ตอนที่แล้วตอนที่ 006 - ดารากางเขนใต้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 008 – สถาบันคาราเมล

ตอนที่ 007 - เฒ่าเว่ย


***ขอเปลี่ยนจาก...ป้ายทองแดงเป็นป้ายทองสัมฤทธิ์ และ จากแผ่นป้ายจิตวิญญาณ เป็น ยันต์จิตวิญญาณแทนนะครับ เพื่อให้ดูขลังยิ่งกว่าเดิม

ตอนที่ 007 - เฒ่าเว่ย

 

เกิดอาการลังเลเล็กน้อย ก่อนที่ถังเทียนจะก้าวอย่างองอาจไปยังประตู เพื่อเป้าหมายของความลับป้ายทองสัมฤทธิ์ เขาต้องใช้เวลาถึงห้าปีเต็มฝึกฝนวิชาพื้นฐานจนถึงล้านจุดเพื่อจะปลดปล่อยมัน ทั้งหมดเพื่อวันนี้

ขณะที่เขาก้าวผ่านไปในประตูดารากางเขนใต้ ฉากก่อนหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

สิ่งแรกที่เขาเห็นคือพื้นที่สีดำใต้ขาของเขา ไม่ทราบว่าวัสดุทำมาจากอะไร มันวาววับเหมือนกระจก และสะท้อนให้เห็นถึงตัวถังเทียน มันแข็งอย่างกับโลหะ หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว ถังเทียนสอดส่องภายในพื้นที่แห่งนี้ ขนาดของมันประมาณเส้นรอบวงเก้าเมตรปราศจากสิ่งมีชีวิตและรอบนอกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทาหนา เขาลองเดินไปที่สุดขอบของหมอก แต่ดูเหมือนว่าจะมีพลังบางอย่างพลักดันเขากลับมา ไม่ว่าเขาจะใช้กำลังมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเดินฝ่าเข้าไปในหมอกได้เลย

ทันใดนั้นอักษรสีแดงก็ปรากฏออกมาจากกระจกใต้เท้าเขา

พื้นหลังสีดำและอักษรสีแดงมันแลดูลึกลับน่าหวาดหวั่น

“ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ เจ้าจะมีศัตรูเป็นตนเองตลอดการต่อสู้ ไม่มีสถานที่ให้หนี ไม่สามารถพึ่งพาโชค หากเจ้าชนะ เจ้าจะกลายเป็นไร้ผู้ต้าน หากเจ้าพ่ายแพ้ เจ้าจะตระหนักได้ถึงเป้าหมายและความชำนาญที่ยังไม่สำเร็จ”

“เหนือกว่าตัวเอง ลำดับขั้น : ดี  รางวัลเวลาการบ่มเพาะ : สิบวัน”

เหนือกว่าตัวเองงั้นรึ?

ดี?

รางวัลเวลาการบ่มเพาะ?

ปากถังเทียนกระตุกแสดงอาการดูแคลน “ผายลม!”

“ลองคิดย้อนกลับไป ชายชุดเทากับข้าต่างคนต่างรู้การเคลื่อนไหว เหนือกว่าตัวเองมารดาเจ้าสิ ข้ารำเรียนสิ่งใด มันก็รำเรียนสิ่งนั้น แต่อย่างไร ไม่ใช่ว่าข้าก็ทุบตีมันในท้ายที่สุดหรือไร?” ถังเทียนคิดอย่างสำราญใจ

สารเลวน้อยตัวนี้ ปลาบปลื้มไปกับชัยชนะของตนเอง อะไรจะน่าตื่นเต้นใจไปมากกว่าชัยชนะเล่า?

สิบวันเวลาบ่มเพาะ? เรื่องเหลวไหลนี้มันอะไรกัน?

ถังเทียนเกาศีรษะตัวเองขึ้นลงเพียงชั่วครู่ ควรที่จะไขข้อข้องใจบางอย่าง ป้ายทองสัมฤทธิ์แท้จริงแล้วเป็นวัตถุที่ช่วยในการบ่มเพาะ หลังจากที่มีหนึ่งล้านจุดเป็นมาตรฐานในการเปิดประตู

ถังเทียนยังคงไม่เข้าใจ เมื่อยามที่มารดาของเขายังคงมีชีวิตอยู่ นางไม่เคยสั่งให้เขาฝึกบ่มเพาะวิชาการต่อสู้มาก่อน หรือมารดาก็ไม่รู้ถึงวิธีการใช้วัตถุชิ้นนี้? มารดาได้รับป้ายทองสัมฤทธิ์มาจากที่ใดกัน?

เว้นแต่ว่า...

สีหน้าถังเทียนแปรเปลี่ยนเป็นหม่องหม่น เว้นแต่ว่าป้ายทองสัมฤทธิ์นี้เป็นสิ่งที่สารเลวนั้นมอบให้มารดา?

เมื่อยามที่ความคิดนี้เกิดขึ้น ถังเทียนคาดว่าน่าจะเป็นไปได้ที่สุด ทุกคราที่มารดาช่วยเปลี่ยนด้ายแดง นางจะมองดูไปยังป้ายทองสัมฤทธิ์ มองดูคล้ายรำลึกบางอย่าง

ถังเทียนกำหมัดเขาแน่น!

ช่างน่ารังเกียจนัก!

หลังจากที่รู้สึกห่อเหี่ยวไปครึ่งค่อนวัน ถังเทียนปัดทิ้งความคิดและสลายความโกรธของเขา ถ้าหากป้ายทองสัมฤทธิ์นั้นเป็นของสารเลวตัวนั้น งั้นก็ดี!

เขาจะใช้ป้ายทองสัมฤทธิ์ให้เต็มที่เพื่อช่วยตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น และสิ่งสุดท้ายที่จะทำคือทุบตีสารเลวนั่น

ฮ่าฮ่า! เมื่อถึงเวลานั้น สารเลวตัวนั้นคงรู้สึกเสียใจเป็นแน่ที่มอบป้ายทองสัมฤทธิ์ให้มารดาในปีนั้น

ใช่แล้ว มันควรจะทำแบบนี้!

นึกถึงสภาพยามสารเลวนั้นเศร้าจนซีดเขียว ฮ่า ฮ่า นั่นคงจะน่าสำราญใจมาก

ถังเทียนหลงระเริงในตัวเอง เขาพลางคิดว่าแผนการนี่มันช่างเป็นแผนที่อัจฉริยะจริงๆ

ตัวเลข ‘0’ สว่างขึ้นบนประตู ทำไมมันกลับกลายเป็นศูนย์กัน? อย่าบอกนะต้องบ่มเพาะวิชาการต่อสู้พื้นฐานต่ออีก? ถังเทียนส่ายหัว คาดหวังว่ามันน่าจะเป็นวิชาการต่อสู้ระดับสองมากกว่า

ในที่สุดเขาก็สามารถที่จะบ่มเพาะวิชาการต่อสู้ระดับสองได้สักที และในที่สุดก็สัมผัสหนึ่งในความลับของป้ายทองสัมฤทธิ์แต่เขายังคงไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับมัน

นอกจากนี้… สถานที่นี้ไม่มีเงื่อนงำของมารดา...

ถังเทียนมองไปยังทางเข้าประตูดารากางเขนใต้อย่างลึกซึ้ง มารดาเคยมายังที่นี้บ้างหรือไม่?

ความคิดคะนึงหาปรากฏบนสีหน้าเขา

เขาอยู่ด้วยอาการมึนงงชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ เขากำหมัดพึมพัมกับตัวเอง “มารดา ข้าจะคลี่คลายความลับที่แท้จริงของป้ายทองสัมฤทธิ์! และข้าจะลากเจ้าสารเลวนั้นมากราบต่อหน้าหลุมศพท่าน!”

ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่แม้กระทั่งมีความลังเล และหันเดินไปยังประตูดารากางเขนใต้

ช่วงเวลาที่ถังเทียนก้าวออกจากประตูดารากางเขนใต้ เขาผ่านแสงและเงามากมายที่ผ่านไปมาในช่วงเวลาสั้นๆ และต่อมาความรู้สึกที่เท้าของเขา ทำให้ถังเทียนรู้ว่าเขากลับมายังพื้นบ้านของเขาแล้ว

เป็นที่แน่ใจ ในทันใดนั้นถังเทียนก็ปรากฏขึ้นภายในห้องนอนของเขา

สภาพรอบๆที่คุ้นเคย คล้ายกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพลวงตา

เขาค่อยๆวางมือไปยังคอของเขาเพื่อสัมผัสกับป้ายทอง แต่กับสัมผัสได้เพียงอากาศ

ถังเทียนสั่นสะท้านและหน้าซีดด้วยความตกใจ

ที่คอของเขาว่างเปล่ามีเพียงด้ายแดง 5 เส้นที่ผูกติดกัน

ป้ายทองสัมฤทธิ์!

ป้ายทองสัมฤทธิ์หายที่ใดกัน?

ในขณะนั้นเขาก็รู้สึกร้อนลวกที่ฝ่ามือของเขา

ถังเทียนก้มลงมองและนั่นปรากฏรูปทรงไม้กางเขนบนฝ่ามือของเขา

[คั่นหนังสือ : ทำไมต้องฝ่ามือ เป็นหลังมือไม่ได้หรือ? ไม่เฟี้ยวเลย ต้นฉบับอังกฤษมาแบบนี้ ฝ่าก็ฝ่าวะ]

กางเขนค่อยเจือจางจนมันหายไป

เว้นเสียแต่ว่า...

ถังเทียนเบิกตากว้างด้วยสีหน้าตกใจ ด้วยความคิดภายในใจ ฉากเบื้องหน้าเขาแปรเปลี่ยนไป เขากลับมายืนยังหน้าประตูดารากางเขนใต้อีกครา

ป้ายทองสัมฤทธิ์ฝังลงไปในร่างกายเขาแล้ว!

หลังจากที่ตกอยู่ในอาการตื่นตะลึง ถังเทียนรู้สึกแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบหนึ่ง

ในที่สุดก็ไม่ต้องกังวลจะทำป้ายทองสัมฤทธิ์หายแล้ว

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

หลังจากลองเข้าๆออกๆสองสามครา ถังเทียนก็เข้าใจการทำงานของประตูดารากางเขนใต้คร่าวๆ

สิ่งที่เขารู้สึกตะลึงมากที่สุดคือรางวัลเวลาการบ่มเพาะ เมื่อเข้าย่างก้าวเข้าไปยังประตูดารากางเขนใต้ เวลาในโลกภายนอกต่างหยุดนิ่ง เขาอยู่ภายในนั้นทั้งวัน เวลาภายนอกก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเลย

การค้นพบสิ่งอัศจรรย์อันไม่น่าเชื่อนี้ ทำให้ถังเทียนตกอยู่ในอาการเหม่อลอยสักพักก่อนจะกลับมาเป็นปกติ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มก่อนที่จะหันมองขึ้นไปยังท้องฟ้าพลางหัวร่อดังลั่น

มันถึงเวลาแล้ว!

ห้าปีที่ผ่านมา เขาใช้เวลามากมายนับไม่ถ้วนไปกับวิชาพื้นฐานการต่อสู้ ช่วงเวลาของเขาก้าวตามหลังผู้อื่นเป็นเวลาสี่ปีเต็ม! ถึงเวลาแล้ว ที่เขาจะไล่กวดพวกมันทั้งหมด!

ในที่สุดเขาก็ได้เวลาเหล่านั้นกลับคืนมา!

อารมณ์ของถังเทียนในตอนนี้ยากที่จะอธิบาย เวลาห้าปีจากเมื่อยามที่เขาวัยสิบสองขวบปี ถึง สิบเจ็ดปี เขากลายเป็นนักศึกษาที่อายสูงมากที่สุดของสถาบันแอนดรูว์

ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเขาจะเป็นแบบที่ไม่ค่อยน่าสนใจ แต่ภายในใจ เขารู้สึกกดดันมากมาย สิ่งที่กระตุ้นเตือนให้เขายังก้าวต่อไปได้มีเพียงตัวเลขบนแผ่นป้ายทองสัมฤทธิ์ที่เพิ่มขึ้นทุกคราที่เขาสำเร็จความเชี่ยวชาญวิชาการต่อสู้พื้นฐาน เป็นยังมีความปราถนาอีกหนึ่งในส่วนลึกของหัวใจ เขาอยากออกตามหาสารเลวตัวนั้นผู้ที่ทอดทิ้งภรรยาและเลือดเนื้อของตัวเอง จะทุบตีมันเยี่ยงสุนัขและลากไปกราบไหว้ขอขมาต่อหลุมศพมารดา เป็นความปราถนาอันแรงกล้านี้สามารถทำให้เขาบรรลุเป้าหมายได้ และเขาได้ให้คำสัญญาต่อเฉียนฮุ่ยว่าเขาจะไปพบนางที่ ดาราอมตะ และพวกเขาจะผจญภัยในเส้นทางสวรรค์ด้วยกัน

ดังนั้นเขาจึงจำต้องกัดฟันทนอยู่ตลอดเวลา

ในวันนี้ ห้าปีกับความเพียรพยายามแลดูโง่เขลา ในที่สุดผลตอบแทนก็ผลิบาน

“ฮ่าฮ่า ข้าต้องทุบตีเจ้าเทาน้อยสักสองสามครา! ด้วยหนทางนี้ ข้าจะได้รับเวลาเพิ่มขึ้น”

“ข้าต้องการเดินทางไปยังเส้นทางสวรรค์! ข้าต้องการที่จะพบเฉียนฮุ่ย! โว้วววว!”

“ข้าคือเทพเจ้าเป็นแน่แล้ว ฮึ!ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

เสียงน่ายินดีใจคงได้ยินไปยังข้างบ้าน

ทันใดนั้น เสียงที่ดีใจพลันหยุดลง ถังเทียนยิ้มแข็งค้าง เขาตระหนักขึ้นมาได้ถึงปัญหา เขาจะไปยังที่ใดเพื่อจะร่ำเรียนวิชาการต่อสู้ระดับสอง?

วิชาการต่อสู้ระดับสองแตกต่างจากวิชาพื้นฐาน เนื่องจากวิชาดังกล่าวจำเป็นต้องมียันต์จิตวิญญาณ หากปราศจากยันต์วิญญาณ การฝึกบ่มเพาะไม่สามารถที่จะทำได้ เหล่านักสู้ต่างใช้ตราประทับจิตวิญญาณของตนประทับลงบนแผ่นยันต์จนกลายมาเป็นแผ่นยันต์จิตวิญญาณ ยันต์จิตวิญญาณมีวิธีใช้อยู่สองอย่างและหนึ่งในนั้นคือเรียนวิชาตราประทับ

“ยันต์จิตวิญญาณ! ยันต์จิตวิญญาณ! ยันต์จิตวิญญาณ...”ถังเทียนตาแข็งค้างและปากยังคงกล่าวซ้ำไปซ้ำมา

ยันต์จิตวิญญาณระดับสองขั้นทองแดงมูลค่ามันไม่ใช่ถูก และยันต์จิตวิญญาณมักถูกใช้เพื่อตัวเอง โดยที่หลังจากเข้าสถาบันแล้ว ทางสถาบันจะมอบยันต์จิตวิญญาณตามความแข็งแกร่งของนักศึกษา

ถังเทียนเหม่อลอย ล่องลอยไปเรื่อย

ปัง ปัง ปัง!

เสียงเคาะประตูดังราวกับแผ่นดินกำลังสะเทือนปลุกให้ถังเทียนตื่นตกใจ ประตูส่ายอย่างรุนแรง คล้ายกับจะหลุดออกเป็นชิ้นๆ

ถังเทียนหลุดออกจากภวังค์ เขาตะหนักได้ทันทีว่าเขาไม่มีแม้กระทั่งเงินในการซ่อมประตู เขารีบเร่งไปยังประตู

ปัง!

ประตูไม้มิอาจต้านทานการเคาะได้อีก และแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ในที่สุดถังเทียนก็เข้าใจในสิ่งที่ผู้คนพูดกันว่า ‘เคราะห์ซ้ำกรรมซัด’ เขายืนมองเศษชิ้นส่วนประตูที่แตกเป็นเสี่ยงๆ

[คั่นหนังสือ : ต้นฉบับอังกฤษมาแบบนี้ ‘when the roof is leaking, that’s when you’ll get several continuous nights of rain’ คือ ยามเมื่อหลังคาบ้านรั่ว ก็พบเจอกับฝนตก ประมาณนี้ สอดคล้องกับสำนวนที่ว่า ‘เคราะห์ซ้ำกรรมซัด’ จึงขอใช้คำสำนวนนี้แทน]

“พื้นฐานถัง! ในที่สุดเจ้าก็โดนไล่ออกแล้ว! ฮ่ะๆ นั่นมันช่างเยี่ยมจริง! ยอดเยี่ยมจริงๆ!” อาโม่หลี่คำรามมาจากด้านนอกด้วยความปลาบปลื้ม

สายตาของถังเทียนแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัวพลางหายไปในท้ายสุด

สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวแสดงออกราวกับคลุ้มคลั่ง ถ้าผู้คนพบเห็นเขาในยามนี้ คงจะวิ่งหนีหางจุกตูด

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างยอดเยี่ยมบัดซบ! ยอดเยี่ยมบัดซบ!” อาโม่หลี่พ่นน้ำลายกระจายไปทั่วพลางบุกเข้ามาภายในบ้านด้วยร่างกายมหึมาของเขาราวกับพายุ “พื้นฐานถัง! นับเป็นวาสนาแล้ว! โชคชะตานำพาเจ้ามาหาข้า เพื่อสร้างเส้นทางเต๋าขึ้นใหม่! มาเถิด มายังสถาบันอสูรอำมหิต! แล้วพวกเราสองคนจะสรรสร้างเส้นทางเต๋าขึ้นมาใหม่ด้วยกัน!”

ถังเทียนผู้ซึ่งกำลังจะปลดปล่อยความโกรธ ก็สะดุ้ง สถาบันอสูรอำมหิตงั้นรึ….

“แค่กๆ” ถังเทียนคลายหมัดของเขา แสร้งไอแสดงออกท่าทางอย่างกับผู้ช่ำชองในสนามรบพลางกล่าว “วัวเขลา บอกข้ามา สถาบันอสูรอำมหิตมีค่าคู่ควรแค่ไหน?”

“คู่ควรอันใด? เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” อาโม่หลี่ตอบอย่างไม่รู้เรื่อง

ถังเทียนขอยอมแพ้จริงๆ “มารดามันเถอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยยังจะมีผู้คนในโลกนี้โง่งมกว่าข้า!” ช่างน่าผิดหวัง เขาโบกมือ “ให้ข้าหารือเกี่ยวกับเจ้าที่ว่าจะชดใช้ประตูข้ายังไงดีกว่า”

อาโม่หลี่มองไปยังประตู และมองย้อนกลับไปยังถังเทียนอย่างลนลานกล่าวว่า “พื้นฐานถัง มายังสถาบันอสูรอำมหิตเถอะ…”

ถังเทียนเหม่อมองไปยังอาโม่หลี่ เขาไม่อยากจะเชื่อเลย “คนอะไรจะเบาปัญญาขนาดนี้ในโลก…”

เดี๋ยวก่อนสิ!

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าออกจากสถาบันแล้ว?” สีหน้าถังเทียนดำทะมึน

"เจ้าไม่รู้งั้นรึ? เดิมตระกูลโจวไม่ต้องการแพร่เรื่องราวออกไป แต่เจ้านายน้อยโง่ตระกูลโจวกลับร่าเริ่งใจป่าวประกาศตั้งแต่บัดนี้ไปมันจะเป็นพี่ใหญ่คุมในสถาบันแอนดรูว์แล้ว และทั่วทั้งเมืองเมฆาดาราต่างก็รู้เรื่องนี้ ครานี้ตระกูลอับอายขายหน้าอย่างมาก"อาโม่หลี่กล่าวตอบ

ตระกูลโจว!

ในที่สุดถังเทียนก็รู้ถึงเหตุผลว่าทำไมเขาถึงโดนไล่ออกอย่างชั่วร้าย เขากำหมัดแน่น หนี้แค้นนี้จะได้การรับการชำระคืนอย่างแน่นอน!

“มายังสถาบันอสูรอำมหิตเถอะ! มาเถอะ มาเถอะนะ!” อาโม่หลี่มองไปที่ถังเทียนอย่างร้อนใจ

เห็นได้ชัดว่าถังเทียนเป็นคนที่ตรงไปตรงมา “ข้ารู้เพียงพื้นฐานการต่อสู้ และโดนไล่ออก คิดว่าสถาบันอสูรอำมหิตยังคงจะรับข้าอยู่อีกงั้นรึ?”

“หื้ม นั่นนะสิ!” สีหน้าอาโม่หลี่เปลี่ยนไปทันทีพลันส่ายหัว

เมื่อมองท่าทางเขาในตอนนี้ ถังเทียนก็ไม่ได้ตำหนิเขาอีกต่อไป

อาโม่หลี่ขมวดคิ้ว นั่งลงขัดสมาธิ ดูคล้ายเขากำลังเค้นสมองคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง

“นี่ เร็วเขาสิชดใช้ประตูให้ข้า” ถังเทียนร้องเตือนอาโม่หลี่ “อย่าทำให้ข้าเสียเวลา ข้ายังต้องไปหางานทำ แม้กระทั่งเทพเจ้าอย่างข้ายังต้องหางานทำ!”

ในขณะนั้น อาโม่หลี่ก็ตบลงบนพื้น ด้วยท่าทางมีความสุขพลางตอบว่า “ฮ่าฮ่า! ข้ามีแผนการละ!”

ปัง!

ถังเทียนรู้สึกถึงพื้นสั่นสะเทือน จนเกือบจะล้ม

ด้วยมือทั้งสองที่ฝังอยู่ในดินอย่างสมบูรณ์ หมัดของอาโม่หลี่ทำให้เกิดรอยแตกกระจายลุกลามคล้ายดั่งใยแมงมุม

ฝุ่นผงบนเพดานต่างล่วงหล่นลง เสียงกรอบแกรบบนหลังคาดังมาให้ได้ยิน ถังเทียนยืนแข็งเป็นท่อนไม้เหม่อมองด้วยสีหน้าว่างเปล่า

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

ถังเทียนมองไปยังชายชราที่ดูสกปรกด้านหน้าของเขา ดูเลินเล่อและมอมแมมยิ่งกว่าเขา เขามองไปยังอาโม่หลี่ด้วยสีหน้าสงสัย พลางคิดเจ้าวัวเขลานี้จะกระทำเช่นนี้จริงๆ?

แม้ว่าอาโม่หลี่เติบโตขึ้นมาดูคล้ายเป็นคนดี แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำตัวเป็นคนดี

“ตาเฒ่าเว่ย ข้าพาอัจฉริยะมายังสถาบันของท่าน” อาโม่หลี่ตะโกนเสียงดัง ดูแล้วคล้ายว่าจะสนิทสนมกันกับชายชรา

สถาบัน?

เมื่อได้ยินประโยคนั้น ถังเทียนกลับยิ่งสงสัยมากขึ้น สถาบันอันใดกันที่กล้าจะรับบุคคลที่มอมแมมเช่นนี้มายังสถาบัน?

“อัจฉริยะ?”ตาเฒ่าเว่ยเหล่มอง “อัจฉริยะพื้นฐานการต่อสู้น่ะเรอะ?”

อาโม่หลี่ตกใจกล่าวอย่างชื่นชมว่า “อา อา อา! แม้กระทั่งท่านยังรู้!”

ถังเทียนยืนกรอกตาของเขา ไม่น่าเชื่อว่าอาโม่หลี่จะไม่เข้าใจคำประชดประชันของชายชรา

อาโม่หลี่พลางกล่าวต่ออย่างภาคภูมิใจ “เขาเป็นนักสู้ที่ข้านับถืออย่างมาก เขาเป็นนักสู้ที่มีใจอันแข็งแกร่งและมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์เส้นทางเต๋าของตัวเอง เขาคือสุดยอดพื้นฐานถัง ถังเทียนเขาเปรียบดั่งเทพเจ้า!”

“ฮี่ฮี่ฮี่! ดูท่าช่างทรงพลังมาก” ตาเฒ่าเว่ยหัวร่อ เหลือบตามองสำรวจถังเทียน

“เป็นไงล่ะ? พวกข้าดูยิ่งใหญ่ไปเลย!” อาโม่หลี่โอ้อวดรับรองตัวตนของถังเทียน พลางทุบอกอย่างภาคภูมิใจกล่าวต่อ “เมื่อท่านรับเขา สถาบันอันต่ำต้อยของท่านจะพุ่งทะยานขึ้นแน่นอน”

“อุอุอุ ช่างน่าสนใจ ช่างน่าสนใจ แต่ยังคงมีเรื่องที่น่าสนใจอีก อาโม่หลี่เจ้าไม่คิดจะเข้าร่วมด้วยงั้นรึ?” ตาเฒ่าเว่ยจ้องมองไปยังอาโม่หลี่

ถังเทียนไม่สามารถรับได้อีกได้ ในสายตาเขาชายชราเพียงต้องการขโมยตัวอาโม่หลี่ เขาหวังที่จะเข้าสถาบัน แต่ถ้าหากค่าใช้จ่ายต้องเป็นตัวของอาโม่หลี่ เขาคงจะไม่อาจยอมรับมันได้

แม้เจ้าแมลงวันวัวตัวนี้จะดูโง่เขลาแต่เขาก็เปรียบเสมือนพี่ชาย ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกคล้ายเป็นหนี้บุญคุณเขา

เขากำลังจะหยุดการสนทนาแต่เมื่อเขาเห็นอาโม่หลี่ดึงนิ้วขึ้นมานับ “มันไม่ใช่ว่าจะไปไม่ได้ ท่านจะต้องให้สัญญาก่อน อย่างน้อยดาบขั้นเงินหรือยันต์จิตวิญญาณระดับสี่ จ่ายสามเท่า หินดาราระดับสี่ห้าก้อนหรือหินดาราระดับสามสิบห้าก้อน และคะแนนเต็มทุกบททดสอบยังมีอีกข้าไม่จำเป็นต้องเข้าเรียน ถ้าหากข้าติดอันดับหนึ่งในห้าสิบของบททดสอบเมืองเมฆาดารา รางวัลจะต้องเป็นหินดาราระดับสี่ห้าก้อน ถ้าข้าติดอันดับหนึ่งในสามสิบ หินดาราระดับสี่สิบก้อน อันดับหนึ่งในสิบ หินดาราระดับสี่ยี่สิบก้อน หนึ่งในห้า หินดาราระดับสี่สี่สิบก้อน และหากข้าได้อันดับที่หนึ่ง จะต้องได้หินดาราระดับห้าหนึ่งก้อน”

ได้ยินดั่งนั้น ถังเทียนยังรู้สึกลำบากใจแทน เป็นข้อตกลงอะไรที่ช่างเอาเปรียบ!

เมื่อยามที่เจ้าสิงโตตัวนี้อ้าปาก...มันช่างโหดร้ายทารุณมาก!

“ตกลง!”ตาเฒ่าเว่ยกล่าวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย จบข้อตกลงภายในคำเดียว

ถังเทียนแทบร้องไห้น้ำตาลไหลทั่วใบหน้าของเขา

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด