ตอนที่ 18 ตกอยู่ในสถาณการณ์ที่อันตราย
ในเช้าของวันต่อมา แจ็คสันได้พยายามด้วยความยากลำบาก ที่จะให้แคลร์รวมเดินทางไปกับพวกเขา เพราะทุกคนต่างเห็นว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติได้เกิดขึ้นในหุบเขาเกลกอร์จแห่งนี้ ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ ได้ลอยอยู่ในอากาศไปทั่ว ในบางครั้ง เหล่านกกาต่างร้องออกมาราวกับว่ามันหวาดกลัวสิ่งใดอยู่ หรือไม่ก็บินหนีไป สัตว์เวทย์ทั้งหลายต่างวิ่งออกมาจากหุบเขาเกลกอร์จ อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีสักตัวที่จะโจมตีมาที่พวกเขา พวกมันทำราวกับว่ามองไม่เห็นกลุ่มของพวกเขาอย่างไรก็อย่างนั้น ต่างวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว ราวกับว่าพวกมันหวาดกลัวต่อบางสิ่งบางอย่าง
“แปลกมาก” แจ็คสันลูบคางของเขาอย่างงงงวยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
จีนขมวดคิ้วของเขาขึ้นอย่างครุ่นคิด ฝูงหมาป่าวายุได้ปรากฏขึ้นพร้อมกับองค์ชายผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารแห่งแสง นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน
“แจ็คสันข้าคิดว่าพวกเราไม่ควรจะเข้าไปลึกกว่านี้นะ ข้ามีความรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย” ชายหนุ่มคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของแจ็คสันพูดขึ้น เขาเป็นเพียงนักเวทย์คนเดียวในกลุ่มและยังเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มอีกด้วย
ใบหน้าของแจ็คสันนั้นเคร่มขรึมขึ้นมาทันที สถานการณ์ต่างๆ มากมายได้ชี้ให้เห็นมาแล้วว่านักเวทย์ของพวกเขานั้นเดาได้ถูกต้องทุกครั้ง
“ตกลงเมื่อเวลามาถึงพวกเราก็จะจากไป” แจ็คสันตัดสิ้นใจอย่างเด็ดขาด ก่อนจะหันหน้าไปทางแคลร์
“สาวน้อย แคลร์ เจ้าก็ควรจะจากไปพร้อมกับพวกเรา มันอันตรายเกินไปที่จะเดินเข้าไปลึกกว่านี้อีก”
“ขอบคุณในความกังวลของท่าน แต่ข้ามีเหตุผลที่ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นข้าจึงจำเป็นจะต้องเดินทางต่อไป พวกเราจะแยกกันที่ตรงนี้” หลังจากที่แคลร์ได้ทำการขอบคุณพวกเรา เธอก็เดินมุ่งตรงไปยังด้านหน้าทันที
แจ็คสันยืนมองบุคคลทั้งสองเดินจากไปจากทางด้านหลังของพวกเขา เขายังคงต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่นักเวทย์ที่อยู่ด้านหลังของเขาได้ดึงเสื้อเขาเอาไว้ก่อน
“อย่าพยายามที่จะห้ามพวกเขามากไปกว่านี้ สาวน้อยผู้นั้นดูจะมีความเด็ดเดี่ยวผิดปกติอยู่ในสายตาของนาง นางคงจะมีเหตุผลที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ ถ้าท่านพยายามที่จะห้ามพวกเขา มันจะเป็นการเสียเวลาเปล่า อีกอย่าง นางก็เป็นนักเวทย์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นกังวล”
แจ็คสันถึงกับถอนหายใจอยู่เงียบๆ ตั้งจิตอธิษฐานอยู่ในใจ หวังว่าสาวน้อยคนสวยจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ
จีนและแคลร์ยังคงเดินหน้าต่อไป แต่พวกเขาก็ไม่ได้เจอกับสัตว์เวทย์ใดๆ เลยตลอดเส้นทางที่พวกเขาเดินไป ความรู้สึกแปลกๆ ก็ยังคงมีอยู่ในอากาศเรื่อยๆ
ยิ่งพวกเขาเดินลึกเข้าไปด้านในเท่าไหร่ แคลร์ก็ยิ่งสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงแก่นสารของธาตุสองประเภทด้วยกันอยู่ในอากาศ หนึ่งคือพลังอำนาจบริสุทธิ์ที่รู้สึกคุ้นเคย และอีกหนึ่งคือพลังอำนาจมืด ทันใดนั้นเอง พื้นที่โล่งกว้างก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของพวกเขา
จีนเพ่งเล็งไปด้านหน้า มองไปยังภาพเบื้องหน้าที่ดูแทบไม่ได้ ต้นไม้หักกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเกลื่อนไปทั่วพื้นดิน และก้อนหินขนาดใหญ่ถูกทุบเป็นรูเต็มไปหมด สถานที่แห่งนี้ไม่เคยเป็นพื้นโล่งกว้างแบบนี้ แต่มันคือป่าไม้ที่เขียวชอุ่ม เห็นได้ชัดว่ามีการต่อสู้อย่างรุ่นแรงเกิดขึ้นที่นี่
แคลร์ยังคงคบคิดอยู่ในหัวน้อยๆ ของเธอ ดูเหมือนว่าแก่นธาตุของพลังบริสุทธ์ในอากาศที่ได้ถูกทิ้งเอาไว้ด้วยน้ำมือของบุตรชายผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารแห่งแสงที่พวกเขาได้พบเมื่อวานนี้ ในขณะที่แก่นธาตุของพลังดำมืดที่เหลือไว้สลัวๆ เท่านั้น คงจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา ดูจากเสื้อผ้าที่เขาใส่นั้นดูเรียบร้อยราวกลับไม่ได้เกิดสิ่งใดขึ้น คงหมายถึงชัยชนะอย่างถล่มทลายของเขานั้นเอง คงจะเป็นเพราะแก่นธาตุที่พวกเขาทั้งสองได้ทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง จึงทำให้เหล่าสัตว์เวทย์ทั้งหลายเกิดความกระสับกระส่าย แม้แต่ผู้คนยังรู้สึกอึดอัดไม่น้อยจากแก่นธาตุที่ถูกทิ้งเอาไว้เหล่านี้
จากสภาพของพื้นดินที่อยู่ต่อหน้าของพวกเขาในตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันจะมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น แต่ได้รับการแก้ไขไปแล้ว มันคงจะเป็นพลังอำนาจด้านมืด ดังนั้นบุตรผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารแห่งแสงจึงได้ทำลายมันลง
“ไปกันเถอะ” แคลร์พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะออกเดินไปข้างหน้า จีนตามมาอย่างรู้หน้าที่
ไม่มีใครสังเกตว่าในความมืด ในมุมที่อับชื้น ก่อนหินสีดำเงางามได้ส่องประกายแสงประหลาดๆ ออกมา มันเบาบางราวกับสายลม แต่แน่นอนว่ามันอยู่ตรงนั้น
แคลร์หยิบแผนที่ออกมาจากในกระเป๋าของเธอ และศึกษาอย่างละเอียด ก่อนจะมองตรงไปทางด้านหน้าของเธอ จากแผนที่ได้ระบุเอาไว้ว่ามันคือตรงนี่ แต่มันก็ไม่ได้มีห้องลับใดๆ เท่าที่เธอจะสามารถมองเห็น มีเพียง แค่ทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ และน้ำตกที่กำลังไหลลงมาอย่างแรงเท่านั้น
“คุณหนู มันคือที่นี่หรือขอรับ” จีนถามขึ้นอย่างสับสนเช่นกัน
แคลร์ไม่ได้พูดอะไรขึ้นนอกจากจะหลับตาลงเท่านั้น ตรวจสอบองค์ประกอบของธาตุที่อยู่รอบๆ ตัวเธอ บางทีห้องลับอาจจะอยู่ในสถานที่ที่มีมนต์ขลัง หรือไม่ก็มีองค์ประกอบของธาตุที่มีจำนวนมาก แต่แคลร์กลับต้องเจอกับความผิดหวัง เพราะองค์ประกอบของธาตุนั้นได้กระจายตัวออกไปอย่างเท่าเทียบกันทุกพื้นที่
“คุณหนู หรือว่าเอ็มเมอรี่จะให้แผนที่ที่ผิดกับท่านมาขอรับ” จีนช่วยไม่ได้ที่จะถามขึ้นอีกครั้ง
หลังจากที่เธอเสร็จจากการสำรวจพื้นที่ ในตอนนั้นเองพื้นที่ที่สงบบนพื้นผิวของทะเลสาบก็ได้กระเพื่อมขึ้นอย่างกระทันหัน
จีนขมวดคิ้วและอย่างรวดเร็วเขาได้ไปยืนอยู่ทางด้านหน้าของแคลร์ในทันที
แต่แคลร์เพียงแค่ยกคิ้วของเธอขึ้น เพราะเธอสามารถรับรู้ได้ถึงองค์ประการของธาตุที่มีมนต์ขลังออกมากับระลอกของคลื่นของทะเลสาบ ระลอกของคลื่นจากทะเลสาบพูดขึ้นต่อหน้าของจีน บอกชื่อเต็มของเอ็มเมอรี่มา
ตอนนี้แคลร์เข้าใจแล้วว่า เพื่อนของเอ็มเมอรี่คนนี้คงจะได้ติดตั้งอุปรกณ์เวทย์บางอย่างเอาไว้ เธอก้มลงไปพูดกับระลอกคลื่นของทะเลสาบเบาๆ “เอ็มเมอรี่ คลาร์ก ดูไบ” นี่เป็นชื่อเต็มๆ ของเอ็มเมอรี่
ระลอกคลื่นในทะเลสาบเปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้นในทันที ก่อนจะกลายตัวเป็นรูปลูกศรชี้ไปยังน้ำตก
หรือว่าห้องลับจะอยู่หลังม่านน้ำตกนั้น
จีนจ้องมองไปตามลูกศร ก่อนจะหันมาทางแคลร์พร้อมกับยื่นมือของไปให้แคลร์
“ไปกันเถอะ”
แคลร์จับมือของจีนโดยไม่มีความลังเลใดๆ แม้แต่น้อย
จีนดึงตัวแคลร์เข้ามาใกล้มากขึ้น ก่อนจะรวบรวมเอากำลังภายในก่อนจะปล่อยออกมาล้อบรอบพวกเขาเอาไว้ จีนกระโดดเพียงครั้งเดียวก็พาแคลร์ข้ามทะเลสาบไปได้อย่างรวดเร็ว จีนพาแคลร์เข้าไปหลังม่านของน้ำตกอย่างไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
หลังจากที่พวกเขาผ่านเข้ามาด้านในของน้ำตกได้ ไม่มีหยดน้ำแม้แต่หยดเดียวอยู่ตามตัวของพวกเขาทั้งสองคน แคลร์ในตอนนี้เชื่อมากยิ่งขึ้นไปอีก ว่าจีนนั้นมีความสามารถมากกว่าแค่ระดับนักรับชั้นหนึ่งเท่านั้น ไม่แน่ว่าเขานั้นอาจจะมีระดับที่สูงกว่านักกระบี่ชั้นหนึ่งด้วยซ้ำ
ความมืดที่คลุมเครืออยู่หลังม่านน้ำตกเป็นเรื่องยากที่ชินกับมันได้ ดังนั้นแคลร์จึงเรียกใช้ลูกบอลไฟ เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้กับพวกเขา ด้านในนั้นเป็นผนังหินทั้งหมด ที่ถูกสร้างเป็นเส้นทางจากฝีมือมนุษย์ลึกเข้าไปด้านในที่เต็มไปด้วยความมืด
จีนไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่เดินนำหน้าแคลร์ไปเท่านั้น
เส้นทางได้นำพวกเขาเดินลึกเข้าไปในหุบเขา แล้วสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวก็กลายเป็นพื้นที่ที่แห้ง แทนที่จะเปียกชื้น หลังจากเดินอยู่เป็นนาน ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงหน้าประตูที่ถูกแกะสลักขึ้นจากก่อนหิน ตรงประตูนั้นมีรูขนาดเล็กปรากฏอยู่ แล้วแคลร์ก็หยิบเอาหินทรายชนิดหนึ่งที่เอ็มเมอรี่ได้ให้เธอมา ก่อนจะใส่มันเข้าไปในรูนั้น มันเข้ากันได้เป็นอย่างดี
ในทันทีระลอกของคลื่นพลังที่แข็งแกร่งก็กระจายออกมา
จีนดึงเอาดาบของเขาออกมาก่อนจะก้าวมายืนอยู่ทางด้านหน้าของแคลร์
ก่อนจะปรากฏกลุ่มควันของหมอกลอยออกมาทางด้านหน้าของประตู ก่อนจะค่อยๆ รวมตัวกันเป็นรูปร่างของผู้ชายขึ้น ชายร่างเตี้ยวัยกลางคนหัวของเขาดูเหมือนจะลานเล็กน้อย กับผมสีขาวที่เห็นได้ชัดว่ามันไม่เข้ากับอายุของเขาเลย
“โอ้ เอ็มเมอรี่เพื่อนรักของข้า นั้นเจ้าใช่ไหม เจ้าควรจะรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป” รูปร่างนั้นพูดขึ้นอย่างร่าเริง
แคลร์และจีนยืนมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป แคลร์ถึงตอนนี้เธอราวกับว่าได้สูญเสียความเป็นตัวตนของตัวเองไปแล้ว อาจารย์เอ็มเมอรี่ไม่ได้บอกเธอว่าควรจะทำอย่างไรหากเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนว่ารูปร่างตรงนี้จะมีวิธีที่สามารถใช้สื่อสารกับเอ็มเมอรี่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าวิธีไหน
ในความเงียบ และยังคงเงียบต่อไป คนทั้งสองยังมีความระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ส่วนรูปร่างคนตรงหน้าก็ยังคงรอคอยอย่างเงียบๆ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“อะไร หรือว่าเจ้าไม่ใช่เอ็มเมอรี่ แล้วเจ้ารู้จักชื่อเต็มของเอ็มเมอรี่ได้อย่างไร มันควรจะมีคนอยู่เพียงแค่สามคนเท่านั้นบนโลกใบนี้ ที่รู้ชื่อเต็มของเอ็มเมอรี่” รูปร่างคนตรงหน้าถามขึ้นพร้อมกับลูบคางของเขาอย่างงงงวย
แคลร์ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะแคลร์รู้ว่านี้ไม่ใช่สิ่งที่บุคคลผู้นี้จะถามเธอหากว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ บุคคลผู้นี้ได้เตรียมการเอาไว้โดยการใช้มายาเวทย์ที่มีมนต์ขลังนี้
“เจ้าเกี่ยวอะไรกับเอ็มเมอรี่ ลูกสาวของเขา ลูกชายหรือ ไม่มีทาง ถ้าคนประหลาดเช่นนั้นแต่งงาน ข้าจะยอมตัวหัวของข้าให้เอ็มเมอรี่เอาไปใช้เป็นที่ถ่ายอุจจาระของเขาเลยทีเดียว” มายาเวทย์เริ่มที่จะพูดคุยกับตัวเอง
“รู้ชื่อเต็มของเขา แต่ก็ไม่ใช่ลูกของเขา เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือเจ้าคนประหลาด พิสดาร ผู้นั้นรับลูกศิษย์”
จีนจ้องมองไปที่มายาเวทย์ที่น่าอัศจรรย์ตรงหน้า ไม่คิดว่าเขาจะรู้จักเอ็มเมอรี่ดีขนาดนี้
“เช่นนั้นก็ตามนั้น เจ้าตัวเล็ก เจ้าสามารถทำให้เจ้าแก่หัวดื้อยอมรับลูกศิษย์ได้ ดังนั้นข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะมีความสามารถที่จะร่ำเรียนอาคานัม เวทย์ลี้ลับนี้หรือไม่ ว่างมือของเจ้าลงบนนี้ บนกระเบื้องเล็กๆ นี้” มายาเวทย์โบกมือให้แคลร์
จีนขมวดคิ้วของเขา มองไปอย่างสงสัยที่มายาเวทย์ตรงหน้า ก่อนจะมองไปที่แคลร์เป็นเชิ่งคำคาม ว่านี้มันดูจะง่ายเกินไปหรือเปล่า
แคลร์ลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะว่างมือของเธอลงบนกระเบื้องตรงหน้า
และในทันที แสงสว่างก็ได้ปกคลุมไปทั่วบริเวณห้อง ก่อนจะมีแสงสีขาวเจิดจ้าห่อหุ้มอยู่รอบๆ ตัวแคลร์
ในขณะที่จีนสามารถมองเห็นผ่านแสงนั้นได้อย่างชัดเจน คิ้วของแคลร์นั้นกำลังขมวดเข้าหากันแน่น ใบหน้าของเธอนั้นขาวซีด เห็นได้ว่าชัดว่ากำลังเจ็บปวด นั้นคงจะเป็นเพราะว่าแคลร์นั้นกำลังได้รับการถ่ายทอดเวทมนต์จึงทำให้เธอเป็นแบบนี้ จีนเลิกกังวลและรอจนกว่าการถ่ายทอดเวทมนต์ของแคลร์จะสิ้นสุดลง แต่หลังจากที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเวลาที่ยาวนาน แสงสว่างที่เจิดจ้าก็ยังไม่ได้หายไปไหน คิ้วของแคลร์ยิ่งขมวดมากยิ่งขึ้นอีก และใบหน้าของเธอในตอนนี้ก็ยิ่งขาวซีดมากขึ้นไปอีก ราวกับว่าเลือดทั้งหมดในร่างกายของเธอได้ระเห่ยออกมาจนหมด
จีนนั้นเต็มไปด้วยความเป็นกังวล แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะไปขัดขวาง เพราะเขาไม่รู้ว่าการขัดขวางจะทำให้แคลร์ได้รับอันตรายที่มากขึ้นหรือไม่
เขารู้เพียงแต่ว่าแคลร์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตราย แล้วเขาจะช่วยเธอออกมาจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร
แต่สิ่งที่จีนไม่รู้ก็คือมายาเวทย์ไม่ได้ทำให้แคลร์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายเช่นนี้ แต่เป็นตัวแคลร์เองต่างหาก