ตอนที่ 26 -- โคล้ด
ตอนที่ 26 -- โคล้ด
ยามค่ำคืนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แล้วดวงอาทิตย์ก็เริ่มสาดแสงอีกครั้ง
“ขอบคุณที่ดูแลครับ”
”
“พูดอะไรของเธอ ไม่ต้องห่วงหรอก, ฉันเองก็รู้สึกเหมือนมีน้องชายตัวเล็กๆเพิ่มขึ้น มันก็สนุกดีเหมือนกันนะ”
”
หล่อนทำเหมือนผมเป็นน้องชายหรอกหรอ
ผมว่ามันก็สมเหตุสมผลอยู่นะ
ผมว่าถ้าหล่อนเจอมิลลี่ หล่อนจะต้องดีใจที่มี ‘น้องสาว’ สินะ?
การที่ผมชวนไลเดียวเข้ากิลด์โดยไม่ขออนุญาตมิลลี่ก่อน ก็อาจทำให้เธอโกรธใส่ผมก็ได้
ผมมีความรู้สึกว่ามิลลี่จะต้องบอกผมว่า ไม่ควรเพิ่มสมาชิกกิลด์อีก
….แต่ผมรู้ว่าลึกๆแล้ว มิลลี่เองก็อยากได้สมาชิกกิลด์เพิ่ม บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่จะทำให้หล่อนดีใจจริงๆ
อืม ผมจะคุยกับเธอหลังจากนี้
ถ้าเธอบอกว่าไม่ งั้นผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ
ผมออกจากบ้านไลเดียแล้วออกจากเมือง
อ้อใช่ รู้สึกว่าเมื่อวานนี้ แม่จะบอกกับผมว่า มิลลี่มาที่บ้านหลายครั้งสินะ?
ก่อนที่จะกลับบ้าน ผมคงต้องแวะไปหาเธอซะหน่อย
เมื่อผมมาถึงเมืองนานามิ ผมก็ใช้กิลด์เมสเซจเรียกมิลลี่
[มิลลี่ อยู่รึเปล่า? นี่ผมเอง]
”
[เซฟ? ให้ตายสิ นายไปไหนมาน่ะ? ฉันมองหาทั่วเมืองเลยนะ]
”
[โทษที ผมอยู่ที่เมืองเบริต้าน่ะ, แต่ผมทำเป้าหายสำเร็จเรียบร้อย แถมมีเรื่องบางอย่างที่ผมต้องบอกเธอด้วย]
”
[งั้นหรอ? ฉันเองก็มีบางอย่างที่อยากคุยกับนายเหมือนกัน, รีบมาที่บ้านฉันตอนนี้ได้ไหม?]
”
ผมสงสัยว่าเธอเจอของดีๆอะไรรึเปล่า?
ดูเธอกระตือรือร้นน่าดู
ผมใช้เทเลพอร์ตจนถึงบ้านมิลลี่
เมื่อผมเข้าไปในบ้านของเธอ เธอก็ยืนรออยู่ตรงทางเข้าแล้ว
แม้ว่ามันจะดูไม่เป็นไรถ้าเธอรอผมอยู่ด้านใน
แต่ในวินาทีที่หล่อนเห็นผม หล่อนก็วิ่งเข้ามาหาผมทันที
ท่าทางของหล่อนก็ยังเหมือนลูกหมาอย่างทุกที
ผมคงต้องอุบเรื่องที่ทวินเทลของเธอแหว่งไปมาจนดูเหมือนหางหมาน้อยเอาไว้ก่อน
“เซฟ!”
”
“เธอดูสบายดีนี่ มิลลี่”
”
เธอเผยรอยยิ้มที่มีชีวิตชีวา
“ดูเหมือนเธอจะดีใจจริงๆแฮะ หรือว่าเธอจะหาพื้นที่ล่าเจ๋งๆเจอใช่มั้ย?”
”
“นายจะพูดแบบนั้นก็ได้, ชั้นเจอภูตน้ำที่อาศัยอยู่ชายทะเลสาบด้านเหนือ แล้วก็ถ้าโคโบลด์ที่ป่าตะวันตกด้วย”
”
“ภูตน้ำตรงชายทะเลสาบของทิศเหนือ กับโคโบลด์ในป่า….พวกนี้ถือเป็นพื้นที่ล่าชั้นเยี่ยม แต่ว่าภูตน้ำดูจะไม่เหมาะกับนักเวทย์ซะเท่าไหร่ เพราะมันสามารถโจมตีจากระยะไกลได้ ส่วนโคโบลด์ก็มักออกล่ากันเป็นกลุ่ม ซึ่งการถูกล้อมถือเป็นจุดอ่อนอีกอย่างของพวกเรานักเวทย์เหมือนกัน”
”
ในตอนที่ผมชี้ข้อเสีย มิลลี่ก็มีสีหน้าเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ และแกว่งปลายนิ้วไปมาพร้อมทำเสียง ‘จุ๊ จุ๊’
อา….น่าหงุดหงิดชะมัด….
“นายควรจะฟังที่คนอื่นพูดให้จบก่อนจะแทรกนะ รู้ไหม? ชั้นเจอพื้นที่ล่าพวกนั้นก็จริง แต่มีสิ่งที่พิเศษอีกอย่างที่ฉันหาเจอด้วยเหมือนกัน!”
”
“อะไรล่ะนั่น?”
”
มิลลี่พยายามจะอ่านสีหน้าของผมขณะที่ฉีกยิ้มกว้าง ราวกับจะบอกว่า ‘ลองทายดูสิ’
เธอนี่มันชอบเบ่งจริงๆ….
แต่ผมก็พอจะเดาได้ลางๆอยู่นะ
เพราะยังไงผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
“....หรือว่าเธอหาพรรคพวกที่จะเข้ากิลด์อะไรแบบนั้นได้ใช่ไหม?”
”
“เอ๋? นายรู้ได้ไงอะ?”
”
“ถึงมันจะบังเอิญก็ตาม แต่ผมเองก็เจอคนที่กำลังหาอยู่เหมือนกัน, ผมก็แค่คิดว่าบางทีมิลลี่เองก็คงจะเหมือนกัน”
”
สีหน้าของมิลลี่เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผมพูดต่อ
“คนที่ผมเจอเป็นเจ้าของร้านในเมืองเบริต้า ซึ่งตอนนี้ผมได้ฝากขายไอเท็มอยู่ที่ร้านนั้น, และผมจะกลับไปที่นั่นประมาณอาทิตย์หน้าเพื่อดูว่าเป็นยังไงบ้าง”
”
“....เด็กผู้หญิง?”
”
“ธะ...เธอรู้ได้ไง?”
”
“.......ฉันจะตัดสินใจอีกทีหลังจากที่เจอหล่อน”
”
“สบายใจได้ นั่นคือสิ่งที่ผมวางแผนไว้แต่แรกแล้ว”
”
มิลลี่ทำหน้าเหยเกทันที
รู้สึกว่าตอนที่ผมจับมือแคลร์เซนเซย์เอง หล่อนก็ทำหน้าแบบนี้
ผมคิดจริงๆนะว่าพวกเราจำเป็นต้องขยับขยายกิลด์เพิ่มขึ้นมาบ้าง
ถ้าหากยังเป็นอยู่แบบนี้ พวกเราไม่มีทางกลายเป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดได้หรอก
“แล้วเธอล่ะ มิลลี่? เธอไปหาใครมา?”
”
“อ๊ะ ใช่ ตอนนี้เขาอยู่ในบ้านของฉัน”
”
หล่อนกระชากเสียงตอบผม
ดูเหมือนหล่อนจะยังอารมย์เสียอยู่
ผมเลยลูบหัวมิลลี่อย่างช่วยไม่ได้
“ทะ….ทำอะไรของนายน่ะ เซฟ?”
”
“เธอจะแนะนำผมกับสมาชิกใหม่ด้วยสีหน้าบึ้งตึงแบบนี้งั้นหรอ? ถึงผมจะไม่ว่าอะไรก็เถอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะยังไงก็ได้เหมือนผมนี่”
”
“....”
”
มิลลี่หน้าแดงด้วยความอับอายในขณะที่ก้มลงมองพื้นอยู่พักหนึ่ง แล้วผมก็ลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน
“อะ...อาวล่ะ พอแล้ว! ไปกันเถอะ!”
”
หลังจากที่ปัดมือผมออก หล่อนก็รีบก้าวเท้าเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
ผมเดินตามหล่อนเข้าไปในห้อง
ห้องของมิลลี่ทีทำความสะอาดไปก่อนหน้านี้ กลับมามีของวางระเกะระกะอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ก็พอจะมีที่ว่างให้ผมเดินอยู่บ้าง ผมเดินตรงไปอย่างระมัดระวังเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เผลอเหยียบขยะอะไรเข้า
แล้วผมก็เห็นเด็กหนุ่มนั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางเรียบร้อย
เขาสวมเกราะเบาสีเงิน ตรงเองมีดาบคาดอยู่ ส่วนอีกฝั่งมีโล่ติดไว้, ผมสีบลอนด์ของเขาทอประกายเมื่อเทียบกับสีพื้นห้อง
ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่เห็นพวกเรางั้นหรอ? เขาลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจจนทำให้ผมที่นุ่มสลวยสั่นไหว
“มิลลี่ซัง ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ!”
”
มันเป็นเสียงที่ดูมีพลัง
แววตาที่เขามองมาดูเปล่งประกายจริงๆ
เหมือนกับว่าเขาอยากจะทักทายผมด้วยการจับมือ แน่นอนว่าผมตอบรับ
“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อโคล้ด”
”
เอ ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ เหมือนผมเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน….
ผมนึกมันไม่ออกจริงๆ แต่ผมว่านั่นน่าจะเป็นเพราะผมมีชีวิตที่สองก็ได้
ยังไงซะในชาติก่อน ผมก็มีคนรู้จักมากมายอยู่แล้ว
ในชาติก่อน ผมเคยเข้าร่วมกับกิลด์ต่างๆมากมาย เขาจึงอาจเป็นหนึ่งในคนรู้จักที่ผมเคยพบมาก่อนก็ได้
ผมทักทายกลับโดยไม่ได้กังวลอะไรมาก
“ชื่อของผมคือเซฟ ผมเป็นนักเวทย์, ผมรู้ว่านี่อาจจะกระทันหันไปหน่อย แต่ขอถามหน่อยว่า ทำไมนายถึงอยากเข้ากิลด์ซอมซ่อแบบนี้? ถ้าจำไม่ผิดรอบๆนี่มีกิลด์ใหญ่ๆอีกมากมายไม่ใช่หรอ?”
”
“นี่! มันไม่ได้ซอมซ่อซะหน่อย!”
”
ผมเมินเสียงคัดค้านของมิลลี่แล้วพูดต่อ
“จากที่เห็น ดูเหมือนนายจะเป็นมือใหม่ แต่สำหรับมือใหม่แล้ว มันน่าจะดีกว่าหากเข้ากิลด์ที่มีคนจำนวนมาก ไม่คิดงั้นหรอ?”
”
“ผมเป็นลูกคนสุดท้องของตระกูลอัศวิน แต่ว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ครอบครัวของผมประสบปัญหาทางการเงิน นั่นทำให้ทางครอบครัวลำบากมากที่จะสนับสนุนผมต่อ ดังนั้นผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากกลายมาเป็นนักผจญภัย, แต่ไม่ว่ายังไงในตัวผมก็ยังมีสายเลือดอัศวินอยู่ ผมไม่อยากเป็นนักผจญภัยเพื่อมีชีวิตไปวันๆ เพราะงั้นเป้าหมายของผมก็คือการมองหาเจ้านายที่ผมสามารถรับใช้ในฐานะอัศวินได้”
”
เขาผ่านชีวิตที่ยากลำบากจนไม่อาจอธิบายได้มาขนาดไหนเนี่ย…
เพื่อที่จะรักษาเครื่องสวมใส่ของอัศวินเอาไว้ จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก
สำหรับอัศวินที่สามารถยืนหยัดในแนวหน้าในฐานะอัศวินนั้น จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อหาซื้อโพชั่นฟื้นฟูพลังกาย
ในเวลาที่อัศวินมีเงินมหาศาล นั่นถึงจะเป็นเวลาที่พวกเขาจะเปล่งประกายได้มากที่สุด
ดังนั้น ในกรณีของอัศวินแล้ว อุปกรณ์สวมใส่จึงเป็นตัววัดระดับความสำเร็จของพวกเขา
โคล้ดเป็นลูกคนสุดท้อง แต่แทนที่จะได้รับอุปกรณ์สวมใส่ ดูเหมือนเขาจะถูกขับออกจากบ้านแทน
แต่ว่าตัวเขาเองก็ดูไม่เหมือนคนที่มีปัญหาจนโดนเตะออกจากบ้านนี่
“ตอนนี้ผมยังคงอ่อนประสบการณ์อยู่ ตอนที่ผมตกอยู่ในวงล้อมของโคโบลด์จนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มิลลี่ซังก็ปรากฎตัวออกมาช่วยผม, ภาพที่มิลลี่ซังร่ายเวทย์ที่น่าอัศจรรย์กำจัดเหล่าปีศาจร้ายนั้น ดูเหมือนกับเทพธิดาแห่งการศึก….ตอนนั้นเองที่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะมาเป็นลูกศิษย์ของมิลลี่ซัง!”
”
โอ๊ะโอ๋
เมื่อกี้เขาพึ่งพูดว่า ‘เทพธิดาแห่งการศึก’ ใช่ไหม?...ดูเหมือนหมอนี่จะเป็นเด็กหนุ่มที่ชื่นชอบเรื่องแฟนตาซีแฮะ
อืม ผมว่าคนที่พึ่งจะเริ่มเป็นนักผจญภัยเองก็ต้องเป็นแบบนั้นล่ะนะ
“ผมยอมรับมิลลี่ซังในฐานะเจ้านายที่ผมจะอุทิศดาบให้ ตอนนี้ผมอาจจะเป็นได้แค่ตัวถ่วงของคุณ ขอให้ผมได้ขอโทษล่วงหน้าด้วย….!”
”
ผมว่า ถ้ามีโคล้ดมาเข้าร่วมกับเราด้วย มิลลี่ก็น่าจะเลิกเกาะผมหนึบล่ะมั้ง?
ดูเหมือนเขาเองก็จะไม่ใช่คนไม่ดีซะด้วย ผมว่าน่าจะไม่เป็นไรถ้าให้เขาเข้ากิลด์
“เซฟคุง มาพยายามในฐานะลูกศิษย์ของมิลลี่ซังด้วยกันนะครับ!!”
”
-ตึง
เมื่อผมหันไปหามิลลี่ หล่อนก็เบือนหน้าหนี
ในตอนที่โคล้ดมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มเจื่อนๆตอบกลับไป
ว่าไงนะ? เมื่อกี้เขาเรียกผมว่า ลูกศิษย์ของมิลลี่งั้นหรอ?
[นี่มันเรื่องอะไรกัน?? มิลลี่?]
”
[เอ่อ〜 ฉันแค่เผลอพูดไปหน่อยเอง...]
”
[เธอเผลอกุเรื่องโม้เกี่ยวกับตัวเองใช่ไหม? เรื่องแบบไหนกัน?]
”
[เอ่อ...ฉันขอโทษ]
”
แหะ แหะ แหะ มิลลี่หัวเราะเจื่อนๆ
ดูเธอไม่เหมือนคนที่กำลังขอโทษเลยนะ มิลลี่
“ชั้นขอโทษนะโคล้ด เรื่องที่ฉันบอกว่าเขาเป็นลูกศิษย์นั่นเป็นเรื่องโกหกนะ จริงๆแล้วเขาเป็นรองหัวหน้ากิลด์ของฉันเอง”
”
“อ้อ แบบนั้นหรอครับ เป็นแบบนั้นหรอกหรอ”
”
นั่นก็ดี อย่างน้อยหมอนี่ก็ยอมรับได้ไวนะ
“เซฟ, นายคิดว่าไง? คิดจะเอาเขาเข้ากิลด์เราไหม?”
”
“อืม ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไรนะ เขาดูเป็นคนมีมารยาทดี อีกอย่างเขาดูไม่เหมือนคนที่จะทำอะไรแปลกๆได้”
”
“จริงหรอครับ? ดีจริงๆเลย〜 !”
”
โคล้ดชูแขนทั้งสองขึ้นด้วยความดีใจ
มิลลี่เองก็ปรบมือ
ภาพที่เห็นนี่ดูสวยงามจริงๆ
“อ้อใช่! จัดงานเลี้ยงต้อนรับโคล้ดกันดีกว่า! โคล้ดมีอะไรอยากทำบ้างไหม?”
”
“อืม ขอคิดก่อนครับ…”
”
โคล้ดคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ทำท่าเหมือนคิดอะไรออก
“เอาแบบนี้เป็นไงครับ! ผมอยากแข่งกับเซฟคุง! การที่คุณสามารถสนับสนุนมิลลี่และได้เป็นรองหัวหน้ากิลด์ด้วยอายุน้อยขนาดนี้ ผมสงสัยในความสามารถของคุณจริงๆ!”
”
ตัวผมดูเด็กขนาดนั้นเลยหรอ? ผมว่าพวกเราสามคนน่าจะอายุไลเลี่ยกัน ไม่ใช่รึไง?
“ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ โคล้ดเมื่อกี้นายบอกว่าอยากแข่งงั้นหรอ แล้วต้องการแข่งกันแบบไหน?”
”
“แน่นอนว่าผมอยากแข่งด้วยการต่อสู้แบบไม่จำกัดอาวุธ พวกเราทั้งคู่จะสู้ตัดสินกันจนกว่าจะหาผู้ชนะได้”
”
“เอ๋!? นั่นไม่อันตรายไปหน่อยหรอ?!”
”
อืม ถ้าผมใช้เซลฟ์โปรเท็คชั่น มันก็คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงล่ะมั้ง….
ถ้าเป็นผมเองก็คงไม่ชอบที่มีไอ้หนูตำแหน่งสูงกว่าตัวเอง
ถ้าผมเอาชนะครั้งนี้ได้ เขาก็จะยอมรับผมเป็นนัมเบอร์สอง
เขาเป็นเด็กหนุ่มไฟแรงดีไม่ใช่หรอไง?
ผมเองก็ไม่ได้ไม่ชอบคนแบบนี้น่ะนะ
“น่าสนใจดีนี่, เอาเป็นเราเพิ่มเงื่อนไขด้วยดีกว่า คนที่แพ้ต้องทำตามคนที่ชนะหนึ่งอย่าง เอาไหม?”
”
“ขอบคุณมากครับ ผมเฝ้ารอที่จะได้สู้กับคุณอย่างยุติธรรม….!”
”
==========
อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร
==========
ติดตามข่าวสารและตอนใหม่ๆได้ก่อนใครที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/