ตอนที่ 20 แผนการ
แคลร์จ้องมองไปที่รูปร่างเบาบางของมนุษย์ สำหรับรูปร่างเบาบางแล้ว เธอดูคลายงูปีศาจที่กำลังพันอยู่รอบคอของเขาอยู่ เหมือนกับว่าเธอสามารถที่จะสังหารเขาได้ในทุกนาที
“ใช่ ข้าเป็นนักเวทมนต์ดำ” รูปร่างเบาบางในที่สุดก็เริ่มพูดคุยขึ้น
“ชื่อของข้าคือ วอลเตอร์ ไซมอน และข้ากำลังมองหาสมุนไพรที่หายากอยู่ สมุนไพรที่จะปรากฏขึ้นในค่ำคืนที่พิเศษเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงได้เฝ้ารออยู่ที่นั้น แต่แล้วเจ้าคนบ้าบุตรผู้บริสุทธิ์แห่งวิหารแห่งแสงผู้นั้นก็ได้ผ่านมา แล้วเจ้าคนไร้ความเป็นมนุษย์ผู้นั้นก็ได้ทำลายร่างของข้า เขาคิดว่าจิตวิญญาณของข้าก็คงจะถูกทำลายไปด้วย แต่ข้าได้ฝังจิตวิญญาณของข้าเอาไว้ในหินวิญญาณก้อนนี้” รูปร่างเบาบางนั้นกำลังกัดฟันในขณะที่เขาพูด ความเกลียดชังที่มีต่อบุตรผู้บริสุทธิ์แห่งวิหารแห่งแสงนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน
วอลเตอร์ ไซมอนหรือ เป็นชื่อที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนสำหรับแคลร์เลย และหลังจากที่แคลร์ครุ่นคิดอยู่เป็นนาน ก็ได้ข้อสรุปในที่สุดว่าเธอไม่เคยได้ยินมันมาก่อนอย่างแน่นอน
รูปร่างเบาบางมองเห็นแคลร์ที่กำลังครุ่นคิดอย่างเงียบงัน ก่อนจะแอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าคำตอบของเขาจะทำให้ปีศาจน้อยพึงพอใจอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ได้พูดความจริงออกไป แต่มีบางอย่างที่สำคัญมากที่เขาไม่ได้บอกปีศาจน้อยออกไปก็เท่านั้น
ในขณะที่วอลเตอร์ได้ลดความระมัดระวังตัวของเขาลง จู่ๆ แคลร์ก็หยิบเอาหินสีดำมากำไว้แน่นในมือของเธอ ใบหน้าของเธอนั้นเยือกเย็นก่อนจะพูดคำพูดประโยคหนึ่งออกมาที่แทบจะทำให้วอลเตอร์กลัวแทบตาย
“หนุ่มน้อยยังมีบางอย่างที่เจ้าไม่ได้บอกข้ามา เจ้าควรจะรู้ว่าผลของการที่เจ้าไม่ยอมบอกความจริงกับข้ามานั้นมันจะเป็นอย่างไร หรือว่าเจ้าต้องการจะให้ข้าบดขยี้หินก้อนนี้ให้เป็นผงแทนเจ้า”
หลังจากที่เธอพูดจบลง แคลร์นั่งลงที่พื้น ก่อนจะวางก้อนหินสีดำไว้บนพื้นก่อนจะเริ่มถูไถมันไปมา เสียงดังเข้ามาที่หูและแรงเสียดทานเกือบจะทำให้วอลเตอร์ร้องไห้ออกมาดัง ๆ
“อย่า ทุกสิ่งที่อย่างที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง” วอลเตอร์เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“สิ่งที่เจ้าพูดนั้นเป็นความจริง แต่เจ้าไม่ได้พูดทุกอย่างออกมา” แคลร์เริ่มบดขยี้หินอีกครั้งไปตามพื้น เสียงกระแทกทำให้วอลเตอร์กลัวมากจนจิตวิญญาณของเขาเกือบจะลอยออกไปเสียแล้ว
“อย่าคุณหนู ข้าจะบอกท่านทุกอย่าง”ถ้าจะมีเห็นใบหน้าของเขา วอลเตอร์นั้นมีใบหน้าที่บูดบึ้งอยู่ในตอนนี้
“เช่นนั้นก็พูดออกมา หนุ่มน้อย ถ้าเจ้ายังดื้ออยู่แบบนี้ ข้าจะบดขยี้เจ้าเป็นชิ้นๆ เลยคอยดู” แคลร์ยืนขึ้นก่อนจะวางหินสีดำลงไปบนโต๊ะอีกครั้ง
“ข้ายอมรับภารกิจที่จะได้รับการค่าตอบแทนที่สูงมาก เพื่อที่จะซุ่มโจมตีกลุ่มคนที่จะเดินทางเข้ามายังหุบเขาเกลกอร์จ หากแต่เวลามันยังมาไม่ถึง ดังนั้นข้าเลยคิดว่าจะเข้าไปในหุบเขาเกลกอร์จ เพื่อที่จะหาสมุนไพร แต่แล้วข้าก็ได้พบเข้าไอ้บ้าบุตรผู้บริสุทธิ์แห่งวิหารแห่งแสงผู้นั้นเข้า ก็เลยกลายมาเป็นแบบนี้ เจ้าก็รู้ทุกอย่างหลังจากนั้นแล้ว” คราวนี้วอลเตอร์นั้นเต็มไปด้วยความซื่อสัตย์
“ซุ่มโจมตีกลุ่มคนหรือ ใครกัน” แคลร์ถามขึ้นเสียงเบา
“ข้าก็ไม่รู้เหมือกัน ข้าแค่ต้องการที่จะซื้ออุปกรณ์บางอย่างและต้องการเงิน เมื่อรับภารกิจมา ข้าก็ไม่ได้ถามว่าใครเป็นคนตั้งภารกิจนี้ขึ้น หรือว่าใครที่พวกเขาต้องการจะสังหาร” วอลเตอร์ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาไม่รู้จริงๆ ว่าใครที่เขาจะต้องไปสังหาร
ในตอนแรกเขาคิดว่าปีศาจน้อยจะไม่พอใจกับคำตอบของเขา แต่ในทางตรงกันข้ามปีศาจน้อยยังคงเต็มไปด้วยความสงบเงียบ วอลเตอร์เต็มไปด้วยความงงงวย เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าแคลร์นั้นได้รับการถ่ายทอด อาคานัม เวทย์ลี้ลับบทนั้นมาจากหลังผ่านน้ำตกแห่งนั้นแล้ว เมื่อครั้งแรกที่เขาไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดแก่แคลร์ แคลร์ได้ทำการตรวจสอบระลอกของความคิดของเขา และได้พบว่าเขาไม่ได้บอกความจริงกับเธอทั้งหมด
“หินจิตวิญญาณของเจ้านั้นสามารภใช้ได้เพียงครั้งเดียวหรือสามารถนำมาใช้งานได้หลายครั้ง”แคลร์มองอย่างเย็นชาไปที่วอลเตอร์
ขณะที่วอลเตอร์ถูกจ้องมอง ผมของเขานั้นต่างลุกตั้งขึ้นแล้วเขาก็รีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
“เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากใช้ไปแล้วมันก็ไร้ประโยชน์”
“โอ้” แคลร์ผิดหวังเล็กน้อย
วอลเตอร์นั้นสับสนเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าแคลร์จะถามคำถามแบบนี้ทำไม ถ้าเขารู้ว่าแคลร์ต้องการที่จะใช้หินจิตวิญญาณของเขาแล้วล่ะก็ เขาคงจะหวาดกลัวอย่างมากมายที่เขาจะต้องตายอีกครั้ง
วอลเตอร์ไม่กล้าที่จะพูดอะไรขึ้นมาอีก และก็เพียงรอคอยให้แคลร์เป็นคนถามขึ้นเท่านั้น เขาตอนนี้ก็คือแกะที่กำลังรอว่าเมื่อไหร่จะถูกเชือดก็เท่านั้น เขาได้สูญเสียพลังของเขาไปหมดแล้ว และสิ่งที่สำคัญที่เขาครอบครองอยู่ ก็คือหินจิตวิญญาณ และมันก็อยู่ในมือของปีศาจน้อยแล้วในตอนนี้
“เอาล่ะ ได้เวลานอนแล้ว” คำพูดที่ฟังดูขี้เกียจดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่วอลเตอร์ได้หลังจากที่รอคอยมานาน แคลร์ถอดเสื้อแจ็กเกตเธอออก ก่อนจะเดินไปที่เตียง ดวงตาของวอลเตอร์เกือบโผล่ออกมาในทันที
โอ้ โอ้ โอ้พระเจ้าร่างของปีศาจน้อยนี้เป็นสิ่งที่ดีงามจริงๆ
วอลเตอร์ จ้องแคลร์อย่างทะลุทะลวงลงไปถึงชุดชั้นในของเธอ อุทานอยู่ในใจ นักเวทมนต์ดำและวิญญาณไม่บูชาเทพธิดาแห่งแสง แต่กลับเป็นพระเจ้าแห่งความมืดต่างหาก
“เจ้าเชื่อหรือไม่ ว่าข้าสามารถที่จะทิ่มแทงไปที่ก้อนหินของเจ้าสักหลุมสองหลุมหากว่าเจ้ายังคงจ้องมองอยู่แบบนี้” น้ำเสียงของแคลร์ทำให้วอลเตอร์กลับลงไปอยู่ในหินเช่นเดิมโดยปราศจากคำพูดใดๆ
แคลร์นอนลงไปบนเตียง แต่ไม่ได้กำลังคิดถึงเรื่องที่วอลเตอร์ได้พูดเอาไว้ เธอกำลังคิดเกี่ยวกับมนต์ดำต่างหาก มนต์ดำคงจะต้องแตกต่างจากเวทมนต์ที่เธอรู้อย่างแน่นอน แล้วมันจะเกี่ยวกับอะไรกันแน่ แคลร์อยากจะบีบหาข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากวอลเตอร์ เธอคิดแม้กระทั่งหินจิตวิญญาณ ถ้าเธอพ่ายแพ้ในการต่อสู้ และการสูญเสียร่างกายของเธอ เธออาจจะสามารถที่จะแนบจิตวิญญาณของเธอไปไว้ที่หินจิตวิญญาณ และได้รับชีวิตใหม่อีกครั้ง
ค่ำคืนยังคงเงียบสงบ
ในเช้าวันรุ่งขึ้นแคลร์และจีนได้ซื้อม้ามาสองตัวและเดินทางจากไป
ในตอนเที่ยงวันพวกเขาทั้งสองได้หยุดอยู่ในป่าเพื่อที่จะกินข้าวเที่ยงของพวกเขา
คนทั้งสองกินกันไปอย่างเงียบๆ สภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆ พวกเขานั้นเงียบสงบ ทันใดนั้นเองเสียงของม้าควบก็ดังขึ้น บอกให้รู้ว่ามีบางคนที่กำลังตรงมาทางนี้
จีนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ
“มีห้าคนด้วยกัน”
แคลร์ไม่สงสัยในความสามารถในการได้ยินของจีนแม้แต่น้อย
เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้ ไม่นานกลุ่มของผู้คนทั้งห้าก็ได้ปรากฏให้เห็นจากระยะไกล ทั้งหมดขี่ม้ามา แต่คนเหล่านี้พวกเขารู้ว่าจัก มันเป็นกลุ่มขององค์ชายรองผู้สูงศักดิ์และองค์หญิงมอริซ อยู่ด้านหลังของพวกเขาคือสามนักรบที่มีประสิทธิภาพอย่างร้ายกาจ บางส่วนอาจจะมาจาก สถาบันนักรบพายุ ของทางพระราชวงศ์ก็ได้ องค์ชายรองและองค์หญิงมอริซทั้งสองคนแต่งตัวเหมือนนักผจญภัยทั่วไป เสื้อผ้าขรุขระขององค์หญิงมอริซนั้นยิ่งทำให้เธอมีลักษณะอันงดงามมากยิ่งขึ้น
“ฝ่าบาท” จีนและแคลร์ลุกขึ้นยืนเพื่อถวายพระพรและถวายบังคม
ประกายของความสับสนผ่านออกมาจากสายตาขององค์ชายรองแต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น ก่อนที่เขาจะเข้าใจทุกอย่าง แน่นอนว่าจากนิสัยของดยุคฮิลล์แล้ว มันเป็นเรื่องที่แปลกมากที่แคลร์มาอยู่ที่นี่ได้
“แคลร์ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” องค์หญิงมอริซลงจากหลังม้าของเธออย่างชำนาญดูเหมือนจะมีความสุขมากที่จะเห็นแคลร์ที่นี่
“ใช้ช่วงปิดเรียนภาคฤดูร้อนไปหาประสบการณ์ในหุบเขาเกลกอร์จเพคะ”แคลร์ตอบพร้อมรอยยิ้ม องค์หญิงผู้กระตือรือร้นผู้นี้เป็นคนเดียวที่ยินดีที่จะพูดคุยกับเธอยามอยู่ในสถาบัน
“จริงๆหรือ แล้วเจ้าล่าอะไรมาได้บ้าง” องค์หญิงมอริสถามอย่างตื่นเต้น
“ไม่มีอะไรมากเพคะ เพียงสัตว์เวทย์ระดับสามและสี่ และแกนเวทย์ของพวกมันเพคะ” แคลร์ยังคงมีรอยยิ้ม
“ข้าอยากเห็น ข้าอยากเห็น” มอริซร้องขึ้นเหมือนเด็กน้อย ราวกับว่าการไล่ล่าสัตว์เวทย์ของแคลร์นั้นน่าตื่นเต้นและน่าอัศจรรย์มาก
ในขณะที่แคลร์กำลังพูดคุยกับองค์หญิงมอริซอยู่นั้น ในมุมที่ไม่มีใครสามารถมองเห็น จีนและองค์ชายรองได้ทำสัญญาณมือแปลกๆ ส่งให้กัน ในขณะที่จีนได้เสร็จการส่งสัญญาณมือของเขาแล้วนั้น ใบหน้าขององค์ชายรองกลายเป็นเคร่มขรึมและงงงวยอย่างมาก เขาเหลือบมองไปที่แคลร์ที่กำลังยิ้มและพูดคุยอยู่กับองค์หญิงมอริซในตอนนี้ ความรู้สึกประหลาดใจและตกใจได้เกิดขึ้น แคลร์เป็นใครกันแน่ ไม่มีใครสามารถอ่านเธอได้ เธอจะต้องมีความสามารถพิเศษจริงๆ ที่ทำให้คลิฟยอมรับเธอเป็นลูกศิษย์ของเขาได้ แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกโล่งใจเกี่ยวกับมันก็คือ ดูเหมือนแคลร์จะไม่เป็นที่สนใจจากวิหารแห่งแสง บุคคลที่มีศักยภาพและพื้นหลังที่คอยแต่จะขับไล่วิหารแหงแสงเช่นนั้น องค์ชายรองคงจะอยู่ไม่เป็นสุขแบบนี้แน่นอน
พระเจ้าและพระมหากษัตริย์มักจะขัดแย้งกันเสมอ
ในขณะที่แคลร์และองคหญิงมอริซได้พูดคุยกันอยู่นั้น หินก้อนเล็ก ๆ ในกระเป๋าของแคลร์ก็เริ่มสั่นขึ้น
องค์หญิงมอริซจากไปด้วยความสุขเพื่อที่จะนำแกนสัตว์เวทย์ที่แคลร์ให้กับเธอไปอวดพี่ชายของเธอ
แคลร์หยิบเอาก้อนหินออกมาก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา
“พูดมา”
“ข้าสมควรจะซุ่มโจมตีคนกลุ่มนี้” เสียงของวอลเตอร์นั้นดังตรงไปในหัวของแคลร์
อะไรนะ โจมตีกลุ่มขององค์ชายรองและองค์หญิงมอริซอย่างนั้นหรือ ใครที่คิดจะเอาชีวิตของพวกเขากัน