองเห็นตัวเลขสีแดงหรือเวลาได้อย่างชัดเจน ในขณะที่สัญชาตญาตของเขาร้องเรียก หมัดของเขาก็ถูกส่งออกไป

ตัวเลขสีแดงกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ถังเทียนได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจเต้นอย่างรวดเร็ว และเสียงหายใจอย่างหนัก

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จักต้องกระทำ… ข้าจะมายอมแพ้ได้อย่างไร...

อดทนอีกสักพัก… ข้าจะต้องอดทนอีกสักพัก...

ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ภายใต้ความมึนงงของถังเทียนรู้สึกเพียงคล้ายดั่งโลกหมุน เขาผ่อนคลายจิตใจของเขา ขณะที่รอยยิ้มของเขาค่อยๆปรากฏบนใบหน้า

ฮ่าห์ ข้าทำได้...

นี้เป็นเพียงประโยคสุดท้ายที่เขาจดจำได้

เบื้องหลังประตูที่ส่องแสง ที่ที่ซึ่งปราศจากสิ่งมีชีวิต มีเพียงเส้นอักษรสีแดงของตัวเลข

30,000!

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

ณ ที่ห้องโถงใหญ่ของตระกูลโจว ปรากฏเหล่าผู้อาวุโสของตระกูล

“เรื่องนี้ มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ตระกูลโจวเป็นอย่างมาก” ชายชราผู้ที่มีผมขาวและเคราขาวกล่าว แม้ว่าเขาจะดูชรา เขาถือไว้ด้วยไม้เท้าที่หัวเป็นรูปหัวมังกร มีดวงตาที่แจ่มใส ปราศจากความโกรธในดวงตา แต่ยังคงให้ความรู้สึกถึงพลัง เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดอันทรงเกียรติของตระกูลโจว แม้กระทั่งผู้นำของตระกูลโจวยังคงต้องให้ความเคารพแก่เขาดั่งบรรพบุรุษของตระกูล

นี้คือการประชุมของตระกูล ซึ่งถูกเรียกด้วยเหล่าผู้อาวุโสสูงสุด

“ตระกูลของพวกเราสูงส่งในเส้นทางการต่อสู้มาเป็นเวลายาวนานถึง 400 ปี บรรพบุรุษของเราก่อตั้งตระกูลนี้ขึ้นมาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เหล่ารุ่นหลังของข้าไม่เพียงแม้แต่จะปกป้องชื่อเสียงของตระกูลได้ ปล่อยให้เหล่าบรรพบุรุษของเราอับอายขายหน้า สองสามวันที่ผ่านมา ข้าถึงกับนอนหลับไม่ลง”

น้ำเสียงของผู้อาวุโสสูงสุดเคร่งขรึมและเป็นที่น่ายำเกรง ไม่มีใครภายในห้องโถงใหญ่กล้าแม้กระทั่งส่งเสียง

ผู้นำตระกูลดูคล้ายอยู่ในอาการอึดอัด เหงื่อหลั่งไหลท่วมอยู่ตลอด ถ้าหากผู้อาวุโสสูงสุดต่อต้านเขา ตำแหน่งผู้นำตระกูลของเขาคงไม่มั่นคงแล้ว จากน้ำเสียงของผู้อาวุโสสูงสุด ถ้าหากเขาต้องการปลดออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูล ครึ่งหนึ่งของผู้อาวุโสตระกูลก็คงจะไม่คัดค้าน

“เป็นความผิดพลาดของข้าทั้งหมด! มันเป็นเพราะการสั่งสอนของข้าไม่มากพอ…” ผู้นำตระกูลโจวต่อว่าตนเองด้วยน้ำเสียงต่ำ

ไม่แม้แต่จะมองไปยังเขา ผู้อาวุโสสูงสุดแค้นเสียงเย็นชา “เจ้าว่าการสอนสั่งของเจ้าไม่มากพออย่างงั้นรึ! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทายาทผู้นำตระกูลจะถูกทำร้ายเกือบตายโดยนักศึกษาขยะผู้หนึ่ง! ถ้าคนแก่ใกล้ตายอย่างข้าจดจำไม่ผิด โจวเผิงคือทายาทที่จะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป ใช่ไหม?”

ใบหน้าของผู้นำโจวหลั่งเหงื่อเย็นเยียบทันที สีหน้าของเขาดูราวเหมือนกำลังตาย

เรื่องนี้ถูกป่าวประกาศอย่างยิ่งใหญ่ ทั่วทั้งเมืองเมฆาดาราต่างรู้ว่าโจวเผิงเสียหน้าต่อผู้งมงามยุทธ์ถังเทียน มันช่างน่าขายหน้านัก

ความจริงในช่วงสองสามวันมานี้ เขาได้ยินข่าวลือหลายเรื่องที่อยู่รอบๆ และเป็นที่น่ากังวล แต่เขายังคงไม่อยากจะคาดคิดว่าเรื่องที่เขากังวลนั้นกลับกลายเป็นความจริง

เขาตอบอย่างนุ่มนวล “เผิงเอ๋อร์ยังคงเยาว์ และยังคงไม่รู้เรื่องราวมากนัก มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะทำตัวไม่ดี อย่างไรก็ตาม ความสามารถและร่างกายของเขา ค่อนข้างที่จะดีมาก”

“โอ้ อย่างงั้นรึ?” สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดบูดบึ้ง “ในเมื่อร่างกายของเขาดีมาก ทองแท้ยอมไม่กลัวไฟ เป็นเวลาหนึ่งเดือน ให้เขาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ชื่อเสียงของตระกูลโจวเสียหายโดยเขา เขาควรจะเป็นผู้กอบกู้กลับคืนมา ในฐานะผู้สืบทอดตระกูล ถ้าหากเขาไม่สามารถจัดการเรื่องเล็กน้อยนี้ได้ เขาจะเป็นผู้นำตระกูลได้อย่างไร ใครก็ตามที่จะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลนั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเกี่ยวกับการขึ้นเป็นผู้นำตระกูลจะไม่ถูกส่งมอบให้ผู้ที่เป็นเศษขยะไร้ประโยชน์”

เสียงของผู้อาวุโสสูงสุดนั้นเย็นชาและแน่วแน่ในเสียงตะโกนของเขา

“ถูกต้องแล้ว!”

“ใช้พลังของเขาจัดการมัน!”

“ผู้อาวุโสสูงสุดตัดสินได้อย่างชาญฉลาด!”

คนแล้วคนเล่า ผู้อาวุโสคนอื่นต่างเห็นด้วย

ผู้นำโจวรู้ดีว่าในช่วงเวลานั้น เขารู้สึกถึงทางตัน เขากัดฟันแน่นและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวถูกต้อง ถ้าหากเขาไร้ประโยชน์ ข้าจะปฏิบัติกับเขาราวกับว่าไม่ใช่ลูกชายของข้า”

สีหน้าผู้อาวุโสสูงสุดสงบลง “ทุกสิ่งอย่างที่เจ้าได้กระทำในช่วงหลายปีมานี้ พวกเราได้เห็น แต่ไม่ว่าเมื่อใดยามใดก็ตาม เจ้าต้องจดจำเอาไว้ ชื่อเสียงของตระกูลโจวไม่อาจที่จะลบหลู่ได้! เจ้ายังคงหนุ่มสามารถกำเนิดลูกชายได้อีกสองสามคน เพื่อให้ตระกูลเติบโตขึ้น”

“ขอรับ!” ผู้นำโจวคำนับแล้วตอบรับ

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

ผู้นำโจวเฝ้ามองสีหน้าร่าเริงของโจวเผิงขณะที่เข้าไปในบ้าน

“ท่านพ่อ! ในที่สุดข้าก็พบแล้วว่าถังเทียนไปยังที่ใด! มันหนีไปยังสถาบันคาราเมล ฮ่าฮ่า เป็นสถาบันอันดับสามจากท้าย!” โจวเผิงกล่าวอย่างยินดี “ข้าได้สืบสวนมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ข้ายังไม่พบอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องการย้ายสถาบันของอาโม่หลี่ ข้าคงไม่อาจพบมันได้!”

เมื่อยามที่ถังเทียนทุบตีเขาหน้าประตูรั้วสถาบัน และแม้ว่าบิดาของโจวเผิงจะบีบให้ถังเทียนออกจากสถาบันสันติธรรม โจวเผิงก็ยังคงไม่ปล่อยเขาไป

ตั้งแต่เล็ก เขาไม่เคยเสียหน้าต่อผู้คนมากมายมาก่อน! ช่างน่าอับอายนัก!

ถังเทียน

คิดถึงวันที่ถังเทียนบีบลำคอของเขา และดวงตาอันหยิ่งยโสและรุนแรง โจวเผิงไม่อาจอดกลั้นพลางกำหมัดแน่น

ถังเทียน ไม่นานเจ้าจะได้รู้ถึงพลังของข้า!

“เผิงเอ๋อร์ มีเรื่องที่ข้าจักต้องบอกกล่าวกับเจ้า” ผู้นำโจวพูดด้วยเสียงต่ำ

โจวเผิงสังเหตุเห็นสีหน้าของบิดาของเขา และถามอย่างสงสัย “มีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างงั้นรึ?”

“เกี่ยวกับถังเทียน ข้าต้องให้เจ้าจัดการด้วยตัวเอง”

“ดีเลย! ข้ายังคงไม่ได้ใช้ [ไม้เท้ามังกรทองคำ] ยันต์จิตวิญญาณที่ลุงพานมอบให้เลย ยันต์จิตวิญญาณขั้นเงินระดับสาม แน่นอนว่าข้าจะทุบตีถังเทียนเยี่ยงสุนัข!” โจวเผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น

“ไม่ได้!” ผู้นำโจวส่ายหัวของเขา “ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวไว้ว่า เจ้าจะจักต้องจัดการด้วยตัวเจ้าเอง และไม่สามารถที่จะให้ใครช่วยเจ้าได้”

สีหน้าโจวเผิงกลายเป็นเย็นเยียบ “ผู้อาวุโสสูงสุดกลายเป็นงี่เง่าแล้วอย่างไร?”

“บังอาจ!” สีหน้าผู้นำโจวแสดงเป็นเคร่งครัด “ดูคล้ายว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าจะสั่งสอนเจ้าไม่พอ! จากนี้เป็นต้นไป จะต้องฝึกกับโจวมู่!”

โจวเผิงสังเกตเห็นผู้ที่แทบจะไร้ตัวตนผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างบิดาของเขา

โจวมู่เป็นผู้คุ้มกันอันดับหนึ่งของบิดาเขา มักจะเป็นคนที่เชื่องช้าระมัดระวังรอบคอบ และเงียบขรึมไม่ค่อยพูดจา อย่างไรก็ตาม เขาเต็มไปด้วยพลังและความแข็งแกร่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ สิ่งที่ทำให้โจวเผิงรู้สึกเกรงกลัว คือการที่โจวมู่ไม่พูดถึงสามัญสำนึกและความรู้สึกใดๆ ตราบเท่าที่บิดาของเขาสั่งเขา เขาจะทำทุกสิ่งอย่างหมดจด

“โจวมู่ มอบเผิงเอ๋อร์ให้กับเจ้า ข้าไม่สนว่าเจ้าจะใช้วิธีใด แต่ภายในหนึ่งเดือนนี้ ข้าต้องการให้เขาเข้าสู่ขั้นสามให้ได้” ผู้นำโจวกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่ว่าค่าใช้จ่ายอันใด เพียงแค่เรียกร้องและไปรับมัน”

“ขอรับ” โจวมู่กล่าวตอบปราศจากอารมณ์ใดๆ

โจวเผิงแทบจะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด “บิดา ข้าไม่ต้องการ…”

เสียงตะโกนร้องคัดค้านของเขาถูกขัดขึ้นในทันที เมื่อโจวมู่ตีเขาทำให้เขาสลบไสลและหลังจากนั้นก็พาเขาออกไป

สายตาผู้นำโจวปรากฏประกายแข็งกร้าว แต่เขาก็จำต้องอดทน

ถังเทียน!

สายตาผู้นำโจวปรากฏประกายตาที่ดูเยือกเย็นสาเหตุหลักของความโชคร้ายอันนี้ คือชายผู้นั้น! ถ้าหากไม่ใช่ว่าเป็นคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุดสั่งให้เผิงเอ๋อร์จัดการเรื่องของถังเทียน เขาคงใช้อำนาจของเขาเป็นการส่วนตัว จ้างวานผู้คนสังหารถังเทียนไปแล้ว!

พวกเราไม่สามารถปล่อยให้สารเลวตัวนี้ลอยนวลไปได้มากกว่านี้...

เมื่อยามที่เผิงเอ๋อร์จัดการเรื่องนี้เสร็จ พวกเราจะเค้นหาผู้คนสังหารเจ้าสารเลวผู้นี้อย่างเงียบๆ

ฮึ ทุกๆปีผู้คนสูญหายไปไม่กี่คนในเมืองเมฆาดารา ผู้ใดกันจะสนใจ?

สีหน้าของผู้นำตระกูลแต่งแต้มด้วยความต้องการสังหาร

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด