ตอนที่ 14 ปราชณ์พ่อมด
“เจ้ากำลังจะไปที่ไหน” ชายแก่ถามขึ้น ในขณะที่จ้องมองไปที่ แคลร์ โดยไม่กระพริบตา
แคลร์ยังคงเงียบไม่ได้พูดอะไร ส่วนชายแก่ที่ตอนนี้ยืนผิงม้าโดยไม่มีท่าทีว่าจะขยับไปไหนแม้แต่น้อย
“หุบเขาเกลกอร์จ” หลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลานาน แคลร์ ในที่สุดก็ตอบขึ้นเบา ๆ
“อัยยะ นี่ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง ข้าก็กำลังจะไปที่นั้นอยู่พอดี สำหรับค่าตอบแทนที่เจ้าได้ชนข้านั้น เอาเป็นว่าเราจะร่วมเดินทางไปด้วยกัน พวกเจ้านั้นเป็นหนุ่มสาวแล้วยังแข็งแรงอีกต่างหาก ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ขอให้พวกเจ้าช่วยปกป้องผู้อาวุโสที่อ่อนแอ่เปราะบางอย่างข้า” อย่างไม่จริงจังคนแก่ผู้นั้นมองไปที่หน้าอกของแคลร์
ชายแก่ผู้นี้ดูไม่ธรรมดาเลย ไม่เพียงแต่มีใบหน้าที่หนาแล้ว เขายังมีความคิดวิปลาสอีกด้วย แคลร์จ้องมองไปที่สายตาที่คดเคี้ยวซ่อนเร้นของชายแก่ ยืนยันในข้อสงสัยของเธอ
“พวกเรามีม้าเพียงแค่สองตัว เช่นนั้นข้าจะจ้างรถม้าสำหรับท่านก็แล้วกัน” แคลร์ไม่ต้องการที่จะทำให้สถานการณ์ที่น่ารำคาญนี้ยุ่งเหยิงมากไปอีก ดังนั้นสำหรับชายแก่วิปลาสคนนี้ เธอจึงต้องรีบสรุปขึ้นทันที
“โอ้ ไม่ได้ๆ มันเป็นระยะที่ห่างไกลเกินไป ไม่มีรถม้าที่ไหนต้องการจะไปที่นั้น แล้วอีกอย่างเจ้าคิดว่าสารถีพวกนั้น คนที่บังคับรถม้าที่วิ่งเร็วกว่าม้าในสถานการณ์ที่อันตรายเกิดขึ้น จะสามารถปกป้องชายแก่ผู้อ่อนแอเช่นข้าได้หรือ” เห็นได้ชัดแล้วว่าชายแก่ผู้นี้วางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกและก็ไม่ได้คิดที่จะปล่อยให้แคลร์จากไปได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน ถึงพูดคำน่าไม่อายเช่นนี้ออกมา รถม้าสามารถวิ่งได้เร็วกว่าม้า เขามีใบหน้าที่สามารถพูดสิ่งนี้ออกมาได้อย่างไรกัน
จีนมองไปที่ดวงตาที่เจ้าเล่ห์ของชายแก่ก่อนจะรู้สึกงงงวย ชายแก่ผู้นี้ช่างให้ความรู้สึกคุ้นเคยมากอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาเป็นใครกัน แม้ว่าเขาจะได้พบเจอกับคนผู้นี้มาก่อน แต่สำหรับตอนนี้เขากลับคิดไม่ออกว่าที่ไหน
“เช่นนั้น แล้วท่านต้องการสิ่งใด” แคลร์ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าชายแก่ผู้นี้มีความคิดที่จะติดตามพวกเขาไปอย่างแน่นอนที่สุด แม้ว่าเจตนาของชายแก่ผู้นี้จะยังไม่ชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนที่สุดคือเขาไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายพวกเขา
จีนพยายามสืบค้นไปทั่วในสมองของเขา เกี่ยวกับข้อมูลของชายแก่ผู้นี้ และในทันที ดวงตาของจีนกลับเปิดกว้างขึ้น นั่นคือเขา มันเป็นเขาจริงๆ เขาไปอยู่ที่ไหนก็มักจะเอาแน่เอานอนไม่ได้และไม่มีใครรู้ มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอย่างมากที่ได้พบเขาที่นี่ แต่ทำไมเขาถึงได้เพ่งเล็งอยู่ที่แคลร์ จีนไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าพวกเขาได้ชายแก่ผู้นี้ร่วมเดินทางไปตลอดการเดินทางในครั้งนี้ คำว่าอัตรายจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
โดยไม่รอให้แคลร์ได้พูดอะไร จีนก็รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เช่นนั้นผู้อาวุโส ข้าจะรีบไปซื้อม้าที่มีคุณภาพดีสำหรับท่าน โปรดรอสักครู่ขอรับ”
จีนได้เปลี่ยนท่าทีของเขาอย่างรวดเร็ว ทำให้แคลร์สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าเขาจะต้องรู้อะไรบางอย่าง ถ้าเป็นเช่นนั้น เธอก็จะคอยดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
จีนซื้อม้ากลับมาได้อย่างรวดเร็ว และชายแก่ก็ยกตัวของเขาขึ้นไปบนหลังมาอย่างรวดเร็ว แล้วอย่างนี้เขายังเรียกตัวเขาเองว่า คนแก่ ที่อ่อนแอ และเปราะบาง อีกอย่างนันหรือ
ดังนั้นพวกเขาสามคนจึงได้เดินทางออกจากประตูเมืองไป
อากาศในตอนเช้านั้นให้ความรู้สึกที่แสนจะสดชื่น เหล่านกมากมายบินอยู่รอบๆ สงเสียงทักทายกันอย่างหลายหลาย ต้นไม้สูงสีเขียวมรกตปกคลุมไปตลอดสองข้างทางกับหยดน้ำค้างใสห้อยลงมาจากใบไม้งดงามราวกับภาพฝัน
“เจ้าชื่ออะไร แม่หนูน้อยคนสวย” ชายแก่เริ่มต้นพูดคุยอย่างหน้าด้านอยู่ตลอดเวลา และชื่อที่เขาใช้เรียกแคลร์นั้นก็ช่างแปลกมาก
" แคลร์ " แคลร์ตอบโดยไม่ต้องคิดว่ามาก
“โอ้ แคลร์ อืม..ดี ดีมาก แล้วเจ้าอายุเท่าไหร่” ชายแก่มองไปที่หน้าอกของแคลร์ที่ขยับขึ้นลง เขาคิดกับตัวเอง เด็กสาวคนนี้คงจะยังไม่ได้มีอายุมากเท่าไหร่ แต่ความสวยของเธอนั้นพัฒนาได้ดีจริงๆ ฮี่ ฮี่
“ทำไมข้าจะต้องบอกท่าน” แคลร์ตอบกลับอย่างเย็นชา
แต่แล้วเซี่ยวของความกังวลก็ได้ปรากฏออกมาจากสายตาของจีน ว่าเจ้าไม่สามารถที่จะทำให้คนผู้นี้ไม่พอใจได้ แม้แต่องค์จักพรรดิยังต้องพยายามที่จะเอาใจเขา กลัวกระทั่งที่จะทำให้เขาโกรธแม้เพียงเล็กน้อย เพราะเขาคือตำนานของผู้ที่มีอำนาจมหาศาลที่สามารถจะทำลายเมืองทั้งเมืองได้อย่างง่ายดาย
“เช่นนั้นให้ข้าเดา สิบสอง สิบสาม สิบสี่ สิบห้า...” ชายแก่ไม่ได้สนใจท่าทางของแคลร์แม้แต่น้อย และเริ่มเดาขึ้นเสียงดังอย่างน่ารำคาญ แคลร์ รู้สึกเหมือนกับมีแมลงวันบินหึ่งไปมาหลายตัวอยู่ใกลๆ กับหูของเธอ
“แคลร์ เจ้าเป็นนักเวทมนต์ใช่หรือไม่”เนื่องจากการที่แคลร์ไม่สนใจเขาอย่างสมบูรณ์ทำให้ชายแก่ต้องเริ่มเปลี่ยนหัวข้อให้การสนทนาขึ้นใหม่
“ไม่ใช่” แคลร์พูดขึ้นอย่างเย็นชาเช่นเดิม
“แคลร์พึ่งจะเริ่มเข้าศึกษาที่สถาบันซันไซส์ และยังไม่ได้ไปยังสภาของนักเวทย์สำหรับการประเมินผลของนางขอรับ” จีนรีบพูดขึ้นแทนทันที โดยเป็นผู้เสนอหัวข้อด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าเขาต้องการที่จะเป็นผู้ชี้แนะให้กับแคลร์หรอกหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ถือว่าแคลร์โชคดีอย่างมาก เพราะบุคคลผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เขาคือนักปราชญ์พ่อมดที่เป็นตำนานแห่งอัมพารค์แลนด์เลยทีเดียว เขาได้ออกเดินทางไปเรื่อยๆ และเขายังเป็นอาจาร์ยผู้ให้คำปรึกษาแก่อาจารย์ใหญ่แห่งสถาบันซันไรส์อีกด้วย คลิฟ ชื่อของเขานั้นถูกยกย่องทั่วอาณาจักรแห่งนี้ เขาเป็นตำนานที่มีชีวิต เพราะแม้ว่าประเทศอื่นๆ จะมีปราชญ์พ่อมดเช่นกัน แต่เขานั้นเป็นคนเดียวที่สามารถที่จะบรรลุถึงระดับนี้ได้ในช่วงวัยหนุ่มอายุเพียงยี่สิบหกปีเท่านั้น เขาคืออัฉจริยะในหมู่ของผู้อัจฉริยะด้วยกันเอง แต่ทั้งโลกก็รู้ดีว่าตำนานนี้ยังมีข้อบกพร่องที่น่าเศร้าใจ ซึ่งเป็นความต้องการทางเพศของเขา และไม่เพียงเขาจะมีลักษณะที่หื่นกระหายเท่านั้น มันได้ส่งผลกระทบมากต่ออนาคตของเขา เหล่าทวยเทพและมนุษย์ทั้งหลายต่างขุ่นเคืองในความมักมากในตัณหาของเขา
“โอ้ เช่นนั้นเจ้ามีอาจรย์หรือยัง”คลิฟถามอย่างกระตือรือร้นขึ้น
ประโยคนี้ของเขาเกือบจะทำให้กรามของจีนนั้นแข็งค้าง คำพูดของคลิฟมีความหมายว่าอะไรกัน ไม่ใช่ว่าเขาต้องการให้แคลร์มาเป็นลูกศิษย์ของเขาอย่างนั้นหรือ เป็นไปไม่ได้ใช่ไหม เขามีลูกศิษย์อยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็คืออาจารย์ใหญ่แห่งสถาบันซันไรส์อยู่ในตอนนี้ หรือว่าเขามีความสนใจในตัวของแคลร์จริงๆ ถ้าเป็นลาเชียร์ ลาเชียร์ผู้ที่มีความสามารถที่โดดเด่นมากกว่าแคลร์เป็นไหนๆ แต่คลิฟไม่แม้แต่จะมองไปที่นาง แต่วันนี้เขากับถามแคลร์ในประโยคเช่นนี้ได้
“มีแล้ว” คำตอบที่หนาวเย็นของแคลร์เกือบจะทำให้จีนตกจากหลังม้า นี่เธอไม่เข้าใจในโอกาศที่แสนจะน่ายินดีขนาดนี้ได้อย่างไร ในขณะที่มันมาอยู่ต่อหน้าของเธอแล้ว
“เจ้ายินดีที่จะมาเป็นศิษย์ของข้าหรือไม่”คลิฟถามขึ้น โดยที่ไม่ได้สนใจในคำตอบของแคลร์แม้แต่น้อย ในขณะที่เขานั้นหัวเราะอย่างสนุกสนาน
จีนรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาได้ลอยขึ้นไปถึงท้องฟ้า และดิ่งลงมาอย่างรวดเร็วและตอนนี้มันก็กำลังลอยขึ้นไปอีกครั้งแล้ว
“ไม่” แคลร์ตอบปฏิเสธอย่างไม่แยแสน แคลร์รู้ดีว่าคนผู้หนึ่งจะสามารถมีอาจาร์ยได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
หัวใจของจีนนั้นได้ตกลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้งมาอยู่ที่ตาตุ่มของเขาแทน ราวกับว่าเขาได้นั่งรถไฟเหาะที่น่าตื่นเต้นมายังไงยังนั้น
“เจ้าไม่รู้หรือว่าข้านั้นเป็นใคร” คลิฟนั้นเริ่มหน้าบูดบึ้งขึ้น นางไม่รู้หรืออย่างไรว่ามีผู้คนมากมายขนาดไหนต้องการที่จะมาเป็นศิษย์ของเขา แต่ในอีกแง่หนึ่ง สาวน้อยคนสวยก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเช่นกัน นั้นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมนางถึงได้มีท่าทางเช่นนั้นกับเขาก็ได้
“เป็นตาแก่ลามกอนาจารและนิสัยเสียคนหนึ่งเท่านั้น” ปากของแคลร์เริ่มที่จะอาบยาพิษ การแสดงออกของจีนนั้นเปลี่ยนไปในทันที แม้ว่าสิ่งที่ แคลร์พูดนั้นเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็เถอะ แต่คนผู้นี้คือ คลิฟ
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม”คลิฟถึงกับไอขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีอับอายหรือโกรธแม้แต่น้อย ในทางตรงกับข้าม เขาก็เปิดหัวข้อใหม่ขึ้นมาอีก
“ข้าคือคลิฟ ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ คลิฟ”
“เป็นท่านจริงๆ ด้วย นักปราชญ์พ่อมดเพียงคนเดียวของประเทศเรา ท่านเป็นตำนานของพวกเขาเสมอ อะไรทำให้ท่านมาถึงที่นี่ได้” จีนรีบพูดขึ้นถึงตัวตนที่แท้จริงของคลิฟในทันที เพื่อที่จะชี้ให้แคลร์ได้รู้ว่าชายแก่ผู้นิสัยเสียผู้นี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะทำให้โกรธเคืองได้ และมันจะดีที่สุดที่เธอจะยอมเป็นศิษย์ของเขาไปเสีย
แคลร์ยกคิ้วของเธอขึ้นเล็กน้อย คลิฟอย่างนั้นหรือ คนที่เป็นตำนานของคนอัฉจริยะในหมู่ของคนอัฉจริยะคนนั้นนะหรือ ผู้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของอาจารย์ใหญ่แห่งสถาบันซันไรส์ พ่อมดคนเดียวของอัมพาร์คแลนด์ เป็นเรื่องจริงที่เขานั้นมีพฤติกรรมที่น่ารังเกียจและหน้าดานเช่นนี้ ความต้องการทางเพศมากไปถึงขอบฟ้า และหยาบคายเป็นอย่างมาก
จีนนั้นเต็มไปด้วยความสับสนงงงวย เหตุใดคลิฟในตำนานถึงได้มีความพึ่งพอใจในตัวของแคลร์ได้ แถมยังต้องการให้เธอมาเป็นศิษย์ของเขาอีกด้วย มันคงจะดูไกลจากความจริงจนเกินไป ที่จะบอกว่าเขาเพียงต้องการ ที่จะรับแคลร์เป็นศิษย์ของเขา เพียงเพราะจากพื้นฐานของความงดงามของเธอเท่านั้น เพราะนักเวทย์ผู้หญิงที่งดงามนั้นมีอยู่มากมายและทุกที่ มีเพียงแค่เหตุผลเดียวว่าแคลร์นั้นมีบางอย่างพิเศษออกไปที่เขาและคนอื่นๆ มองไม่เห็น แต่มันกลับถูกค้นพบโดย คลิฟ
แคลร์ย้อนนึกกลับไปถึงคำพูดที่กอร์ดอนนั้นเคยแนะนำเอาไว้ บอกไม่ให้เปิดเผยความสามารถของเธอให้บุคคลภายนอดได้รู้ จนกว่าจะพบเจอกับบุคคลผู้นั้นก่อนเท่านั้น และอย่างเด็ดขาด และมีเพียงแค่บุคคลผู้นั้นเท่านั้นที่สามารถจะเป็นอาจารย์สอนของแคลร์ได้ มันจะเป็นบุคคลผู้นี้หรือไม่ที่ท่านปู่พูดถึง แคลร์เดา
จากสถานะและตัวตนของเขา เก้าในสิบนั้นมันคือเขาแน่นอน
ถ้ามันเป็นเช่นนั้น
ไม่มีใครรับรู้ สายตาของแคลร์นั้นปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“ท่ายต้องการที่จะเป็นอาจารย์ของข้า” แคลร์ถามขึ้นก่อนจะหันไปมองหน้าชายแก่ผู้บ้าตัณหา คลิฟ ผู้ที่ขี้ม้าตามมาใกลๆ ใบหน้าของเขายังคงจ้องมองมาที่หน้าอกจองแคลร์อยู่ตลอดเวลา
คลิฟกลับมาเป็นตัวของเขาอีกครั้งก่อนจะมองไปที่แคลร์ก่อนจะยกคิ้วขึ้น และปล่อยระลอกของพลังที่แปลกประหลาดออกมาจากร่างกายของเขา และแล้วเสียงของคลิฟก็ดังตรงเข้าไปในหัวของแคลร์โดยที่จีนไม่สามารถได้ยิน
“สาวน้อยคนสวย ความสามารถพิเศษของเจ้านั้นพบได้ยากมากในสหัสวรรษเลยทีเดียว ฮี่ ฮี่ มาเป็นลูกศิษย์ของข้า และข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างเป็นธรรมที่สุด”น้ำเสียงที่หยาบคายนั่นฟังดูราวกับพ่อค้าเด็กที่กำลังล่อลวงเด็กสาวอยู่อย่างไรก็อย่างนั้น
แคลร์เข้าใจดีนี่จะต้องเป็นเวทมนต์ระดับสูงอย่างแน่นอน การส่งเสียงไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วพูดคุยกันโดยตรงในใจและไม่ปล่อยให้ผู้อื่นได้ยิน การแสดงพลังนี้ให้เธอเห็น เป็นการแนะนำว่าเขานั้นมีพลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดใหน
“เช่นนั้นก็ดี” แคลร์ขมวดคิ้ว ราวกับกำลังครุ่นคิดและตัดสิ้นใจไม่ได้
การแสดงออกเช่นนั้นของแคลร์ทำให้ คลิฟ เกิดความลังเลและกังวลเล็กน้อย
ที่หน้าประตูเมืองเขาเคยเห็นสาวสวยแคลร์คนนี้ครั้งหนึ่ง แล้วก็ต้องประหลาดใจยามที่เขาค้นพบพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ของแคลร์ แล้วอย่างนี่เขาจะยอมล่ะมือจากสมบัติล่ำค่าเช่นนี้ไปได้อย่างไร เขาจะต้องทำให้แคลร์มาเป็นลูกศิษย์ของเขาให้ได้ ถ้ามันเป็นเด็กคนนี้ มรดกของเขาจะต้องถูกส่งผ่านต่อไปได้อย่างแน่นอน และแน่นอนว่าเธอจะสามารถเป็นคู่แข่งกับลูกศิษย์ของไอ้แก่คนนั้นได้ ฮึ่ม เจ้าคนน่ารักเกียจ น่าขยะแขยง ไร้ยางอาย หยาบคาย และเป็นตาแก่ที่สมควรจะโดนจะสยบเป็นอย่างมาก รอดูไปก่อนเถอะไอ้แก่