ตอนที่ 36 ข้าทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้าสาบาน
ทุกคนเห็นฉากบนเวทีอย่างชัดเจน แคลร์ได้กดดันกงหยู๋ เฟิ่ง มากเขาจนไม่สามารถหลบหนีไปที่ไหนได้อีก ถูกทำลายอย่างหมดสภาพ
ใบหน้าของเจ้าหญิงของมอริซได้รับการล้างอย่างสมบูรณ์ด้วยสีแดง เธอกำหมัดแน่น และอยากจะตะโกนออกมาเป็นชื่อของแคลร์ แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานะของเธอ เธอไม่สามารถสิ่งเหล่านั้น และก้าวออกจากเส้นที่ขีดเอาไว้ได้ ในขณะที่เจ้าหญิงมอริซกำลังเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก และกำลังพยายามควบคุมตัวเองอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงตะโกนที่ดังขึ้นมาราวกับฟ้าผ่า
“แคลร์”
“แคลร์ แคลร์”
“แคลร์”
เสียงดังมากขึ้นและมากขึ้น เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นราวกับพวกเขาติดยาเสพติด กำหมดของพวกเขาและตะโกนชื่อของแคลร์ออกมาเหมือนกับว่าชีวิตของพวกเขาขึ้นอยู่กับมัน
ตอนนี้ แคลร์คือฮีโร่ของพวกเขา ความภาคภูมิใจของพวก และความหวังของพวกเขา
บรรยากาศของการแลกเปลี่ยนมีการเคลื่อนไหวอย่างมากจนแทบจะขึ้นไปถึงท้องฟ้า ทำให้ผู้คนตื่นเต้นอย่างไม่หยุดหย่อน
จีนยืนอยู่ทางด้านหลัง มองอย่างใจเย็นไปยังหญิงสาวผู้มีรัศมีที่เจิดจ้าที่อยู่บนเวที ดวงตาของเขาเผยให้เห็นอารมณ์ที่แปลกประหลาด ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผู้หญิงคนนั้นได้ชนะใจเขาไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ความดื้อรั้นของเธอเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เธอชกซ้ำ ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เธอค่อนข้างรุนแรงกับฝ่ายตรงข้ามของเธอ แต่ก็รุนแรงต่อตัวเธอเองด้วยเช่นกัน พลังลมปราณของจีนนั้นไม่ธรรมดา เต็มไปด้วยรูปแบบของการเผด็จการ ในช่วงเวลานั้น แคลร์จะเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น กับชนิดของพลังลมปราณแบบนั้น แต่เธอไม่เคยเปล่งเสียงออกมา ไม่เคยบอกว่าเธอจะยอมแพ้ สิ่งที่เธอพูดมากที่สุดคือ อีกครั้ง! อีกครั้ง! และอีกครั้งเท่านั้น
ตอนนี้การรักษาลาเชียร์ก็ได้เสร็จสิ้นลงและเธอก็ได้ฟื้นขึ้นมา แม้ว่าเธอจะอ่อนแอมาก แต่เธอก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีอะไรได้เกิดขึ้นบนเวทีในตอนนี้ การแสดงออกของเธอเปลี่ยนเป็นความซับซ้อนอย่างมาก มีความเคลื่อนไหวที่รุนแรงจากด้านล่างของดวงตาของเธอ ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้
อาจารย์ที่ปรึกษาของกงหยู๋ เฟิ่งเกือบจะล้มทั้งยืน เขารู้ว่าชายหนุ่มตัวปัญหาผู้นี้จะสร้างปัญหาขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้คิดว่ามันจะมีวิวัฒนาการไปในรูปแบบนี้ได้ ด้วยความแข็งแกร่งของชายหนุ่มตัวปัญหาผู้นี้ แม้ว่าเขาจะสร้างปัญหา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายแต่อย่างใด แต่วันนี้เขาได้พบกับความซวยของเขา ช่างเป็นโชคร้ายจริงๆ เหวินโม่สุ่ยนั่งไม่ติด เขาแทบจะเป่าเสียงนกหวีดออกมา ทำไมมันถึงได้ไร้สาระเช่นนี้ กงหยู๋ เฟิ่งวายร้ายผู้นั้น ในวันนี้เขาได้รับการทุบตีราวกับสุนัขจมน้ำ ฮ่า ๆ ๆ มันตลกเกินไปแล้ว นักเรียนของลากาคต่างทั้งโกรธและวิตกกังวล ชัยชนะของพวกเขากำลังจะบินไปแบบนี้ และจะหายไปกับความอัปยศอดสูเช่นนี้ อาจารย์ที่ปรึกษาเริ่มดึงผมของเขาอย่างเมามัน
เสียงผู้ชมเพิ่มขึ้น มันดังสะท้อนก้องขึ้นเพียงเสียงเดียว แคลร์ และ แคลร์
นักรบเวทย์
ตอนนี้หญิงสาวบนเวทีได้กลายเป็นนักรบเวทย์ไปแล้ว ถ้าเป็นนักเวทย์ปกติ อย่างดีที่สุดพวกเขาจะกลายเป็นนักเวทย์ขั้นสูง และเช่นเดียวกันกับผู้ใช้พลังลมปราณ ส่วนใหญ่ พวกเขาก็จะกลายเป็นนักรบขั้นสูง ไม่แปลกอะไรเลย มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงว่าทำไมผู้คนไม่มุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ทั้งสองอย่างไปพร้อมกัน เพราะการเรียนทั้งสองจะไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเวทมนต์หรือนักรบ พวกเขาจะไม่สามารถไปถึงจุดที่สุดยอดได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับนักไล่ล่าผู้ชายแคลร์ นั้นกลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเธอนั้นไม่มีความสามารถอะไรเลย นักไล่ล่าผู้ชายผู้โง่เง่าไม่รู้เรื่องเวทมนต์หรือนักรบแต่อย่างใด แต่ตอนนี้เธอได้กลายเป็นนักรบเวทย์ แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ว่าระดับของเวทมนต์ของเธอนั้นอยู่ระดับไหน คลิฟได้รับเธอเป็นลูกศิษย์เช่นนั้นมันก็คงไม่เลวร้ายเท่าไหร่ และพลังลมปราณของเธอนั้นได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เธอนั้นได้มาถึงระดับนักรบขั้นสูงในช่วงไม่กี่เดือนเป็นเวลาที่สั้นๆ เท่านั้น
มหัศจรรย์ แน่นอนว่ามันมหัศจรรย์
เธอเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงของอัจฉริยะ
บนเวที กงหยู๋ เฟิ่งนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น และไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้ เขาไม่มีเรียวแรงที่จะหลบหลีกอีกแล้ว ผู้หญิงคนนี้จะโหดร้ายไปไหน โหดร้ายเกินไปแล้ว มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่โหดร้ายเช่นนี้
“เจ้ามีฝีมือดี เจ้าคนน่ารังเกียจ ผู้หญิงอารมณ์ร้อยไม่น่าไว้วางใจ ข้ายอมรับในความพายแพ้” ทันใดนั้นกงหยู๋ เฟิ่ง ยอมจำนนก่อนจะหอบเอาอากาศเข้าไป
แคลร์ยังไม่ได้หยุดการโจมตีของเธอ ฝ่าเท้าของเธอบินเหนือขึ้นไป ทำให้กงหยู๋ เฟิ่งตกลงไปอย่างสวยงาม ก่อนที่เธอจะเตะลงไปอีกรอบ และเท้าของเธอก็เหยียบลงไปบนหลังของกงหยู๋ เฟิ่ง ในขณะที่เขากลิ้งลงมา
“อ่า แคลร์ เจ้าไม่จำเป็นจะต้องโหดร้ายเช่นนี้ก็ได้ใช่ไหม ใช่ไหม เจ้ายังก้าวขึ้นไปเหยียบลงหลังของผู้ชายคนนี้แบบนี้อีก เจ้าต้องการที่จะสร้างความตึงเครียดให้กับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศหรืออย่างไร”วอลเตอร์โวยวายเสียงดังอยู่ในหัวของแคลร์
แคลร์เกิดความอับอาย อับอายอย่างสมบูรณ์แบบ ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ เธอไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะไร้ประโยชน์ถึงขนาดยอมจำนน ยอมจำนนเมื่อไหร่ก็ได้ที่เขาต้องการมัน มันเป็นเพราะเขากลิ่งตัวมาในขณะที่เธอก็เหยียบเท้าลงไปที่หลังเขาพอดี แคลร์ไม่เคยคิดที่จะเหยียบลงไปบนหลังของชายผู้นี้แม้แต่น้อย
กงหยู๋ เฟิ่งยังคงนอนนิ่งอยู่ที่พื้น แลบลิ้นของเขาออกมา ดวงตากลิ้งกรอกไปมา ไม่ได้พูดอะไรออกมาและก็ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น
แคลร์เหยียบอยู่บนหลังของเขาอย่างสง่างาม ลืมไปชั่วคราวที่จะถอนเท้าของเธอกลับมา
ในทันทีที่ทั่วทั้งสนามแข่งขันเปลี่ยนเป็นความเงียบ แม้กระทั่งเสียงใบไม้ปลิวลงไปที่พื้นยังสามารถที่จะได้ยินมันได้อย่างชัดเจนในตอนนี้
เป็นเวลานาน หลังจากเวลานานผ่านไป และหลังจากเวลาที่ยาวนาน ทุกอย่างยังคงเงียบ
“เอ่อ ...... นี้ ......” ผู้ตัดสินมีอาการสั่นไหวเล็กน้อยในขณะที่เขาเดินขึ้นไปบทเวที เหลือบมองไปยังกงหยู๋ เฟิ่งที่ยังคงอยู่ใต้ฝ่าเท้าของแคลร์ แล้วเหลือบมองอย่างตะลึงไปที่แคลร์ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงที่เบา
“ตอนนี้....”
“ข้าแพ้”เสียงที่ฟังราวกับเสียงของยุงบินของกงหยู๋ เฟิ่งดังขึ้น
“อะไรนะ”เห็นได้ชัดว่าผู้ตัดสินยังตกอยู่ในภวังค์
“ข้าบอกว่าข้าแพ้แล้ว เจ้าไม่เข้าใจตรงไหนหะ”ตอนนี้ น้ำเสียงของกงหยู๋ เฟิ่ง ไม่เหมือนยุงอีกต่อไป แต่กลับเปล่งเสียงคำรามดังสนั่น แต่เขาก็ยังคงนอนอยู่ที่เดิมให้แคลร์เหยียบอยู่บนหลังเขาต่อไป
“ตอนนี้ข้าของประกาศว่าแคลร์ ฮิลล์เป็นผู้ชนะ”ผู้ตัดสินที่เกือบจะกระโดดออกมาจากกางเกงของเขา พร้อมกับประกาศขึ้นอย่างรีบเร่ง
แคลร์ก็ยังคงรู้สึกอึดอัดใจ ในขณะเป็นปากของวอลเตอร์กระตุกขึ้น
“เฮ้! เฮ้! ปีศาจน้อย เจ้าไม่คิดว่าเจ้าควรจะถอนฝ่าเท้าของเจ้ากลับมาได้แล้วหรือ”
แคลร์ดูเหมือนว่าจะเพิ่งตื่นขึ้นมาจากความฝัน ก่อนที่เธอจะถอนฝ่าเท้าของเธอกลับมาอย่างรวดเร็ว และมองอย่างขอโทษไปยังกงหยู๋ เฟิ่ง คนที่ยังคงนอนราบอยู่ที่พื้น ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน เวลานี้เป็นเวลาที่น่าอับอายจริงๆ แม้ว่าเธอจะเอาชนะเขาได้ด้วยวิธีการสกปรกอย่างที่เธอทำ แต่เธอก็ไม่ได้ต้องการที่จะเอาชนะเขาด้วยวิธีที่ทำให้เขาอับอายเป็นอย่างมากเช่นนี้ แบบนี้ นอกจากจะทำลายความสัมพันธ์ของประเทศ นอกจากนี้เธอยังจะสร้างศัตรูที่มีประสิทธิภาพจากเหตุการประหลาดนี้อีกด้วย ก่อนที่เธอจะแข็งแกร่ง เธอไม่ต้องการที่จะสร้างศัตรูประเภทนี้ขึ้นมา
ในช่วงเวลาต่อมา ทั่วทั้งสนานที่เงียบอยู่ก่อนหน้า ดังก้องขึ้นราวกับเสียงฟ้าร้อง ความโกลาหลได้บังเกิดขึ้น
“แคลร์”
“แคลร์”
“แคลร์”
ทั่งทั้งสนามกีฬาเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง ใบหน้าทั้งหมดของขุนนางเปลี่ยนเป็นสีแดงสดใสในทันที ได้เฝ้ามองดูสิ่งมหัศจรรย์นี้อย่างใจจดใจจ่อ
ชนะ นักไล่ล่าผู้ชายผู้โง่เขลาในตำนานเป็นฝ่ายชนะ คนที่แม้ว่าอัจฉริยะอย่างลาเชียร์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่เขาได้พายแพ้ให้กับแคลร์อย่างแท้จริง และชัยชนะนั้นช่างไร้ขอบเขต ช่างรุ่งโรจน์ ถึงขนาดเหยียบอยู่บนฝ่ายตรงข้ามเช่นนั้น
การแสดงออกที่หยิ่งยโส ท่าทีโอหัง ผมสีบลอนด์ได้ปลิวไสวไปกับสายลม ดวงตาสีเขียวมรกตที่ลึกซึ้งคู่นั้น มันดูมีเสน่ห์อย่างมากมาย ชวนให้หลงใหล เพียงแค่มองผ่านก็ไม่สามารถจะเคลื่อนย้ายสายตาไปจากเธอได้
ในขณะที่เอกอัครราชทูตมองดูการปราศรัยต่อมวลชนทางด้านล่าง ไม่มีใครสังเกตเห็นการแสดงออกที่ผ่อนคลายของสมเด็จพระราชา ผิวของเอกอัคราชทูตกลายเป็นสีแดงราวกับตับหมู ข่มขู่กันมากเกินไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่ควรจะทำให้พวกเขาอับอายเช่นนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ และยิ้มในขณะที่พูดกับสมเด็จพระราชา
“ใต้ฝ่าพระบาท ผลการตัดสินได้ออกมาแล้ว ขอแสดงความยินดีสำหรับการดึงดูดความสามารถพิเศษอีกอย่างออกมา วิหารแห่งแสงมีธุระอย่างอื่นต้องจัดการ และข้าจำเป็นจะต้องเข้าร่วม ข้าจะขอตัวจากไปเป็นคนแรกฝ่าบาท”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็คงจะไม่รั้งท่านไว้”สมเด็จพระราชายื่นขึ้นและยิ้มส่ง
สมเด็จพระสันตะปาปาก็จากไป ไม่ได้เหลือบมองไปที่เอกอัครราชทูตแม้แต่น้อย
การเหลือบมองของเอกอัครราชทูตหยุดอยู่ที่แคลร์ตลอดเวลา ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน ภายในมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น เขาไม่สามารถปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้เติบโตต่อไปได้อย่างแน่นอน มันจะเป็นแบบนั้นไม่ได้อย่างแน่นอนที่สุด
บรรยากาศของสนามเกือบออกจากการควบคุม แม้จะมีมารยาท แต่เหล่าขุนนางก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนเชียร์ชื่อของแคลร์ออกไป
แต่ตอนนี้ แคลร์นั้นมองไปที่กงหยู่ เฟิ่ง คนที่ยังนอนราบอยู่ที่พื้น รู้สึกอับอายเล็กน้อย กงหยู๋ เฟิ่ง เพียงแค่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่นั้นเช่นสุนัขที่ตายไปแล้วเท่านั้น
ชายหนุ่มที่ผิดปกติผู้นี้อาจจะกำลังเจ็บปวดจากการกระทำของเธอก็ได้ แคลร์รู้สึกปวดหัว การสร้างศัตรูที่กล้าหาญขนาดนี้ไม่ใช่การตัดสินใจที่ชาญฉลาด แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนั้น เธอสาบานว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ
“โย่ ตอนนี้เจ้ากำลังมีปัญหาแล้ว คนหยิ่งยโสเช่นนั้นจะกลับมาการแก้แค้นพวกเราอย่างไรก็ไม่รู้ เราจะต้องระมัดระวัง รอบคอบเป็นอย่างมาก”วอลเตอร์พูดขึ้นอย่างกังวล คำว่า เรา แสดงให้เห็นแล้วว่าวอลเตอร์ได้ผูกตัวเองและแคลร์ไว้ในเรือลำเดียวกันแล้ว
เหวินโม่สุ่ยมุมปากของเขาถึงกับกระตุก มองไปยังกงหยู๋ เฟิ่งที่ยังคงนอนราบอยู่ที่พื้น มีความกังวลเล็กน้อย นี้เป็นครั้งแรกที่มีคนเคยแจกระเบิดหนักถึงเพียงนี้ต่อไอ้บ้านั่น กงหยู๋ เฟิ่ง เขาเป็นคนหยิ่งยโสและเป็นไอ้บ้าที่อวด แต่มันเป็นการดูถูกที่โหดร้ายต่อหน้าของผู้คนจำนวนมากเช่นนี้ เขาจะสามารถแบกรับมันได้หรือไม่ เหวินโม่สุ่ยเริ่มที่จะเกิดความกังวลเกี่ยวกับบุคคลที่ผิดปกติผู้นี้เป็นครั้งแรก
ผลที่ได้ตอนนี้เป็นบทสรุปสุดท้ายแล้ว
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นละคร แต่ก็แคลร์ชนะ และชนะอย่างน่าประทับใจอีกด้วย
ทุกคนเฝ้าดูอย่างตั้งใจ และทุกคนก็ต้องตะลึง
แคลร์มองไปที่กงหยู๋ เฟิ่งคนที่ยังไม่ได้ขยับไปไหนเป็นครั้งสุดท้าย และพูดคำขอโทษที่เบาออกไป
“ข้าทำมันไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้าสาบาน”
วอลเตอร์เกือบจะร้องไห้ออกมา ปีศาจน้อย เจ้าพึ่งจะพูดอะไรออกมา เจ้าคิดว่ามันฟังดูจริงใจอย่างนั้นหรือ เจ้าพยายามจะทำให้เรื่องแย่ลง หรือพยายามที่จะตัดสินโทษตัวเอง วอลเตอร์รู้สึกขัดแย้งเป็นอย่างมากและหัวใจของเขาปวดร้าว เขารู้สึกว่าเส้นชีวิตของเขานั้นสั่นและดอกเบญจมาศของเขากระชับขึ้น*1 เขายังมีความคิดที่อยากจะกระแทกหัวของเขาเข้ากับผนังอีกด้วย
ถ้าครั้งนี้กงหยู๋ เฟิ่ง ไม่กลับมาแก้แค้น เขาจะยอมเปลี่ยนนามสกุลของเขาเป็นแคลร์เลยคอยดู