ตอนที่ 3 แคลร์คนใหม่
แคลร์ หญิงสาวบนเตียงพึมพำ ชื่อตัวเองอยู่เงียบๆ ชื่อก็ฟังดูน่ารักดี แต่ไม่มีใครสามารถทดต่อนิสัยของเธอได้ ความจำของเธอนั้นเต็มไปด้วยการถูกปฏิเสธโดยผู้ชายที่หล่อเหลาเหล่านั้น ช่างดูโง่งมยิ่งนัก
ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมเสียงอึกทึกที่เกิดขึ้นก็ทำให้ แคลร์ มองตรงไปที่ประตูทันที ผู้หญิงที่เปิดประตูออกมานั้นมีใบหน้าที่สวยงานราวกับผู้หญิงคนก่อนที่ออกไปแล้ว และดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าแคลร์อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การแสดงออกทางสีหน้าที่น่ารังเกียจ และการปฏิบัติของเธอนั้นไม่เหมาะสมกับอายุของเธอเอาเสียเลย
แคลร์หรี่ตาของเธอมองเล็กน้อยเท่านั้น เพราะในความทรงจำของเธอ เธอ แคลร์โคตรจะกลัวหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้เอาเป็นอย่างมาก เธอคือน้องสาวของแคลร์ ลาเชียร์ นักเวทย์ที่มีความสามารถที่สุด แม้ว่าเธอจะ อายุเพียง 12 ปี เธอก็ได้กลายมาเป็นนักเวทย์ขั้นสูง
เพราะความสามารถ ที่โดดเด่นของเธอ ทำให้เธอได้รับการคัดเลือกจากอาจารย์ใหญ่ของสถาบันซันไรส์ เมื่อเธออายุ เพียง 5 ปี เพื่อมาเป็นหนึ่งในนักเรียนที่มีไม่กี่คนเท่านั้นสำหรับสถาบันของเขา และเพราะเหตุนี้ทำให้ กอร์ดั้น ฮิลล์ มีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ คุณหนูผู้มีฝีมือคนนี้ กลับเกลียดแคลร์เป็นอย่างมาก เพราะแม่ของพวกเธอนั้นทั้งเอาอกเอาใจและตามใจแคลร์ไปเสียทุกอย่าง และนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะลาเชียร์เป็นเด็กเก่งอัจฉริยะ ได้รักความรักความเอ็ดดูจากท่านปู่ ไหนจะพ่อ และพี่ชายอีกต่างหาก ดังนั้น คนเป็นแม่ถึงให้เวลาส่วนใหญ่กับแคลร์คนที่ไม่เป็นที่รักของใครๆ
“ฮึ เจ้าช่างนำแต่ความอับอายมากสู่ตระกูลฮิลล์เสียจริงๆ จบลงในสถานการณ์เช่นนี้ ก็เป็นเพราะเจ้าเอาแต่ไล่ล่าตามผู้ชายเพียงคนเดียว” ลาเชียร์ยกหัวของเธอขึ้นสูง และมองอย่างเหยียดหยันไปที่คนบนเตียง เธอเดินขึ้นไปที่หัวเตียง สายตาเต็มไปด้วยแววตามุ่งร้าย และยื่นใบหน้าของเธอแทบจะติดกับใบหน้าทางด้านขว้าของแคลร์ เธอพูดขึ้นราวกับกระซิบน้ำเสียงราวกับอาบยาพิษ
“พี่สาวผู้เป็นที่รักของข้า ทำไมเจ้าไม่ตายไปเสียจากการตกจากม้าในครั้งนี้” ฃ
แคลร์มองอย่างเงียบๆ ไปที่หน้าใบที่งดงามที่อยู่ต่อหน้าเธอ ใครจะคิด ว่าคนที่ดูบริสุทธิ์ราวกับนางฟ้าตัวน้อยจะพูดสิ่งที่ฟังโหดร้ายแบบนี้ออกมาได้
ลาเชียร์มองใบหน้าที่สงบนิ่งของแคลร์แล้วถึงกับอึ้งไป โดยปกติแล้วพี่สาวผู้โง่เง่าของเธอจะสั่นไปแล้ว แต่ในตอนนี้เธอนั้นกลับดูสงบอย่างไม่น่าเชื่อ
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นทางด้านนอกทำให้การแสดงออกลาเชียร์ ถึงกลับเปลี่ยนไป เธอขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะพึมพำอู้อี้อยู่ภายใต้ลมหายใจของเธอและทันที สายฟ้าสายเล็ก ๆ ก็ปรากฏอยู่ในฝ่ามือของเธอ ก่อนที่แคลร์จะทันได้ทำอะไร ลาเชียร์ก็ได้ชี้นิ้วของเธอไปที่แผ่นหลังของแคลร์เรียบร้อยแล้ว แคลร์รู้สึกได้ถึงคลื่นของความเจ็บปวดสาหัสผ่านร่างกายของเธอมาจากด้านหลังทันที
“เจ้านักไล่ล่าผู้ชายผู้งี่เง่า ครั้งต่อไปถ้าเจ้ากล้าทำให้ท่านแม่เป็นกังวลเช่นนี้อีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ แน่” ลาเชียร์กระซิบอย่างเย็นชาไปในหู ของแคลร์
“เจ้ารู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเจ้ากล้าที่บอกท่านแม่ในเรื่องนี้”
ในความทรงจำร่วมกันกับร่างของแคลร์ มันดูเหมือนว่าสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันหลายครั้ง มันได้เกิดขึ้นมาก่อน โดยที่ไม่มีใครรู้ น้องสาวตัวน้อยผู้นี้ ลาเชียร์ ดูเหมือนจะทำให้ แคลร์ ต้องทุกข์ทรมาน มามากก่อนหน้านี้ แคลร์ลดอารมณ์ของเธอลงไม่แม้แต่จะมองยามที่ ลาเชียร์หันไปรอบๆ
คราวนี้ ประตูค่อยๆ เปิดออก พร้อมกับใบหน้าเรียวคม สวยงาม ประดับไปด้วยรอยยิ้มปรากฏขึ้น
“ท่านแม่” ลาเชียร์ร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงมีความสุข
“ลาเชียร์ เจ้าอยู่ที่ปราสาทด้วยหรือ” แคทเธอรียิ้ม ขณะที่เธอเดินเข้ามาด้านใน
“ใช่แล้วค่ะ ท่านแม่ เราไปกินกันเถอะ ข้าหิวแล้ว” ลาเชียร์คว้าแขนของแคทเธอรีนอย่างมีความสุข
“เจ้าไปกินก่อนเถิด แม่จะอยู่กับพี่สาวเจ้าอีกซักพัก” แคทเธอรีนลูบหัวน้อยๆ ของลาเชียร์พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ
“พี่สาวของเจ้า วันนี้นางไม่ค่อยสบาย แม่จะอยู่เป็นเพื่อนางก่อน”
“เหรอค่ะ” ลาเชียร์พูดขึ้น สายตาทอดลงด้วยความขมขื่น โดยที่แคทเธอรีนไม่ทันได้สังเกต เธอมองดูแคทเธอรีนที่กำลังเดินตรงไปข้างๆ เตียงตรงหน้า ลาเชียร์พึมพำขึ้น ฮึ คำหนึ่งอย่างเงียบ ๆ และเย็นชา โดยไม่มีใครได้ยิน และเดินออกได้อย่างรวดเร็ว
“แคลร์ เดี๋ยวแม่บ้านก็จะนำอาหารขึ้นมาแล้วนะลูก” แคทเธอรีบนั่งลงข้างๆ เตียงก่อนจะจับมือน้อยของแคลร์มาไว้ในมือของเธอ แคลร์สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากมือของแคทเธอรีนส่งผ่านมาถึงมือของเธอ มันทำให้แคลร์รู้สึกผ่อนคลายลงทันที มือนี่ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเสียจริง มันเหมือนกับคนๆ นั้นที่จับมือของเธอเอาไว้แล้วบอกให้เธอมีความสุข
“ท่านแม่” แคลร์พูดขึ้นเสียงเบา
“เจ้ามีอะไรหรือแคลร์” แคทเธอรีนมีรอยยิ้มประดับใบหน้าที่อ่อนโยน และจู่ๆ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป และเธอถามอย่างกระวนกระวายขึ้น
“หรือว่าเจ้าเก็บปวดตรงไหน”
“ไม่ ท่านแม่ ข้าสบายดี” แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแคลร์
“ท่านแม่ ท่านเองก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลย ท่านหิวหรือยัง”
ทันใดนั้นเองแคทเธอรีบถึงกับน้ำตาไหลลงมาเงียบๆ มันเป็นครั้งแรกที่แคลร์ถามคำถามแบบนี้กับเธอ มันเป็นครั้งแรกที่แคลร์แสดงออกว่าเป็นห่วงเธอ
เห็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มของแคทเธอรีนไหลลงมาอย่างเงียบๆ แคลร์ถึงกับหรี่ตาลง ความรู้สึกที่แท้จริงของเธอนั้นถูกซ่อนเอาไว้ด้วยขนตายาวงอนของเธอในตอนนี้หมดแล้ว
แคลร์ แคลร์ นี่จะเป็นชื่อของเธอในอนาคตต่อไป ประกายแสงประหลาดในดวงตาของเด็กสาวก่อตัวขึ้น แคลร์คนก่อนหน้า ไม่กล้าที่บอกใครว่า ลาเชียร์นั้นได้รังแกและใช้กำลังทำร้ายเธอมากแค่ไหน แต่ในอนาคต ดวงตาของแคลร์นั้นเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ยามที่เธอจดจำความรู้สึกของการเผาไหม้ที่ด้านหลังของเธอขึ้น
ในขณะที่ดวงดาวดวงใหม่ ที่กำลังสว่างสดใส ได้เพิ่มขึ้นมาบทท้องฟ้ายามค่ำคืนของทวีปซีลอนอีกดวง แต่สำหรับในเวลานี้ กลับไม่มีใครล่วงรู้เลย
เช้าของวันถัดมา เหล่าคนรับใช้ในปราสาทของดยุคฮิลล์ ต่างพากันนินทาปากต่อปาก และต่างไม่แน่ใจในสิ่งที่พวกเขาได้เห็น มันใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงแต่นิสัยของคุณหนูนั้นแปลกไปเท่านั้นเอง โดยปกติแล้วเธอคงจะออกไปไล่ล่าผู้ชายหน้าตาหล่อๆ ถ้าไม่ใช่ที่โรงละครก็อาจจะเป็นห้องสมุดประจำตัวเมืองแล้ว เพราะตามปกติแล้วบุรุษหนุ่มผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายจะมารวมตัวกันตามสถานที่เหล่านี้ แต่วันนี้ เธอพึ่งจะออกไปที่ห้องหนังสือของยุคฮิลล์ เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านดยุคไม่ได้ทำงานอยู่ภายใน เขามักจะให้ลูกหลานเข้ามาศึกษาในห้องนั้นของเขาเสมอ แม้ว่าแคลร์จะตกจากหลังม้าเมื่อวานนี้ และหมอก็ได้บอกแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ถ้าดูจากพื้นฐานของนิสัยที่ไม่เหมือนใครของคุณหนูแคลร์แล้ว เธอจะไม่เข้าไปในห้องหนังสือที่เธอเกลียดอย่างเด็ดขาด
ในห้องหนังสือขนาดใหญ่ที่มีแสงสว่างส่องผ่านมาทางหน้าต่าง ในนั้นมีชั้นหนังสือขนาดใหญ่สองสามแถวตั้งเรียงเป็นแนวขนาบกับผนัง หนังสือถูกจัดอย่างเรียบร้อยทุกประเภทถูกเรียงแยกออกเป็นหมวดๆ ออกไป สาวสวยผมบลอนด์นั่งพิงอยู่ตรงริมขอบหน้าต่าง ขณะกำลังอ่านหนังสือเล่มหนา ที่เขียนเอาไว้ ประวัติความเป็นมาของซีลอน
พลิกผ่านหนังสือไปทีละหน้า สีหน้าของหญิงสาวเริ่มที่จะซับซ้อนขึ้น เธอได้อ่านมาจนถึงส่วนที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศแอมพาร์คแลนด์ ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความนับถือคนของตระกูลฮิลล์เป็นอย่างมาก เพราะตระกูลฮิลล์ได้เป็นหนึ่งในตระกูลที่ได้เริ่มการสถาปนาประเทศนี้ขึ้น ตระกูลที่ตรงแขนเสื้อคลุมจะปักเป็นรูปดอกกุหลาบ เด็กสาวยกหัวของเธอขึ้น เพื่อที่จะมองอย่างครุ่นคิดไปยังเครื่องราชกกุธภัณฑ์รูปกุหลาบ ที่แขวนอยู่เหนือโต๊ะทำงานตรงหน้า ดูเหมือนว่าตระกูลฮิลล์ จะไม่ได้แค่เพียงร่ำรวยเท่านั้น
ทางด้านนอก เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นแต่ก็หยุดชะงักอยู่ที่ประตูเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะเบามาก แต่แคลร์ก็สามารถที่จะรับรู้ได้
เสียงที่ดังมาจากทางประตูนั้นต่ำและเย็นชา
“คุณหนู ท่านดยุคกลับมาถึงแล้วขอรับ”
“อย่างนั้นหรือ”แคลร์ตอบอย่างไม่กระตือรือร้น ก่อนจะปิดหนังสือลง จากหน่วยความจำในหัวของเธอ เธอรู้ว่าคนที่พูดอยู่หน้าประตูนั้นเป็นองค์รักษของเธอเอง จีน คนที่มีหน้าที่ต้องคอยปกป้องเธอ
แคลร์ลุกขึ้น และเมื่อเธอกำลังจะเอาหนังสือไปเก็บไว้บนชั้นหนังสือตามเดิม เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าทางด้านนอกประตูดังขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงของจีนกล่าวทักทายขึ้น
และประตูก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรง ชายชรากับเสื้อผ้าที่หรูหราก็ปรากฏขึ้น เขาดูเหมือนจะมีอายุมากกว่าห้าสิบปี แต่กลับเต็มไปด้วยพละกำลัง หัวคิ้วของเขาและแคลร์ นั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก ทำให้เธอรู้ว่าชายผู้นี้น่าจะเป็นปู่ของเธอ อย่างแน่นอนที่สุด ดยุคจัดได้ว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในแอมพาร์คแลนด์ และเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในปราสาทแห่งนี้ด้วย
“คาวระท่านปู่” แคลร์ทักทายเรียบเฉย ทิ้งนิสัยที่ขี้ขลาดของเธอ ก่อนหน้านี้ไปหมด
กอร์ดั้น ฮิลล์ มองไปที่เด็กสาวทางด้านหน้าของเขา ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้น อารมณ์แปลกประหลาดวูบวาบอยู่ในดวงตาของเขา เขาไม่เชื่อในตอนแรกว่าหลานสาวผู้เอาแต่ใจของเขา จะเข้ามาอ่านหนังสือด้วยความเต็มใจในห้องหนังสือของเขา เมื่อเขาได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับมัน แต่ตอนนี้เขาได้มาเห็นด้วยตาของเขาเองแล้ว แม้กระทั่งการแต่งตัวที่แตกต่างออกไปของเธออีก โดยปกติเธอจะใส่ชุดที่ซับซ้อนหลายสีราวกับผีเสื้อ แต่วันนี้เธอสวมชุดสีขาวเรียบง่าย ผมสีทองที่หยิกงามถูกรวบไว้ในรูปแบบง่ายที่สุด หรือว่าหัวของเธอจะถูกกระแทกแรงจนเกินไปจากการตกม้าเมื่อวานนี้
“แคลร์ เมื่อวานนี้ หลานตกจากหลังม้าหรือ” กอร์ดั้นเดินเข้ามา ถามราวกับเรื่องทั่วไป ผู้คนที่ติดตามเขามาปิดประตูลงอย่างเบามือเพื่อที่จะได้เริ่มต้นศึกษาหาความรู้
“หลานสบายดีแล้วท่านปู่” แคลร์ตอบขึ้นเสียงเบา
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” เห็นหนังสือที่อยู่ในมือของแคลร์ กอร์ดั้นรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย เธออ่านหนังสือประวัติศาสตร์ของซีลอนอย่างนั้นหรือ เขารู้จักหลานสาวคนนี้ของเขาดีที่สุด เอาแต่ใจ ดื้อด้าน และมีความผิดปกติเกี่ยวกับเพศตรงข้าม เธอคือคนที่เกลียดการเรียนรู้มากกว่าสิ่งใดๆ แต่กลับมาอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของซีลอนที่น่าเบื่อมากที่สุด
“แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร หลังจากอ่านประวัติศาสตร์ของซีลอนแล้ว”ดยุคกอร์ดั้น ถามขึ้นทันควัน ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของเขา
“ให้ธงแห่งกุหลาบงามบินสยายต่อไปตลอดกาล” แคลร์ตอบขึ้นทันทีพร้อมกับยิ้มเป็นนัยที่มุมปากน้อยๆ
ดวงตาของดยุคกอร์ดั้นถึงกลับเปิดกว้างยามที่จ้องมองมาที่คนพูด พร้อมกับประหลาดใจที่สาวน้อยตรงหน้ายิ้มให้เขาก่อน นี่เขาพึ่งจะได้ยินอะไร
ให้ธงแห่งกุหลาบงามบินสยายต่อไปตลอดกาลอย่างนั้นหรือ
ให้ตระกูลฮิลล์คงอยู่ตลอดกาล
“พูดมันอีกครั้งซิ” กอร์ดั้นสั่งในน้ำเสียงที่ลึกต่ำ พร้อมกับเหล่มองหญิงสาว ที่อยู่ตรงหน้าเขา
“ให้ธงแห่งกุหลาบงามบินสยายต่อไปตลอดกาล”รอยยิ้มมีความนัยได้ซ่อนอยู่ในประกายตาของแคลร์ ชายสูงวัยผู้นี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าของเธอ เป็น หัวใจและศูนย์กลางของคนตระกูลนี้ และเป็นผู้นำที่เคยผ่านประสบการณ์มามากมาย เธอรู้ว่ามันสำคัญแค่ไหนในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ที่จะให้ความใส่ใจ และใช้ประโยชน์จากคนที่เหนือกว่า เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้าเธอต้องการที่จะมีชีวิตรอดในโลกที่เธอไม่รู้จัก เธอต้องการที่จะกลายเป็นผู้มีอำนาจ ดังนั้นการได้รับความโปรดปราณจากคนที่อยู่ต่อหน้าของเธอในตอนนี้ มันคือจุดเริ่มต้น
“ท่านปู่ หลานได้ทำตัวไร้เหตุผล มันได้กินเวลามานานมากแล้ว และตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หลานจะศึกษาหาความรู้อย่างจริงจัง และแน่นอนหลานจะไม่ทำให้ตระกูลฮิลล์ผิดหวังอีกเด็ดขาด” แคลร์จ้องมองไปที่ชายชราตรงหน้าที่กำลังตะลึงอยู่ในตอนนี้ ทุกคำพูด ทุกประโยคนั้นพูดออกมาอย่างชัดเจน และดวงตาสีเขียวของเธอก็จ้องมองมาอย่างจริงจัง
น่าทึ่ง กอร์ดั้นมองอย่างว่างเปล่าไปที่หญิงสาวผู้มีความจริงจังตรงหน้า เขาพูดอะไรไม่ออกอยู่สักพัก แคลร์ก็ยังคงเงียบอยู่เหมือนกัน จ้องมองไปที่ปู่ของเธออย่างต่อเนื่อง
“ดี” ในที่สุดกอร์ดั้นก็หาคำพูดของเขาเจอ พร้อมกับหัวเราะด้วยความโล่งอกขึ้น เขาตบไปบนไหล่ของแคลร์เบาๆและพูดอย่างยกย่อง
“ต้องแบบนี้หลานปู่ แบบนี้ถึงจะเรียกว่าลูกหลานตระกูลฮิลล์อย่างแท้จริง”
“หลานสัญญา ว่าหลานจะไม่ทำให้ท่านปู่ผิดหวัง” แคลร์ยิ้มขึ้น รอยยิ้มของเธอนั้นเป็นประกายด้วยความมั่นใจ
วันนี้ที่ปราสาทหลังนี้ราวกับน้ำที่กำลังเดือดมันเต็มไปด้วยความพลุ่งพล่าน
หญิงสาวผู้งี่เง่า ที่หลงรักผู้ชายอย่างบ้าครั่ง และเป็นคนที่ดยุคไม่ชื่นชอบเป็นอย่างมาก แต่ผู้ที่เดินนำหน้าออกมาจากห้องหนังสือ กลับเป็นดยุคผู้ที่โดยปกตินั้นเป็นคนจริงจังเคร่งครึม พวกเขาเดินจับมือกันออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
คุณหนูผู้โง่งม นักไล่ล่าผู้ชายของตระกูลฮิลล์ ตอนนี้กลับกลายเป็นคนโปรด ข่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่าไปทั่วทั้งปราสาทแห่งนี้ทันที