ตอนที่แล้วตอนที่ 23 ไปยังสภาแห่งเวทมนต์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25 ให้ข้าเห็นความซื่อสัตย์ของเจ้า

ตอนที่ 24 ไปยังสภาแห่งเวทมนต์ 2


จากนี้ไปจะเริ่มปรับเปลี่ยนชื่อหรือคำพูดให้มันเข้ากับนิยายมากขึ้นนะคะ จากองค์ชาย องค์หญฺิง เป็นเจ้าชาย เจ้าหญิงอะไร ตำแหน่ง สถานที่อะไรประมาณนี้นะคะ

........................................................................................................................................................................

เมื่อแคลร์ได้ยินเสียงนั้น เธอก็ไม่ได้ตอบสนองแต่อย่างไร ทำเป็นไม่สนใจอย่างสมบูรณ์แบบ

ลาเชียร์ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ทำหน้ามุ่ยใส่ร่างที่คุ้นเคย หัวใจของเธอนั้นราวกับมันกำลังเผาไหม้ด้วยความโกรธ คืนนั้นมันก็เป็นเพราะคนน่ารังเกียจ คนบ้าผู้ชายที่โง่เง่าได้หลอกให้เธอคิดว่าท่านปู่ได้ปรากฏตัวขึ้น แล้วตอนนั้นเองที่เธอได้รับความเจ็บปวดจากการลอบโจมตี แล้วหลังจากนั้นเธอก็ถูกสั่งกักบริเวณอยู่เป็นเดือน ในช่วงเวลาที่น่ารำคาญนั้น ลาเชียร์มีความคิดออกมาอย่างชัดเจน ถ้าไม่ใช่เพราะแคลร์ใช้วิธีสกปรกไร้ยางอาย และวิธีโกงเช่นนั้น แน่นอนว่าลาเชียร์จะต้องไม่พายแพ้อย่างแน่นอน ลาเชียร์ถึงกับพ่นควันออกมาด้วยความโกรธ และกัดฟันของเธอทุกครั้งที่นึกถึงความอัปยศอดสูที่เกิดขึ้น และความหวาดกลัวในคืนนั้นด้วยเช่นกัน การเผาไหม้ของความอัปยศ ความอับอายที่รู้สึกหวาดกลัวต่อนักไล่ล่าผู้ชายผู้โง่เขลาคนนั้น แน่นอนว่าเธอจะต้องจ่ายคืนความอัปยศอดสูนั้น จ่ายคืนเป็นร้อยเท่าเลยทีเดียว

คนที่ยืนอยู่ทางด้านหน้าของลาเชียร์นั้น คือชายแก่ที่ใส่ชุดคลุมของจอมเวทย์ ดอกไม้สีทองที่ปักอยู่บริเวณหน้าอกของเขา แสดงให้เห็นระดับของเขาในฐานะจอมเวทย์ว่าเป็นรองอยู่เพียงผู้เดียวคือ คลิฟปราชญ์พ่อมดเท่านั้น แต่ก็แค่เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ความแตกต่างระหว่างพวกเขาราวกับอ่าวขนาดใหญ่ เขาคืออาจารย์ใหญ่แห่งสถาบันซันไรซ์ และเป็นอาจารย์ของลาเชียร์ โมซาร์ท โมซาร์ทมองไปที่เด็กสาวผมสีบลอนด์ที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง เข้าใจได้ทันทีว่านั้นเป็นพี่สาวคนโตของลาเชียร์ แคลร์ เขาไม่ได้มีความประทับใจด้านบวกใดๆ ต่อแคลร์ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับการกระทำที่ไร้สาระของเธอมาก่อนแล้ว แน่นอนว่ามาจากลูกศิษย์ที่น่าหวงแหนของเขา ลาเชียร์นั้นเอง

ผู้ชายสองคนที่อยู่ด้านหลังของลาเชียร์นั้น แน่นอนว่าเป็นรุ่นพี่ของเธอ ทุกคนมองไปที่แคลร์ด้วยความรังเกียจอยู่ในตอนนี้

ลาเชียร์มองเห็นแคลร์ที่ไม่สนใจเธอ ร่างกายของเธอก็ถึงกับสั่นเทา พร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ แต่เธอต้องจำเอาไว้ว่านี้คือสภาแห่งเวทมนต์ และเธอก็อยู่กับท่านอาจารย์ของเธออีกด้วย และในท้ายที่สุดแล้ว เธอก็สามารถยับยั้งตัวเองได้ และถามจีนคนที่อยู่ไม่ไกลออกไป อย่างเย็นชาขึ้น

“จีน พวกเจ้าสองคนมาทำอะไรที่นี่”

“รายงานคุณหนูรอง พวกเรามาที่นี่เพื่อมาหาท่านคลิฟขอรับ” จีนตอบด้วยอารมณ์ที่ไม่ได้นอบน้อมหรือยโสจนเกินไป

“อะไรนะ” หลังจากที่ได้ยิน ลาเชียร์เกือบจะหัวเราะออกมาเสียงดัง คนปัญญาอ่อนนักไล่ล่าผู้ชาย ต้องการที่จะมาพบคลิฟอย่างนั้นหรือ นั้นมันตลกเกินไปแล้ว ฮ่า ฮ่า นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างคลิฟ ใช่ว่าบางคนที่โง่เง่าจะมาพบได้เมื่อไหร่ก็ได้อย่างนั้นหรือ มันเป็นเพียงหลังจากที่พวกเขาเฝ้าขอร้องจากอาจารย์ของพวกเขาอยู่เป็นเวลานานเท่านั้น เขาถึงได้ยอมตกลงที่จะให้พวกเขาได้พบกับปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คลิฟ หวังว่าเขาจะให้คำแนะนำบางอย่าง

ดวงตาของจีนเป็นประกายไฟสุดจะพรรณนาได้ในทุกเสี้ยววินาที มีร่องรอยของการเยาะเย้ย แต่มันก็ไม่ชัดมาก

“เจ้า ต้องการที่จะพบท่านคลิฟ นั้นช่างเป็นเรื่องที่โง่เง่า นี้เป็นเรื่องไร้สาระที่งี่เง่าที่สุด”ลาเชียร์หัวเราะอย่างเย้ยหยัน ผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของลาเชียร์ก็มีการแสดงออกที่เยาะเย้ยเช่นกัน มันเป็นเรื่องที่ชัดเจนที่สุดที่แคลร์นั้นต้องการจะพบคลิฟ นั้นเป็นเรื่องที่อุกอาจกว่าคางคกอยากจะกินเนื้อหงส์เสียอีก

เหมือนก่อนหน้า แคลร์ไม่ได้ตอบสนองต่อการเยาะเย้ยของลาเชียร์แต่อย่างใด นอกจากนี้เธอยังไม่สนใจอาจารย์ใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ลาเชียร์อีกด้วย บางทีนักเรียนคนอื่น ๆ อาจจะกล่าวทักทายตามมารยาท ยามที่พวกเขาได้พบกับอาจารย์ของพวกเขา แต่แคลร์ไม่ได้แสดงออกถึงความเคารพเลยแม้แต่น้อย เขาก็เป็นเพียงแค่ผู้บังคับบัญชาของครูผู้สอนวิชาพื้นฐาน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น สำหรับครูที่สอนพื้นฐานเธอยังมีความเคารพให้เล็กน้อย แต่สำหรับอาจารย์ใหญ่นั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อย

จีนยังคงเงียบอยู่อย่างเคย ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่คลิฟนั้นได้รับแคลร์เป็นลูกศิษย์ของเขาแล้ว

โมซาร์ทไอขึ้นเบาๆ

“พอได้แล้ว ลาเชียร์ ไปข้างในกันเถอะ”

“ค่ะ ท่านอาจารย์”ลาเชียร์เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของเขา ไม่ให้ไปยั่วยุและเยาะเย้ยแคลร์ แต่ให้ไปทำเรื่องที่สำคัญกว่านี้ เธอจะสอนบทเรียนให้คนงี่เง่าผู้นี้อย่างเหมาะสมในการพบกันในครั้งหน้า

และมันก็เป็นช่วงเวลาที่โมซาร์ทได้เห็นกำไลข้อมือ ที่แคลร์ได้สวมใส่อยู่ในตอนนี้เข้าพอดี เขาถึงกับร้องขึ้นด้วยความตกใจ “กำไลเคลื่อนย้าย” แน่นอนว่าเขาต้องจำกำไลนี้ได้ คลิฟอาจารย์ของเขาได้สร้างมันขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน สมบัติอันล้ำค่านี้ ด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด กำไลเคลื่อนย้ายเป็นอุปกรณ์เวทย์ที่มีระดับเวทย์ที่สูงมาก เมื่อมีบางคนขึ้นไปถึงระดับหนึ่ง การฝึกฝนเวทมนต์นั้นไม่ใช่เรื่องที่ยาก แต่การที่จะส่งพลังเวทย์ไปยังอุปกรณ์เวทย์ทำให้มันมีมนต์ขลังนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่อปุกรณ์ที่ล้ำค่าเช่นนั้น ตอนนี้ได้มาอยู่บนแขนของเด็กสาวคนนี้

“ท่านอาจารย์ มันคือะไรค่ะ” ลาเชียร์เองก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เพราะมันเป็นเรื่องที่ยากมากที่อาจารย์ของเธอ จะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เช่นนี้

โมซาร์ทไม่ยอมตอบคำถามของลาเชียร์ แต่กลับมองไปที่แคลร์และถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

“แคลร์ เจ้าได้กำไลแขนของเจ้ามาจากที่ไหนกัน”

“มีใครบางคนให้ข้ามา” แคลร์ตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เธอตอบออกมาด้วยความเคารพบางส่วนต่อตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของเขา แล้วเธอก็ต้องไว้หน้าเขาด้วย

“เป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นหนึ่งในสมบัติที่มีค่าที่สุดของท่านอาจารย์” โมซาร์ทร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ แต่ถ้าไม่ได้เป็นของที่ถูกให้กับเธอ แล้วเธอจะได้มันมาอย่างไร มันเป็นไปไม่ได้ที่อาจารย์ของเขาจะทำมันหล่นหาย และแคลร์ก็พบมันเข้าโดยบังเอิญ

“อะไรนะค่ะ”ลาเชียร์ตะโกนขึ้นด้วยความประหลาดใจ ลูกศิษย์อีกสองคนของโมซาร์ทก็ตกใจเช่นกัน

“เช่นนั้น นางจะต้องขโมยมาอย่างแน่นอน” ลาเชียร์ตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ

“แคลร์ นังคนหัวขโมย ช่างไร้ยางอายจริงๆ เจ้าได้นำความเสื่อมเสียมาสู่ตระกูลฮิลล์มากเกินไปแล้ว...ข้าจะ.”เป็นอีกครั้งที่ลาเชียร์มองไม่เห็นเหตุผลใดๆ เพราะแคลร์ อย่างไม่หยุดยั้งเธอพูดทุกอย่างในสมองของเธอออกมา จีนถึงกับขมวดคิ้ว ทำไมเขาถึงไม่เคยสังเกตเห็นท่าทางราวเทพธิดาของคุณหนูรองนั้นป่าเถื่อนเช่นนี้มาก่อน

“เจ้าเป็นหมูหรืออย่างไร”ประโยคที่เบาๆ ของแคลร์นั้น ทำให้ทุกคนในปัจจุบันเงียบสงบเหมือนคนตายในทันที

“จะมีสักกี่คนในโลกนี้ที่สามารถขโมยของจากปราชญ์พ่อมดคลิฟได้”

หลังจากประโยคนี้จบลง ปากของลาเชียร์นั้นเปิดกว้างราวกับถูกติดด้วยกาวและไม่สามารถที่จะปิดมันลงได้

การแสดงออกของโมซาร์ทกลายเป็นจริงจัง และลูกศิษย์สองคนของเขานั้นกลับจ้องมองอย่างว่างเปล่า ราวกับกำลังถูกแช่แข็งอยู่ตรงนั้น

ในขณะที่ทุกคนกำลังเงียบเหมือนคนตาย เสียงฝีเท้าที่รีบร้อนก็ได้ดังออกมาจากประตูทางเข้าของสภาแห่งเวทมนต์

คลิฟ ตาแก่ลามกคนนั้น ก็ได้ก้าวออกมาจากประตูทางเข้า ในช่วงเวลาที่เขามองเห็นแคลร์นั้น รอยยิ้มราวกับดอกไม้แรกแย้มก็ได้ปรากฏขึ้น เขารีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ปากของเขาก็เริ่มมูมมามร้องอุทานขึ้นทันที

“โอ้ โอ้ ลูกศิษย์ที่รักของข้า ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาตามหาข้าเสียแล้ว ข้านั้นรอเจ้ามาเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน”

โมซาร์ทนั้นเต็มไปด้วยความว่างเปล่า และถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว อาจารย์ของเขาเรียกเขาว่าอะไรนะ น่าสะอิดสะเอียนอะไรเช่นนี้ เขาเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ทุกคนต่างเต็มไปด้วยความว่างเปล่า แต่พวกเขาก็มีความสุข พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า คลิฟจะชื่นชอบอาจารย์ของพวกเขามากมายขนาดนี้ ความหวังของพวกเขาที่จะขอให้คลิฟ ให้คำแนะนำเพิ่มเติมขึ้นนั้น คงจะไม่ยากแล้ว

มีเพียงจีนที่มีรอยยิ้มเย็นชาเยาะเย้ยขึ้น

ลูกศิษย์ที่ไปรายงานเกือบกัดลิ้นของเขาออก เขาเพียงแต่บอกว่าเด็กสาวผมสีบลอนด์คนที่ขู่พวกเขาว่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ถ้าเขาไม่มารายงาน เขาไม่เคยคิดเลยว่า คลิฟจะไม่สนใจในคำพูดที่หยิ่งสโยนั้น หลังจากนั้นเขาก็แทบจะบินออกมาเลยด้วยซ้ำ

คนทั้งหมดถูกแช่แข็งอยู่ในความหวาดกลัว แต่สิ่งที่น่าแปลกใจมากกว่านี้ ยังไม่ได้เกิดขึ้นเลย

ช่วงเวลาต่อมา คลิฟรีบวิ่งไปที่แคลร์ เขาพยายามที่จะกอดแคลร์ และแคลร์ก็หลบได้ทัน จากนั้นคลิฟก็หมุนตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะถกกระโปรงของแคลร์ขึ้น กระโปรงของแคลร์ถูกถกขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่แคลร์จะถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว ในเวลานั้นจีนได้เข้ามาจับเอวของแคลร์ก่อนจะยกขึ้น แคลร์ในทันทีก็ได้กระโดดทีบออกไปเต็มพลังของเธอ แล้วเท้าของเธอก็ประทับลงมาอยู่ที่ใบหน้าของคลิฟอย่างเหมาะเจาะ การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้อย่างราบรื่นมาก ไม่มีช่องว่างในระหว่างนี้แม้แต่น้อย จีนและแคลร์ประสานงานกันเป็นอย่างดีในเวลาที่เหมาะสม

เสียงการ้องขึ้นไปบนท้องฟ้า ใบไม้ลอยไปรอบ ๆ ในอากาศ

ความอึดอัดกระจายตัวออกไปทั่ว

(ในอนาคต คลิฟจะยังคงเก็บนิสัยนี้เอาไว้ ทุกครั้งที่เขาได้พบกับแคลร์เขาจะพยายามที่จะถกกระโปรงของเธอขึ้น ไม่เคยเหน็ดเหนื่อย แม้ว่ามันจะนำมาซึ้งภัยคุกคามจากเธอ แต่เขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง)

สำหรับหลายปีที่โมซาร์ทมีชีวิตอยู่มา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเกิดความผิดปกติ ไม่สามารถที่จะแบกรับกับสถานการณ์ที่อยู่ในมือได้

สมองของลาเชียร์หยุดทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ ใบหน้าของเธอนั้นกลายเป็นจานผสมสีไปแล้ว สวยงามอย่างที่มันควรจะเป็น เธอยังยืนอยู่ที่นั่นสงบนิ่งเหมือนคนโง่งม รุ่นพี่สองคนของเธอเกือบจะเป็นลม น้ำลายฟูมปากไปแล้ว

“โอ้ แคลร์ที่มีค่าของข้า เจ้าปฏิบัติเช่นนี้กับอาจารย์ของเจ้าได้อย่างไร” คลิฟทำท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วทำหน้ามุ่ย เห็นได้ชัดเจนว่าใบหน้าของเขานั้นมีรอยเท้าประทบอยู่

“เจ้าจะยกข้าไปอีกนานแค่ไหน”แคลร์ไม่ได้สนใจอารมณ์ที่เรียกร้องของคลิฟแม้แต่น้อย แต่กลับเหลือบมองไปที่จีนและพูดขึ้นอย่างเย็นชา

จีนรีบปล่อยแคลร์และช่วยให้เธอลงไปที่พื้นได้อย่างปลอดภัย

“ถ้าท่านกล้าที่จะถกกระโปรงของข้าอีกครั้ง ข้าจะหั่นท่านเป็นชิ้นๆ”น้ำเสียงน่ากลัวของแคลร์ ทำให้สองนักเวทย์ฝึกงานที่ได้กลายเป็นหินอยู่ที่ประตูนั้น กลับมามีชีวิตอีกครั้ง พวกเขาถึงกับขยี้ตาของพวกเขา สงสัยว่าสิ่งที่พวกเขาได้เห็นในวันนี้เป็นภาพหลอนหรือไม่

“โอ้ ลูกศิษย์ที่รักของข้า อย่าทำแบบนั้น”คลิฟยังไม่ได้เปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีของเขา และเหล่อย่างโรคจิตไปที่หน้าอกของแคลร์

“ให้ข้าเดา วันนี้เจ้าใส่เสื้อรัดทรงใช่ไหม”

คนที่กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งถึงกับมุมปากกระตุก แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าคลิฟนั้นเป็นพวกวิปลาส แต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะหน้าด้านและไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน

แคลร์จ้องมองอย่างเย็นชาไปที่คลิฟ เขาไอขึ้นก่อนจะทำเป็นจริงจัง

“แคลร์ สิ่งแรกคือเจ้าต้องตามข้าไปที่ห้องทดลอง ข้ามีสมุดบันทึกจะให้เจ้า”

“ตกลง” แคลร์พยักหน้า

คลิฟเดินนำแคลร์และจีนเข้าไปในสภาแห่งเวทมนต์ เขาเต็มไปด้วยความร่าเริงจนลืมแม้กระทั่งลูกศิษย์อีกคนของเขา โมซาร์ทคนที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า

“ท่านอาจารย์” ในที่สุดโมซาร์ทก็ร้องเรียกคลิฟ คนที่กำลังจะเดินเข้าไปข้างในขึ้น

“โอ้” หลังจากนั้นคลิฟถึงได้หันกลับมาและมองเห็นโมซาร์ท

“โอ้ โมซาร์ท เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

คำพูดประโยคนี้ถึงกับทำให้ปากของโมซาร์ทสั่น

คนทั่งสองนั้นถูกปฏิบัติแตกต่างกันโดยชิ้นเชิง ทำให้ทุกคนตกตะลึงและพูดไม่ออกเลยทีเดียว

“ท่านอาจารย์ เป็นท่านที่บอกว่าวันนี้ท่านพอจะมีเวลา และบอกให้ข้ามาที่นี่” โมซาร์ทตอบอย่างระมัดระวัง

“โอ้ เป็นเช่นนั้นหรือ แต่ตอนนี้ข้าไม่ว่างแล้ว” คลิฟมุ่งเน้นความสนใจของเข้าไปที่แคลร์ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะมีเวลาให้กับโมซาร์ทอย่างแน่นอน

“ขอรับ ท่านอาจารย์”โมซาร์ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟังโดยไม่คัดค้านใด ๆทั้งสิ้น

ทุกคนจ้องมองไปที่แคลร์ ในขณะที่เธอได้เดินหายเข้าไปด้านในของสถา

ลาเชียร์มองไปที่ด้านหลังของแคลร์ เกือบจะกลืนกินฟันของเธอเองแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด