ตอนที่แล้วตอนที่ 24 ไปยังสภาแห่งเวทมนต์ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 ความจงรักภักดีต่อปีศาจ

ตอนที่ 25 ให้ข้าเห็นความซื่อสัตย์ของเจ้า


ลาเชียร์ไม่สามารถที่จะสงบใจของเธอลงได้ และไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอได้ ปราชญ์พ่อมดคลิฟในตำนานแสดงท่าทางอย่างสนิทสนมต่อคนโง่เง่าเช่นนั้น แม้กระทั่งประจบเธอด้วย ความเกลียดชัง อิจฉาริษยา และไม่พอใจ ลาเชียร์กลืนอารมณ์เหล่านั้นลงไปในทันที

“ท่านอาจารย์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นค่ะ ทำไมคนโง่เง่าผู้นั้นถึงได้สนิทสนมกับท่านคลิฟได้ค่ะ” ลาเชียร์ขบฟันของเธอเพื่อผลักดันความรู้สึกของเธอลงไปเหมือนเดิม ถ้าแคลร์อยู่ต่อหน้าของเธอในตอนนี้ เธอคงจะกระโดนกัดเธอไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว เธอสมควรจะเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถและเป็น อัจฉริยะ เธอคนที่โลกหมุนอยู่รอบๆ ตัวของเธอ คนปัญญาอ่อนผู้นั้นได้ปีนขึ้นมาอยู่บนหัวของเธอแล้วในตอนนี้

“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ข้ารู้ก็คือ ตอนนี้อาจารย์ได้รับเธอเป็นลูกศิษย์ของเขาแล้ว และปฏิบัติกับเธออย่างทุ่มเทมากเสียด้วย” โมซาร์ทถอนหายใจออกมาเบา ๆ เขาเข้าใจความรู้สึกของลาเชียร์ในตอนนี้ แต่แคลร์ก็ได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ของเขาแล้ว มันเป็นเรื่องที่เปลี่ยนไม่ได้ เขาได้แต่หวังว่านี้คงจะไม่ใช่เรื่องที่เกินจะรับได้ สำหรับลูกศิษย์ที่ภาคภูมิใจและหยิ่งผยองของเขา

“เป็นไปไม่ได้ เธอคือผู้หญิงนักไล่ล่าผู้ชาย ที่โง่และงมงาย”ลาเชียร์นั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ปั่นป่วนมาก เธอจะสามารถยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร คนโง่เง่านักไล่ล่าผู้ชาย คนที่เธอมองอย่างดูถูกและเกลียดมากที่สุด ตอนนี้เธอกลายมาเป็นศิษย์ผู้น้องของอาจารย์ที่เคารพของเธอ นี่มันเป็นเรื่องตลกบ้าอะไรกัน ไม่ตลกเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ลาเชียร์ สาปแช่งอย่างหยาบช้าในหัวใจของเธอ

“ใช่แล้วท่านอาจารย์ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน เธอจะต้องล่อลวงท่านคลิฟอย่างแน่นอน” หนึ่งในลูกศิษย์ของเขาพูดขึ้นอย่างมั่นใจ ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

“นั้นซิท่านอาจารย์ ท่านต้องหาคำตอบว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ บางทีแคลร์นักไล่ล่าผู้ชายคนนั้นอาจจะว่ายาท่านคลิฟ ด้วยยาพิษลวงรักก็ได้นะขอรับ”ลูกศิษย์ของเขาอีกคนก็พูดขึ้นโดยไม่มีใครขัดขวาง

“เงียบได้แล้ว”ไม่มีใครคาดว่าใบหน้าของโมซาร์ทจะเปลี่ยนไป เขาเกรี้ยวกราดและตำหนิขึ้นทันที

“พวกเจ้าทั้งหมดเงียบได้แล้ว พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยเรื่องขยะพวกนี้”

พวกเขาทุกคนเงียบลง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นอาจารย์ของพวกเขาโกรธมากเช่นนี้

“ความอิจฉาริษยาได้ทำให้พวกเจ้ามีดวงตาที่มืดบอด ทำให้พวกเจ้านั้นสูญเสียเหตุผลทั้งหมดไป การควบคุมตัวเองของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน สติปัญญาของพวกเจ้าหายไปไหนแล้วหรือ”โมซาร์ทดุด้วยความโกรธ

“พวกเจ้าคิดว่าแคลร์ คนที่ยังไม่ได้กลายมาเป็นนักเวทย์อย่างแท้จริง สามารถวางยาปราชญ์พ่อมด อาจารย์แห่งความวิปลาสได้อย่างนั้นหรือ แล้วพวกเจ้าเคยได้ยิน อาจารย์ทำสิ่งที่ไร้เหตุผล หรือไม่ก็กลายเป็นคนโง่ เพราะเสน่ห์ของผู้หญิงอย่างนั้นหรือ พวกเจ้าไม่ใช่เพียงแค่กล่าวหาแคลร์ แต่ยังทำให้ชื่อเสียงของอาจารย์ของข้าเสื่อมเสียอีกด้วย”

พวกเขาทั้งหมดราวกับถูกแช่แข็ง และต่างรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าหาญที่จะหายใจเสียงดังเกินไปด้วยซ้ำ พวกเขาไม่กล้าพอที่จะทำให้คลิฟเสียชื่อเสียงได้ คำพูดของโมซาร์ทเหมือนกับเข็มที่ทิ่มแทงมาที่หัวใจของพวกเขา ใช่ ไม่ต้องพูดถึงแคลร์ ขนาดอาจารย์ของพวกเขายังไม่สามารถที่ว่างยาคลิฟได้เลย ความจริงนั้นช่างไร้ความปราณียิ่งนัก ที่ว่าคลิฟในตำนานผู้ยิ่งใหญ่ ได้ยอมรับแคลร์นักไล่ล่าผู้ชายเป็นลูกศิษย์ของเขาแล้ว

โมซาร์ทมองลูกศิษย์ทั้งสามที่ใบหน้าของพวกเขานั้นซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ ทั้งสามคมเป็นคนที่มีความสามารถ แต่พวกเขาก็ยังเด็กนัก มันเป็นเรื่องง่ายที่จะมีความอิจฉา ด้วยอารมณ์เช่นนี้ถนนของพวกเขาคงจะเป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะเอาใจใส่พวกเขามากเกินไป ดูที่จากตอนนี้ ยังไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาได้สัมผัสกับความพ่ายแพ้ใดๆ ช่างเป็นวิธีการสอนที่ไม่ถูกต้องเอาเสียเลย

“ท่านอาจารย์ ข้าขอโทษค่ะ” ลาเชียร์แสดงความขอโทษเป็นคนแรก ความอ่อนโยนของเธอ เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่โมซาร์ทนั้นก็รักเอ็นดูเธอ

“ท่านอาจารย์ พวกเราขอโทษขอรับ” ลูกศิษย์อีกสองคนของเขาก็รีบแสดงความขอโทษขึ้นทันที

“พวกเจ้าทั้งหมดนั้นยังเด็กเกินไป ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะกลายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่ปล่อยให้ดวงตาของพวกเจ้า หรือที่ตรงนี้ ถูกหลอกลวงได้โดยภาพลักษณ์จากภายนอกเท่านั้น”โมซาร์ทพูดขึ้นอย่างจริงใจ ก่อนจะชี้ไปที่หัวใจของเขาในขณะที่พูด

“ค่ะ ขอรับ ท่านอาจารย์” ทุกคนพยักหน้าตอบรับ ดูเหมือนจะละอายใจเล็กน้อย

“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าทำไมท่านอาจารย์ถึงได้ยอมรับแคลร์เป็นลูกศิษย์ ตอนนี้มันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ และตอนนี้เธอก็เป็นศิษย์น้องของข้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะมีความเคารพที่เหมาะสม” โมซาร์ทถอนหายใจเบาๆ เขารู้จากนิสัยของลาเชียร์ที่เป็นเด็กที่ถูกตามใจจนเสียนิสัย จะต้องตามไปหาเรื่องต่อสู้อย่างแน่นอน เขาถึงกับถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“ลาเลียร์ อย่าทำอะไรที่ร้ายแรงจนเกินไป เจ้าเข้าใจไหม” โมซาร์ทไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์พี่สาวและน้องสาวของลาเชียร์และแคลร์ แต่กลัวว่าคลิฟอย่างจะโกรธ คลิฟนั้นเป็นคนประเภทความปกป้องสูง และดูจากท่าทางของเขาที่มีต่อแคลร์ในวันนี้แล้ว เขาสามารถที่จะบอกได้เลยว่าคลิฟนั้นชื่นชอบแคลร์เป็นอย่างมากทีเดียว ถ้าลูกศิษย์ของเขาไปทำร้ายแคลร์ล่ะก็ คงจะไม่มีใครสามารถแบกรับความโกรธของเขาได้

“ค่ะ ขอรับ ท่านอาจารย์”ดูผิวเผินพวกเขาทุกคนต่างก็สัญญา แต่โมซาร์ทไม่สามารถรู้ถึงความคิดที่แท้จริงของพวกเขา ลาเชียร์เองก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี แต่ภายในหัวใจของเธอ ความอิจฉาและความเกลียดชังเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งราวกับวัชพืชในตอนนี้

“มาเถอะ วันหนึ่งพวกเราจะได้รู้ว่าทำไมท่านอาจารย์ถึงได้ยอมรับแคลร์เป็นลูกศิษย์ แต่ในวันนี้สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือศึกษาหาความรู้”โมซาร์ทนำหน้า พวกเขาเข้าไปด้านใน ทั้งสามคนสบตากันก่อนจะเดินตามหลังเข้าไป

ในสภาแห่งเวทมนต์ แคลร์ได้สังเกตเห็นการตกแต่งภายใน

ตอนนี้เธออยู่ในชั้นแรก มันดูเหมือนล้านขนาดใหญ่ที่มีหน้าต่างล้อมรอบ สถานที่เหล่านี้สามารถใช้เป็นที่ในการประเมินผลสำหรับนักเวทย์ทั้งหลาย ตรงกลาง มีเวทีวงกลมขนาดใหญ่ตั่งอยู่ มองขึ้นไปด้านบน ตรงเวทีวงกลมกลับว่างเปล่า จริงๆ แล้วมันคือบันไดขนาดใหญ่ที่เคลื่อนที่ขึ้นไปยังด้านบนได้นั้นเอง

เมื่อขึ้นไปบนบันไดขนาดใหญ่ คลิฟก็เริ่มสวดบทเวทย์ หลังจากนั้นบันไดวงกลมก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อพวกเขาเลื่อนขึ้นมาถึงชั้นสองอย่างช้าๆ แคลร์รู้สึกประหลาดใจที่ได้พบว่า มันมีร้านค้าเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด ทุกร้านจะมีเจ้าของร้านซึ้งดูได้จากเสื้อคลุมของพวกเขาเป็นหลัก พวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นนักเวทย์ฝึกงาน ทำไมกัน แคลร์ถามตัวเอง ไม่ใช่ว่าเหล่านักเวทย์ทุกคนต่างก็เกลียดพ่อค้าที่โลภมากเหล่านั้นหรอกหรือ แล้วพวกเขาจะมาเปิดร้านเสียเองแบบนี้ได้อย่างไร

คลิฟดูเหมือนจะเห็นความสับสนในดวงตาของแคลร์ เขาหัวเราะก่อนจะอธิบายขึ้น

“ร้านค้าเหล่านี้ ถูกสร้างขึ้นจากนักเวทย์ด้วยตัวของพวกเขาเอง เพื่อใช้แลกเปลี่ยนอุปกรณ์เวทย์ แต่ไม่ได้มีไว้ขาย”

มันเป็นเช่นนี้นี่เอง แคลร์เข้าใจได้ในทันที นี่เป็นความคิดที่ดีและทำให้การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเวทย์นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

บนชั้นสามเป็นห้องทดลองส่วนตัวของจอมเวทย์ชั้นสูง และสถานะที่สูงขึ้นไป

แน่นอนว่าชั้นบนสุดจะเป็นห้องทดลองของคลิฟ

“อะฮ่า ฮ่า แคลร์ดู เป็นยังไงบ้าง ห้องทำงานของข้า” คลิฟเหมือนกับเด็กที่ชอบโอ้อวด ชี้ไปที่ห้องทดลองของเขาก่อนจะหัวเราะขึ้นด้วยความดีใจ

“ข้าก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรพิเศษ”แคลร์ตอบอย่างไม่สนใจ ในความเป็นจริง ห้องทดลองของเหล่านักเวทย์ทั้งหลายต่างก็สกปรกด้วยกันทั้งสิ้น ในความไม่เป็นระเบียบนี้ คงจะมีเพียงเจ้าของเท่านั้นที่จะรู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหน

“รอเดียว”จู่ๆ สมุดบันทึกก็ได้ปรากฏออกมาจากมือของคลิฟ และเขาก็ได้ส่งมันให้แคลร์

“เอา นี่เป็นสมุดบันทึกในครั้งแรกที่ข้าได้กลายมาเป็นนักเวทย์ มันน่าจะมีประโยชน์อยู่มากทีเดียว”

แคลร์รับมันมา ก่อนจะผลิกผ่านมันดู คิ้วของเธอขมวดขึ้น แน่นอนที่สุดว่า มุมมองในสมุดบันทึกนี้แตกต่างเป็นอย่างมากและตรงประเด็นที่สุด ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่าชายแก่ผู้นี้ยังมีความเฉลียวฉลาดอยู่มาก ในฐานะที่เป็นปราชญ์พ่อมดเพียงคนเดียวของอัมพารค์แลนด์ เขารู้ในสิ่งที่เขาควรจะรู้จริงๆ

“ในตอนนี้ เจ้ายังไม่พร้อมที่จะใช้เวทมนต์ในระดับที่สูงขึ้นไป ข้าจะสอนมันให้กับเจ้าเมื่อเวลานั้นมาถึง โลกของเวทมนต์นั้นเต็มไปด้วยพลังที่กว้างขว้าง เจ้าไม่สามารถที่จะเร่งรีบในการร่ำเรียนเวทมนต์เหล่านี้ได้” คลิฟพูดขึ้นอย่างจริงจัง เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ตรงกับที่เอ็มเมอรี่ได้พูดเอาไว้อย่างแท้จริง

“ใช่ ข้ารู้ ท่านอาจารย์”คำว่า อาจารย์ ของแคลร์ ทำให้คลิฟมีความสุขอีกครั้ง

“สัปดาห์ถัดไปเป็นวันเกิดของเจ้าหญิง เจ้าต้องไปที่นั้นให้เร็วหน่อย” จู่ๆ คลิฟก็เปลี่ยนเรื่อง

แคลร์รู้สึกงงๆ เล็กน้อย ดูจากพื้นฐานบุคลิกของคลิฟ โดยปกติแล้วเขาจะไม่สนใจโลกภายนอก หรือเข้าร่วมงานเลี้ยงที่น่าเบื่อหน่ายเหล่านั้น แต่ตอนนี้เข้ายกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดด้วยตัวของเขาเอง มันจะไม่แปลกได้อย่างไร แต่แล้วแคลร์ก็มองเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของคลิฟ และสัญชาตญาณของเธอก็บอกเธอว่าจะไม่มีอะไรดีออกมาจากเรื่องนี้อย่างแน่นอน

“ท่านอาจารย์ ไม่เคยมีใครบอกท่านหรือว่ารอยยิ้มของท่านนั้นดูลามกอนาจารมาก” แคลร์ขมวดคิ้วไปที่คลิฟ คนที่ยังหัวเราะอย่างชั่วร้าย

“จริงหรือ จริงๆ หรือ” คลิฟถามขึ้นอย่างจริงจังก่อนจะทำหน้ามุ่ย

“ท่านมีจุดประสงค์อะไรกันแน่”แคลร์ไม่ได้เชื่อในคำพูดหยาบคายของอาจารย์ตรงหน้าแม้แต่น้อย ยิ่งเขาจริงจังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าสงสัยเท่านั้น

“ไม่มีอะไร ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า”คลิฟหัวเราะอย่างหนักจนเขาไม่สามารถที่ปิดปากของเขาเอาไว้ได้

“มันก็แค่ ก็แค่ไอ้แก่ผู้นั้นจะไปด้วยก็เท่านั้นเอง อะฮ่า ฮ่าๆ”แคลร์มองไปที่คลิฟอย่างสงสัย อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคนแก่ที่เขากำลังพูดถึง

“เช่นนั้น ลูกศิษย์ที่รัก รอให้ข้าเสร็จสิ้นการลดลองนี้ แล้วข้าจะไปหาเจ้าที่ปราสาทดยุค ตกลงนะ”คลิฟหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าเขานั้นกำลังอารมณ์ดีจริงๆ ดีจริงๆ เสียด้วย

"ค่ะ"แคล์พยักหน้า แล้วก็ไม่ได้ถามอะไรขึ้นอีก ไม่ว่าจะอย่างไร เธอก็จะได้เห็นชายแก่ผู้นั้นในวันนั้นอยู่ดี

"อย่าลืมล่ะ เจ้าต้องไปที่ปราสาทเร็วหน่อย" คลิฟพูดย้ำขึ้นอักครั้ง ถึงแม้ว่าเจ้าหญิงจะไม่ได้เชิญแคลร์ แต่แคลร์ในฐานะลูกศิษย์ของคลิฟก็ต้องไปร่วมงานโดยที่ไม่มีใครกล้าคัดขาดอยู่แล้ว

"ข้ารู้แล้ว" แคลร์ตอบขึ้น ก่อนจะนึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้

"ท่านอาจาย์ ท่านไม่มีไม้กายสิทธิ์หรืออะไรพิเศษประเภทนั้นหรือ”

"เจ้าอยากได้แบบไหนล่ะ"คลิฟพระพริบตาก่อนจะถามขึ้น

"ข้าอยากจะได้มันเป็นของขวัญแก่เจ้าหญิง แต่ข้าก็มองไม่เห็นอะไรที่จะเหมาะเลย พระองค์น่าจะมีเครื่องประดับเพชรพลอยมากมายอยู่แล้ว” แคลร์ไม่เผยร่องรอยของความพอประมาณ เมื่อเผยให้เห็นถึงความตั่งใจของเธอ

คลิฟมองไปรอบๆ หยุดคิดอยู่ชั่วครู่ และในทันใดนั้นเองไม้กายสิทธิ์ที่งดงามก็ได้ปรากฏมาอยู่ในมือของเขา มันเป็นไม้กายสิทธิ์ที่ประณีตฝังด้วย อัญมณีที่เด่นชัดและสวยงามมาก สะท้อนแสงได้อย่างสมบูรณ์แบบ มองดูสวยงามและมีประโยชน์อีกด้วย ด้วยการออกแบบแนวโบราณบนไม้ ยิ่งทำให้มันดูลึกลับมากขึ้นไปอีก

“นี่ไม่ได้มีค่ามากมายอะไร แต่ก็พอจะหว่านล้อมเด็กสาวคนหนึ่งที่ชอบของสวยงามได้” คลิฟส่งไม้กายสิทธิ์ให้แคลร์

แม้ว่าคลิฟจะพูดออกมาแบบนี้ แต่ไม้กายสิทธิ์ก็ไม่ใช่ของที่มีราคาถูกแต่อย่างใด แต่ในสายตาของคลิฟแล้วนั้น มันไม่ได้มากมายอะไร หลังจากที่แคลร์รับมันมา คิ้วของเธอก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย เธอกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะหลอกให้อาจารย์ยกสมบัติของเขาบางส่วนให้เธอ

“ดี เช่นนั้นข้าก็จะกลับไปทำการทดลองที่โง่เง่าของข้าต่อ” หลังจากส่งแคลร์ออกไปแล้ว คลิฟกลับขึ้นไปอีกครั้งและหมกมุ่นตัวเองอยู่กับการทดลองต่อไป

แคลร์และจีนออกมาจากสภาแห่งเวทมนต์และขึ้นรถม้าจากไป แคลร์นั่งพิงอยู่อีกข้างของรถม้าอยู่ทางด้านหลัง หลับตาของเธอลงเพื่อพักผ่อน

หลังจากที่รถม้าเดินทางมาได้อยู่สักพัก ทันใดนั้นเองดวงตาของแคลร์ก็เปิดขึ้น

แคลร์มองไปที่จีน มีประกายของความเยือกเย็นอยู่ในดวงตาของเธอ ดวงตาของจีนเองก็เย็นขึ้นมาเช่นกัน

คนขับรถม้า ไม่ได้เดินไปตามเส้นทางที่ถูกต้อง

มันไม่ได้เป็นเส้นทางที่จะกลับไปยังปราสาทฮิลล์ คนขับรถม้านั้นได้ผ่านการคัดเลือกมาอย่างเข้มงวด และก็ยังมีความจงรักภักดีต่อตระกูลฮิลล์เป็นอย่างมาก ดังนั้นจะเป็นใครอื่นไม่ได้ที่จะมาสั่งคนขับรถม้าได้

รอยยิ้มแข็งที่มองไม่เห็นได้โผล่ออกมาบนริมฝีปากของแคลร์ในตอนนี้

เด็กสาวที่ถูกตามใจที่มากจนเกินไป เด็กผู้โง่เขลาผู้นั้น ดูเหมือนว่าการโจมตีก่อนหน้าจะไม่ทำให้เธอได้เรียนรู้ถึงบทเรียนของเธอเอาเสียเลย

ดวงตาของจีนนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาค่อย ๆ ยกหัวและมองไปที่แคลร์ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจริงจัง

“สิ่งใดที่เป็นอันตรายต่อท่าน สิ่งใดที่ขว้างทางท่านอยู่ ข้าจะกำจัดมันโดยไม่ลังเลใด ๆทั้งนั้นขอรับ”

แคลร์หัวเราะขึ้นอย่างเงียบๆ

“แม้ว่ามันจะเป็นคุณหนูรองแห่งตระกูลฮิลล์อย่างนั้นหรือ”

“ใช่แล้วขอรับ”จีนพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด ใบหน้าหล่อเหลาของเขานั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นราวกับธารน้ำแข็ง และดวงตาของเขานั้นหนาวเย็นและลึกล้ำราวกับท้องฟ้าในยามค่ำคืน

แคลร์ยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะมองไปที่จีนอย่างเงียบๆ

หลังจากที่ผ่านไปสักครู่ แคลร์ก็เปิดริมฝีปากสีแดงสดใสของเธอขึ้น

“ดี งั้นก็แสดงให้ข้าเห็นถึงความเด็ดเดี่ยวและความจงรักภักดีของเจ้า”

ในรถม้า น้ำเสียงที่เบาบางของแคลร์ นั้นราวกับเสียงถอนลมหายใจของปีศาจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด