ตอนที่ 9 พี่น้องสู้กัน
ในระหว่างที่ลาเชียร์กำลังสวดคาถาเวทย์ของเธออยู่อย่างดุเดือดนั้น กลับมีคนสองคนกำลังเฝ่าดูอยู่ในส่วนที่ลึกเข้าไปทางด้านในของป่าอย่างสงบเงียบ ช่างสมกับชื่อของเธอ ลาเชียร์ผู้อัจฉริยะคลื่นของขุมพลังของเธอนั่นช่างแข็งแกร่งอย่างมาก ทั้งสองคนมองหน้ากันหัวคิ้วต่างขมวด ก่อนจะมองกลับไปที่นักไล่ล่าผู้ชาย แคลร์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอต่อไป
แคลร์จ้องมองด้วยสายตาที่เยือกเย็นไปที่ลาเชียร์ ที่ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ลาเชียร์เริ่มสวดคาถาเวทย์ด้วยความชำนาญ ทางด้านของแคลร์เธอสงเสียงดังฮึขึ้นก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปหาลาเชียร์ในทันที เธอจะรอให้ลาเชียร์สวดคาถาให้จบอย่างนั้นหรือ คนอย่างนางนะหรือ แคลร์เธอดูราวกับกระต่ายน้อยที่เฝ่ารอการโจมตีจากอีกฝ่ายอย่างสงบอย่างนั้นหรือ
ข้างในของลาเชียร์นั้นเต็มไปด้วยยินดีในชัยชนะยามที่มองดูแคลร์ที่กำลังตรงเข้ามาที่เธอ และแล้วการสวดคาถาเวทย์ของเธอก็ได้จบลง เธอยื่นมือของเธอขึ้นก่อนที่ลูกบอลสายไฟจะวิ่งตรงไปที่แคลร์ด้วยความรวดเร็ว ลูกบอลสายฟ้าในครั้งนี้มีความแข็งแกร่งที่รุ่นแรงกว่าในครั้งแรกที่เธอได้ให้บทเรียนกับแคลร์ เพราะในครั้งนี้ลาเชียร์นั้นเอาจริงขึ้นมาแล้ว
ในชั่วขณะที่ลูกบอลสายฟ้ากำลังจะวิ่งเข้ามาประทบกับร่างของแคลร์ แคลร์ได้พึมพัมคาถาบางอย่างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปรากฏเป็นโล่ไฟสีแดงเพลิงออกมาอยู่ที่ด้านหน้าของแคลร์ในทันที เพียงแค่ได้ยินเสียง โครมครามดังขึ้นลูกบอลสายฟ้าก็ได้หยุดลงที่ด้านหน้าของแคลร์ในทันที การปะทะทำให้โล่ไฟภายในกระพริบตากลายเป็นโล่โปร่งแสงและหายไปอย่างรวดเร็ว
ลาเชียร์ถึงกับผงะ มันไม่ถูกตัวแคลร์อย่างนั้นหรือ นั่นคือโล่ประเภทไหนกัน เวทย์มนต์อย่างนั้นหรือ นักไล่ล่าผู้ชายที่โง่เขลารู้จักการใช้เวทย์มนต์ตั้งแต่เมื่อไหร่
"โล่ไฟ" ในส่วนลึกด้านในของป่า จีนและองค์ชายรองร้องอุทานขึ้นพร้อมกัน หากแต่มันก็เบาพอที่จะทำให้พวกเขาสองคนเท่านั้นที่จะได้ยิน ก่อนจะจ้องมองไปที่ดางตาของฝ่ายตรงข้าง เห็นถึงดางตาที่ไม่อยากจะเชื่อของกันและกัน ใครจะไปคาดคิดว่านักไล่ล่าผู้ชาย สามารถที่จะเรียนรู้คาถาเวทย์ ในเวลาสั้นๆ และยังเรียนรู้การใช้เวทย์โล่ไฟได้อีกต่างหาก
แคลร์ได้เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว แต่ลาเชียร์ก็ไม่ได้ดีแค่ชื่อเด็กสาวอัจฉริยะเท่านั้น เธอฟื้นพลังให้กลับมาได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองไปที่แคลร์ที่ได้เข้ามาใกล้มากขึ้นไปอีก ลาเชียร์ถอยห่างออกไปได้อย่างรวดเร็วก่อนจะลอยตัวขึ้นไปในอากาศที่สูงขึ้นไปอีก พร้อมกับลอยอยู่อย่างมั่นคง เวทย์แห่งสายลมหรือ แคลร์ถึงกับขมวดคิ้วของเธอขึ้นอย่างไม่เชื่อ ไม่ใช่ มันไม่ถูกต้อง ลาเชียร์นั้นมีธาตุธรรมาชาติเป็นธาตุสายฟ้า และขั้นตอนของการลอยตัวที่พึ่งจะเกิดขึ้นนั้นก็มีความซับซ้อนมากเพราะมันเป็นเวทย์ขั้นสูง แม้ว่าลาเชียร์นั้นจะมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นแค่ไหน ก็คงไม่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ธาตุแห่งสายลมได้ดีเช่นนี้ โดยที่มันไม่ใช่ธาตุของเธอโดยธรรมชาติและที่สำคัญเธอไม่ได้มีการสวดคาถาเวทย์ใดๆ ออกมาเลย มีเพียงความเป็นไปได้อย่างเดียวก็คือเธอได้ครอบครองวัตถุแห่งเวทย์เอาไว้ และดูเหมือนว่ามันจะมีพลังอำนาจอย่างมากทีเดียว ขนาดสามารถทำให้ลาเชียร์ลอยตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
ลาเชียร์มองลงไปที่แคลร์ผู้ที่อยู่ทางด้านล่างของเธอในตอนนี้ ในความรู้สึกนั้นทั้งประหลาดใจและกลัวในเวลาเดียวกัน เธอเคยมองข้ามความสามารถผู้หญิงโง่เง่าผู้นี้มาก่อน ผู้ที่ตอนนี้สามารถใช้พลังเวทย์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถจะปล่อยให้ความอับอายเช่นนี้ดำรงอยู่ต่อไปในสถาบันแห่งนี้ได้ เพราะแค่เพียงการปรากฏตัวของนักไล่ล่าผู้ชายคนนี้ก็สามารถนำความอับอายมาสู้ตัวเธอได้แล้ว
“กำไลแห่งสายลม” จีนและองค์ชายรองพูดขึ้นพร้อมกับเงียบๆ เหตุผลที่ว่าทำไมลาเชียร์ถึงสามารถลอยตัวขึ้นไปได้อย่างรวดเร็วนั้น ไม่ได้เป็นเพราะเวทย์แห่งสายลม แต่เป็นเพราะกำไลแห่งสายลมที่ลาเชียร์สวมใส่อยู่ที่ข้อมือของเธอในตอนนี้ต่างหาก อาจาย์ใหญ่แห่งสถาบันได้เป็นคนมอบมันให้กับลาเชียร์ในครั้งที่เขาตกลงรับเธอเป็นลูกศิษย์ ภายในกำไลแห่งสายลมนั้นได้มีเวทย์มนต์ที่ลงคาถาลอยตัวเอาไว้แล้ว ดังนั้นมันจะสามารถทำให้ผู้ครอบครองสามารถลอยตัวอยู่ในอากาศได้ในระยะหนึ่ง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ แต่มันก็มากเกินพอแล้วสำหรับการต่อสู้ มันสามารถที่จู่โจมไปที่คู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ก็ใช้ในการหลบหนีได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
โดยไม่มีความลังเลใดๆ ลาเชียร์เริ่มต้นสวดคาถาเวทย์อีกครั้งทันที “ฟ้าโปร่งใส่ไร้ซึ่งเมฆมหมอก รวมประสานในยามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว ภายใต้พันธะสัญญาที่เก่าแก่แห่งสายฟ้าและเปลวไฟ พายุแห่งสายฟ้าคะนอง”
แคลร์ขมวดคิ้วและรีบใช้พลังแห่งโล่ไฟในทันที ตูม.. ลูกบอลสายฟ้าระเบิดเข้าใส่โล่ของแคลร์จนแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที แคลร์กลิ้งตัวลงไปกับพื้น พยายามหลบเลี่ยงลูกบอลสายฟ้าลูกอื่นๆ ที่วิ่งเข้ามาใส่เธอด้วยความรวดเร็วอย่างบ้าครั่ง ลูกบอลสายฟ้าระเบิดกระจายไปทั่วรอบตัวของแคลร์ทั้งผมและเสื้อผ้า จนไม่มีชิ้นดีทำให้เธอดูน่าเวทนาเป็นอย่างมาก ทางด้านบนของอากาศ ลาเชียร์ได้ขมวดคิ้วของเธออย่างเคร่งเครียด นั่นเป็นเพราะมันไม่มีลูกบอลสายฟ้าลูกใดเลยที่จะจู่โจมไปที่ตัวของแคลร์ได้สักลูก สีหน้าของแคลร์ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดำมืดอย่างช้าๆ
ก่อนจะสวดเวทย์ออกมาในขณะที่เธอได้วิ่งหลบหนีจากการโจมตีไปมา ลูกบอลไฟลูกเล็กน้อย ถูกยิงเข้าใส่ลาเชียร์ผู้ที่ยังคงลอยตัวอยู่ในอากาศอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่กำลังยิ้มเยาะเย้นเธออยู่ นี่แคลร์คิดจะโจมตีเธอด้วยเวทย์มนต์ขยะแบบนี้นะหรือ เด็กสาวหลบลูกบอลไฟเล็กกระจ่อยร่อยที่ยิงมาที่เธอจากในทุกทิศทาง แคลร์ยังคงปล่อยลูกบอลไฟของเธอเพื่อไปโจมตีลาเชียร์อย่างไม่ลดล่ะ ลาเชียร์ยิ่งนึกดูถูกแคลร์มากขึ้นไปอีก หรือว่านี่แคลร์คิดว่าการใช้จำนวนที่มากกว่าเพราะฝีมือของเธอนั้นต่ำต้อยจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อย่างนั้นหรือ ลาเชียร์นั้นยังคงหลบหลีกลูกบอลไฟได้อย่าง่ายดายและรวดเร็ว หากแต่จำนวนของมันก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำกลับได้เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ลาเชียร์ถึงกับขมวดคิ้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าคนโง่เง่านี่มีพลังเวทย์ที่มากถึงขนาดสามารถปลดปล่อยลูกบอลไฟออกมาได้มากมายถึงเพียงนี้ ในขณะที่ครุ่นคิดอยู่นั้น ลาเชียร์ไม่ทันได้ระมัดระวังตัว จนถูกลูกบอลไฟลูกเล็กๆปะทะเข้ากับชายกระโปรงของเธอในทันที ทำให้มันลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ ลาเชียร์มองดูกระโปรงที่กำลังถูกเผาไหม้ แล้วใบหน้าของเธอก็เหมือนเป็นดำมืดทันที เธอได้ถูกโจมตีโดยเจ้าคนโง่เง่าคนนี่จริงๆ หรือ ช่างน่าอับอายอะไรเช่นนี้
“ไปตายซะ เจ้าคนปัญญาอ่อน งี่เง่า น่ารังเกียจ” ลาเชียร์ระเบิดความเกลียดชังของเธอที่มีต่อแคลร์ออกมาทั้งหมดแล้วในตอนนี้ เด็กสาวเริ่มต้นสวดคาถาเวทย์อย่างรวดเร็วกว่าเดิม ในครั้งนี้มันไม่ใช่เพียงแค่สั่งสอนบทเรียนให้แก่แคลร์อย่างที่เคยมา แต่มันเต็มไปด้วยความต้องการที่จะสังหารเธอแทน สายตาของลาเชียร์ในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าให้ตายอย่างเห็นได้ชัด
สองคนที่ซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปในป่าลึกถึงกับสะดุ้ง ช่างเป็นคลื่นพลังเวทย์ที่รุนแรงและน่ากลัวอะไรเช่นนี้ จีนจับกุมดาบที่สะโพกของเขาในทันที มองดูเหมือนกำลังจะกระโจมออกไป
“ช้าก่อน อย่างน้อยพวกเขาเป็นพี่น้องกัน ลาเชียร์ไม่มีทางฆ่าแคลร์อย่างแน่นอน” องค์ชายรองพูดกระซิบที่ใบหูของจีน ในขณะที่ยื้อเขาเอาไว้ แล้วจีนก็ปล่อยมือจากดาบและยืนอยู่ที่เดิมเช่นเคย อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เข้าใจว่าลาเชียร์มักจะถูกเคารพนับถือในฐานะเด็กอัจฉริยะ ผู้ซึ่งเคยชินกับการถูกยกย่องสรรเสริญอยู่เสมอ และมองเห็นตัวเองเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่เหนือคนอื่น เมื่อได้ถูกทำให้บาดเจ็บด้วยฝีมือของคนที่เธอมองเห็นเป็นเพียงขยะเช่นนี้ เธอได้ก็สูญเสียความนึกคิดทั้งหมดไปอย่างสินเชิงแล้วในตอนนี้
ในครั้งนี้ลาเชียร์ได้สร้างลูกศรสายฟ้าขึ้น ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยลูกศรของสายฟ้าได้พุ่งตรงไปยังทิศทางของแคลร์ แคลร์ขมวดคิ้ว รีบสวดเวทย์อย่างรวดเร็ว และสร้างโล่ไฟขึ้นมาในทันที สายตาของแคลร์ได้กลายเป็นเยือกเย็นอย่างสมบูรณ์แบบแล้วในตอนนี้ ลาเชียร์นั้นได้บ้าครั่งไปแล้ว และต้องการที่จะสังหารเธออย่างเห็นได้ชัด
ลูกศรสายฟ้าที่มากมายได้พุ่งตรงเข้ามาใส่โล่ไฟของแคลร์ และได้ทำลายมันลงในทันที และในเวลาถัดมานั้น แคลร์ก็ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดไปทั่วกระดูกของเธอ ราวกับว่าร่างกายของเธอกำลังจะฉีกขาดออกจากกัน เงาแห่งความตายกำลังโอบล้อมไปทั่วร่างของแคลร์ พื้นดินนั้นเต็มไปด้วยหลุมลึกมากมายมีขนาดที่ต่างกันออกไปจากพลังทำลายล้างของลูกศรสายฟ้า
ของเหลวข้นได้ไหลชโลมไปยังแขนของแคลร์และเลือกสีแดงสดก็ได้อาบไปทั่วทั้งเสื้อผ้าของเธอ “แค่ก” แคลร์เริ่มกระอักออกมาเป็นเลือดก่อนใหญ่ทันที ปอดของเธอให้ความรู้สึกเหมือนมันกำลังถูกเผา และอวัยวะภายในของเธอเองก็เหมือนจะได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นเดียวกัน
ในที่สุดลาเชียร์ก็เริ่มใจเย็นลงแล้วเล็กน้อย และเมื่อมองไปที่แคลร์ผู้ซึ่งทั่วทั้งร่างนั้นเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด ก่อนจะพูดขึ้น
“ตอนนี้เจ้าคงจะรู้ว่าผลของการไม่ยอมออกไปจากสถาบันแห่งนี้แล้วซินะ”
ภายในป่าลึก ทั้งจีนและองค์ชายรองต่างก็ได้แต่ตกตะลึง พวกเขาไม่คิดเลยว่าลาเชียร์จะเลือดเย็นโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้
แคลร์ยกยิ้มเยาะ ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาแม้แต่คำเดียว
“เจ้ายังคิดว่านี้ยังไม่พออีก ใช่ไหม” ลาเชียร์เมื่อมองเห็นรอยยิ้มเยาะของแคลร์ก็ได้ระเบิดความโกรธแค้นออกมาอีกครั้ง
“อ่า..ไม่นะ” จีนตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ กำลังจะชักดาบของเขาและถลาเข้าไปหาแคลร์ ถ้าเกิดลาเชียร์โจมตีไปที่แคลร์อีกครั้ง แคลร์ต้องตายอย่างแน่นอน
“ท่านปู่ เหตุใดท่านถึงได้มาอยู่ที่นี่” ทันใดนั้นเอง แคลร์ก็ร้องถามออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจสุดๆ เงยหน้าของเธอขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปยังด้านหลังของลาเชียร์
อะไรนะ ท่านปู่หรือ ลาเชียร์หันไปทางด้านหลังด้วยความตื่นตระหนก
ทั้งจีนและองค์ชายรองต่างก็จ้องมองไปอย่างงงงวย ไหนล่ะท่านดยุคกอร์ดั้น
และตอนนั้นเอง แคลร์ก็ได้วิ่งด้วยความรวดเร็วไปที่ลาเชียร์ ก่อนจะเตะเข้าไปที่หัวเข่าจากทางด้านหลังของลาเชียร์อย่างรุนแรง
ในฐานะที่เป็นผู้ใช้เวทย์ย์ ลาเชียร์มีความอ่อนแอทางร่างกายเป็นอย่างมาก สิ่งที่นักเวทย์หวาดกลัวอย่างที่สุดนั้นก็คือการต่อสู้ระยะประชิดตัว เพราะว่ามันจะไม่มีเวลาใดๆ ให้พวกเขาได้สวดคาถาเวทย์และต้องพ่ายแพ้ไปอย่างน่าอนาจ และลาเชียร์ก็ได้คุกเข่าลงไปที่พื้นในทันที หากแต่มันยังไม่จบเพียงเท่านี้ แคลร์กระชากข้อมือของลาเชียร์ก่อนจะพลิกตัวของเธอลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กระแทกเข่าเข้าใส่หน้าท้องของเด็กสาวอย่างแรง ลาเชียร์บิดเร่าขดตัวด้วยความเจ็บปวด เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้องก่อนที่ขอแข็งบางอย่างจะกระแทกลงมาที่ลำคอของเธอด้วยความรวดเร็วและรุ่นแรง ในตอนนี้ลำคอของเด็กสาวนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่แสนสาหัสราวกับมันจะฉีกออกจากกันเสียให้ได้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะพูดหรือสวดเวทย์ใดๆ ออกมา เพียงแค่จะหายใจเข้าออกยังลำบากแสนลำบาก
ข้ากำลังจะตาย นี่คือสิ่งที่ลาเชียร์กำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ เด็กสาวเปิดดวงตาของเธอขึ้นด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะมองเห็นเพียงแค่ดวงตาเลือดเย็นของแคลร์ที่ดูราวกับเทพเจ้าแห่งความตายอยู่ตรงหน้า ข้อศอกของแคลร์กดอย่างรุนแรงไปยังลำคอของลาเชียร์ เด็กสายเริ่มสำลักและหายใจไม่ออก ลาเชียร์ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ในเวลาเช่นนี้เงาแห่งความตายช่างอยู่ใกล้เหลือเกิน ใกล้จนราวกับว่ามันจะสามารถบดขยี้ให้พินาศกันไปเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าลาเชียร์จะเป็นนักเวทย์อัจฉริยะแค่ไหน แต่เนื่องจากว่าอาจารย์ใหญ่นั้นได้ดูแลเอาใจใส่เธอมากเป็นพิเศษ เด็กสาวจึงมีประสบการณ์ต่อสู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้แต่ในยามออกล่าสัตว์เวทย์เพื่อเป็นการฝึกฝน ก็ยังเป็นเหล่ารุ่นพี่ของเธอที่เป็นผู้ลงมือทำงานเกือบแทบจะทั้งหมด ในที่สุดแล้วเด็กคนนี้ คนที่ราวกับโลกนั้นได้โคจรอยู่รอบๆ ตัวเธอก็ได้เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดเป็นครั้งแรกเสียที
อากาศโดยรอบดูราวกับว่ามันจะหยุดแข็งค้างไป สายลมพัดมาอย่างแผ่วเบา โบกพัดเส้นผมสีบลอนของแคลร์ให้ลอยขึ้นไปมา ความงดงามราวกับได้ลอยอบอวลอยู่ในอากาศราวกับว่ามันจะสามารถพรากลมหายใจของผู้คนได้อย่างง่ายดาย
แคลร์จ้องมองอย่างเยือกเย็นไปที่ลาเชียร์ผู้ที่อยู่เบื้องล้างของเธอในตอนนี้ ถ้าหากว่าเธอกดข้อศอกลงมากกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อย เด็กเอาแต่ใจคนนี้ก็จะต้องบอกลาโลกใบนี้ไปอย่างแน่นอน
จีนและองค์ชายรองต่างจ้องมองกันอย่างไร้ซึ้งคำพูดใดๆ ออกมา ทั้งคู่ได้แต่มองดูการเคลื่อนไหวของแคลร์นั้นช่างดูเลือดเย็นและเชี่ยวชาญราวกับมือสังหาร เริ่มแรกนางหลอกให้ลาเชียร์คิดว่าดยุคกอร์ดั้นได้มาที่นี่ จากนั้นเมื่อลาเชียร์ตกหลุมพรางขณะที่อยู่ในอาการตกใจ เธอก็ได้จู่โจมอย่างแม่นยำไปยังจุดอ่อนของลาเชียร์อย่างรวดเร็ว นี่คือสิ่งที่คุณหนูผู้โง่เขลานักไล่ล่าผู้ชายสามารถทำได้อย่างนั้นหรือ
แคลร์จ้องมองอย่างเยือกเย็นไปที่ลาเชียร์ผู้ซึ่งกำลังสั่นเทาอยู่ภายใต้ร่างของเธอในขณะนี้ ผู้ที่ในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เด็กสาวหอบอย่างนักพร้อมกับเริ่มสำลักและหายใจไม่ออกมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ