ตอนที่ 22 การรับรู้ของแคลร์
“อะไรนะ ท่านต้องการจะทำอะไนนะ”วอลเตอร์ถามขึ้นสั่นๆ
“เอาน่า อัจฉริยะผู้ใช้มนต์ดำ มาทำพันธสัญญากับลูกศิษย์ที่รักของข้า แล้วมาเป็นดวงตาคู่ที่สองของเธอ” เอ็มเมอรี่หัวเราะขึ้น ความรู้สึกการรับรู้ของจิตวิญญาณจะดีกว่าความรู้สึกของคนปกติทั่วไป
“ข้าจะทำอะไรได้ ในตอนนี้ ข้าไม่มีพลังแม้เพียงเล็กน้อย” หลังจากที่ได้ยิน วอลเตอร์รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่ ข้าสามารถทำให้เจ้าได้รับพลังบางอย่าง แต่เจ้าจะต้องกลายมาเป็นดวงตาคู่ที่สองของลูกศิษย์ของข้า ช่วยตรวบสอบอันตรายต่างๆและดูแลปลอดภัยของเธอ” เอ็มเมอรี่พูดขึ้น
“พันธสัญญาอะไร” วอลเตอร์ถามอย่างหวาดระแวงหัวคิ้วของเขาถึงกับขมวดขึ้น
“ข้าบอกท่านไว้ก่อนนะ อย่าคิดที่จะกัดขังข้าเอาไว้ตลอดไป และข้าก็ไม่ใช้วิญญาณผู้รับใช้ที่จะมาทำพันธสัญญาอะไรประมาณนั้นด้วยเช่นกัน”
เอ็มเมอรี่ส่ายหัวและพูดขึ้นเบาๆ
“ไม่ๆ ข้าเพียงแค่ต้องการที่จะทำพันธสัญญาเท่าเทียมกันระหว่างเจ้าและแคลร์ เพื่อที่จะสามารถสื่อสารทางจิตได้ภายในรัศมีบางอย่างเท่านั้น แคลร์คงจะต้องพบกับอันตรายมากมายในอนาคตอย่างแน่นอน ข้าเพียงหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยปัดเป่าอันตรายเหล่านั้นด้วยทั้งหมดที่เจ้ามี สำหรับค่าตอบแทน ข้าจะช่วยทำให้เจ้าสามารถกู้คืนพลังอำนาจบางส่วน และช่วยหาร่างที่เหมาะสมสำหรับเจ้าด้วย”
“เช่นนั้นก็ดี”เมื่อวอลเตอร์ได้ยินเช่นนี้ เขานั้นก็เต็มไปด้วยความยินดี แต่แล้วก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เจ้ากำลังพยายามที่จะหลอกลวงข้าอยู่หรือไม่”
“แน่นอนว่าไม่ ข้าสาบานด้วยเกียรติยศของข้าที่เป็นนักเวทมนต์”เอ็มเมอรี่พูดอย่างจริงจัง
“เช่นนั้นก็ดี ข้าตกลง”วอลเตอร์กลับมามีความสุขอีกครั้ง ในวันรุ่งขึ้นเมื่อวอลเตอร์ได้พบเจอกับปัญหาความน่ารำคาญที่ผิดปกติที่ตามมา เขาถึงจะได้ตระหนักว่ามันช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่เขาได้ตกลงกับข้อเสนอของเอ็มเมอรี่ไปแล้ว ถ้าแคลร์เป็นปีศาจน้อยแล้ว เช่นนั้นเอ็มเมอรี่ก็คือปีศาจตัวเป้งๆ นี้เอง
แคลร์มองไปที่สองคนที่กำลังทำการเจรจาต่อรองอย่างสับสน แล้วเอ็มเมอรี่ก็ให้แคลร์ว่างมือลงไปบนก้อนหินจิตวิญญาณ และเริ่มสวดมนต์คาถาแปลกๆ บางอย่าง แล้วก็มีแสงสีขาวจาง ๆ ปกคลุมแคลร์และหินจิตวิญญาณอยู่รอบๆ แสงสีขาวได้กระจายหายไปในเวลาสั้นๆ แต่แคลร์รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างไปอยู่ในหัวของเธอ ตอนนี้เธอสามารถสื่อสารโดยตรงกับวอลเตอร์ผ่านทางกระแสจิต
“วอลเตอร์ควรจะมีความตื่นตัวมากต่อพลังมนต์ดำ ดังนั้นเมื่อมีวอลเตอร์อยู่ข้างกายเจ้า จะทำให้เรื่องราวทั้งหลายง่ายขึ้น”นี้คือสิ่งที่เอ็มเมอรี่ได้พูดเอาไว้ แต่แคลร์ก็ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงสิ่งใด แต่เธอกลับมีความรู้สึกว่าเอ็มเมอรี่กำลังวางแผนสำหรับบางสิ่งบางอย่างอยู่
“เช่นนั้น แคลร์ เจ้าพึ่งจะกลับมาถึงวันนี้ เจ้าคงจะเหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนเถิด”เอ็มเมอรี่เปิดประตูหน้าต่างและกระโดดออกไป
แคลร์มองไปยังหินจิตวิญญาณที่อยู่ในมือของเธอด้วยความคิดที่มากมาย ขณะที่ลูบคางของเธอหัวคิ้วของเธอก็ขมวดขึ้นอย่างครุ่นคิด
“วอลเตอร์ หินจิตวิญญาณนี้มีคุณค่ามากใช่ไหม เจ้าสามารถที่จะปกปิดกลิ่นอายความมืดของเจ้าได้หรือไม่”แคลร์ขมวดคิ้วขณะถามขึ้น
“แน่นอนมันว่ามีคุณค่ามาก จากการที่ข้าได้แนบจิตวิญญาณของข้าไว้ในหินจิตวิญญาณก้อนนี้ ข้าสามารถที่จะปกปิดกลิ่นอายความมืดของข้าได้ ถ้าข้าไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนของข้า ผู้คนก็จะคิดว่าหินก้อนนี้เป็นเพียงหินธรรมดาเท่านั้น” วอลเตอร์พูด ดูมีความยินดีในตัวเองเป็นอย่างมาก นั้นหมายความว่าเมื่อเอ็มเมอรี่เห็นว่ามีสิ่งผิดปกติอยู่ในหินนี้ นั้นเพราะวอลเตอร์ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น
“มีคุณค่ามากอย่างนั้นหรือ” แคลร์เล่นกับก้อนหินในมือไปมา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจงใจ
“มันคือสิ่งที่ใช้แล้วทิ้ง สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวแล้วก็กลายเป็นขยะ นี้หรือสิ่งที่มีค่ามาก”
“แน่นอนว่านี้สามารถนับได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ย่อย เจ้าสามารถจัดเก็บจิตวิญญาณไว้ภายในได้ มีคนจำนวนน้อยมากที่สามารถรับรู้ว่านี้เป็นหินจิตวิญญาณ อาจารย์ของเจ้านั้นน่าทึ่งมาก แม้แต่องค์ชายบุตรแห่งวิหารแห่งแสงก็ยังไม่สามารถที่จะระบุมันได้” ประโยคสุดท้ายนั้นไม่จำเป็นเลย ถ้าองค์ชายบุตรแห่งวิหารแห่งแสงสามารถระบุก้อนหินนี้ได้ เช่นนั้นวอลเตอร์จะไม่อยู่ที่นี่พูดคุยอยู่กับแคลร์แบบนี้แน่
อย่างน้อยมีวอลเตอร์อยู่ข้างๆ มันจะง่ายที่จะสัมผัสกับพลังมนต์ดำ แคลร์คิดเกี่ยวกับมันแล้วก็ปล่อยมันไป วันนี้เธอเหนื่อยเกินไป เธอจะถามผู้ชายคนนี้เกี่ยวกับมนต์ดำวันอื่นแทน
“นอนได้แล้ว” วอลเตอร์ที่รอการตอบรับจากแคลร์อยู่ กลับได้ยินคำพูดราวกับขี้เกียจประเภทนี้อีกครั้ง
วอลเตอร์จ้องมองไปที่แคลร์เช่นเดิม ยามที่เธอกำลังจะถอดเสื้อคลุมของเธอออก เพียงแค่การมองมาอย่างรวดเร็วจากแคลร์ ก็ทำให้วอลเตอร์รู้สึกเย็นไปทั้งตัว ก่อนจะหายกลับเข้าในก้อนหินจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว
ในวันรุ่งขึ้น ทันทีที่แคลร์ตื่นนอน แม่บ้านก็ได้เข้ามาบอกว่านักปราชญ์คามิลล์ จะมาสอนวรรณคดีและคณิตศาสตร์แก่เธอในวันนี้ ดูเหมือนว่ากอร์ดอนได้จัดเตรียมตารางเวลาในช่วงฤดูร้อนนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว
หลังอาหารเช้า แคลร์ก็ได้ไปที่ห้องหนังสือของเธอเอง คามิลล์ได้รอเธออยู่ในนั้นเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต้องมีห้องหนังสือ แต่ว่าห้องหนังสือของดยุคนั้นมีหนังสือมากที่สุด ดังนั้นโดยปกติแล้วแคลร์จะชอบเข้าไปอ่านหนังสือที่นั้น
เช่นเดียวกับเมื่อก่อน คามิลล์ยังคงเต็มไปด้วยมารยาทและสุภาพเรียบร้อย และรอยยิ้มอ่อนโยนของก็ไม่เคยเปลี่ยนไป ผมสีบลอนด์สวยงามก็ยังวิจิตรตา
“ท่านอาจารย์ ขอบคุณที่รอค่ะ” แคลร์ยิ้มก่อนจะโค้งให้กับคามิลล์
“ไม่หรอก ข้าเองก็พึ่งจะมาถึงเหมือนกัน มาเริ่มบนเรียนกันเลยดีกว่า” คามิลล์ยิ้ม
แคลร์นั่งลงพร้อมกับนั่งตัวตรง ใครบางคนได้วางตำราที่เธอจำเป็นจะต้องใช้ไว้บนโต๊ะของเธอเรียบร้อยแล้ว
คามิลล์เขียนสมการบนกระดานดำในขณะที่แคลร์นั้นได้ฟังอย่างตั้งใจ ในขณะที่แคลร์ฟังอย่างตั้งใจอยู่นั้น การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของคามิลล์กระตุ้นความสงสัยของแคลร์ขึ้นทันที
คามิลล์ค่อนข้างเกร็งเล็กน้อยเมื่อเขาเขียนบนกระดาน และแม้ว่ามันจะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่ความเกร็งนี้แน่นอนว่ามันได้เกิดขึ้น แคลร์สามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ด้วยจิตใต้สำนึก เพราะถ้าคนหนึ่งบาดเจ็บ การยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นจะไปกระทบถึงบาดแผลได้ทันที คามิลล์ยังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเขา และใบหน้าของเขาก็ยังคงมีสีของดอกกุหลาบปรากฏให้เห็น ดังนั้นใครจะสามารถบอกได้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ จากเพียงรูปลักษณ์ภายนอกของเขา อีกอย่าง ในฐานะนักวิชาการที่ร่างกายอ่อนแอ และเป็นลูกศิษย์ของนักวิชาการที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง ใครจะอยากทำร้ายเขา
ความจริงมักจะน่าแปลกใจเสมอ แคลร์มั่นใจว่าคามิลล์นั้นได้รับบาดเจ็บ และมันก็ไม่ใช่น้อยๆ ด้วย
แคลร์ไม่ได้พูดอะไรออกไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ ตั้งแต่ที่คามิลล์พยายามจะปกปิดมันเอาไว้ นั้นหมายถึงเขาไม่ต้องการให้ผู้คนได้รู้ ตัวตนที่แท้จริงของคามิลล์คงจะไม่ธรรมดาสามัญเสียแล้ว แต่แคลร์ก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
การเรียนการสอนในตอนเช้าก็ได้ผ่านไปโดยสงบ
คามิลล์ปฏิเสธคำเชิญอย่างสุภาพที่จะอยู่ร่วมมื้อกลางวันและก็จากไปเพียงลำพัง
ในช่วงบ่าย แคลร์ กอร์ดอน และแคทเธอรีนกำลังกินอาหารกลางวันกันอยู่ แคลร์ได้ค้นพบว่าจิตใจของกอร์ดอนกำลังจดจ่ออยู่กับบางสิ่งบางอย่าง
ราวกับว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
กอร์ดอนไม่สนใจที่จะกินอาหารของเขาให้เสร็จ ก่อนที่จะจากไปอย่างเร่งรีบ
แคลร์มองอย่างครุ่งคิดไปที่กอร์ดอนที่กำลังเดินออกจากประตูใหญ่แห่งตระกูลฮิลล์ไป พร้อมกับกินอาหารของเธอไปอย่างช้าๆ
“เจ้าอยากรู้ใช้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” เสียงของวอลเตอร์ส่งผ่านกระแสจิตเข้ามาในหัวของแคลร์
“พูดออกมา”แคลร์ตอบอย่างเย็นชาโดยปราศจากอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
“เพียงแค่ไปถามเอาจากองครักษ์ของเจ้า ตอนที่เขาได้พบกับองค์ชายรองที่หุบเขาเกลกอร์จ พวกเขาได้ทำสัญญาณมือส่งต่อให้กัน ลับหลังเจ้า”วอลเตอร์อธิบายขึ้นอย่างเร่งรีบ
“ข้ารู้ว่าเขาทำงานให้กับองค์ชายรอง แต่เขาก็ทำงานให้ท่านปู่ของข้าเหมือนกัน” คำพูดของแคลร์ทำให้วอลเตอร์ถึงกับตกใจ
“เจ้ารู้ทั้งหมดนี้เลยหรือ”วอลเตอร์อุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด พวกเขา...” เสียงของแคลร์หยุดไป ทำให้วอลเตอร์ใจร้อนมากขึ้น
“พวกเขาอะไร พูดต่อไป” วอลเตอร์กระตุ้น
“วอลเตอร์”แคลร์พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
“เจ้าไม่รู้หรือ ความอยากรู้อยากเห็นมักจะทำให้ผู้คนสูญเสียชีวิตของพวกเขา” น้ำเสียงที่ไม่แยแสสิ่งใดนี้ ทำให้หัวใจของวอลเตอร์เต็มไปด้วยความเยือกเย็น เด็กสาวที่ดูสดใสอยู่ในช่วงวัยรุ่น แน่นอนว่าไม่ได้มีความบริสุทธิ์อย่างรูปร่างหน้าตาของเธอเลย
วอลเตอร์เชื่อฟังก่อนจะหุบปากของเขา และไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
หลังจากพูดคุยอยู่กับแคทเธอรีนอยู่สักครู่ แคลร์ก็หลบไปในช่วงพัก หลังจากช่วงพักของเธอจบลง แคลร์ก็ได้เรียนขี่ม้าและฟันดาบต่อ
จีนได้เดินตามมาทางด้านหลังจนถึงประตูห้องของแคลร์
ทันใดนั้นเองแคลร์ก็หันกลับมา มองมาที่จีนก่อนจะถามอย่างปราศจากความรู้สึกใดๆ
“มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจ้าชายรองใช่ไหม”
หลังจากที่คำพูดของแคลร์จบลง ใบหน้าของจีนก็เปลี่ยนไปในทันที