ตอนที่ 21 โศกนาฏกรรมของวอลเตอร์
เหมือนว่าเขากำลังคาดเดาสิ่งที่แคลร์คิดอยู่ วอลเตอร์ทันทีกล่าวขึ้นเสริมว่า
“อย่าถามข้า ข้าไม่รู้อะไรเหมือนกัน ข้าเพียงทำงานเพื่อเงินเท่านั้น” แต่ภารกิจในครั้งนี้ทำให้เขาต้องจ่ายด้วยราคาที่สูงจริงๆ เขาต้องจ่ายมันด้วยชีวิตของเขาและไม่ได้สัมผัสแม้แต่มุมเสื้อของเป้าหมายของเขา ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเจ้าตัวซวยองค์ชายผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารแห่งแสงผู้นั้นแท้ๆ คนที่ไม่มีอะไรจะทำเลยต้องมาตามหาสมุนไพรในหุบเขาเกลกอร์จ มันคงจะไม่ใช่ปัญหาถ้าเป็นคนอื่นจากวิหารแห่งแสง แต่มันกลับเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจมากมายมหาศาลอย่างองค์ชายผู้ศักดิ์สิทธิ์คนนั้น วอลเตอร์ยังคงรู้สึกหวาดกลัวทุกครั้งที่เขาคิดเกี่ยวกับความพ่ายแพ้แต่เพียงฝ่ายเดียวของเขา
แคลร์ไม่ได้ถามอะไรอีกต่อไปรู้ว่ามันคงจะไร้ประโยชน์
“แคลร์ กลับด้วยกันนะ” องค์หญิงมอริซเต็มไปด้วยท่าทางที่มีความสุขเธอเดินตรงเข้ามาหาแคลร์ เธอได้เก็บแกนของสัตว์เวทย์ที่แคลร์ให้ลงไปไว้ในที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
แคลร์ยอมรับคำเชิญขององค์หญิงมอริซทันที และหลังจากการพักผ่อน กลุ่มคนเหล่านี้ก็ได้เดินทางกลับไปยังเมืองหลวง
“แคลร์สุดสัปดาห์ถัดไปคือวันเกิดของข้าและของท่านพ่อ องค์กษัตริย์ ตอนนี้กำลังมีการจัดเตรียมงานเลี้ยงวันเกิดอยู่ เจ้าจะต้องมาให้ได้นะ”องค์หญิงมอริซได้เชิญแคลร์ระหว่างทาง แน่นอนว่าการ์ดเชิญจะถูกส่งยังไปปราสาทฮิลล์ในภายหลัง
“แน่นอนเพคะ” แคลร์ตอบด้วยรอยยิ้ม
ตลอดเส้นทางองค์หญิงมอริซยึดติดอยู่กับแคลร์ และบอกให้แคลร์เล่าทุกอย่างของเธอที่เกิดขึ้นในหุบเขาเกลกอร์จให้เธอฟัง จีนและองค์ชายรองเดินอยู่ทางด้านหน้า แคลร์และองค์หญิงมอริซเดินอยู่ตรงกลาง ส่วนองครักษ์อีกสามคนเดินรั้งท้าย
องค์หญิงมอริซนั้นดูมีชีวิตชีวามากในตอนนี้ แตกต่างอย่างสมบูรณ์จากวิธีการที่เคร่งขรึมที่เธอแสดงออกยามที่อยู่ในสถาบัน นี้คงจะต้องเป็นบุคลิกที่แท้จริงของเธอ
คนกลุ่มนี้ได้เดินทางไปถึงเบอร์ธโดยไม่มีข้อติดขัดใดๆ เกิดขึ้น ตรงประตูเข้าเมือง พวกเขาได้แยกทางกันที่ตรงนั้น องค์หญิงมอริซยังลังเลที่จะจากไป และยอมจากไปหลังจากที่ได้ย้ำเตือนกับแคลร์ว่าให้เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเธอให้ได้
หลังจากที่แคลร์ได้ไปยังสมาคมทหารรับจ้างเพื่อที่จะส่งมอบภารกิจของเธอแล้ว เธอก็เดินทางกลับไปยังปราสาทของดยุคทันที
“คุณหนูท่านกลับมาแล้ว ท่านดยุคให้ท่านรีบไปที่ห้องหนังสือให้เร็วที่สุดหลังจากที่ท่านมาถึงแล้วค่ะ” แม่บ้านที่หน้าประตูส่งต่อข้อความของดยุคต่อแคลร์อย่างน้อมนอบ ทัศนคติของแม่บ้านที่มีต่อแคลร์นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง มันไม่ใช่เพราะความทุ่มเทของดยุคที่มีต่อแคลร์ในตอนนี้ แต่เป็นเพราะเขาไม่ได้เป็นคนธรรมดาสามัญ เขาเป็นคนที่มีพลังอำนาจที่ไม่ธรรมดา เขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของแคลร์ และยังเชื่อว่าเธอจะเป็นความหวังในอนาคตของตระกูลฮิลล์ต่อไป
“ตกลง” แคลร์ตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ ก่อนจะตรงไปยังห้องหนังสือโดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอเลยด้วยซ้ำ
เธอเคาะประตูเบา ๆ และเสียงที่มีพลังของกอร์ดอนก็ดังขึ้น
“เข้ามา”
แคลร์เดินเข้าไปยังด้านในของห้องหนังสือในขณะที่จีนยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก
“ท่านปู ข้ากลับมาแล้วค่ะ” แคลร์พูดขึ้นเสียงเบา มองไปที่ชายชราผู้สง่างามที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานภายในห้องหนังสือ โดยมีเอ็มเมอรี่ยืนอยู่ข้างๆสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลอยู่ในตอนนี้ด้วย
“ดีๆ กลับมาก็ดีแล้ว” กอร์ดอนพยักหน้าเล็กน้อย เขายืนขึ้นใบหน้าประดับรอยยิ้ม
“แล้วเป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็ไม่เลวเท่าไหรค่ะ ข้าได้สังหารสัตว์เวทย์ระดับสามและสี่มาบ้าง” แคลร์รายงานอย่างจริงจัง จากนั้นเธอก็เหลือบมองไปที่เอ็มเมอรี่ ในทันทีเอ็มเมอรี่เข้าใจถึงการจ้องมองของแคลร์ ว่าทุกอย่างจะต้องได้ประสบความสำเร็จแล้วอย่างแน่นอน เขานั้นรู้สึกโล่งใจทันที
“ดี แล้วเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่” กอร์ดอนเดินตรงไปที่แคลร์ด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ค่ะ” แคลร์ส่ายหัวเล็กน้อย
“ฮ่า ฮ่า ไม่เลว ไม่เลว นี่คือวิถีที่สมาชิกของตระกูลฮิลล์ควรจะเป็น” กอร์ดอนพยักหน้าอย่างมีความสุข
“อีกอย่าง ท่านปู ข้าได้พบเข้ากับคลิฟปราชญ์พ่อมดในตำนานด้วยค่ะ”แคลร์จู่ ๆ ก็เปลี่ยนหัวข้อขึ้น
“โอ้ แล้วเป็นอย่างไร” กอร์ดอนถามอย่างกระตือรือร้น
“เขาเป็นตาแก่วิปลาส” แคลร์กล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม
ใบหน้าของกอร์ดอนถึงกับกระตุก เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี คลิฟ ปราชญ์พ่อมดในตำนาน แน่นอนว่าเขามีความวิปลาสอย่างมาก อาจารย์เพศหญิงที่หน้าตางดงามทั้งหลายของสถาบันซันไรส์ต่างถูกเขาลวนลามมาก่อนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพยายามที่จะจับหน้าอกหรือไม่ก็ถอดชุดของพวกเขา
เอ็มเมอรี่มีการแสดงที่ประหลาดบนใบหน้าของเขา เหมือนว่าเขาอยากจะหัวเราะ แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
“เขาบังคับให้ข้าเป็นลูกศิษย์ของเขา แล้วยังให้ กำไลเคลื่อนย้าย เสื้อคลุมล่องหน อุปกรณ์เวทย์อะไรพวกนั้นมาด้วย” ประโยคเหล่านี้ของแคลร์ทำให้กอร์ดอนมีความสุขอย่างมากถึงมากที่สุด
“จริงๆ หรือ เจ้าแน่ใจใช่ไหม มันเป็นแบบนี้เองหรือ ฮ่า ฮ่า มันช่างน่ายินดีเกินไปแล้ว” กอร์ดอนถึงกับสะดุดในคำพูดของเขา คำพูดหนึ่งสะดุดกับอีกหนึ่งคำพูด จากนั้นเขาก็กลายมาเป็นผู้ที่มีความสุขที่สุข
“ข้าพึงจะรู้ว่าแคลร์หลานรักเป็นผู้ถูกเลือดโดยเขา”
แม้ว่ากอร์ดอนจะมีความสุขเป็นพิเศษ แต่แคลร์มองไปที่เอ็มเมอรี่ การแสดงออกของเอ็มเมอรี่นั้นมีความซับซ้อนเล็กน้อย เขายินดีกับแคลร์แต่ก็ไม่มีความสุขเล็กน้อย
“ข้าถูกบังคับโดยคลิฟให้เป็นลูกศิษย์ของเขา ดังนั้นเขาจำเป็นจะต้องเห็นด้วยกับเงื่อนไขของข้า” แคลร์เห็นการแสดงออกของเอ็มเอมมี่ ดังนั้นจึงพูดประโยคที่ไม่คาดคิดเหล่านี้ขึ้นมา
“อะไรนะ” กอร์ดอนกับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่ได้ยินคำพูดที่หยิ่งยโสของหลานสาวที่รักของเขา เขาเริ่มจะเป็นกังวลเล็กน้อยว่าจะทำให้คลิฟไม่พอใจเข้า
“ข้ามีเพียงเขื่อนไงเดียว ข้ามีอาจารย์อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจะต้องเป็นอาจารย์อันดำที่สองของข้า และถ้าเข้าไม่สามารถที่จะยอมรับมันได้ ก็ให้เขาลืมเรื่องนี้ไปได้เลย แล้วเขาก็ตกลง” แคลร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด
ในทันทีที่แคลร์พูดประโยคนี้จบ ปากของกอร์ดอนนั้นถึงกับเปิดกว้าง ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาอยู่เป็นนาน
ทั่วทั้งโลกคงจะมีเพียงแคลร์คนเดียวเท่านั้น ที่มีการเจรจาต่อรองในการเป็นลูกศิษย์ และไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือปราชญ์พ่อมดในตำนาน และช่างเป็นเงื่อนไขที่โหดร้ายยิ่งนัก
แต่ตอนนี้เอ็มเมอรี่นั้นได้แข็งค้างไปแล้ว แน่นอนว่าเขาเข้าใจในความหมายของคำพูดของแคลร์ เข้าใจถึงความหมายของอาจารย์คนแรก เป็นเวลาหลายปีที่เขาคิดว่าน้ำตาของเขานั้นได้แห้งและหายไปแล้ว แต่ในวันนี้ เขารู้สึกว่ามันกำลังชื้นขึ้นมา
“ท่านปู่ ท่านอย่างได้เป็นกังวล ข้ารู้ขอบเขตของข้าดี นอกจากนี้สิ่งที่ข้าตัดสินใจไปแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงเด็ดขาด” แคลร์พูดขึ้นอย่างจริงจัง
กอร์ดอนนั้นอยู่ในอาการตกใจ และมันใช้เวลาอยู่นานกว่าเขาจะกลับมาอยู่กับปัจจุบันได้ จากนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง
“ดี คู่ควรที่จะเป็นหลานของข้าจริงๆ ช่างเหมือนกับข้าในสมัยที่ข้ายังหนุ่มอยู่จริงๆ ข้าไม่ได้กังวลแคลร์ ข้ารู้ว่าเจ้าจะจัดการกับมันได้เหมาะสม”
“ขอบคุณท่านปู่มากค่ะ ที่เข้าใจข้า” แคลร์ยิ้มขึ้นเบาบาง
“เจ้าคงจะเหนื่อยแล้ว เจ้าจงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปเยี่ยมแม่ของเจ้าเสียหน่อย” กอรดอนเห็นได้ชัดว่าเขานั้นมีความยินดีและความสุขอย่างมาก เขายังคงพยายามคิดว่าคลิฟนั้นยอมรับแคลร์เป็นลูกศิษย์ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร และเขายังต้องการที่จะถามเอารายละเอียดต่อจากจีนอีกด้วย
หลังจากที่แคลร์จากไป กอร์ดอนก็หันไปเผชิญหน้ากับเอ็มเมอรี่ กับการแสดงออกที่ซับซ้อนในสายตาของเขา
“เอ็มเมอรี่ เจ้าเห็นหรือไม่ แคลร์เด็กคนนั้น ได้ตัดสินใจไปแล้ว” กอร์ดอนถอนหายใจอย่างหนัก
“เห็นขอรับท่านดยุค ข้า...” เอ็มเมอรี่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี หัวใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นและซาบซึ้งมันเกือบจะละลายอย่างสมบูรณ์แล้ว
“ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้แคลร์ต้องผิดหวัง” กอร์ดอนถอนหายใจยาวออกมา
“ท่านดยุค โปรดว่างใจ ข้าเข้าใจขอรับ”เอ็มเมอรี่พูดอย่างจริงจัง ในเวลานี้ เขาได้มอบดวงใจของเขาให้แคลร์ไปหมดแล้ว
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ฮ่า ฮ่า เจ้าไปเถิด ข้าคิดว่าเจ้าคงจะมีคำพูดมากมายที่จะพูดกับเด็กคนนั้น ข้าต้องการที่จะพบจีน ยังมีหลายเรื่องที่จะต้องถามเอาความจากจีน ไปเถิด” กอร์ดอนพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
“ขอรับ” เอ็มเมอรี่โค้งคำนับและจากไปในทันที
ในคืนนั้นไม่มีใครรู้ว่ากอร์ดอนและจีนได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง
หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แคลร์ก็ได้ไปพบแคทเธอรีน เห็นแคลร์กลับมาอย่างปลอดภัยเช่นนี้ แคทเธอรีนนั้นมีความสุขอย่างมาก หลังจากการรับประทานอาหารค่ำกับแคทเธอรีนเสร็จ แคทเธอรีนก็บอกให้แคลร์กลับไปพักผ่อน ลาเชียร์นั้นไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็น แคทเธอรีนบอกว่าลาเชียรนั้นไปพบอาจารย์ใหญ่เพื่อฝึกฝน
ไม่นานหลังจากที่แคลร์ได้กลับมาถึงห้องของเธอแล้ว แคลร์ก็ได้ยินเสียงเคาะที่ตรงหน้าต่าง แคลร์รู้ได้ทันทีว่าใคร ก่อนจะเปิดประตูหน้าต่างและหลบไปเพื่อให้เอ็มเมอรี่เข้ามาข้างในได้
“ท่านอาจารย์ มาได้เวลาพอดีเลย ข้ามีบางสิ่งบางอย่างที่จะปรึกษากับท่าน” เมื่อแคลร์เห็นเอ็มเมอรี่ อารมณ์ของเขานั้นดีมาก
เอ็มเมอรี่มองไปที่เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง หลังจากเสร็จสิ้นการติดตั้งเวทย์เพื่อการดักฟัง ด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียวของเขา เขาก็ถามขึ้นทันที
“แคลร์ทุกอย่างในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นหรือไม่”
“ใช่ค่ะ มันประสบความสำเร็จ ข้าได้เรียนรู้ อาคานัม เวทย์ลี้ลับบทนั้น เพียงแต่มันมีข้อมูลจำนวนมากมายที่จะต้องแยกแยะออกจากกัน ข้าต้องการจะถามอาจารย์เกี่ยวกับสิ่งนี้” แคลร์นำก้อนหินจิตวิญญาณที่เธอได้นำติดตัวมาออกมา
“หินจิตวิญญาณ”เอ็มเมอรี่นั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างมหาศาล มองไปยังสมบัติที่ล้ำค่าในมือของแคลร์ เขาช่วยไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมา
แคลร์ส่งหินไปให้เอ็มเมอรี่ และเอ็มเมอรี่ก็รับมาตรวจสอบอย่างละเอียดและระมัดระวัง
“อ่า มันมีบางอย่างอยู่ข้างใน”
“คนงี่เง่าที่ไม่สามารถเอาชนะกับใครบางคนได้และสูญเสียร่างกายของเขาไป แล้วได้แนบจิตวิญญาณของเขาลงมาในนี้ เขาเป็นผู้ใช้มนต์ดำที่เรียกว่า วอลเตอร์ ไซมอน” แคลร์ตอบขึ้นอย่างไม่สนใจนัก
“วอลเตอร์ ไซมอนหรือ” เอ็มเมอรี่ถึงกลับต้องร้องอุทานขึ้นอีกครั้ง
“อะไรท่านอาจารย์ ชายผู้นี้เป็นคนมีชื่อเสียงด้วยหรือ” แคลร์ถามขึ้นอย่างสงสัย
“เขาเป็นอัจฉริยะของอัจฉริยะสำหรับผู้ใช้มนต์ดำเลยทีเดียว อุบาทว์ เจ้าเล่ห์ ฉลาดแกมโกง และไร้ยางอาย เขาเป็นบุคคลที่วิหารแห่งแสงต้องการตัว แต่เขาก็หนีออกมาได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง แต่ครั้งนี้....”เอ็มเมอรี่มองหินจิตวิญญาณที่อยู่ในมือของเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น เขาสงสัยว่าจิตวิญญาณที่อยู่ในก้อนหินนี้จะเป็นวอลเตอร์ที่เขารู้จักจริงหรือไม่
“เขาเป็นคนที่ฉลาดจริงๆ หรือ” แคลร์ยกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ
“เขาได้พบกับองค์ชายผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารแห่งแสง”
“อ่า เช่นนั้นมันก็ไม่แปลกอะไร” ตอนนี้เอ็มเมอรี่ไม่คิดว่าสถานการณ์นั้นแปลกอีกต่อไป
“วอลเตอร์ ออกมา ไม่ใช่นั้นข้าจะทำให้เจ้าปรารภนาที่จะตายแทน” แคลร์สั่งอย่างเย็นชา
ช่วงเวลาต่อไป ควันได้ลุกลามออกมาจากก้อนหินเล็กๆในมือของเอ็มเมอรี่ แล้วภาพของมนุษย์ก็ได้ปรากฏขึ้น
“มันเป็นวอลเตอร์ ไซมอน อัจฉริยะของผู้ใช้มนต์ดำจริงๆ” เอ็มเมอรี่จ้องมองไปที่ภาพตรงหน้าพร้อมกับพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“นั้นแหล่ะข้าเอง” วอลเตอร์พูดขึ้นอย่างยโส
“เจ้าอยากถูกทำโทษใช่ไหม ที่พูดกับอาจารย์ของข้าแบบนั้น” สายตาที่ยิงไปที่เขาจากแคลร์นั้นราวกับน้ำแข็ง
“โอ้ ข้าคือผู้ใช้มนต์ดำ วอลเตอร์ ไซมอน ท่านต้องการสิ่งใด” น้ำเสียงของวอลเตอร์นั้นเปลี่ยนไปทันทีกลายเป็นประจบขึ้นแทน
เอ็มเมอรี่กระพริบตา ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่ากลิ่นอายระหว่างศิษย์รักของเขาและผู้ชายคนนี้เป็นอะไรที่ซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก
“อ่า ข้ารู้” เอ็มเมอรี่ขมวดคิ้วของเขา ความคิดได้ก่อตัวขึ้นในหัวของเขา
นี้เป็นครั้งแรกที่แคลร์เห็นอารมณ์ปกติของเอ็มเมอรี่ รอยยิ้มชั่วรายของเขาได้ปรากฏขึ้น
โดยปราศจากเหตุผลใดๆทั้งสิ้น ร่างกายของวอลเตอร์ก็รู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาทันที
มีบางอย่างที่ไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น