ตอนที่ 35 หน้าด้าน น่ารังเกียจ และเล่นสกปรก
สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนจ้องมองตามหลังแคลร์ไป ในขณะที่เธอค่อยๆ เดินขึ้นไปยืนอยู่บนเวที
เจ้าหญิงมอริซดูเป็นกังวลยามมองตามแคลร์ไปทางด้านหลัง หัวใจของเธอนั้นสั่นระริก ขนาดลาเชียร์ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แล้วแคลร์จะสามารถต่อต้านเอาชนะเขาได้หรือ แคลร์จะสามารถเดินออกมาอย่างปราศจากอันตรายใดๆ ได้หรือไม่
“ข้ากลัวว่าพวกเราจะเสียยิ่งกว่าหน้าแล้ว แคลร์ผู้โง่เขลาผู้นั้นไร้ซึ้งความสามารถโดยสิ้นเชิง เธอกลายมาเป็นลูกศิษย์ของคลิฟได้อย่างไรยังเป็นเรื่องลึกลับอยู่จนถึงตอนนี้ มันต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน” เสียงต่ำลอยเข้าไปในหูเจ้าหญิงของมอริซ
“ใช่แล้ว ครั้งนี้เราจะเสียหน้าเป็นอย่างมาก คนงี่เง่าไร้ค่าผู้นั้นช่างกล้าขึ้นไปยอมรับการท้าประลอง เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร”เสียงต่ำอีกเสียงพูดขึ้น
ในช่วงเวลาต่อมา ทั้งสองถึงกับแช่แข็งที่เห็นเจ้าหญิงของมอริซจ้องมองมาราวกับน้ำแข็งที่หนาวเย็น และเต็มไปด้วยความเกลียดชังในทิศทางของพวกเขา พวกเขาไม่เคยเห็นคนอ่อนโยน อย่างเจ้าหญิงมอริซจะมีการแสดงออกเช่นนั้นมาก่อน ทั้งสองรีบปิดปากของพวกเขาทันทีและหดตัวของพวกเขาลง
“มันไม่สำคัญว่าแคลร์จะชนะหรือไม่ อย่างน้อยเธอก็มีความกล้าหาญที่จะยืนขึ้นและยอมรับการต่อสู้เพื่อประเทศของเรา”
น้ำเสียงที่ไม่แยแสของเจ้าชายลำดับที่สองก็ดังขึ้นทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างได้ยินกันไปทั่ว การแสดงออกของพวกเขากลายเป็นซับซ้อน และพวกเขาทั้งหมดก็หุบปากไป แน่นอนว่าพวกเขาเข้าใจในสิ่งที่เจ้าชายลำดับที่สองหมายถึง แคลร์ลุกขึ้นไปอย่างไม่เกรงกลัวที่จะยอมรับการต่อสู้ แต่พวกเขากลับพูดคำพูดที่ดูถูกเหยียดหยามอยู่ด้านหลังของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงต่ำกว่านักไล่ล่าผู้ชายแคลร์เสียอีก
ในขณะที่แคลร์เดินขึ้นไปอย่างช้าๆ เสียงที่ดังของวอลเตอร์ก็ดังขึ้นในหัวของแคลร์
“แคลร์ เจ้าไม่ได้คิดที่จะไปจริงๆ ใช่ไหม เจ้าจะขึ้นไปต่อสู้จริงๆ หรือ”วอลเตอร์เกาหูของเขาด้วยความเป็นห่วง
“ใช่”แคลร์ตอบขึ้นอย่างไร้อารมณ์ ในช่วงเวลาที่เธอตัดสินใจที่จะเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ เธอได้เตรียมพร้อมจิตใจตัวเองไว้แล้ว
“คนผู้นั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แข็งแกร่งมากราวกับเขาเป็นตัวประหลาด เจ้าไม่สามารถที่เอาชนะเขาได้”เมื่อวอลเตอร์ได้ยินการตอบสนองที่ไม่แยแสของแคลร์ เขารู้สึกได้ถึงเศษเสี้ยวของความหวังเท่านั้น
“ไม่ได้” แคลร์ตอบตรงไปตรงมา
“ซิบหายแล้ว แล้วเจ้าจะยังใจเย็นเพื่อ”วอลเตอร์ปะทุขึ้นราวกับภูเขาไฟในขณะที่เขาเห่าหอน เต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธ แคลร์ไม่ได้พูดอะไรแต่แล้วจู่ๆ วอลเตอร์ก็นึกขึ้นมาได้
“เช่นนั้นเจ้าจะรอให้อาจารย์คลิฟช่วยเจ้าหรือ”ในขณะที่เขาพูดขึ้นเขาก็ได้ส่ายหัวเอาความคิดนั้นออกไป ปีศาจน้อยผู้นี้ แน่นอนว่าจะไม่ยอมปล่อยให้เหตการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หากเจ้าต้องการเหตุผล มันจะไม่มีเหตุผลใดๆ ออกมาจากแคลร์ นี้คือความเข้าใจของวอลเตอร์ที่มีต่อแคลร์
แคลร์ยิ้มราวกับดอกไม้แรกแย้ม เดินขึ้นไปบนเวทีอย่างช้าๆ และก็มาอยู่ตรงหน้าของกงหยู๋ เฟิ่งแล้วในตอนนี้
“ข้าไม่อยากตาย”วอลเตอร์รู้สึกได้ถึงหยดเหงื่อเย็นของเขา ตอนนี้เขาเป็นเพียงวิญญาณที่เชื่อมต่อกับหินจิตวิญญาณเท่านั้น ชายหนุ่มที่มีความแข็งแกร่งผู้นั้นแน่นอนว่าเขาสามารถที่จะสังหารแคลร์ได้ สำหรับก้อนหินอย่างเขา อนาคตของเขาก็จะเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที
“เจ้าจะไม่ตาย”แคลร์พูดขึ้นอย่างเย็นชา
“แต่เจ้าเอาชนะเขาไม่ได้”วอลเตอร์สั่นเทา หัวใจของเขากำลังจมดิ่งลงไป
กงหยู๋ เฟิ่งมองอย่างเย็นชาไปยังสาวผมสีบลอนด์ที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมว่านอกเหนือจากความตื่นเต้น แล้วเขายังรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แม้ว่ามันจะเพียงเล็กน้อย แต่เขารู้สึกความประหม่านั้นจริงๆ
“ข้าต้องขอโทษด้วย ที่ตอนนั้นข้าผลีผลามฝ่าฝืนกฎและแทรกแซง แต่ข้าไม่สามารถทนดูเจ้าสังหารน้อยสาวของข้าได้”แคลร์ยิ้มในขณะที่ขอโทษ แต่คำพูดของเธอไม่ได้รู้สึกถึงการขอโทษเลยแม้แต่น้อย
“ฮึ”กงหยู๋ เฟิ่งส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่สนใจ ที่แคลร์มองแผนการของเขาออก กงหยู๋ เฟิ่งวิเคราะห์หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าของเขา แม้ว่าเธอจะคล้ายกับหญิงสาวก่อนหน้านี้ ลาเชียร์ แต่พวกเธอสองคนก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สายตาที่ลึกซึ้งน่าใจหายของเธอ ปล่อยกลิ่นอายอันตราย และกลิ่นอายของฆาตกรรมออกมา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้หญิงคนนี้ต้องเหมือนเขาอย่างแน่นอน เป็นนักฆ่าที่มีความเชี่ยวชาญ ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง เขาจำเป็นจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
“หยุดทิ้งลมหายใจของเจ้าให้เสียเปล่า เริ่มได้แล้ว”กงหยู๋ เฟิ่ง หัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา เริ่มต้นการต่อสู้ แม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าของเขาจะเป็นนักฆ่าที่มีความเชี่ยวชาญจริง แล้วจะอย่างไร ในการแข่งขันครั้งนี้ มือสังหารไม่มีความได้เปรียบแม้แต่น้อย มือสังหารจะลอบสังหารในที่มืด โดยที่ไม่คาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จ ที่จะนำภัยคุกคามมาสู่ตัวเอง ตอนนี้ นักเวทย์ผู้อ่อนแอ่ได้เปิดเผยตัวตนของเธอต่อหน้าเขา การโจมตีทางจิตวิญญาณ ฮ่า ๆ คิดว่าเขาจะหลงกลการโจมตีในรูปแบบเดิมอีกครั้งอย่างนั้นหรือ แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างแท้จริง ที่ผู้หญิงคนนี้รู้วิธีการโจมตีทางจิตวิญญาณเช่นนี้ได้
แม้ว่าเขาจะรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่กงหยู๋ เฟิ่งคิดว่าเขาจะชนะมันอย่างง่ายได้ อีกอย่าง เขาจะทำให้เธอต้องจ่ายราคาสำหรับการลอบโจมตี จ่ายเป็นชีวิตของเธอเลยด้วยซ้ำ
กงหยู๋ เฟิ่ง สวดบทคาถาก่อนหน้าขึ้นอีกครั้ง เพื่อสร้างเหล่าน้ำแข็งขึ้นมาเพื่อทดสอบแคลร์ แคลร์ปล่อยโล่ไฟป้องกันการโจมตีที่เกิดอย่างรวดเร็ว ทั้งสองดูเหมือนการต่อสู้ทั่วไป แต่ในประกายตาของทั้งสองฝ่าย ต่างเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจน
มุมปากของกงหยู๋ เฟิ่ง โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเยือกเย็น อย่างที่คาดไว้ พลังของเธอไม่ได้มีมากมายอะไร เขาอาจจะสังหารเธอได้โดยตรง ถ้าเขาดึงระยะทางของพวกเขาออกจากกัน และใช้เวทมนตร์ขั้นสูง กงหยู๋ เฟิ่งส่งเสียงเย็นขึ้นจมูก ก่อนจะถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว ดึงระยะทางของพวกเขาออกจากกัน จากนั้นเขาก็เริ่มต้นสวดบทคาถาเวทย์อย่างรวดเร็ว
ทุกคนมองอย่างเป็นห่วงไปยังสถานการณ์บนเวที ขณะที่พวกเขาเฝ้าดู กงหยู๋ เฟิ่ง สวดบทคาทาเวทย์อย่างรวดเร็ว ในขณะที่แคลร์ยังคงยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ทุกคนต่างมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันออกไป
นักเรียนของสถาบันซันไรส์กัดฟันของพวกเขา พวกเขามีการแสดงออกที่มีความซับซ้อน หัวใจของพวกเขาเกิดการขัดแย้งกันขึ้น ไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มกงหยู๋ เฟิ่ง ผู้นั้น ถึงได้ชี้ไปที่แคลร์และเรียกเธอออกมาเพื่อทำการแข่งขัน ถ้าแคลร์ชนะ แน่นอนว่าพวกเขาจะได้รับเกียรติของพวกเขากลับ ได้รับความภาคภูมิใจของพวกเขากลับมาเช่นกัน แต่ถ้าแคลร์ นักไล่ล่าผู้นายคนนันชนะ...แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา แล้วพวกเขาจะอยู่ในตำแหน่งใด
บรรดาขุนนางยืดคอของพวกเขาไปข้างหน้า ด้วยลมหายใจที่น้อยลงเรื่อยๆ ในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูฉากบนเวที การแสดงออกของหลายๆ คนยกคำพูดเหล่านี้ขึ้นมา “ข้าบอกเจ้าแล้ว”ไว้บนหน้าใบของพวกเขา แน่นอนว่าการที่แคลร์ขึ้นไปที่นั้นก็เพื่อทำให้พวกเขาเสียหน้า เธอจะสามารถเอาชนะการโจมตีจากชายหนุ่มผู้นั้น คนที่เคยทำให้ลาเชียร์พายแพ้มาแล้วได้อย่างไร
กงหยู๋ เฟิ่งสวดคาถาเวทย์เร็วขึ้นและเร็วขึ้น เพราะเขารู้สึกถึงความไม่สบายใจที่เริ่มเกาะตัวขึ้น นี่คือสัญชาตญาณของนักฆ่า มันไม่มีข้อสงสัยอย่างแน่นอน
กงหยู๋ เฟิ่ง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าใบหน้าของแคลร์นั้นเริ่มปรากฏร้อยยิ้มขึ้นอย่างช้าๆ เป็นรอยยิ้มเยือกเย็นมากและดูเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
“กงหยู๋ เฟิ่ง ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่าท่านนั้น หล่อเหลามาก ข้าเกือบจะหลงเสน่ห์ของท่านเสียแล้ว”รอยยิ้มที่สดใสเบ่งบานขึ้นบนใบหน้าที่สวยงามของแคลร์ในขณะที่เธอพูดขึ้นเบา ๆ คำว่า “มีเสน่ห์” เธอได้เดินตรงไปที่กงหยู๋ เฟิ่ง ในขณะนั้น เธอดูน่าสนใจ และดูมีเสน่ห์มาก มีเสน่ห์ในสายตาของทุกคน
กงหยู๋ เฟิ่งราวกับกำลังถูกแช่แข็งสวดคาถาเวทย์ไม่จบด้วยซ้ำ
ช่วงเวลาต่อมา รัศมีสีเขียวระเบิดออกมาจากตัวของแคลร์ มันมีความกระจ่างใสจนทำให้ผู้คนแทบตาบอด จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปที่กงหยู๋ เฟิ่งอย่างรวดเร็ว คนที่ยังไม่กลับมาเป็นตัวของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
มันคือพลังลมปราณ
มันเป็นพลังลมปราณจริงๆ
และมันก็เป็นพลังลมปราณของนักรบขั้นสูงสีเขียวเสียด้วย
นักรบเวทมนตร์อย่างนั้นหรือ
นักไล่ล่าผู้ชายแคลร์แท้จริงแล้วเป็นถึงนักรบเวทย์
รู้ทั้งเวทมนต์และการใช้พลังลมปราณ
ผู้คนทั่วทั้งสนาม ทั้งหมดถูกต้มเดือดอีกครั้งราวกับน้ำร้อน ไปยังจุดที่มันนอกเหนือจากการเปรียบเทียบได้ สวรรค์มันพลังลมปราณจริงๆ ทุกคนจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้านักเวทย์เปิดโอกาสให้นักรบเข้ามาใกล้ตัวของพวกเขา
หลายคนเปิดปากของพวกเขา และลืมที่จะปิดมันลง คนอื่น ๆ เริ่มหยิกแขนของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการยับยั้งแม้ว่ามันจะเริ่มช้ำ และยังมีคนอื่น ๆ ที่รู้สึกว่าวิสัยทัศน์ของพวกเขาเริ่มมืดลงและท้องฟ้าเหมือนจะยุบตัวลงมา ดยุค กอร์ดอน จ้องมองราวกับคนโง่เขลาไปที่แสงกระจ่างใสสีเขียวที่ส่องแสงอยู่บนเวทีและลืมที่จะคิดสิ่งใด เจ้าหญิงมอริซก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เลือดสูบฉีดวิ่งไปที่แก้มของเธออย่างรวดเร็ว เจ้าชายลำดับที่สองหันหัวของเขาเล็กน้อย ก่อนที่จะพบกับสายตาของจีน จีนยกมุมปากของเขาขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เกือบมองไม่เห็น
บนที่นั่งพิเศษ ดวงตาของสมเด็จพระราชาเปิดกว้างขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีการแสดงออกอื่น ๆ บนใบหน้าของเขา คลิฟขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด ใบหน้าของเอกอัครราชทูตนั้นขาวซีด มือของเขาจับที่วางแขนของเก้าอี้ของเขาไว้แน่น สมเด็จพระสันตะปาปามองไปที่เวที ด้วยดวงตาที่ปิดครึ่งหนึ่งของเขาและยังคงสงบเงียบ มีเพียงสมเด็จพระราชินีเท่านั้นที่ดูมีความสุขในตอนนี้
แต่ตอนนี้บนเวที กงหยู๋ เฟิ่ง เริ่มที่จะกังวลใจเล็กน้อย มันไม่เคยอยู่ในความคิดที่ลึกที่สุดของเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กสาวผู้นี้นอกจากจะเป็นนักเวทย์และนักฆ่าแล้ว เธอยังเป็นนักรบอีกด้วย เขานั้นมีความรวดเร็วมากพอที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีของนักรบได้ แม้ว่าเวทีจะใหญ่มาก และเขาก็เพิ่งถอยมาเพื่อที่จะเพิ่มระยะห่างระหว่างพวกเขา จึงเกือบจะไม่มีที่ว่างอยู่ทางด้านหลังเขาแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นนักเวทย์ที่มีทักษะในการลอบสังหาร แต่เขายังไม่สามารถที่จะป้องกันหมัดที่แข็งแกร่งของนักรบในการต่อสู้ระยะประชิดได้
วอลเตอร์กรีดร้องหัวของเขาแทบจะหลุดออกมาในหัวของแคลร์ หน้าด้านไร้ยางอายมาก ไม่มีใครไร้ยางอายมากกว่าปีศาจน้อยผู้นี้อีกแล้ว ไม่มีใครชั่วร้ายไปกว่าของเธออีกแล้ว หน้าด้านพอที่จะบอกอะไรบางอย่างที่คลุมเครือ เพื่อที่จะทำให้การสวดถาคาของพวกเขาหวั่นไหว และไม่จดจ่ออยู่กับการสวดอีกต่อไป กงหยู่ เฟิ่งอะไรนะ ท่านหล่อเหลาอย่างมาก ข้าเกือบจะหลงเสน่ห์ท่านไปแล้ว อ่า มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่ปีศาจน้อยจะชอบพอชายหนุ่มหยิ่งยโสที่เธอได้พบเป็นครั้งแรกเช่นนั้น แน่นอนที่สุด แน่นอนที่สุด เมื่อปีศาจน้อยแกล้งทำเป็นน่ารัก คนอื่นๆจะพบกับเคราะห์ร้ายอย่างร้ายแรงที่สุด ไร้ยางอาย น่ารังเกียจ น่าขยะแขยงปีศาจน้อยเล่นสกปรกที่สุด ที่ใช้กลยุทธ์และชั้นเชิงที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้
เหวินโม่สุ่ยเข้าใจในสถานการณ์ของ กงหยู๋ เฟิ่งดีที่สุด ไก่บินได้และสุนัขกระโดดทั้งหมดถึงจะอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันได้ กงหยู๋ เฟิ่งต้องการที่จะฝ่าเข้าไปในเวทีเพื่อจะหลีกเลี่ยงการไล่ล่า แต่มันกลับไม่มีพื้นมากพอสำหรับเขาที่จะทำเช่นนั้นได้ การโจมตีของแคลร์นั้นทั้งเจ้าเล่ห์ และอาฆาต การระเบิดในแต่ละครั้งนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมาก แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีอาวุธใด ๆ แต่แค่หมัดเปลือยเปล่าของเธอก็ทำให้กงหยู๋ เฟิ่ง ตื่นตระหนกได้แล้ว ก้นของเหวินโม่สุ่ยเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ก่อนที่เขาจะยืนขึ้นจ้องมองไปบนเวทีอย่างตื่นเต้นในอาการตระหนกของกงหยู๋ เฟิ่ง และเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะอยู่ภายใน นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นกงหยู๋ เฟิ่งถูกไล่ล่าไปรอบๆ เช่นนี้เหมือนลูกหมา มันก็เป็นความบันเทิงที่มากเกินไป
กงหยู๋ เฟิ่งได้รับความเดือดร้อนในความเงียบที่ขมขื่น ทุกครั้งแคลร์จะปิดกั้นเส้นทางของเขาไว้ได้อย่างถูกต้อง และโจมตีกลับมาอย่างร้ายกาจ ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะสวดคาถาเวทย์ แม้แต่การหลบด้วยร่างกายที่ว่องไวของเขายังกลายเป็นเรื่องยาก ทุกครั้งที่เขาถูกตี เขาจะทำหน้าบูดบึ้ง เขาได้สูญเสียจิตใจที่สูงส่งก่อนหน้านี้ของเขาไปแล้ว ผู้หญิงร้ายกาจผู้นี้ การโจมตีแต่ละครั้งนั้นแม่นยำเสมอ ช่างเป็นการคำนวณที่ผิดผลาดจริงๆ คำนวณผิดอย่างมาก ผู้หญิงคนนี้รู้วิธีการใช้พลังลมปราณ
“อย่าให้มันมากนัก”กงหยู๋ เฟิ่งหอบในขณะที่ร่างกายที่น่าสงสารของเขากำลังหลบการโจมตีจากแคลร์
การแสดงออกของแคลร์กลายเป็นน้ำแข็งอย่างสมบูรณ์ เธอไม่ได้พูดอะไร และตรงกันข้ามเธอได้ปิดกั้นเส้นทางของกงหยู๋ เฟิ่งเอาไว้อีกครั้ง
นักเวทย์ที่ได้ต่อสู้อย่างใกล้ชิดกับนักรบก็เหมือนกับได้เข้าใกล้กับความตาย ตอนนี้ เหตผลเดียวที่กงหยู๋ เฟิ่ง ยังคงต่อสู้มาได้เป็นเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะเขาเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในเทคนิคการลอบสังหาร แต่ความแข็งแรงทางกายภาพของเขากำลังเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แคลร์ยังคงเหมือนเดิม ผมของเธอยังคงดูเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นเดิม
วอลเตอร์รู้สึกตื่นเต้นอย่างบ้าคลั่ง เฝ้ามองดูผู้ชายที่หยิ่งยโสผู้นั้นถูกกดขี่จากน้ำมือของแคลร์ แต่เขาก็ยังถอนหายใจออกมาเกี่ยวกับการฝึกอย่างยากลำบากของแคลร์ที่ผ่านมา ในช่วงเวลานั้น แคลร์เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นเป็นชีวิตประจำวันของเธอ เพราะเธอแอบเรียนรู้พลังลมปราณจากจีน รอยแผลเป็นเหล่านั้นเป็นผลมาจากการซ้อมอย่างหนักของเธอกับจีน การเรียนรู้และการเจริญเติบโตในการใช้พลังลมปราณของแคลร์นั้น ทำให้จีนและวอลเตอร์ต้องตกใจครั้งแล้ว ครั้งเล่า
ความกระตือรือร้นของผู้ชมขึ้นไปถึงท้องฟ้า ไม่มีใครคาดคิดเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น
แล้วผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร