ตอนที่แล้วตอนที่ 61 สมุนหนึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 63 เรื่องเล่าจากวงกต

ตอนที่ 62 กลั่น


62

 

จางหมิงคิดว่ามันไม่สามารถทำลายการป้องกันของอีกฝ่ายลงได้แม้จะเปิดอาณาจักจันทรา การฝึกการป้องกันทางกายโดยตรงนับว่ายากเย็น แต่ผลออกมาก็คุ้มค่าจริงๆ ทว่าจางหมิงก็มองข้อเสียของมันออก อย่างน้อยเมื่อใช้วิชาผู้ใช้จะไม่สามารถขยับกายได้ และเป็นไปได้ว่ามันไม่สามารถใช้ได้ตลอดทั้งการต่อสู้

 

“วิชานั้น... ต้องใช้พลังปราณมากขนาดไหนกัน” จางหมิงพูดขึ้นก่อนจะยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นอาการตกใจของฝ่ายตรงข้าม

 

เอาเป็นว่ามันเดาได้ถูกต้อง

 

“วิชายุทธ์ที่กินพลังมาก ข้าอยากรู้จริงๆว่าศิษย์พี่จะใช้ได้กี่ครั้ง” พูดจบจางหมิงก็รวบรวมพลังปราณเพื่อใช้วิชามังกรเก้าเศียรออกมา มันยังคงมีสีทองสวยงาม แต่หัวกลับเพิ่มมาถึงหก นั่นเท่ากับว่าความรุนแรงก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน และมันมีถึงสองตัว

 

หวงเหวินประเมินพลังของฝ่ายตรงข้าม มันมั่นใจว่าเกราะปราณของมันสามารถต้านทานพลังนั้นได้ แต่มันกังวลกับมีดสีดำในมือของจางหมิงมากกว่าจึงได้ใช้วิชากายาทองพิทักษ์อีกครั้ง และเพียงแค่สองครั้งที่ใช้ไปพลังมันก็หายไปมากกว่าหนึ่งในสาม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมันก็ไม่อาจเอาชนะได้แน่ๆ

 

“อย่าประเมินข้าต่ำไป! พยุหะศาสตรา” เมื่อป้องกันได้ยากเย็นหวงเหวินจึงได้เป็นฝ่ายโจมตีไปบ้างหลังจากพลังของมังกรเก้าเศียรสลายไป

 

ดาบนับสิบก่อรูปขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว รูปร่างมันเหมือนกับดาบของติงหรงแต่มีจำนวนที่มากกว่า อีกทั้งเพรียวบางและดูจะแหลมคมไม่น้อย

 

จางหมิงคิดว่าสำนักพยัคฆ์อัคคีนี้มีแต่พวกเสือหมอบมังกรซ่อนทั้งนั้น

 

หวงเหวินตอนนี้ใกล้จะเข้าใกล้ขั้นมนุษย์เต็มที พลังการทำลายนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าจะหนักหน่วงเพียงใด ทางเลือกเดียวของจากหมิงตอนนี้คือต้องเปิดเกราะปราณขึ้นมาเพื่อต้านรับ ดีที่ว่ามวลอากาศรอบๆสั่นไหวเพราะพลังที่รายล้อมหวงเหวินจึงไม่ได้สังเกตว่าพลังของจางหมิงนั้นเปลี่ยนรูปแบบไป

 

เกราะปราณสีเขียวโปร่งแสงไม่เพียงป้องกันด้านหน้าแต่รวมไปถึงคลอบคลุมรอบตัวจิ้งจอกน้อยที่อยู่ไม่ไกล สองคนที่เหลือที่มองดูสถานการณ์อย่างลุ้นระทึกต้องหาที่หลบกันจ้าละหวั่นเมื่อดาบแต่ละเล่มปะทะเข้ากับเกราะปราณมันก็ระเบิดออกและกระจายเป็นคลื่นที่มองไม่เห็นออกมากระแทกสิ่งที่อยู่โดยรอบ แต่ก็หนีไปได้ไม่ไกลเมื่อจิ้งจอกน้อยกระโจนออกไปขวางทางหนีที่พวกมันต้องการ

 

“ศิษย์พี่จะช่วยพวกมัน แต่เหตุใดจึงไม่สนใจเลยเล่า”

 

“แม้มันเป็นคนตระกูลซื่อ แต่มีเพียงศิษย์พี่ซื่อเก่อเหยียนเท่านั้นที่ข้าจะช่วยเหลืออย่างจริงจัง นอกนั้นขอแค่ไม่ตายก็ดีถมไปแล้ว” หวงเหวินกล่าวออกมาด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนที่แสดงให้เห็นว่ามันไม่ค่อยได้สนใจคนทั้งสองจริงๆ

 

พลังจากหวงเหวินทำให้จางหมิงล่าถอยออกไป แต่ก่อนที่จะได้แสดงฝีมือบ้างก็มีเสียงตึงตังดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จิ้งจอกน้อยที่คอยเฝ้าคนทั้งสองเปลี่ยนมากระโจนเข้ามาข้างกายจางหมิงทันที

 

ตึง! ตึง! ตึง! ...

 

เสียงนั้นมาพร้อมกับแผ่นดินที่สั่นไหว เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างที่ใหญ่โตกำลังใกล้เข้ามา จางหมิงและหวงเหวินจึงได้หยุดการปะทะไว้แต่เพียงเท่านั้นและหันไปสนใจเสียงต้นไม้ที่หักโค่นอยู่ไกลๆ

 

“นายท่านหมิง มันคือสัตว์ปีศาจขั้นมนุษย์” จิ้งจอกน้อยสัมผัสได้ก่อนผู้อื่นจากสัญชาตญาณตนเอง

 

“ไม่คิดว่าในสนามคัดเลือกจะมีสิ่งมีชีวิตที่มีพลังขนาดนี้อยู่” จางหมิงขมวดคิ้ว และยิ่งขมวดแน่นขึ้นไปอีกเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า

 

วานรจิตวินาศ!

 

มันคือสิ่งมีชีวิตอันตรายที่ควบคุมผู้คนได้ และนั่นรวมไปถึงผู้ฝึกยุทธ์ด้วยเช่นกัน! ไม่มีใครที่ไม่รู้จักมัน ในตำรายุทธ์หลายเล่มก็ได้กล่าวเตือนไว้อย่างชัดเจน

 

หนทางรอดเดียวของผู้ที่มีพลังต่ำกว่ามันต้องหนีไปให้ไกล!

 

พลังที่แท้จริงเท่านั้นที่จะสามารถต้านทานได้ ดังนั้นพลังจากอาณาจักรจันทราที่ช่วยเพิ่มระดับไม่สามารถทำให้จางหมิงทนต่อการควบคุมของมันได้เช่นกัน

 

ในหัวของจางหมิงเริ่มมึนเบลอ ภาพที่เห็นบิดเบี้ยวไปมา ตัวมันโอนเอนคล้ายจะล้มแต่ก็ทรงตัวได้จากจิ้งจอกน้อยที่ใช้จมูกดันร่างมันเอาไว้ สิ่งที่จางหมิงทำได้ตอนนี้ก็เพียงแค่กระโดดถอยแล้วทะยานออกไปให้ห่างไกลที่สุดโดยไม่ลืมหิ้วบุคคลที่มีพลังต่ำมากทั้งสองไปด้วย และติดตามด้านหลังคือจิ้งจอกน้อยที่พลังมายาสามารถต้านทานการควบคุมได้พอสมควรจึงไม่ได้เป็นอะไรมากนัก ส่วนทางหวงเหวินนั้นหนีไปก่อนหน้านี้นานแล้ว

 

การต่อสู้ของคนทั้งคู่จึงจบลงด้วยเหตุประการนี้

 

 

 

 

 

 

ไกลออกไปมาก จางหมิงได้ทะยานมาจนถึงปากทางเข้าถ้ำที่เดิมเมื่อยี่สิบวันก่อนอีกครั้ง สภาพภายนอกนั้นยังคงมีภาพมายาปกปิดไว้เช่นเดิม

 

พลังของอาณาจักรจันทราได้หมดลง ตอนนี้มันใช้ได้ประมาณสี่นาที จางหมิงยังอดที่จะแปลกใจตนเองไม่ได้ที่มาถึงถ้ำได้ในเวลาไม่นาน ทั้งๆที่ก็ไกลออกไปมากเลยทีเดียว

 

น่าเสียดายในเรื่องของสัตว์ปีศาจที่เข้ามาขวางการต่อสู้มันจึงไม่ได้ใช้วิชาสองแบบที่ถางเจียฉีเพิ่งสอนมา

 

แม้จะไกลออกมามากคนทั้งคู่ที่มาหาเรื่องจาหมิงก็ยังไม่หลุดออกจากการควบคุม สายตาสีดำทั้งสองนั้นหม่นมัวและเหม่อลอยไปข้างหน้า จางหมิงทิ้งมันลงพื้นในท่านอนพวกมันก็ยังนอนคลุกฝุ่นอยู่แบบนั้น

 

“เฮ้อ... ชะตาชีวิตจะขาดพวกมันก็ยังไม่รู้ตัว” จางหมิงถอนหายใจก่อนจะหาแก้วผลึกวารีจากตัวพวกมัน

 

ลูกแก้วทั้งสองมีเลือดหยดหนึ่งอยู่ภายใน ยังดีที่ว่าจางหมิงไม่ได้แสดงพลังออกมาอย่างโจ่งแจ้งและจิ้งจอกน้อยไม่ได้เข้าร่วมต่อสู้จนแสดงพลังสายฟ้าของตนเองออกมา

 

จางหมิงถือลูกแก้วไว้บนมือทั้งซ้ายขวา ในตัวเร่งพลังปราณเข้าไปในแก้วผลึกทั้งสองเพื่อตราผนึกปิดกั้นความสามารถของแก้วผลึกวารี อักษรแปลกตานับได้มากกว่าสิบปรากฏขึ้นบนผิวแก้วก่อนจะกระจายตัวออกไปรอบๆแล้วซึมลึกลงไป ไม่นานก็จางหายไปพร้อมกับหยดเลือดที่อยู่ภายใน

 

การตราผนึกง่ายๆนี้ก็เป็นสิ่งที่ถางเจียฉีได้สอนมา ที่มันเรียนรู้จากอีกฝ่ายมีอยู่ห้าอย่างด้วยกัน สองอย่างแรกคือวิชายุทธ์ อย่างที่สามคือตราผนึก อย่างที่สี่คือการควบคุมปราณของมันเอง และสุดท้ายคือการควบคุมพลังของอาณาจักรจันทรา

 

เมื่อแก้วผลึกวารีหมดสิ้นผลจางหมิงก็โยนมันไว้แถวๆนั้น เพราะลูกแก้วเหล่านี้ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปแล้ว

 

“อยู่ในความฝันไปแบบนั้นก็ดี เพราะอย่างไรพวกเจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะรับรู้เรื่องราวเหล่านี้” จางหมิงพูดพลางเหลือบมองจิ้งจอกน้อยที่ก็รู้หน้าที่ของตนเองดี

 

จิ้งจอกน้อยจำได้ว่าจางหมิงอยากทดลองกลั่นวิญญาณจากชีวิตที่ยังมีลมหายใจ แต่เมื่อใช้กับสัตว์มันไม่ได้ผลสืบเนื่องมาจากการกลั่นภายนอกไม่สามารถใช้กับพวกมันได้ ไม่เหมือนกับมนุษย์ที่แตกต่างออกไป

 

เปรี้ยง!

 

สายฟ้ากระจายออกมารอบตัวจิ้งจอกน้อยก่อนที่มันจะกระจายออกไปรอบทิศทาง จางหมิงตอนนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากพลังเหล่านั้นแล้วแต่ก็อดที่จะเบนหน้าหนีไม่ได้

 

เป็นแสงสว่างที่แทบทำเอาตาพร่า...

 

ระดับของจิ้งจอกน้อยยังคงอยู่ที่ขั้นสูงระดับที่สองด้วยการที่ไม่มีเม็ดยาเพิ่มปราณที่จางหมิงมอบให้เหมือนทุกที แต่การควบคุมพลังของสายเลือดจิ้งจอกอัสนีสวรรค์กลับดีขึ้นเรื่อยๆ

 

พลังของสายฟ้าคลอบคลุมรอบร่างทั้งสองที่ตอนนี้ดิ้นรนขันขืนไปมา ความเจ็บปวดจากสายฟ้ากระตุ้นพวกมันออกจากการควบคุมของวานรจิตวินาศทีละน้อย แต่ก่อนที่จะได้รับรู้สิ่งอื่นใดความเจ็บปวดก็ยิ่งถาโถมเข้าไปอีกครั้ง

 

อ๊ากกกก...

 

ทั้งสองต่างตะโกนก้องและดิ้นรนไปมาแต่กรงที่สร้างขึ้นจากสายฟ้าไม่ได้ปล่อยให้พวกมันหลุดรอดออกไปได้ บางอย่างกำลังถูกดึงออกจากตัว ความเจ็บปวดภายนอกที่ว่ามากแล้วยังไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่มาจากภายใน ดวงตาพวกมันเบิกโพลงอย่างไม่ยินยอมที่จะตายแต่ก็ห้ามพลังของจิ้งจอกอัสนีสวรรค์ไม่ได้อยู่ดี

 

ขึ้นชื่อว่ามาจากสวรรค์ มันย่อมไม่ง่ายที่จะต่อต้านใดๆ

 

และในที่สุดกระบวนการก็เสร็จสิ้นพร้อมกับร่างทั้งสองที่ค่อยๆกลายเป็นเถ้าถ่าน

 

จางหมิงรับลูกแก้ววิญญาณมาจากจิ้งจอกน้อย กลิ่นของมันหอมหวนกว่าที่ผ่านมาคาดว่าคุณภาพคงดีกว่าตามไปด้วย แต่จางหมิงเลือกแล้วที่จะไม่ใช้วิธีการนี้โดยไม่จำเป็น อย่างน้อยมันก็ไม่อยากที่จะฟังเสียงกรีดร้องสนั่นหูนั่น

 

จางหมิงเก็บลูกแก้ววิญญาณทั้งสองไว้ก่อนจะพาจิ้งจอกน้อยเดินเข้าไปในถ้ำที่หมายตา และที่มันกลับมาอีกครั้งไม่ใช่เพียงเพราะตามหาสมบัติปราณ แต่มันคิดว่าต้องมีวิญญาณที่ถูกกักขังภายใน ไม่เช่นนั้นกลิ่นของมันคงไม่มากมาย

จนเกินต้านทานเช่นนี้

 

หากทำให้มันเสียสติได้นั่นย่อมเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าวิญญาณที่มันเคยลิ้มลองมา

 

+++

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด