ตอนที่ 010 - ย้ายสถาบัน
ตอนที่ 010 - ย้ายสถาบัน
ฟ้าว!
แรงลมที่เกิดจากหมัดระเบิดออกอย่างแรง ถังเทียนจดจ่ออยู่กับการปล่อยหมัดทั้งสองอย่างต่อเนื่อง เขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เม็ดเหงื่อไหลย้อยมาจนถึงคางเขาและล่วงหล่นไปยังพื้นสีดำใต้เท้าของเขา
ในระหว่างนั้นบางคราที่หมัดจะหายไปกระทันหัน
ทุกคราเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ตัวเลขบนประตูจะเพิ่มขึ้น ถังเทียนยังเป็นมือใหม่สำหรับวิชานี้ ปล่อยออกสิบหมัด จะมีเพียงหมัดเดียวที่เกิดเป็นหมัดอัสนีบาต
ยันต์จิตวิญญาณขั้นทองแดงเพียงประทับร่างช่วงสั้นๆ มันไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจอย่างกระจ่างเพียงเวลาอันน้อยนิด เพราะฉะนั้น ราคาของยันต์จิตวิญญาณขั้นเงินจึงสูงกว่ายันต์ขั้นทองแดง
อย่างไรก็ตามถังเทียนก็ไม่ได้ใส่ใจ ตราบเท่าที่มีเพียงยันต์จิตวิญญาณใบเดียว เขาก็พึงพอใจแล้ว
เขายังไม่คุ้ยเคยกับการเคลื่อนไหวของหมัดนี้ ใช้ออกสิบครา มีเพียงหนึ่งที่สำเร็จ เขาก็ไม่ใส่ใจปัญหานี้สักเท่าไหร่ มันเทียบไม่ได้กับห้าปีที่แล้วเลย เมื่อยามที่เขาฝึกซ้อมวิชาการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน
ถ้าหากเขาไม่คุ้นเคยมันก็เพียงฝึกเพิ่มขึ้น ยันต์จิตวิญญาณขั้นทองไม่ได้ให้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และนั้นเขาจักต้องไตร่ตรองด้วยตัวเอง
เขายุ่งมากกับการฝึกซ้อม หลังจากใช้เวลาไปห้าปี ในที่สุดเขาก็ได้ฝึกวิชาการต่อสู้ระดับสอง สิ่งที่อัดอั้นในใจของเขาพอที่จะระเบิดโลกนี้ออกเป็นเสี่ยงๆ
เพื่อความเชี่ยวชาญ 200,000 จุด สำหรับความต้องการเชี่ยวชาญวิชา!
เพื่อกระบวนท่าสังหาร!
เพื่อเฉียนฮุ่ย!
เพื่อมารดาข้า!
เพื่อตัวข้าเอง!
เขารู้สึกว่าพลังงานในร่างกายไม่รู้จักหมดสิ้น และสภาพตอนนี้ของเขาก็ไม่เคยดีขึ้น เขาชื่นชอบเส้นทางชีวิตนี้ของตน เขาตะโกนก้องถึงเป้าหมายภายในใจ และเขาสามารถหลั่งเหงื่อได้อย่างอิสระภายใต้ดวงตะวันนี้
เหล่าเป้าหมายความทะเยอทะยานไม่ยั้งยืนดั่งดวงดาราบนท้องฟ้า ไม่สามารถที่จะบรรลุถึง ช่างยาวไกลนัก
ถ้าหากเขาไม่แม้จะที่จะหลั่งเหงื่อ ความฝันของเขาแน่นอนมันก็เพียงแค่ความฝัน
เขาไม่ยอมหลับยอมนอนสักครั้งตั้งแต่ที่เขาพบว่าเขาไม่จำเป็นต้องกินขณะที่อยู่ในพื้นที่หลังประตูดารากางเขนใต้นี้ ถ้าหากเขาไม่ได้ฟื้นฟูพลัง เขาก็จะฝึกซ้อม [วิชาหมัดอัสนีบาต] เขาพึ่งจะสำเร็จหมัดอัสนีบาตเพียง 768 หมัด
เมื่อเทียบกับ 200,000 หมัด 786 หมัด คล้ายจะดูเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ถังเทียนยังคงมุ่งมั่น เขารู้จุดเริ่มต้นมักจะเป็นส่วนที่ยากที่สุด แต่เมื่อยามเขาผ่านจุดนั้นไปได้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการใช้ออกหมัดอัสนีบาตจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เป็นเวลาห้าวันติดต่อกัน ถังเทียนจมอยู่กับการฝึกซ้อม
จำนวนตัวเลขความสำเร็จของหมัดอัสนีบาตของเขาเริ่มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างเร็ว ก่อนหน้าใช้ออกสิบหมัดเขาจะสำเร็จเพียงหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาสำเร็จถึงสามภายในสิบหมัด
ตัวเลขบนประตูเพิ่มขึ้นเรื่อยและรวดเร็ว และระหว่างระยะการเพิ่มขึ้นยิ่งสูงขึ้นกว่าเดิม
หอบหายใจอย่างหนัก และเหงื่อก็ไหลล่วงหล่นอย่างมากมาย ความเมื่อยล้าเริ่มคลืบคลานเข้ามา เขาเท้าไปยังเข่าของเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือด เขามองไปพื้นที่รอบๆอย่างช้าๆ ด้วยสายตาละห้อยที่เริ่มจะฟื้นตัวขึ้น
เขายิ้มขึ้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกหมดเรี่ยวแรง แต่ยังคงดูแจ่มใสราวกับดวงตะวัน
เขาสำเร็จความเชี่ยวชาญหมัดอัสนีบาตไปถึง 8000 แล้ว
เขานั่งราบเรียบไปกับพื้น ปิดตาลงเหมือนยามปกติ เริ่มต้นโคจร [วิชาลับการบ่มเพาะลมปราณ] ภายในประตูดารากางเขนใต้ มีพลังงานมากมาย เร่งเร้าการบ่มเพาะพลังปราณและเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะมากขึ้น ถังเทียนรู้สึกได้ถึงทุกอย่างทุกพลังที่ส่งมายามเขาโคจร [วิชาลับการบ่มเพาะลมปราณ] ลอยอยู่รอบตัวเขาคล้ายแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ที่พุ่งตรงมาหาเขา
พลังงานที่ลอยอยู่แทรกซึมเข้าไปในร่างกายถังเทียน พร้อมกับที่เขาโคจร [วิชาลับการบ่มเพาะลมปราณ] เมื่อยามที่มันไปถึงตันเถียน มันแน่นิ่งอยู่ภายในบ่อน้ำ
ที่นั่นมีอยู่สองบ่อในตันเถียนของถังเทียน หนึ่งบนอีกหนึ่งอยู่ล่าง บ่อที่อยู่ด้านบนคือบ่อตันเถียนบ่อแรก และที่อยู่ล่างคือบ่อตันเถียนที่สอง
เมื่อพลังปราณแท้จริงเข้าสู่ตันเถียน ร่างกายจะสร้างบ่อตันเถียนขึ้นมาใหม่ทุกคราที่เติมเต็มแล้ว บ่อจะถูกสร้างขึ้นด้านบนของบ่อที่แล้ว คล้ายเป็นขั้นบันได
ตามตำนาน ถ้าหากฝึกจนถึงระดับที่หยั่งไม่ถึง ปราณแท้จริงจะแทรกซึมเข้าสู่บ่อตันเถียนและเพิ่มขึ้นระดับต่อระดับ จนไปถึงจุดอวิ้นถังอยู่ระหว่างคิ้วของแต่ละคน เพื่อพลังชีวิตที่เพิ่มขึ้นเป็นนิรันดร์
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงแค่ข่าวลือ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดบ่มเพาะปราณแท้จริงจนถึงจุดนั้น เช่นเดียวกับที่ยังไม่มีผู้ใดไปถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางสวรรค์
ซึมซับพลังเข้าสู่ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นปราณแท้จริงและเติมเต็มตันเถียน ชำระล้างอีกคราเพื่อเติมเต็มลงสู่บ่อตันเถียนที่สอง
บ่อน้ำตันเถียนที่สองถูกเติมเต็มทีละนิด
กระบวนการนี้เชื่องช้ายืดเยื้อเป็นบททดสอบของความอดทน เมื่อพลังปราณแปรเปลี่ยนเป็นปราณแท้จริงอย่างช้าๆ ร่างกายเหมือนได้รับสารอาหารล่อเลี้ยงเพื่อฟื้นฟู
เหล่านักสู้ผู้มั่งคั่งต่างใช้หินดาราเพื่อบ่มเพาะปราณแท้จริง หินดารามีปริมาณพลังงานที่บริสุทธิ์ หลังจากดูดซับพลังงานบริสุทธิ์ การบ่มเพาะสามารถที่จะแปรเปลี่ยนพลังงานเป็นปราณแท้จริงได้ และลดระยะเวลาในการบ่มเพาะ
อย่างไรก็ตามราคาของหินดารา ไม่ใช่สำหรับคนปกติที่จะใช้จ่ายไหว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ตันเถียนบ่อที่สองของถังเทียนเต็มไปด้วยปราณแท้จริง แต่ถังเทียนยังไม่รู้สึกถึงสัญญาณการขยายตัว เขาถูกกระตุ้น ให้บ่มเพาะพลังปราณต่อเพื่อดึงมาชำระเป็นปราณแท้จริง หลังจากผ่านจุดอวิ้นถังไหลลงสู่ตันเถียนหลังจากนั้นก็ไหลต่อไปยังบ่อตันเถียนที่สอง
ทันใดนั้น ร่างถังเทียนก็สั่นสะท้าน สีหน้าของเขาดูปลื้มปิติ
เขารู้สึกถึงปราณแท้จริงในตันเถียนคล้ายเขาสามารถสัมผัสได้ถึงกำแพงที่มองไม่เห็น
มันเต็มแล้ว!
บ่อตันเถียนที่สองถูกเติมเต็มแล้ว!
ขั้นของกำแพงที่มองไม่เห็นรู้จักในนามของกำแพงแห่งความสมบูรณ์แบบ เบื้องหลังกำแพงนี้คือบ่อตันเถียนที่สาม ยามสัมผัสได้ถึงกำแพงแห่งความสมบูรณ์แบบ นั่นหมายถึงว่าการบ่มเพาะปราณแท้จริงของบ่อนั้นก็สมบูรณ์แบบ
ขณะนี้นั้นต้องการวิชาการบ่มเพาะปราณระดับสามหรือมากกว่าเพื่อจะทะลายกำแพงแห่งความสมบูรณ์แบบและสร้างบ่อตันเถียนที่สาม
ไม่สงสัยเลยที่ถังเทียนจะมีความสุข คาดเดาได้เลยว่า เขาใช้เวลานานมากที่สำเร็จ [วิชาลับการบ่มเพาะพลังปราณ] เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าตัวเขาจะเชี่ยวชาญมันรวดเร็วขนาดนี้
ดังนั้น เขาสามารถที่จะเริ่มฝึกบ่มเพาะวิชาการบ่มเพาะพลังปราณระดับสามได้แล้ว
พลังปราณแท้จริงที่มาจากบ่อตันเถียนที่สามจะมีขนาดใหญ่และคุณภาพกว่าบ่อตันเถียนที่สอง
[คั่นหนังสือ : ตามที่ต้นฉบับอังกฤษบอกไว้นะครับ ตันเถียนบ่อที่สามหมายถึงมีพลังปราณระดับปราณแท้จริงขั้น 3 มีสองบ่อก็ ขั้น 2 เขาว่ามางั้นครับ ^O^]
ถังเทียนเต็มไปด้วยความสุข พลังปราณแท้จริงเป็นการสร้างรากฐาน หากปราศจากปราณแท้จริง วิชาการต่อสู้คงเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน วิชาการต่อสู้ที่น่ายำเกรงจะสิ้นเปลืองอย่างสูงของปราณแท้จริง โดยเฉพาะเหล่าลูกศิษย์ของพวกตระกูลใหญ่ผู้ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ในการบ่มเพาะของพวกเขา
ขั้นที่สาม!
มีเพียงขั้นที่สามหรือมากกว่าเท่านั้นที่มีความสามารถที่จะผ่านไปยังประตูดาราของเส้นทางสวรรค์เพื่อไปยังเส้นทางสวรรค์สู่ภูเขาดาราอมตะเพื่อที่จะได้พบเฉียนฮุ่ย
ถังเทียนยิ้มจนถึงหู ขณะที่เขากระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น เขายกแขนทั้งสองข้างขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ขั้นสาม ข้าต้องการบ่มเพาะวิชาการบ่มเพาะพลังปราณขั้นสาม”
“ข้าจะไปยังเส้นทางสวรรค์!”
“ข้าต้องการไปยังภูเขาดาราอมตะ!”
เขากระโดดด้วยความสุขเบื้องหลังประตูกางเขน เต้นโบกไม้โบกมืออย่างร่าเริงคล้ายกับเด็ก
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยุดพัก
สีหน้าของเขาแจ่มใสเหมือนดวงตาของเขา เขากำหมัดแน่น ชกออกไปในอากาศและตะโกนก้องอย่างจริงว่า “เฮ้ เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าแน่ใจว่าเจ้าเป็นเทพเจ้า”
“วูบ” ร่างของเขากระพริบปรากฏด้านตรงข้ามกับที่เขายืนอยู่ แสร้งทำเป็นพูดว่า “โอ้ ข้าว่าเจ้าคิดถูกแล้ว”
“วูบ” กลับไปยังตำแหน่งเดิมของด้วยสีหน้าชื่นชม “ข้ารู้ได้ว่า [วิชาหมัดอัสนีบาต] ดุจดั่งเทพเจ้าอย่างที่เจ้าว่า โดยรวมแล้วไม่น่าจะมีปัญหา”
“วูบ” กลับไปด้านตรงข้าม โบกมือของเขา มองดูอย่างประทับใจ “หนุ่มน้อย ช่างรอบรู้ในวัยเพียงเท่านี้ ดีมาก เจ้าจะมีอนาคตที่ดีในภายภาคหน้า”
หลังจากเสร็จสิ้นการออกท่าทาง ถังเทียนรู้สึกพึงพอใจและกลับไปฝึกซ้อมของเขาต่อ
เสียงลมแหวกระเบิดจากทุกหมัดของเขา มันเห็นได้ชัดว่ามีพลังมากขึ้นในตัวเขา
[คั่นหนังสือ : ถึงตอนนี้แล้วบอกตรงๆครับ เจอพระเอกกำลังภายในจีนมาเยอะ พึ่งจะเจอคนที่เป็นบ้าก็เรื่องนี้แหละ คุยพึมพำกับตัวเองไม่ว่าดันมีสลับบทคุยคนเดียวด้วย]
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
“อาโม่หลี่ เจ้ากำลังจะย้ายสถาบันงั้นรึ? เพราะอะไร?” อาจารย์ใหญ่ถามด้วยอาการไม่น่าเชื่อ เขาไม่เข้าใจว่าทำไม ไม่ว่าเขาจะมองดูยังไง มันก็ไม่พบเหตุผลว่าทำไม อาโม่หลี่ถึงต้องการที่จะย้ายไปยังสถาบันอื่น
สถาบันอสูรอำมหิตใหญ่เป็นอันดับสามของเมืองเมฆาดารา เขามีทรัพยากรเยอะกว่าสถาบันคาราเมลอย่างมาก อาโม่หลี่ได้คำนึงถึงพรสวรรค์ของเขาเป็นที่สำคัญ เขาอยู่ในอันดับหนึ่งในสิบเมื่อยามที่เขาเข้ามาเมื่อสองปีที่แล้ว พรสวรรค์นี้ยังหายากนัก
อาจารย์ใหญ่กล่าวอย่างสงบ “ข้าคงจะยุ่งกับงานมากและได้ละเลยเจ้า หากเจ้ามีความไม่พอใจและไม่มีความสุขอันใดสามารถบอกข้าได้ หรือว่าเจ้าติดขัดในการบ่มเพาะ? เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับยันต์จิตวิญญาณ? เจ้าสามารถเลือกยันต์จิตวิญญาณระดับสี่ขั้นเงินได้สามใบเลย”
อาโม่หลี่ส่ายหน้า “มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งพวกนั้น ข้าไม่ได้เดินในเส้นทางที่ผิดแต่ข้าเพียงต้องการตามหาเส้นทางการต่อสู้ของตัวเอง!”
“เส้นทางการต่อสู้ของเจ้า?”อาจารย์ใหญ่หยุดยิ้ม “อาโม่หลี่ แม้ว่าเจ้าเป็นคนมีพรสวรร์แต่เจ้ายังคงเยาว์วัย ความสำคัญในตอนนี้ไม่ใช่การค้นหาเส้นทางการต่อสู้แต่เป็นการสร้างรากฐานที่ดี ทุกเส้นทางการต่อสู้มันไม่ใช่เพียงแค่การเพ้อฝัน”
อาโม่หลี่ก้มศีรษะลงให้อาจารย์ใหญ่พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าขอบคุณในความเป็นห่วงของท่าน ข้าจะขยันอย่างหนัก!”
อาจารย์รู้ได้เลยว่าอาโม่หลี่เอาจริงเอาจัง แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกผิดหวังพลางตอบว่า “อาโม่หลี่ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่รู้สึกนึกเสียใจในการตัดสินใจครั้งนี้”
“ข้าจะไม่มีวันเสียใจ!” อาโม่หลี่ตอบ
เขาเดินออกจากห้องทำงานอาจารย์ใหญ่
ขณะกำลังเดินอยู่ห้องโถง เสียงขึงขังก็ดังมาทางด้านหลังอาโม่หลี่
“อาโม่หลี่ เจ้ากำลังย้ายสถาบันงั้นรึ? ไปยังสถาบันเดียวกับเจ้างมงายยุทธ์นั่น?”
อีกเสียงที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ผู้ที่มีแนวโน้มจะได้เป็นดั่งราชาในสถาบันอสูรอำมหิต กลับวิ่งหนีไปพร้อมกับผู้งมงายยุทธ์อันฉาวโฉ่กระโจนลงไปยังบึงโคลน ช่างน่าอับอายขายหน้านัก!”
อาโม่หลี่หันร่างมา ขมวดคิ้วจ้องมองไปยังตาเขา “เทียนหลิน ถ้าหากเจ้าไม่อยากโดนข้าตบปากละก็ เข้าควรจะหุบปากเอาไว้”
ด้านหน้าของเขา หนึ่งในสองคนนั้นมีใบหน้าที่ดูเหยียดหยามและปราศจากความยำเกรง เขามีนามว่า เทียนหลิน เทียนหลินเป็นนักศึกษาหนึ่งในสิบอันดับของสถาบันอสูรอามหิตอยู่อันดับเก้า
ประกายตาเทียนหลินปรากฏความโกรธ แต่เขายังคงหุบปากไว้ เมื่อใดที่อาโม่หลี่โมโหขึ้นมา มันคงไม่ยอมจบจนกว่าจะมีใครสักคนตกตาย เทียนหลินไม่ได้ต้องการที่จะปะทะกับอาโม่หลี่
ถัดจากเทียนหลิงเป็นชายหนุ่มที่ดูสงบนิ่งสูงด้วยสีหน้าที่ขึงขัง กล่าวด้วยน้ำเสียงลึกๆว่า “อาโม่หลี่ เจ้าต้องการที่จะเดินบนเส้นทางอันต่ำต้อยนี้จริงๆ?
อาโม่หลี่ไม่ได้เห็นเทียนหลินอยู่ในสายตา แต่อีกผู้หนึ่งที่สูงนี้ ทำให้เขากดดันเป็นอย่างมาก
เหลียงเซียว อันดับหนึ่งแห่งสถาบันอสูรอำมหิต!
สิ่งใดที่ทำให้อาโม่หลี่รู้สึกกดดัน ไม่ใช่เพียงแค่ความแข็งแกร่งของเหลียวเซียว แต่ยังมีความจริงที่ว่าเหลียงเซียวมักจะคอยดูแลเขาอยู่เสมอและคอยให้คำแนะนำแก่เขาเป็นอย่างมาก
สิ่งที่พี่ชายเหลียงเซียวกล่าว ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็รู้ว่าในเวลานี้ คำอธิบายคงไร้ความหมายที่ไม่มีผู้ใดที่จะเชื่อมัน
ดังนั้นเขาจึงคิดว่าจะใช้หนึ่งในเป้าหมายของเขาเพื่อจะอธิบายมัน
อาโม่หลี่กำหมัดแน่นแต่ไม่นานเขาก็คลายออก เงยหน้าขึ้นกล่าวอย่างมั่นใจต่อเหลียงเซียว “ศิษย์พี่เหลียงเซียว รอคอยข้าเพื่อจะเอาชัยท่าน!”
หลังกล่าวเสร็จสิ้น เขาก็จากไปปราศจากสิ่งใดๆที่บ่งบอกว่าไม่เต็มใจ
ตามเส้นทาง ผู้คนต่างชี้มายังเขาและกระซิบกระซาบขณะที่เข้าเดินผ่าน เขาทำเป็นมองไม่เห็น ด้วยอาการยั้บยั้งที่จะกำหมัดของเขา เขาตัดสินใจแน่วแน่ในหัวใจเขาแล้ว
เขา อาโม่หลี่ แน่นอนว่าจะค้นหาเส้นทางเต๋าของตัวเอง!
“เจ้าหวังว่าจะได้ชัยเหนือศิษย์พี่เหลียงเซียวงั้นเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เทียนหลินหัวเราะอย่างชั่วช้าดังมาแต่ไกลเสียงของดังก้องทั่วห้องโถง
ได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่กำลังมองไปยังอาโม่หลี่ ต่างหัวร่อและเวทนาเขา เขาช่างประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว นั่นช่างดูบ้าบอมาก
สถาบันคาราเมล อะไรกัน? ก่อนหน้า ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อสถาบันนี้มาก่อนและเมื่อรู้เรื่องเกี่ยวกับอันดับของสถาบันคาราเมล พวกเขาคงจะตกตะลึง
อันดับสามจากท้าย!
โอ้สวรรค์ นี่มันสถาบันเห็บเหาอันใด!
และนั่นนักศึกษาผู้ซึ่งโดนไล่ออกจากจะสถาบันสันติธรรม* ผู้โด่งดังของเมืองเมฆาดารา สุดยอดงมงายยุทธ์
[คั่นหนังสือ : เปลี่ยนจากสถาบันแอนดรูว์เป็นสันติธรรม *อานเต๋อ* ขอขอบคุณข้อมูลจากคุณ Tongchat Chotisen ครับ]
ตัววายร้าย! ตัววายร้าย!
ในสายตาของทุกคน อาโม่หลี่ทำลายอนาคตของเขาเอง และยิ่งได้ยินเกี่ยวกับการประกาศก้าวของเขา ทั้งหมดคิดว่าเขาคงเป็นบ้าไปแล้ว
ยกเว้นเหลียงเซียวผู้ซึ่งจ้องมองไปยังเบื้องหลังของอาโม่หลี่ ดูคล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ข่าวที่ว่าอาโม่หลี่ย้ายไปยังสถาบันคาราเมล แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั่วทั้งเมืองเมฆาดารา
ไม่ใช่ใครเป็นดั่งเช่น กระทิงคลั่งอาโม่หลี่ เพียงสองปีของเขา ก็พุ่งทะยานขึ้นไปติดอันดับหนึ่งในสิบของสถาบันอสูรอำมหิต เขาถูกมองเป็นผู้รับช่วงต่อจากเหลียงเซียว
อีกคนที่คล้ายกันที่ผู้คนต่างรู้จัก คือสุดยอดงมงายยุทธ์แห่งเมืองเมฆาดารา จอมเผด็จการอันดับหนึ่งของสถาบันสันติธรรม เป็นที่เกลียดชังและน่ารังเกียจจากหลายคน สุดยอดเด็กขยะถังเทียน เกิดจากสวะ สุดยอดขยะ
ทั้งสองเข้าไปด้วยกันยังสถาบันอันดับสามจากท้าย สถาบันเห็บเหานามคาราเมล
เรื่องแปลกๆนี้ เป็นคราแรกที่เกิดขึ้นในเมืองเมฆาดารา ก่อให้เกิดความโกลาหลอย่างมากในสถาบันต่างๆ
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ