ตอนที่ 002 – ป้ายทองแดง
ตอนที่ 002 – ป้ายทองแดง
ท้องฟ้ายังมืดอยู่แต่ถังเทียนก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
หลังอาบน้ำเสร็จ ถังเทียนก็เปิดไฟและนั่งหน้าโต๊ะตัวหนึ่ง เขาคลี่กระดาษแผ่นนึงออกมา เขาก้มหัวลงและเริ่มต้นเขียนบางสิ่ง
“เฉียนฮุ่ย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน ทุกอย่างที่นี่ปกติดี เจ้าอย่าได้เป็นห่วง เปิดภาคเรียนใหม่แล้วและข้ายังคงอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยสอนของอาจารย์เฉินในชั้นเรียนของท่าน เมื่อไม่มีเจ้าแล้ว มันช่างน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน ข้าไม่ชอบพวกเขาเลยเวลาพวกเขามองมาที่ข้า ไม่นานมานี้ร่างกายอาจารย์เฉินไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ท่านเป็นคนดี ข้าเพียงหวังท่าจะมีสุขภาพแข็งแรงตลอดไป ลุงอวี้เป็นอย่างไรบ้าง? โปรดทักทายเขาแทนข้าด้วย ข้าหวังจริงๆว่าข้าจะมีความสามารถพอที่จะเห็น หมอกดาราอมตะ อย่างที่เจ้าว่าไว้ ข้าไม่สามารถจินตนาการได้เลยมันจะน่าอัศจรรย์แค่ไหน ข้ายังคงขยันฝึกซ้อมอยู่ตลอด มันอาจจะใช้เวลานาน แต่ข้าไม่ยอมแพ้”
หลังจากที่เขาเขียนไปมากแล้ว ทั้งหมดเป็นเรื่องชีวิตประจำวันของเขา ถังเทียนค่อยพับจดหมาย และปิดผนึกในซองจดหมาย
เขียนที่อยู่อย่างระวัง : เมืองรุ้งดาราอมตะ ถนนสิบห้า วิทยาลัยไป๋หง ปีสามห้องเอ เชียงกวน เฉียนฮุ่ย (ผู้รับ)
เสร็จแล้วเขาก็หยิบเอาแสตมป์ของเส้นทางสวรรค์ที่เขาได้เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมาพลางติดบนซองจดหมาย
หลังจากที่เสร็จสิ้นทุกอย่าง เขาก็ลุกขึ้นอีกครั้ง และไปยังลานบ้าน
อากาศยามเช้ายังอบอุ่นหัวใจผู้คนเหลือเกิน ถังเทียนกางแขนและยืดขาออกค้างจนกล้ามเนื้อเริ่มที่จะล้า ก่อนที่จะเตรียมตัวฝึกซ้อมของวันนี้
สิ่งที่เขาฝึกคือทักษะกระบวนท่าหมัดพื้นฐาน
หลังจากที่ฝึกซ้อมมาเกือบหนึ่งปี ความเชี่ยวชาญกระบวนท่าหมัดใกล้เข้าถึงความสมบูรณ์แบบ
กระบวนท่าหมัดพื้นฐานประกอบด้วยการเคลื่อนไหวสามอย่าง หมัดตรง หมัดแย๊บ หมัดฮุค กระบวนท่าหมัดตรงปลดปล่อยความแข็งแกร่ง ความล้ำลึก พลังแห่งความคลั่ง หมัดแย๊บเป็นหมัดที่เบาแต่มีความรวดเร็วเหมาะกับท่าเท้าควบคู่กัน หมัดฮุคอยู่ตรงกลางระหว่างหมัดทั้งสองความสำคัญขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ทุกการเคลื่อนไหวดูเหมือนธรรมดา แต่เมื่อถูกใช้ออกโดยถังเทียนมันกับดูสง่างาม นี้เป็นการฝึกซ้อมมามากกว่าพันครั้งเพื่อให้สมบูรณ์แบบ
ในห้วงสมาธิ ถังเทียนฝึกอย่างหนัก เขาไม่แม้แต่จะมีสีหน้าเหนื่อยล้า
ไม่นานหลังจากที่เหงื่อเขาออกทั่วร่างกาย ชุดเขาเปียกโชก เหงื่อเม็ดเล็กๆไหลไปตามคอของเขา
เมื่อมองดูใกล้ๆ จะเห็นว่ามีไอน้ำระเหยตามร่างกายของเขา
ฝึกซ้อมครั้งแล้วครั้งเล่า หยุดพักเพียงครู่เดียวเขาก็กลับไปฝึกต่ออย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ดวงตะวันขึ้นทอแสง อากาศเย็นเริ่มถูกแทนที่
ถังเทียนหมกมุ่นกับการฝึกซ้อมมากเกินไป
ทันใดนั้น เสียงเตือนก็ดังขึ้น ถังเทียนหยุดสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ ครบเวลาแล้วสินะ
ฮู!
ในลานบ้าน ด้วยเสียงหอบหายใจอย่างหนัก ถังเทียนก้มลงเอามือจับที่เข่าของเขา เหงื่อเม็ดเล็กหยดจากแก้มของเขาลงสู่พื้น เมื่อยามที่เขาฝึกซ้อม เขาจะเข้าสู่สมาธิอันลึกล้ำและไร้ความรู้สึก มันเป็นสาเหตุที่ทำให้เหนื่อยแทบขาดใจยามเขาหยุดลง
ห้านาทีต่อมา ถังเทียนฟื้นจากอาการเหนื่อยล้า เขาก็ยืดตัวตรง ลากขาอันเหนื่อยล้าไปยังมุมของลานบ้านที่ที่ซึ่งมีบ่อน้ำตั้งอยู่ ถังเทียนเดินไปยังบ่อน้ำจากนั้นก็กระโจนตกลงไปในบ่อ
ในช่วงรุ่งเช้าบ่อน้ำจะเย็นเฉียบถึงกระดูก หลังจากที่เขาตกลงไปเขาถึงกับหนาวสั่นสะท้าน
เขาเม้มริมฝีปากราวกับเจ็บปวด ไม่นานเขาก็เริ่มปรับตัวเข้ากับความเย็นของน้ำได้ สองนาทีผ่านไปเขาก็สามารถปรับตัวได้อย่างสมบูรณ์ เขานั่งสมาธิและเริ่มต้นบ่มเพาะจิตวิญญาณ
อยู่ในสถาบันแอนดรูว์มาห้าปีแล้ว การบ่มเพาะจิตวิญญาณเขาก็สมบูรณ์ การบ่มเพาะจิตวิญญาณขึ้นพื้นฐานจำต้องเข้าใจใน “แก่นแท้” ตราบเท่าที่ขยันฝึกก็จะสำเร็จภายในเวลาสองถึงสามปี ถังเทียนไม่ได้มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมากจึงใช้เวลาเฉลี่ยถึงห้าปี แต่เขาก็พยายามบ่มเพาะจิตวิญญาณจนเข้าขั้นสมบูรณ์ปราศจากความเกียจคร้าน ในไม่ช้าเขาจะเริ่มที่จะฝึกทักษะระดับที่สอง อย่างไรก็ตามสถาบันแอนดรูว์คัดเลือกเฉพาะผู้ที่บ่มเพาะจิตวิญญาณพื้นฐานถึงสามารถที่จะเข้าฝึกทักษะระดับสองได้ และนั่นจำเป็นต่อการเข้าสถาบันอื่น
แต่ถังเทียนไม่ต้องการเสียเวลาใดๆ ฉะนั้นเขาจึงทำทุกทางที่ทำได้ อาจารย์เฉินสังเกตุเห็นถึงสภาพของเขาจึงได้เชิญเขามาเป็นผู้ช่วยฝึกสอน ในทางกลับกันเขาก็ได้มอบ [ทักษะลับการบ่มเพาะพลังปราณ] ขั้นทองแดงระดับสอง
ถังเทียนก็เริ่มฝึกบ่มเพราะทักษะพลังปราณระดับสอง
[ทักษะลับการบ่มเพาะพลังปราณ] เป็นทักษะสำหรับผู้ที่มีพลังปราณไม่แข็งแกร่งดั่งเช่นตัวเขา ฉะนั้นมันเป็นทักษะที่เสริมการความแข็งแกร่งให้กับพลังปราณ [ทักษะการบ่มเพาะพลังปราณ] ที่ซึ่งถังเทียนครอบครองอยู่คงจะเชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็ว ตราบเท่าที่ทักษะระดับต่ำที่เขาขยันฝึกซ้อม ก็ไม่จำเป็นต้องฝึกทักษะอะไรมากมาย
ความอบอุ่นและความแข็งแกร่งพลังปราณเกาะกุมทั่วร่างกาย ขจัดความหนาวเย็นและช่วยฟื้นสภาพจากความเหนื่อยล้าอย่างรวดเร็ว
ถังเทียนลืมตาขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
ความเหนื่อยล้าของหายไปเติมเต็มไปด้วยความรู้สึกมีพละกำลังขึ้น เขายังคงไม่ลุกขึ้นได้ทันที เขาทิ้งตัวลงในน้ำครึ่งตัวพลางหงายหน้ามองท้องฟ้า
เฉียนฮุ่ยกำลังทำอะไรอยู่กันในตอนนี้นะ…
ดวงตาเขาแลดูอ่อนโยน แต่แปรแปลี่ยนกลับเป็นยามปกติและหยิบป้ายทองแดงออกมา ป้ายทองแดงที่ผูกห้อยไว้ด้วยเส้นด้ายสีแดง อันนึงที่มารดาของเขาเป็นผู้ผูกไว้ อีกอันโดยเฉียนฮุ่ย เมื่อตอนที่เฉียนฮุ่ยยังคงอยู่ที่เมืองเมฆาดารา นางจะคอยผูกเส้นด้ายอันใหม่ให้ทุกๆปี
ขนาดของป้ายทองแดงคล้ายคลึงกับเหรียญ แลดูเก่าแก่ ด้านนึงของแผ่นป้ายสลักไปด้วยอักษรคำว่า “สิบ” และอีกด้านนึงเป็นรูปแม่น้ำอันคดเคี้ยว มองดูแม่น้ำคล้ายกับดวงดารานับล้านพร่างพาย ด้านล่างแม่น้ำคล้ายเป็นตัวเลข มันเป็นสีเทาแต่แลดูจางหมองไปแล้ว เป็นไปได้ยากที่จะมองออก
ถังเทียนสวมใส่แผ่นป้ายนี้ตั้งแต่เด็ก แต่หลายปีมานี้เขาพึ่งจะสังเกตุเห็นตัวเลขนี้
เขาสังเกตเห็นมันจะเปลี่ยนไปเป็นครั้งคราว ตั้งแต่ที่เขาเริ่มฝึกฝนทักษะการต่อสู้
เขาเริ่มที่จะสงสัยกับการค้นพบเกี่ยวกับแผ่นป้ายนี้ แม้จะดูไม่น่าเป็นกังวล แต่เขาก็ไม่ได้โง่ มันเป็นไปอย่างรวดเร็ว เขาพบว่ารูปแบบตัวเลขบนป้ายจะเปลี่ยนไป ทุกครั้งที่เขามีความก้าวหน้าในการฝึกทักษะการต่อสู้ ตัวเลขจะเพิ่มขึ้น
นับตั้งแต่นั้นเขาไม่คิดว่ามารดาของเขาจะเป็นคนธรรมดาอย่างที่คิด และนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่รู้อะไรมากเลยเกี่ยวกับการตายของมารดา
สารเลวตัวไหนกันที่ทิ้งนาง…
ถังเทียนตัดสินใจต้องการที่จะรู้ความจริง เขาตัดสินใจไขข้อข้องใจในความลึกลับนี้
แผ่นป้ายทองแดงนี้เป็นเพียงเบาะแสเดียวที่เขามี
เขาเริ่มบ่มเบาะทักษะการต่อสู้พลางจ้องมองที่แผ่นป้ายทองแดง ยามเมื่อเขาฝึกจนเชี่ยวชาญกระบี่พื้นฐาน ตัวเลขไม่ได้เพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นถังเทียนจึงพยายามที่จะฝึกฝนทักษะต่างจากเดิม เขาได้ลองจะฝึกทักษะระดับสองแล้ว แต่ตัวเลขมันก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่เมื่อเขาเปลี่ยนมาเป็นทักษะกระบวนป่าหมัดตัวเลขก็กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
มันคงมีเพียงทักษะการต่อสู้ขึ้นพื้นฐานเท่านั้นที่จะทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้น
หนึ่งปีหลังจากที่เปลี่ยนทักษะการต่อสู้อันแล้วอันเล่า ตัวเลขก็กระโดดขึ้นจาก 100,000 ไปยัง 200,000 มันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ป้ายทองแดงไม่มีปฏิกริยาใดๆ เขาก็ได้รับสายตาจากคนรอบข้างอย่างเปลี่ยนไป เหล่าสายตาดูถูกหยามเหยียดต่างๆนาๆ จากนักศึกษาในสถาบันแอนดรูว์ กลายมาเป็นผู้งมงายยุทธ์ จากนั้นก็กลายเป็นสุดยอดผู้งมงายยุทธ์
ถังเทียนก็ยังคงเป็นเช่นเดิมเหมือนห้าปีก่อน
ตัวเลขได้เปลี่ยนไปแล้ว
999,400
ถังเทียนสวมป้ายทองแดงกลับที่คอ แต่เขากลับไม่ได้สังเกตุเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยถึงตัวเลขสีเทาที่เริ่มเรืองแสงขึ้นมาอย่างเบาบาง ถังเทียนกระโดดขึ้นมาจากบ่อ เช็ดเนื้อเช็ดตัว และสวมใส่ชุดใหม่ เขาหยิบจดหมายที่เขียนถึงเฉียนฮุ่ยจากบนโต๊ะขึ้นมา และออกจากบ้านไป
บ้านของเขาตั้งอยู่ห่างไกลสถาบันแอนดรูว และนั่นมีเพียงผู้คนประปรายในยามเช้า
มีเพียงที่เดียวที่รับส่งจดหมายไปยัง เส้นทางสวรรค์ ในเมืองเมฆาดารา และนั่นคือไปรษณีย์ด้านใต้ของเมือง ความเร็วของถังเทียนไม่ช้าเลย เขาเชี่ยวชาญในทักษะตัวเบามานานแล้ว ส่วนบนของร่างกายเขามั่นคงแต่ขาของเขากลับปราดเปรียวว่องไว ทุกคราที่ก้าวก้าวใหญ่ จะมีก้าวเล็กสามคราซ้ำไปซ้ำมา
เนื่องจากยังเร็วเกินไปที่ไปรษณีย์จะเปิดทำการ ถังเทียนจึงใส่จดหมายไปในตู้รับด้านหน้าอาคาร
เมืองดาราอมตะอยู่ห่างไกลมาก มันใช้เวลาสามเดือนกว่าจะถึงมือของเฉียนฮุ่ย
เขาเหม่อมองท้องฟ้าและรู้สึกสงบ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา พร้อมหันหลังตรงไปยังสถาบัน
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
เมื่อถังเทียนมาถึงยังสถาบัน ผู้คนต่างจับกลุ่มภายนอกสถาบันไม่แม้กระทั่งจะมีทางผ่านเข้าไป ถังเทียนขมวดคิ้ว เขาเป็นผู้รับผิดชอบการสอนในวันนี้ มันจะดูหยาบคายเกินไปที่เข้าจะไปสาย ถึงอย่างนั้น ก็รู้สึกซึ้งใจความช่วยเหลือของอาจารย์เฉิน ดังนั้นยามเมื่อเขาต้องหน้าที่ เขาจะกลายเป็นบุคคลผู้จริงจัง เขาจึงไม่ยอมที่จะไปสาย มันแตกต่างกันมากระหว่างการเข้าไปศึกษาในชั้นเรียน
“หลีกทางหน่อย!”
เขาแทรกเข้าไปยังกลุ่มคน เหล่านักศึกษาที่ถูกเขาแทรกกำลังที่จะด่าเขา แต่แล้วหลังจากที่พบเห็นเป็นถังเทียน พวกเขาต่างล่าถอยในทันที
“กู่เซียวอวี้ ข้าจะปล่อยเจ้าไปหากเจ้าคลานมานี้”
เด็กชายคนหนึ่งผู้มีท่าทางหยิ่งยะโส จมูกของเขาแทบจะชี้จรดยังบนท้องฟ้า ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน เสื้อผ้าของเด็กชายดูหรูหราทำจากวัสดุคุณภาพดี คาดว่าเขาจะมาจากครอบครัวชั้นสูง ถัดจากเขายืนไปด้วยเด็กชายสองคนที่ดูร่างกายกำยำ มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยาม ด้านหน้าพวกเขามีเด็กชายผอมแห้งเกาะกุมท้องตัวงออยู่ ดูคล้ายเขากำลังเจ็บปวด
“คลานมาเร็ว ใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว”
“บัดซบ ดูเหมือนว่าพวกเราจะทุบตีเขาไม่พอ”
…
อันธพาลสองคนนั้นตวาด
ถังเทียน รู้สึกรังเกียจกับสิ่งที่เขาเห็น แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ดุร้ายในสถาบันแอนดรูว์ แต่เขาก็ไม่เคยที่จะรังแกผู้เยาว์หรือผู้ที่อ่อนแอกว่า ที่สำคัญพวกนี้กีดขวางทางเข้าทำให้ติดขัดไปหมด เหลือเพียงไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว
“พวกเจ้าเป็นนักศึกษาใหม่รึ?” ถังเทียนยืนอยู่ด้านนอกจ้องมองด้วยสายตามุ่งร้าย “ไสหัวไป!”
“มารดามันเถอะ เก็บความกล้าของเจ้าเอาไว้ ยุ่งแต่เรื่องของตัวเองเถอะ เข้าใจไหม?” หัวหน้าของกลุ่มเยาะเย้ย
ถังเทียนรู้ว่าหากเขายุ่งเกี่ยวด้วย เขาคงจะไปสายเป็นแน่ เขาไม่พูดแม้เพียงครึ่งคำ และในพริบตาเขาก็ก้าวตรงเข้าไปปรากฏต่อหน้า และพุ่งเข้าไปยังตัวหัวหน้า ปรากฏความหวาดกลัวในดวงตาของหัวหน้า ถังเทียนคว้าไปยังลำคอของเขาและบีบแน่น
เหมือนยามจับคอไก่ เขายกคนนั้นขึ้นด้วยมือข้างเดียว
การที่หายใจไม่ออกทำให้เด็กชายคนนั้นสลบไป
“หยุดมือ! เจ้ากล้าที่จะทำร้าย…”
“เจ้าตายแน่!”
เด็กชายสองคนที่มีรูปร่างกำยำลนลานรีบวิ่งออกมา ถังเทียนมีประสบการณ์ต่อยตีกับพวกนี้อย่างเต็มเปี่ยม เขาหมุนวนมือออกไปไม่แม้แต่จะเหลือบมอง และหลังจากนั้นก็ตบไปยังเด็กชายสองคนนั้น
เพียงพริบตาผู้คนก็ถูกกำราบ
“สุดยอดงมงายยุทธ์ถังเทียนช่างดุร้ายจริง”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว เขาเป็นจอมเผด็จการ! อืม…มันแตกต่างไปทุกๆปี ถ้าหากเขาไม่จัดการกวาดล้างพวกนี้ กลุ่มผู้คนที่มาใหม่จะไม่มีวันรู้ว่าใครกันที่ยิ่งใหญ่ในที่นี้!”
“อย่างที่พูด สถาบันของพวกเราไม่ได้เลวร้ายนัก หากถังเทียนจอมเผด็จการยังอยู่ สถาบันก็จะสงบสุขปราศจากสิ่งชั่วร้าย!”
…
ถังเทียนไม่ได้เหลือบแลไปยังเหล่าเด็กชายที่นอนเป็นกระจุกกันอยู่บนพื้นและรีบเร่งจากไปยังลานฝึกซ้อม
เพียงไม่นานเขาก็ก้าวมายังลานฝึกซ้อม เสียงกริ่งก็ดังขึ้น
เฮ้อ!
ถังเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาเหลือบมองไปยังเหล่านักศึกษาในชั้นเรียนกระบี่นี้ หลังจากการนินทาเมื่อวานนี้ ชื่อเสียงของถังเทียนแพร่กระจายออกไปหมดแล้ว และนักศึกษาทั้งหมดต่างระวัดระวังเขา
เขาแกล้งกระแอมไอออกมาและโบกมือ “เริ่มฝึกได้แล้ว!”
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ