ตอนที่แล้วตอนที่ 25 -- อาบน้ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 27 -- การประลอง

ตอนที่ 26 -- โคล้ด


ตอนที่ 26 -- โคล้ด

 

ยามค่ำคืนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แล้วดวงอาทิตย์ก็เริ่มสาดแสงอีกครั้ง

 

“ขอบคุณที่ดูแลครับ”

 

“พูดอะไรของเธอ ไม่ต้องห่วงหรอก, ฉันเองก็รู้สึกเหมือนมีน้องชายตัวเล็กๆเพิ่มขึ้น มันก็สนุกดีเหมือนกันนะ”

 ”

หล่อนทำเหมือนผมเป็นน้องชายหรอกหรอ

 

ผมว่ามันก็สมเหตุสมผลอยู่นะ

 

ผมว่าถ้าหล่อนเจอมิลลี่ หล่อนจะต้องดีใจที่มี ‘น้องสาว’ สินะ?

 

การที่ผมชวนไลเดียวเข้ากิลด์โดยไม่ขออนุญาตมิลลี่ก่อน ก็อาจทำให้เธอโกรธใส่ผมก็ได้

 

ผมมีความรู้สึกว่ามิลลี่จะต้องบอกผมว่า ไม่ควรเพิ่มสมาชิกกิลด์อีก

 

….แต่ผมรู้ว่าลึกๆแล้ว มิลลี่เองก็อยากได้สมาชิกกิลด์เพิ่ม บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่จะทำให้หล่อนดีใจจริงๆ

 

อืม ผมจะคุยกับเธอหลังจากนี้

 

ถ้าเธอบอกว่าไม่ งั้นผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ

 

ผมออกจากบ้านไลเดียแล้วออกจากเมือง

 

อ้อใช่ รู้สึกว่าเมื่อวานนี้ แม่จะบอกกับผมว่า มิลลี่มาที่บ้านหลายครั้งสินะ?

 

ก่อนที่จะกลับบ้าน ผมคงต้องแวะไปหาเธอซะหน่อย

 

เมื่อผมมาถึงเมืองนานามิ ผมก็ใช้กิลด์เมสเซจเรียกมิลลี่

 

[มิลลี่ อยู่รึเปล่า? นี่ผมเอง]

 

[เซฟ? ให้ตายสิ นายไปไหนมาน่ะ? ฉันมองหาทั่วเมืองเลยนะ]

 

[โทษที ผมอยู่ที่เมืองเบริต้าน่ะ, แต่ผมทำเป้าหายสำเร็จเรียบร้อย แถมมีเรื่องบางอย่างที่ผมต้องบอกเธอด้วย]

 

[งั้นหรอ? ฉันเองก็มีบางอย่างที่อยากคุยกับนายเหมือนกัน, รีบมาที่บ้านฉันตอนนี้ได้ไหม?]

 

ผมสงสัยว่าเธอเจอของดีๆอะไรรึเปล่า?

 

ดูเธอกระตือรือร้นน่าดู

 

ผมใช้เทเลพอร์ตจนถึงบ้านมิลลี่

 

เมื่อผมเข้าไปในบ้านของเธอ เธอก็ยืนรออยู่ตรงทางเข้าแล้ว

 

แม้ว่ามันจะดูไม่เป็นไรถ้าเธอรอผมอยู่ด้านใน

 

แต่ในวินาทีที่หล่อนเห็นผม หล่อนก็วิ่งเข้ามาหาผมทันที

 

ท่าทางของหล่อนก็ยังเหมือนลูกหมาอย่างทุกที

 

ผมคงต้องอุบเรื่องที่ทวินเทลของเธอแหว่งไปมาจนดูเหมือนหางหมาน้อยเอาไว้ก่อน

 

“เซฟ!”

 

“เธอดูสบายดีนี่ มิลลี่”

 

เธอเผยรอยยิ้มที่มีชีวิตชีวา

 

“ดูเหมือนเธอจะดีใจจริงๆแฮะ หรือว่าเธอจะหาพื้นที่ล่าเจ๋งๆเจอใช่มั้ย?”

 

“นายจะพูดแบบนั้นก็ได้, ชั้นเจอภูตน้ำที่อาศัยอยู่ชายทะเลสาบด้านเหนือ แล้วก็ถ้าโคโบลด์ที่ป่าตะวันตกด้วย”

 

“ภูตน้ำตรงชายทะเลสาบของทิศเหนือ กับโคโบลด์ในป่า….พวกนี้ถือเป็นพื้นที่ล่าชั้นเยี่ยม แต่ว่าภูตน้ำดูจะไม่เหมาะกับนักเวทย์ซะเท่าไหร่ เพราะมันสามารถโจมตีจากระยะไกลได้ ส่วนโคโบลด์ก็มักออกล่ากันเป็นกลุ่ม ซึ่งการถูกล้อมถือเป็นจุดอ่อนอีกอย่างของพวกเรานักเวทย์เหมือนกัน”

 

ในตอนที่ผมชี้ข้อเสีย มิลลี่ก็มีสีหน้าเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ และแกว่งปลายนิ้วไปมาพร้อมทำเสียง ‘จุ๊ จุ๊’

 

อา….น่าหงุดหงิดชะมัด….

 

“นายควรจะฟังที่คนอื่นพูดให้จบก่อนจะแทรกนะ รู้ไหม? ชั้นเจอพื้นที่ล่าพวกนั้นก็จริง แต่มีสิ่งที่พิเศษอีกอย่างที่ฉันหาเจอด้วยเหมือนกัน!”

 

“อะไรล่ะนั่น?”

 

มิลลี่พยายามจะอ่านสีหน้าของผมขณะที่ฉีกยิ้มกว้าง ราวกับจะบอกว่า ‘ลองทายดูสิ’

 

เธอนี่มันชอบเบ่งจริงๆ….

 

แต่ผมก็พอจะเดาได้ลางๆอยู่นะ

 

เพราะยังไงผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

 

“....หรือว่าเธอหาพรรคพวกที่จะเข้ากิลด์อะไรแบบนั้นได้ใช่ไหม?”

 

“เอ๋? นายรู้ได้ไงอะ?”

 

“ถึงมันจะบังเอิญก็ตาม แต่ผมเองก็เจอคนที่กำลังหาอยู่เหมือนกัน, ผมก็แค่คิดว่าบางทีมิลลี่เองก็คงจะเหมือนกัน”

 

สีหน้าของมิลลี่เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผมพูดต่อ

 

“คนที่ผมเจอเป็นเจ้าของร้านในเมืองเบริต้า ซึ่งตอนนี้ผมได้ฝากขายไอเท็มอยู่ที่ร้านนั้น, และผมจะกลับไปที่นั่นประมาณอาทิตย์หน้าเพื่อดูว่าเป็นยังไงบ้าง”

 

“....เด็กผู้หญิง?”

 

“ธะ...เธอรู้ได้ไง?”

 

“.......ฉันจะตัดสินใจอีกทีหลังจากที่เจอหล่อน”

 

“สบายใจได้ นั่นคือสิ่งที่ผมวางแผนไว้แต่แรกแล้ว”

 

มิลลี่ทำหน้าเหยเกทันที

 

รู้สึกว่าตอนที่ผมจับมือแคลร์เซนเซย์เอง หล่อนก็ทำหน้าแบบนี้

 

ผมคิดจริงๆนะว่าพวกเราจำเป็นต้องขยับขยายกิลด์เพิ่มขึ้นมาบ้าง

 

ถ้าหากยังเป็นอยู่แบบนี้ พวกเราไม่มีทางกลายเป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดได้หรอก

 

“แล้วเธอล่ะ มิลลี่? เธอไปหาใครมา?”

 

“อ๊ะ ใช่ ตอนนี้เขาอยู่ในบ้านของฉัน”

 

หล่อนกระชากเสียงตอบผม

 

ดูเหมือนหล่อนจะยังอารมย์เสียอยู่

 

ผมเลยลูบหัวมิลลี่อย่างช่วยไม่ได้

 

“ทะ….ทำอะไรของนายน่ะ เซฟ?”

 

“เธอจะแนะนำผมกับสมาชิกใหม่ด้วยสีหน้าบึ้งตึงแบบนี้งั้นหรอ? ถึงผมจะไม่ว่าอะไรก็เถอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะยังไงก็ได้เหมือนผมนี่”

 

“....”

 

มิลลี่หน้าแดงด้วยความอับอายในขณะที่ก้มลงมองพื้นอยู่พักหนึ่ง แล้วผมก็ลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน

 

“อะ...อาวล่ะ พอแล้ว! ไปกันเถอะ!”

 

หลังจากที่ปัดมือผมออก หล่อนก็รีบก้าวเท้าเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

 

ผมเดินตามหล่อนเข้าไปในห้อง

 

ห้องของมิลลี่ทีทำความสะอาดไปก่อนหน้านี้ กลับมามีของวางระเกะระกะอีกครั้ง

 

แต่ครั้งนี้ก็พอจะมีที่ว่างให้ผมเดินอยู่บ้าง ผมเดินตรงไปอย่างระมัดระวังเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เผลอเหยียบขยะอะไรเข้า

 

แล้วผมก็เห็นเด็กหนุ่มนั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางเรียบร้อย

 

เขาสวมเกราะเบาสีเงิน ตรงเองมีดาบคาดอยู่ ส่วนอีกฝั่งมีโล่ติดไว้, ผมสีบลอนด์ของเขาทอประกายเมื่อเทียบกับสีพื้นห้อง

 

ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่เห็นพวกเรางั้นหรอ? เขาลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจจนทำให้ผมที่นุ่มสลวยสั่นไหว

 

“มิลลี่ซัง ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ!”

 

มันเป็นเสียงที่ดูมีพลัง

 

แววตาที่เขามองมาดูเปล่งประกายจริงๆ

 

เหมือนกับว่าเขาอยากจะทักทายผมด้วยการจับมือ แน่นอนว่าผมตอบรับ

 

“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อโคล้ด”

 

เอ ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ เหมือนผมเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน….

 

ผมนึกมันไม่ออกจริงๆ แต่ผมว่านั่นน่าจะเป็นเพราะผมมีชีวิตที่สองก็ได้

 

ยังไงซะในชาติก่อน ผมก็มีคนรู้จักมากมายอยู่แล้ว

 

ในชาติก่อน ผมเคยเข้าร่วมกับกิลด์ต่างๆมากมาย เขาจึงอาจเป็นหนึ่งในคนรู้จักที่ผมเคยพบมาก่อนก็ได้

 

ผมทักทายกลับโดยไม่ได้กังวลอะไรมาก

 

“ชื่อของผมคือเซฟ ผมเป็นนักเวทย์, ผมรู้ว่านี่อาจจะกระทันหันไปหน่อย แต่ขอถามหน่อยว่า ทำไมนายถึงอยากเข้ากิลด์ซอมซ่อแบบนี้? ถ้าจำไม่ผิดรอบๆนี่มีกิลด์ใหญ่ๆอีกมากมายไม่ใช่หรอ?”

 

“นี่! มันไม่ได้ซอมซ่อซะหน่อย!”

 

ผมเมินเสียงคัดค้านของมิลลี่แล้วพูดต่อ

 

“จากที่เห็น ดูเหมือนนายจะเป็นมือใหม่ แต่สำหรับมือใหม่แล้ว มันน่าจะดีกว่าหากเข้ากิลด์ที่มีคนจำนวนมาก ไม่คิดงั้นหรอ?”

 

“ผมเป็นลูกคนสุดท้องของตระกูลอัศวิน แต่ว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ครอบครัวของผมประสบปัญหาทางการเงิน นั่นทำให้ทางครอบครัวลำบากมากที่จะสนับสนุนผมต่อ ดังนั้นผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากกลายมาเป็นนักผจญภัย, แต่ไม่ว่ายังไงในตัวผมก็ยังมีสายเลือดอัศวินอยู่ ผมไม่อยากเป็นนักผจญภัยเพื่อมีชีวิตไปวันๆ เพราะงั้นเป้าหมายของผมก็คือการมองหาเจ้านายที่ผมสามารถรับใช้ในฐานะอัศวินได้”

 

เขาผ่านชีวิตที่ยากลำบากจนไม่อาจอธิบายได้มาขนาดไหนเนี่ย…

 

เพื่อที่จะรักษาเครื่องสวมใส่ของอัศวินเอาไว้ จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก

 

สำหรับอัศวินที่สามารถยืนหยัดในแนวหน้าในฐานะอัศวินนั้น จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อหาซื้อโพชั่นฟื้นฟูพลังกาย

 

ในเวลาที่อัศวินมีเงินมหาศาล นั่นถึงจะเป็นเวลาที่พวกเขาจะเปล่งประกายได้มากที่สุด

 

ดังนั้น ในกรณีของอัศวินแล้ว อุปกรณ์สวมใส่จึงเป็นตัววัดระดับความสำเร็จของพวกเขา

 

โคล้ดเป็นลูกคนสุดท้อง แต่แทนที่จะได้รับอุปกรณ์สวมใส่ ดูเหมือนเขาจะถูกขับออกจากบ้านแทน

 

แต่ว่าตัวเขาเองก็ดูไม่เหมือนคนที่มีปัญหาจนโดนเตะออกจากบ้านนี่

 

“ตอนนี้ผมยังคงอ่อนประสบการณ์อยู่ ตอนที่ผมตกอยู่ในวงล้อมของโคโบลด์จนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มิลลี่ซังก็ปรากฎตัวออกมาช่วยผม, ภาพที่มิลลี่ซังร่ายเวทย์ที่น่าอัศจรรย์กำจัดเหล่าปีศาจร้ายนั้น ดูเหมือนกับเทพธิดาแห่งการศึก….ตอนนั้นเองที่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะมาเป็นลูกศิษย์ของมิลลี่ซัง!”

 

โอ๊ะโอ๋

 

เมื่อกี้เขาพึ่งพูดว่า ‘เทพธิดาแห่งการศึก’ ใช่ไหม?...ดูเหมือนหมอนี่จะเป็นเด็กหนุ่มที่ชื่นชอบเรื่องแฟนตาซีแฮะ

 

อืม ผมว่าคนที่พึ่งจะเริ่มเป็นนักผจญภัยเองก็ต้องเป็นแบบนั้นล่ะนะ

 

“ผมยอมรับมิลลี่ซังในฐานะเจ้านายที่ผมจะอุทิศดาบให้ ตอนนี้ผมอาจจะเป็นได้แค่ตัวถ่วงของคุณ ขอให้ผมได้ขอโทษล่วงหน้าด้วย….!”

 

ผมว่า ถ้ามีโคล้ดมาเข้าร่วมกับเราด้วย มิลลี่ก็น่าจะเลิกเกาะผมหนึบล่ะมั้ง?

 

ดูเหมือนเขาเองก็จะไม่ใช่คนไม่ดีซะด้วย ผมว่าน่าจะไม่เป็นไรถ้าให้เขาเข้ากิลด์

 

“เซฟคุง มาพยายามในฐานะลูกศิษย์ของมิลลี่ซังด้วยกันนะครับ!!”

 

-ตึง

 

เมื่อผมหันไปหามิลลี่ หล่อนก็เบือนหน้าหนี

 

ในตอนที่โคล้ดมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มเจื่อนๆตอบกลับไป

 

ว่าไงนะ? เมื่อกี้เขาเรียกผมว่า ลูกศิษย์ของมิลลี่งั้นหรอ?

 

[นี่มันเรื่องอะไรกัน?? มิลลี่?]

 

[เอ่อ〜 ฉันแค่เผลอพูดไปหน่อยเอง...]

 

[เธอเผลอกุเรื่องโม้เกี่ยวกับตัวเองใช่ไหม? เรื่องแบบไหนกัน?]

 

[เอ่อ...ฉันขอโทษ]

 

แหะ แหะ แหะ มิลลี่หัวเราะเจื่อนๆ

 

ดูเธอไม่เหมือนคนที่กำลังขอโทษเลยนะ มิลลี่

 

“ชั้นขอโทษนะโคล้ด เรื่องที่ฉันบอกว่าเขาเป็นลูกศิษย์นั่นเป็นเรื่องโกหกนะ จริงๆแล้วเขาเป็นรองหัวหน้ากิลด์ของฉันเอง”

 

“อ้อ แบบนั้นหรอครับ เป็นแบบนั้นหรอกหรอ”

 

นั่นก็ดี อย่างน้อยหมอนี่ก็ยอมรับได้ไวนะ

 

“เซฟ, นายคิดว่าไง? คิดจะเอาเขาเข้ากิลด์เราไหม?”

 

“อืม ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไรนะ เขาดูเป็นคนมีมารยาทดี อีกอย่างเขาดูไม่เหมือนคนที่จะทำอะไรแปลกๆได้”

 

“จริงหรอครับ? ดีจริงๆเลย〜 !”

 

โคล้ดชูแขนทั้งสองขึ้นด้วยความดีใจ

 

มิลลี่เองก็ปรบมือ

 

ภาพที่เห็นนี่ดูสวยงามจริงๆ

 

“อ้อใช่! จัดงานเลี้ยงต้อนรับโคล้ดกันดีกว่า! โคล้ดมีอะไรอยากทำบ้างไหม?”

 

“อืม ขอคิดก่อนครับ…”

 

โคล้ดคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ทำท่าเหมือนคิดอะไรออก

 

“เอาแบบนี้เป็นไงครับ! ผมอยากแข่งกับเซฟคุง! การที่คุณสามารถสนับสนุนมิลลี่และได้เป็นรองหัวหน้ากิลด์ด้วยอายุน้อยขนาดนี้ ผมสงสัยในความสามารถของคุณจริงๆ!”

 

ตัวผมดูเด็กขนาดนั้นเลยหรอ? ผมว่าพวกเราสามคนน่าจะอายุไลเลี่ยกัน ไม่ใช่รึไง?

 

“ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ โคล้ดเมื่อกี้นายบอกว่าอยากแข่งงั้นหรอ แล้วต้องการแข่งกันแบบไหน?”

 

“แน่นอนว่าผมอยากแข่งด้วยการต่อสู้แบบไม่จำกัดอาวุธ พวกเราทั้งคู่จะสู้ตัดสินกันจนกว่าจะหาผู้ชนะได้”

 

“เอ๋!? นั่นไม่อันตรายไปหน่อยหรอ?!”

 

อืม ถ้าผมใช้เซลฟ์โปรเท็คชั่น มันก็คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงล่ะมั้ง….

 

ถ้าเป็นผมเองก็คงไม่ชอบที่มีไอ้หนูตำแหน่งสูงกว่าตัวเอง

 

ถ้าผมเอาชนะครั้งนี้ได้ เขาก็จะยอมรับผมเป็นนัมเบอร์สอง

 

เขาเป็นเด็กหนุ่มไฟแรงดีไม่ใช่หรอไง?

 

ผมเองก็ไม่ได้ไม่ชอบคนแบบนี้น่ะนะ

 

“น่าสนใจดีนี่, เอาเป็นเราเพิ่มเงื่อนไขด้วยดีกว่า คนที่แพ้ต้องทำตามคนที่ชนะหนึ่งอย่าง เอาไหม?”

 

“ขอบคุณมากครับ ผมเฝ้ารอที่จะได้สู้กับคุณอย่างยุติธรรม….!”

 

==========

 

อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร

 

==========

 

ติดตามข่าวสารและตอนใหม่ๆได้ก่อนใครที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด