ตอนที่แล้วตอนที่ 30 วิกฤติที่ซ่อนอยู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 32 ไอสังหาร

ตอนที่ 31 การเริ่มต้นที่น่าตกใจ


สามวันต่อมา เอกอัครราชทูตและนักศึกษาจากลากาคก็ได้เดินทางมาถึงเมืองหลวง และพักอยู่ในที่พักหรูหราอยู่ในเมืองหลวง รอวันที่จะทำการแลกเปลี่ยนภายในอีกสองวันข้างหน้า

ในวันที่อากาศสดใสแสงแดดส่องแสงแต่เช้า แคลร์นั่งผิงอยู่ที่ขอบหน้าต่าง มองดูนกน้อยขับร้อง แต่ในหัวกับจมอยู่ในความคิดของตัวเอง

“แคลร์เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่” ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงเบาบางของวอลเตอร์ก็ลอยขึ้นมาในอากาศทางด้านหลังของแคลร์ ร่างกายโปร่งใสของเขาวนเวียนอยู่รอบ ๆ ในห้องพัก หลังจากวอลเตอร์ได้บอกกับแคลร์ในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว สำหรับค่าตอบแทนนั้น เอ็มเมอรี่ได้ค้นพบกับลูกแก้วคริสตัลมืด ที่สามารถทำให้วอลเตอร์ฟื้นความแข็งแรงของเขาได้เล็กๆ น้อยๆ และเขายังใช้เวทมนต์แปลกๆ ทำให้ตอนนี้วอลเตอร์สามารถออกมาจากหินวิญญาณได้ไกลออกไปได้นิดหน่อยด้วย

นอกจากนี้เขายังสามารถที่จะซ่อนกลิ่นอายของเขา เพื่อว่าเขาจะได้พบเจอพลังอำนางที่ยิ่งใหญ่อย่างเจ้าชายผู้ศักดิ์สิทธิ์อีก มันจะทำให้เป็นการยากขึ้นในการที่จะมีใครสามารค้นพบการมีตัวต้นอยู่ของเขาได้ ในตอนนี้ วอลเตอร์มีประโยชน์มากขึ้นในการให้ความช่วยเหลือแคลร์ มากกว่าตอนที่เขาเป็นเพียงมายาเวทย์เท่านั้น เพราะเขาสามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้นและถูกต้องมากยิ่งขึ้นไปอีก

แคลร์หันไปรอบๆ ก่อนจะเห็นวอลเตอร์อยู่ข้างๆ ของเธอ ในตอนนี้ภาพของวอลเตอร์เป็นภาพโปร่งใส แต่ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน การปรากฏตัวของวอลเตอร์นั้นดูเหมือนจะชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลังจากที่เอ็มเมอรี่ได้เต็มพลังความแข็งแกร่งบางส่วนให้กับเขา ลักษณะและพฤติกรรมลามกอนาจารของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์แบบ วอลเตอร์กลายเป็นคนน่ารักและละเอียดอ่อนขึ้น ใช่แล้ว ตอนนี้วอลเตอร์กลายเป็นคนที่น่ารักมาก เขาบอบบาง ผมสีดำ ดวงตาสีเหลืองอำพันคู่นั้น ภาพลักษณ์ของเขาราวกับนักวิชาการผู้อ่อนแอ เด็กผู้ชายที่งดงาม แต่ทั้งหมดก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาเปิดปากของเขาขึ้น เขาขัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยากจะรู้ความคิดของแคลร์ เหตุผลใหญ่ๆ ที่เขาต้องการที่จะรู้ถึงความคิดของแคลร์นั้น ก็เพราะว่าเขาไม่สามารถที่จะอ่านความคิดของปีศาจน้อยผู้นี้ได้ ผู้ใช้มนต์ดำอย่างเขา วอลเตอร์เคยภาคภูมิใจในตัวเองเสมอมา ในการอ่านผู้คนจากความคิดภายในของพวกเขา จากนั้นก็ใช้มันเป็นจุดอ่อนของพวกเขา เพื่อทำให้เขาบรรลุเป้าหมายอย่างที่คาดหวังไว้ แต่อย่างไรก็ตาม เทคนิคเหล่านี้ไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์กับแคลร์ เขาไม่สามารถมองผ่านแคลร์ได้แม้แต่น้อย แล้วจะไปนับประสาอะไรกับการหาจุดอ่อนของเธอ วอลเตอร์เห็นแคลร์มองมาอย่างเงียบ ๆ ทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ปีศาจน้อยผู้นี้ดูน่าสะพรึงกลัวที่สุดยามที่เธอเงียบแบบนี้ เพราะเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เขารู้สึกเหมือนว่าเขากำลังถูกจ้องมองมาโดยอสรพิษ

“ในครั้งนี้ การแลกเปลี่ยนนักเรียนของระหว่างสองสถาบันดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่เห็น ข้ายังไม่เห็นท่านอาจารย์เอ็มเมอรี่เลยทั้งวัน และท่านปู่ก็ดูเหมือนว่ากำลังกังวลอยู่จริงๆ”แคลร์พูดขึ้นในน้ำเสียงที่ต่ำพร้อมกับหน้ามุ่ยเล็กน้อย เธอมักจะมีความรู้สึกว่าบางอย่างกำลังตั้งเค้าขึ้น และมันก็เป็นความรู้สึกที่ไม่ดีอีกด้วย

วอลเตอร์เงียบลงทันที เขาช่วยไม่ได้ที่จะยอมรับสัญชาตญาณของแคลร์ที่มักจะแม่นยำถูกต้องอยู่เสมอ

“ใช่ การแข่งขันในครั้งนี้ ปู่ของเจ้าได้พูดเอาไว้ว่าพวกเขาจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด” หลังจากเงียบไปสักพัก วอลเตอร์ในที่สุดก็ได้บอกแคลร์ในสิ่งที่เขาได้ยิน จากการปกปิดกลิ่นอายของเขาและแอบฟังในวันนั้น

แพ้ไม่ได้อย่างเด็ดขาดอย่างนั้นหรือ

“นอกจากนี้ปู่ของเจ้า ยังบอกอีกว่าเขาจะไม่ยอมให้เจ้าเข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้เพราะกลัวว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บอีกด้วย” วอลเตอร์เพิ่มเติมขึ้นอีก

แคลร์แข็งค้างไปชั่วครู่ และดวงตาของเธอก็อ่อนลงเล็กน้อย แต่มันก็เบาบางจนวอลเตอร์ไม่สามารถที่จะสังเกตได้

พื้นที่ที่กำหนดไว้สำหรับการแข่งขันเป็นสนามกีฬากลางแจ้งของสถาบันซันไรส์ บนยอดสูงสุดของอัฒจันทร์ มีเพียงที่นั่งพิเศษไม่กี่ที่เท่านั้นที่ได้เตรียมไว้ให้กับผู้คนสำคัญ พื้นปูด้วยพรมสีแดงและมีเบาะที่ทำจากต้นข้าวสาลีที่มีคุณภาพวางไว้บนเก้าอี้ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นที่นั่งที่เย็นสบายและสะดวกสบายในช่วงฤดูร้อนเช่นนี้ที่สุด เบาะกำมะหยี่นุ่มไม่เหมาะสมในช่วงเวลานี้ของปี บนโต๊ะเล็ก ๆ ทางด้านข้าง มันมีถาดเงินที่เต็มไปด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันไปของผลไม้ที่มีราคาแพง ด้านบนมีผ้าไหมสีดำที่เรียบรื่น ปกคลุมเอาไว้ สกัดกั้นและดูดซับรังสีของดวงอาทิตย์ที่จะกระทบลงมา ส่วนทางด้านหลังที่นั่งมีสาวใช้สองคนยืนอยู่พร้อมพัดอยู่ในมือของพวกเขา พร้อมที่จะให้บริการผู้ที่จะมานั่งในเก้าอี้แห่งนี้ในทันที

และถึงแม้ว่าจะมีที่นั่งที่จัดเตรียมไว้อยู่ข้างๆ ออกไป แต่มันก็ไม่ได้มีข้ารับใช้ใด ๆ รอคอยที่จะให้บริการ หรือหมอนที่ทำจากต้นข้าวสาลีแต่อย่างใด ที่นั่งเหล่านั้นมีไว้สำหรับรัฐมนตรีและขุนนางต่างๆ นั้นเอง ส่วนที่เหลือของอัฒจันทร์มีไว้สำหรับนักเรียนจากทั้งสองประเทศ

ธงรูปดอกเรดบัด พลิ้วไหวโบยบินสูงขึ้นไปอยู่ในท้องฟ้า และวงดนตรีที่มีระเบียบวินัยและแต่งตัวอย่างดงามก็ได้ยืนอยู่ทางด้านหลังของอัฒจันทร์ การแสดงออกบนใบหน้าของพวกเขานั้นจริงจังเป็นอย่างมาก และแม้ว่าพู่สีทองที่อยู่บนไหล่ของพวกเขาจะโผบินไปกับสายลม แต่พวกเขานั้นกลับยืนอย่างสงบนิ่ง แตรยาวสีทองกำลังเฝ้ารอสมเด็จพระราชา เพื่อการประกาศการมาขึ้นของพระองค์ และการประกาศการเริ่มต้นของการแข่งขันในครั้งนี้ ในเวลานี้บรรยากาศเคร่งขรึมและเงียบสงบได้ครอบคลุมไปทั้งสนามเรียบร้อยแล้ว

เป็นเพราะพื้นหลังของแคลร์ เธอจึงได้นั่งอยู่ที่เบาะนั่งที่ใกล้เคียงกับที่นั่งพิเศษมากที่สุด ส่วนจีนและข้ารับใช้คนอื่น ๆ ของเหล่าบุคคลชั้นสูงทั้งหลายต่างได้ยืนอยู่ทางด้านหลังสุดของอัฒจันทร์ อัฒจันทร์ทั้งสองข้างต่างเต็มไปด้วยเหล่าขุนนางอย่างรวดเร็ว บ้างแคลร์ก็รู้จัก บ้างก็ไม่รู้จัก นี้เป็นครั้งแรกที่แคลร์ได้ค้นพบว่ามีเหลาขุนนางจำนวนมากมายอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ พวกเขามาอยู่ที่นี่มากกว่างานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าหญิงเสียอีก แต่ก็อย่างว่าไม่ใช่ว่าเหล่าขุนนางทั้งหลายจะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงในวังได้ทุกคน แต่การแข่งขันครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ขุนนางทุกคนสามารถเข้ามาได้ดู

และแล้วตัวแทนของทั้งสองสถาบันเดินออกมา แน่นอนว่าลาเลียร์ก็เป็นหนึ่งในตัวแทนของสถาบันซันไรส์ เด็กสาวที่ส่องแสงผู้นี้ชนะขาดลอยในรอบนี้กับเสียงตบมือในทันทีที่เธอปรากฏตัวขึ้น เธอเป็นเหตุผลที่พวกเขาชนะในการแข่งขันครั้งที่แล้ว การแข่งขันที่ผ่านมามีสามรอบด้วยกัน ทั้งสองฝ่ายต่างชนะในคนละรอบ และเมื่อทั้งสองรอบจบลง เธอต่อสู้ในรอบสุดท้าย และเธอเป็นผู้ชนะ พร้อมกับชนะความเทิดทูนบูชาและการเฝ้าติดตามของหลายๆ คนที่มีต่อเธอ

คนให้กำลังใจพร้อมกับดอกไม้จนแทบจะเต็มท้องฟ้า เกือบจะท่วมเวทีเลยด้วยซ้ำ

“น่าเบื่อจริงๆ”น้ำเสียงที่แสดงถึงความใจร้อนดังขึ้นในหัวของแคลร์

“ครั้งนี้ ฝ่ายตรงข้ามของสถาบันซันไรส์ดูจะไม่ใช่เล่นๆ เสียแล้ว”

แคลร์มองอย่างเยือกเย็นไปที่นักเรียนฝ่ายตรงข้าม สายตาของเธอกลายเป็นลึกล้ำเข้าไปอีก ในภาพสภาพแวดล้อมเหล่านี้ กับเสียงเชียร์ที่ดังสนั่นขนาดนี้ แต่กับไม่มีผลกระทบต่อฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย การแสดงออกของพวกเขายังคงเหมือนก่อนหน้า และมันก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้เข้ารวมแข่งขันเท่านั้น นักเรียนคนอื่นๆ ยังคงเงียบและสนงนิ่งเช่นเดียวกัน ในครั้งนี้ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต่อกรกับมัน

ในขณะที่แคลร์กำลังขบคิด เสียงเป่าทรอมโบนก็ดังก้องขึ้น เสียงของมันดังขึ้นไปถึงท้องฟ้า

สมเด็จพระราชาได้มาถึงแล้ว

สมเด็จพระราชาสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อดีงดงามที่ดูเป็นทางการ พระองค์ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของประชาชน เพียงแค่พระองค์โบกมือไปมาเล็กน้อย เสียงโห่ร้องและเสียงตบมือก็ดังสนั่นขึ้น สมเด็จพระราชินียังคงแต่งตัวงดงามเช่นเดิม เดินตามหลังมาเงียบๆแต่กลับเต็มไปด้วยเกียรติและความสง่างาม อยู่ทางด้านหลังของสมเด็จพระราชาคือชายสูงอายุผู้หนึ่งเขาใส่เสื้อคลุมสีขาวราวกับหิมะ ผู้ที่ดูเคร่งขรึมและสง่างาม ในที่สุดใครบางคนก็ร้องตะโกนขึ้น นั้นคือสมเด็จพระสันตะปาปา สมเด็จพระสันตะปาปาถึงกับมาที่นี่ด้วยตัวเองเพื่อชมการต่อสู้ในครั้งนี้ มันเกิดอะไรขึ้น มันเป็นเพียงการแข่งขันของการแลกเปลี่ยนระหว่างนักเรียนเท่านั้นไม่ใช่หรือ อะไรหรือเหตุผลที่ทำให้สมเด็จพระสันตะปาปารมาด้วยตัวเองในครั้งนี้

“โฮ ไอ้แก่สารเลวคนนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าจะยังไม่ตายอีก”วอลเตอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยและเบื่อหน่ายดังขึ้นในหัวของแคลร์ เห็นได้ชัดว่าสมเด็จพระสันตะปาปา ผู้ที่ทุกคนเคารพนับถือเป็นเสมือนของเสียในหัวใจของวอลเตอร์

แต่ดวงตาของแคลร์หรี่ลง ก่อนที่เธอจะเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา สำหรับการแข่งขันของนักเรียนก่อนหน้านี้ อย่างมากที่สุดก็คือเสื้อคลุมสีแดงอย่างพระคาร์ดินัลอาจจะเข้ามาชมดู แต่เวลานี้สมเด็จพระสันตะปาปามาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง ทำไมกัน

จากทางด้านขางของสมเด็จพระสันตะปาปามาลงไปคือเอกอัครราชทูตจากลากาค และดยุค ดูผิวเผิน ใบหน้าของเขาดูเหมือนลำไส้ที่หล่อเลี้ยงไขมัน แต่ดวงตาที่แวววาวที่มีประกายเพียงเล็กน้อยของเขา บอกแคลร์ว่าแม้ว่าคนผู้นี้จะหน้าตาเหมือนหมู แต่เขาก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาดูเหมือนว่าจะง่าย

ผู้ที่นั่งอยู่บนแท่นด้านบน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น สมเด็จพระราชาและสมเด็จพระชาชินี สมเด็จพระสันตะปาปา ดยุคกอร์ดอน และคลิฟ

หลังจากที่พวกเขานั่งลง เสียงเป่าทรอมโบนที่ดังก้องก็ได้หยุดลง

ในทันใดนั้นเอง ก่อนที่ทุกคนจะได้กลับมาเป็นตัวของพวกเขา ก็มีเสียงกระพือปีกมากมายดังขึ้นบนท้องฟ้า จากนั้นท้องฟ้าก็เริ่มมืดและลมก็เริ่มพัดอย่างผิดปกติเกิดขึ้น

จู่ๆ กลุ่มของเงาที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยก็ได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า บรรดาชุดสีดำทั้งหลาย รองเท้าบูธที่เงางาม พู่สีทองบนอินทรธนูของพวกเขาเต้นรำไปกับสายลมอย่างรื่นเริง กลิ่นอายที่หยิ่งสโยของพวกเขา และการแสดงออกระหว่างหัวคิ้วของพวกเขา ทั้งหมดล้วนมองดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก ม้าที่อยู่ใต้ร่างของพวกเขา ทุกตัวมีร่างกายและกรงเล็บของสิงโต และมีหัวและปีกของนกอินทรี

กริฟฟิน

มันเป็นหน่วยของอัศวินกริฟฟินแห่งอัมพารค์แลนด์นั่นเอง ที่มีหน้าที่ปกป้องสมเด็จพระราชาโดยตรง มันมีพลังที่แข็งแกร่งและเชื่อฟังคำสั่งจากสมเด็จพระราชาเพียงผู้เดียวเท่านั้น มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระราชวงศ์ คือการป้องกันที่มีศักยภาพอย่างมากมาย และตอนนี้พวกเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างน่าตกใจต่อหน้าของทุกคน

คนที่อยู่ด้านล่างเริ่มตะโกนขึ้น การแสดงออกของเอกอัครราชทูตเปลี่ยนไปในทันที ก่อนที่เขาจะแอบมองไปที่สมเด็จพระสันตะปาปาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา หลังจากที่ได้เห็นสมเด็จพระสันตะปาปาไร้ซึ้งอารมณ์ใดๆ เขาก็ถอนหายใจออกมา หลังจากที่ไม่มีอะไรแล้ว เขาก็มองไปที่นักเรียนของประเทศของเขาซึ่งนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ทางด้านล่าง การแสดงออกของนักเรียนส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงไป และพวกเขาก็ได้สูญเสียท่าทีที่สงบก่อนหน้าไปเรียบร้อยแล้ว หัวใจของเขาที่พึ่งจะสงบลงได้ มันเริ่มร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าการปรากฏตัวขึ้นของหน่วยอัศวินกริฟฟินในครั้งนี้ เป็นการแสดงอำนาจของสมเด็จพระราชา ครั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้จะยากที่จะคาดการณ์ได้จริงๆ

แคลร์มองดูหน่วยกริฟฟินที่มีระเบียบวินัยที่อยู่กลางอากาศในตอนนี้ด้วยความสนใจ ผู้นำที่อยู่ด้านหน้ามองค่อนข้างคล้ายกับแคลร์ เขาคือพี่ชายคนโตคนที่สองของแคลร์นั่นเอง เอริค ฮิลล์ เอริคผู้มีความแข็งแกร่งอย่างมาก เหมือนกับคนอื่นๆ นอกจากนี้ยังรักและตามใจ ลาเชียร์ผู้มีความสามารถและฉลาดอีกด้วย และที่สำคัญเขาเกลียดชังนักไล่ล่าผู้ชายอย่างแคลร์เป็นที่สุด

แล้วหน่วยอัศวินกริฟฟินจู่ๆ ก็ได้หายไปท่ามกลางเสียงร้องตะโกนของผู้คน มันไม่มีเหตุผลที่จะแสดงอำนวจลึกลับและแข็งแกร่งเหล่านี้ต่อไป เมื่อสมเด็จพระราชาได้ในสิ่งที่พระองค์ต้องการแล้ว

“แคลร์.....” ทันใดนั้นเอง เสียงที่เล็กและเบาก็ได้ดังขึ้น ดึงให้แคลร์กลับมายังความเป็นจริง

แคลร์หันกลับไปมอง ก่อนจะเห็นเป็นเจ้าหญิงมอริซ ผู้ที่มีรอยยิ้มประดับใบหน้าของเธออยู่ในตอนนี้

“ใต้ฝ่าพระบาท” แคลร์ยิ้มและพยักหน้าเบา ๆ

“ข้ายังไม่มีเวลาได้พูดคุยกับเจ้าเลย แต่ข้าก็ชอบของขวัญที่เจ้าให้จริงๆ นะ ข้าชอบมันมาก ขอบใจเจ้ามาก”เจ้าหญิงมอริซเห็นได้ชัดว่าเธอนั้น มีความสุขอย่างมาก และขอบคุณแคลร์หลายครั้งในน้ำเสียงที่เบา

แคลร์ยิ้ม

“ฝ่าบาททรงชอบมันก็ดีแล้วเพคะ”

ในขณะที่คนทั้งสองกำลังทักทายกันอย่างเงียบๆ สมเด็จพระราชาก็ได้ประกาศรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศจากการแข่งขันครั้งนี้ขึ้น แล้วทุกคนที่อยู่ในที่นี่ก็เดือดขึ้นอีกครั้ง

แกนของสัตว์เวทย์กระดับเก้า ไม้คทาวิเศษและดาบ ไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายสำหรับรางวัลแรก ไม้คทาวิเศษเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของปราชญ์พ่อมด สามารถที่จะเรียกใช้สามบทเวทย์ที่มีองค์ประกอบที่แตกต่างกันได้ในทันที ส่วนดาบนั้นมีชื่อที่เรียกกันว่าดาบไร้เทียมทาน แน่นอนว่าลักษณะของคุณภาพยอมต้องเกินจะบรรยายได้ หั่นผ่านเหล็กราวกับว่ามันเป็นโคลนตม แต่ที่สำคัญที่สุดมันคือดาบวิเศษ ด้วยการเพิ่มพลังของความเฉื่อยชาลงไป ถ้าคนที่ได้รับบาดเจ็บจากดาบเล่มนี้ มันจะทำให้การกระทำของเขาช้าลง รางวัลเหล่านี้คือความใจกว้างของผู้ให้อย่างแท้จริง

แต่แคลร์กับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป

“แคลร์ ไม้คทาวิเศษอันนั้นก็ไม่เลวเท่าไหร่ ฮ่า ฮ่า และแกนสัตว์เวท์ระดับเก้าก็ใช่ได้เช่นกัน”วอลเตอร์หัวเราะหยาบโลนในหัวของแคลร์

และแล้วการแข่งขันก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในที่สุด ต้องชนะสองในสามถึงจะถือว่าเป็นฝ่ายชนะ

ลาเชียร์ยังคงเป็นผู้แข่งขันรอบสุดท้าย สู่กับนักเวทย์ของฝ่ายตรงข้าม สิ่งที่น่าขบขันที่สุดก็คือศัตรูของลาเชียร์ ก็คือเด็กหนุ่มที่เคยพายแพ้ให้กับลาเชียร์ในการแข่งขันครั้งที่แล้ว เด็กหนุ่มผู้นั้นกลับนอนราบอย่างเกียจคร้าน โดยไม่ได้ให้ความสนใจใดๆ เป็นพิเศษต่อลาเชียร์เลยด้วยซ้ำ หัวของเขามีผมสีแดงเจิดจ้า เขามีคำว่าอดทนเขียนไว้บนคุณสมบัติที่หล่อเหล่าของเขา เขาเพียงกลิ้งกลอกดวงตาของเขาไปมา ในขณะที่เขารับฟังการพูดคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาเท่านั้น แคลร์มุ่งเน้นจ้องมองไปที่ริมฝีปากของอาจารย์ที่ปรึกษาของเขา และความรู้สึกอึดอัดใจก็ปรากฏขึ้นทันที

“กงหยู๋ เฟิ่ง เจ้าฟังอยู่หรือเปล่า เราพายแพ้ครั้งที่แล้วเป็นเพราะเจ้ากินอาหารขยะมากจนเกินไป และมีอาการท้องเสีย ครั้งนี้เจ้าอย่ากินอะไรแปลกๆ อีกเด็ดขาด เข้าใจไหม เข้าใจไหมๆๆ”อาจารย์ที่ปรึกษามองไปที่ลูกศิษย์ที่มีทางทีไม่แยแสของเขา กังวลเกือบตาย เขาต้องการการรับรองจากเด็กหนุ่มอ ย่างมากมาย

“วอลเตอร์”แคลร์เรียกขึ้นเบาๆ

“อะไร”วอลเตอร์ตอบรับขึ้นทันที

“เจ้าจำชื่อสกุลของเจ้าชายศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นได้หรือไม่ หลิงอวิ้น เหลิ่ง แล้วตอนนี้นักเรียกของฝ่ายตรงข้ามอีก กงหยู๋ เฟิ่ง ทำไมชื่อสกุลของพวกเขาถึงได้ฟังดูแปลกๆเช่นนี้” แคลร์ถามขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด