ตอนที่ 54 จุดจบ
54
อาชาไพรีเป็นวิชาที่ฝึกฝนได้ง่ายแต่ไม่แพร่หลายเนื่องจากไม่มีพลังในการทำลายมากนักจึงถูกมองข้าม แต่เมื่อใช้วิชานี้ในจำนวนมากสายลมรอบตัวอาชาที่ถูกสร้างขึ้นจะกลายเป็นพายุขนาดย่อมที่พร้อมพัดพาสิ่งที่ขวางหน้าให้ลอยออกไป
ติงหรงรู้ว่าเกราะปราณของมันไม่อาจต้านทานวิชาที่โหมกระหน่ำมานี้จึงจำต้องทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อใช้วิชาโจมตีเพื่อโต้กลับแทน
เสียงปะทะกันของวิชายุทธ์ทั้งสองดังไปทั่วป่าเพราะก้องสะท้อนกับกำแพงสูงด้านข้าง แต่ไม่ใช่สิ่งที่ทั้งคู่คิดจะใส่ใจ สถานการณ์ตรงหน้านับว่าย่ำแย่สำหรับทั้งคู่มาก ติงหรงนั้นพลังปราณใกล้จะหมดลงเต็มทีจากการสาดวิชายุทธ์ออกไปอย่างไม่มีหยุดพัก ส่วนทางจางหมิงพลังราวกับว่าไม่มีวันหมดแต่ทางร่างกายของมันเสียมากกว่าที่ย่ำแย่หากเจ้าตัวก็ไม่ได้คิดใส่ใจ
การปะทะโดยไร้อาวุธนำมาซึ่งการบาดเจ็บภายในที่รักษายากยิ่งกว่า ติงหรงที่อาวุธพังจึงไม่ได้ใช้วิชาดาบที่ฝึกฝนมามันจึงได้ทุ่มไปกับการโจมตีให้แรงที่สุดแต่พลังเหล่านั้นก็สะท้อนกลับมาให้ได้เจ็บตัวเป็นระยะ
ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนมากก็เป็นเช่นนี้ ฝึกฝนวิชาที่ต้องใช้อาวุธมากกว่าท่าร่าง แม้ระดับต่างกันแต่ตอนนี้มันทั้งสองจึงได้มีวิชาเพียงสองหรือสามที่จะใช้ต่อสู้เท่านั้น
“มนุษย์ปกติไม่ควรมีวิชาเช่นนี้ เร่งเร้าพลังจนเกินขีดความสามารถของตนเองอย่างไม่สิ้นสุด เจ้าเป็นคนของอาณาจักรอื่นหรือไร” ติงหรงกัดฟันถามขึ้นเมื่อพลังของมันใกล้จุดที่จะเหือดแห้งแล้ว
จางหมิงยังคงไม่มีท่าทีตอบรับอะไร ใบหน้านั้นเฉยเมยแม้กระทั่งแววตายังไม่ได้มองไปที่คู่ต่อสู้หากมองเลยไปด้านหลัง
ติงหรงทุ่มพลังครั้งสุดท้ายในการสร้างพยัคฆ์จากพลังปราณ มันมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าเดิมสองเท่าและดูดุร้ายกว่าเดิม มันหวังว่านี่จะทำร้ายคู่ต่อสู้ได้บ้างหรือเปิดช่องให้มันล่าถอยไปเสียก่อน
ตูม!
แต่พลังนั้นถูกทำลายรวดเร็วเกินไป ต่อมาด้วยมังกรเก้าเศียรที่พุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้ที่ไร้ซึ่งพลังโดยสิ้นเชิงแล้ว
ร่างของติงหรงกระแทกชนเข้ากับต้นไม้จนล้มเป็นทาง ร่างกายของมันแข็งแรงแต่ก็ไม่ได้มากไปกว่าพลังทำลายจากปราณ
พลังอีกสองสายเตรียมก่อรูปแล้วพุ่งตรงเข้าหาร่างที่นอนกระอักเลือดออกมา ดวงตาของติงหรงหดเล็กลงก่อนตะเกียกตะกายนั่งแล้วลนลานหยิบแก้วผลึกวารีมาถือ แม้แก้วผลึกจะช่วยชีวิตได้แต่นั่นต้องหมายถึงการหยดเลือดลงไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้นต้องทำลายมันด้วยตนเอง ซึ่งมันก็ไม่ได้หยดเลือดลงไปเพื่อป้องกันการติดตามของทางสำนักเช่นเดียวกัน
แต่ยังไม่ทันที่จะทำลายแก้วผลึกในมือ พลังของจางหมิงก็หาบวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หมดเวลาของอาณาจักรจันทรา...
จางหมิงล้มลงกับพื้นทันที ร่างรวดร้าวราวกับจะแตกออกเป็นเป็นเสี่ยงๆ ท้องฟ้ากลับมาสว่างเช่นเดิมแล้วหากมันก็มองเห็นได้อย่างพร่าเลือน
สติของมันหายไปวูบหนึ่ง
กระแสเวลาที่อ่านได้จากปราณหายไปเกือบหนึ่งนาทีราวกับมันสลบไป แต่ผลจากการต่อสู้ที่เห็นในครั้งสุดท้ายเบื้องหน้าไม่ได้บอกเช่นนั้นด้วย
จางหมิงพยายามหยิบเม็ดยารักษาของมันออกมากิน และการกินแต่ละทีไม่ใช่เพียงเม็ดเดียวเช่นผู้อื่น มันต้องกินถึงห้าหรือมากกว่าเพื่อผลที่เพียงพอ
ส่วนติงหรงนั้นได้ลดมือลงจากการเตรียมที่จะทำลายแก้วผลึกวารีแล้ว มันกินเม็ดยารักษาไปเช่นกัน แต่ด้วยความสามารถในการดูดซับเม็ดยาที่ดีกว่า ในเวลาสองชั่วโมงมันก็ขยับตัวได้
ติงหรงฟื้นตัวได้ในระดับหนึ่ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะสามารถฟื้นฟูพลังปราณที่สูญเสียไปมากมายได้ในทันที มันจึงได้แต่จ้องมองจางหมิงที่นอนอยู่บนพื้นไม่ไกลอย่างมาดร้ายหากก็ไม่ได้เข้าโจมตี เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยังมีพลังสวนกลับมันหรือไม่ เมื่อคิดได้จึงทำเพียงหันหลังกลับแล้วทะยานจากไป
ทิศทางที่ติงหรงจากไปคือทางเส้นเดียวกับที่จางหมิงได้จากมา และเป็นทิศทางเดียวกับสายตาของจางหมิงในช่วงที่สายเลือดครอบงำได้มองออกไปเช่นกัน
จางหมิงที่เป็นผู้มองไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องนั้น ติงหรงเองก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่ผู้ที่ถูกมองนั้นรู้ตัวเองดี
“สมกับเป็นสายเลือดนั้นจริงๆ น่าเสียดายที่การตื่นไม่สมบูรณ์ สายเลือดถูกเปิดผนึกก็จริงแต่ก็เพียงส่วนเดียว” เป็นถางเจียฉีที่ติดตามมาห่างๆนี่เอง
ถางเจียฉีตามจางหมิงมาเพียงเพราะอยากดูให้แน่ใจว่าพลังจากสายเลือดนั้นถูกกระตุ้นขึ้นมาจริงหรือไม่ เพราะด้วยบรรยากาศรอบตัวของจางหมิงตอนที่อยู่หน้าปากทางเข้าวงกตช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่มันพบเห็นดีกว่าที่คิดเอาไว้มาก
การตื่นของสายเลือดมองเห็นได้ชัดเจนจากภายนอก ทั้งบรรยากาศรอบตัวและแววตาที่ถูกเปลี่ยนไป ทุกอย่างที่กล่าวมานั้นนับเป็นเรื่องดี หากน่าเสียดายที่มันแสดงผลออกมาเพียงเล็กน้อยจากทั้งหมดของตัวมันเอง
ติงหรงทะยานออกไปได้พอสมควรก็เห็นผู้เป็นคู่ปรับอยู่ตรงหน้า มันเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อต่อสู้กับคนผู้นี้โดยเฉพาะ แต่ตอนนี้ดูจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว ปราณที่มีน้อยนิดตอนนี้จะไปสู้อะไรใครได้ มันจึงได้เขม่นมองแล้วเลยผ่านไป
“จะรีบไปไหนหรือศิษย์น้องติง”
เป็นครั้งแรกที่ถางเจียฉีเป็นคนที่เข้ามาขวางหน้ามันด้วยตนเอง เพราะก่อนหน้าเป็นมันเท่านั้นที่ทำแบบนี้เพื่อยั่วยุอีกฝ่ายให้มาต่อสู้กัน
“อะไรของเจ้า! พอข้าไม่สนใจเจ้าเลยมาหาเรื่องแทนหรืออย่างไร” ติงหรงได้แต่หยุดตัวลงแล้วจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ
“อา... ข้าเพียงอยากหารือสักประเดี๋ยว”
“แต่ข้าไม่ต้องการ หลีกทางไป!”
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องปฏิเสธ แต่ถึงเจ้าจะยอมพูดคุยดีๆข้าก็ไม่อาจปล่อยไปได้โดยง่าย” ถางเจียฉีแม้พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหากจิตมุ่งร้ายอบอวลไปทั่ว
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่” ติงหรงขมวดคิ้วพร้อมกับนำแก้วผลึกวารีมาไว้ในมืออย่างระมัดระวัง
“ข้าไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย สิ่งที่ข้าต้องการเพียงไม่อยากให้เรื่องพลังของจางหมิงแพร่งพรายออกไปก็เท่านั้น”
“ฮึ! คิดว่าเจ้าจะห้ามข้าได้หรือ” ติงหรงแม้จะพูดจาอวดดี แต่ตอนนี้มันกลับระมัดระวังตัวยิ่งกว่าเดิม อย่างน้อยตอนนี้มันคิดแล้วว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
อาณาจักรมังกรทะยานไม่ใช่อาณาจักรเดียวที่อยู่บนโลกใบนี้ โลกภายนอกนั้นยังมีมหาอาณาจักร อาณาจักร เมือง และผู้คนอีกมากมาย ซึ่งมีบ้างที่วางแผนชั่วร้ายเพื่อการใดการหนึ่ง
“ข้าไม่ได้จะหยุดเจ้าหรอก”
“แล้วเจ้ามาขวางข้าทำไม”
“ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าหยุดพูดเรื่องนั้น เพราะเจ้าต้องตายลงที่นี่!”
จบประโยคสิ่งแรกที่ติงหรงรับรู้คือความรู้สึกแปรบปราบที่ข้อมือ เสียงของหนักๆตกลงบนพื้น และเสียงของเหลวที่หยดลง
“อ๊ากกกก...”
ข้อมือข้างที่ถือแก้วผลึกของติงหรงถูกเฉือนออกทั้งๆที่คู่ต่อสู้ยังอยู่ตรงหน้า เสียงร้องของมันดังลั่นแม้แต่จางหมิงที่อยู่ไกลออกไปยังได้ยินแว่วๆ มันพยายามดิ้นรนใช้มืออีกข้างเพื่อหยิบแก้วผลึกวารีขึ้นมา แต่ความพยายามนั้นสูญเปล่าเมื่อข้อมืออีกข้างก็หลุดออกไปเสมอกัน หากความเจ็บปวดนั้นก็ไม่ได้นานมากมายเมื่อลำคอของมันถูกตัดขาดออกจากตัว ทัศนะวิสัยของมันเอียงวูบ ดวงตาเบิกโพลง แล้วลมหายใจก็หยุดลง
ร่างเงาสีดำโผล่ออกมาด้านข้างของถางเจียฉี มันโค้งให้เจ้านายของมันก่อนจะหายไปในอากาศอีกครั้ง และเป็นมันนี่เองที่ทำเรื่องทั้งหมดนั้น
ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องทรมานติงหรงหรอก แต่ด้วยความที่ถูกก่อกวนมามากจึงแอบมีอารมณ์แค้นเคืองอยู่เล็กน้อย ชีวิตที่เป็นคู่พันธะของมันก็คงรับรู้ได้ก็เลยออกมาในรูปแบบที่เห็น
“จะว่าไปร่างนี้ก็น่าจะใช้ประโยชน์ได้” ถางเจียฉีมองไปที่ศพตรงหน้าก่อนจะพึมพำเบาๆ
“นายท่านหมิง” จิ้งจอกน้อยเดินเข้ามาใกล้จางหมิงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จิ้งจอกอัสนีสวรรค์ขึ้นชื่อในด้านของความเร็ว และความเร็วนั้นหมายถึงการฟื้นฟูตัวเองด้วยเช่นกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะหายได้อย่างรวดเร็ว
“อืม... รอข้าสักครู่ ตอนนี้ยังไม่อาจขยับได้มากมายนัก”
“อืม” จิ้งจอกน้อยตอบรับก่อนจะนอนลงข้างๆกัน
+++