ตอนที่ 39 ปรุงยา
39
ในที่สุดจางหมิงก็มาถึงหอโอสถ เนื่องด้วยจำนวนคนที่ไม่มากนักความสำคัญของตำหนักนี้จึงจัดอยู่เพียงแค่ระดับกลาง และขอแค่เพียงปรุงยาออกมาได้นั่นหมายถึงมันผู้นั้นจะเป็นคนสำคัญของสำนักไป
ดูเหมือนง่าย ...แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้
“ในปีนี้มีศิษย์ที่เข้าร่วมเพียงยี่สิบคนจากสี่ตำหนัก นับว่าน้อยจริงๆเมื่อเทียบกับตำหนักหนักพิเศษอื่นๆ” คนที่ดูเหมือนจะเป็นศิษย์พี่คนหนึ่งกล่าวขึ้นมา
“ไม่แปลกอันใดเลย แม้สำนักเราจะมีปรมาจารย์ยาที่เก่งกาจ แต่เมื่อเทียบกับสำนักอินทรีย์สวรรค์ที่โด่งดังกว่าในเรื่องนี้แล้วนับเราว่าเทียบไม่ได้จริงๆ”
“ก็แน่ล่ะ นักปรุงยาต่างก็ไปเข้าร่วมกับที่นั่นกันหมด”
จางหมิงได้ฟังบทสนทนานั้นมันจึงไม่ได้แปลกใจกับจำนวนคนที่ดูจะน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับสถานที่ใหญ่โตแบบนี้ อาคารเดี่ยวชั้นเดียวหากกว้างขวางไปไกลสุดสายตาพร้อมกับแปลงปลูกสมุนไพรอีกนับไม่ถ้วน ผู้คนเองก็ต่างเร่งรีบกว่าปกติก็ด้วยเหตุที่ว่าบุคลากรไม่เพียงพอ
“พวกเจ้าทุกคนต้องเรียนรู้เรื่องสมุนไพรทั้งหลายก่อน เริ่มตั้งแต่การเลือกเมล็ดพันธุ์ การคัดแยก รวมไปถึงการดูแลในช่วงระยะเวลาเติบโต ตำราสมุนไพรมากมายมีอยู่ในตำหนัก ทั้งหมดล้วนแล้วแต่สามารถยืมออกไปศึกษา หากใครมั่นใจในเรื่องการแยกแยะพืชสมุนไรเหล่านี้แล้วก็มาทดสอบกับข้า หลังจากนั้นถึงจะเริ่มการปรุงยาได้ หากใครมั่นใจว่าปรุงยาได้อยู่แล้วก็มาทดสอบการปรุงยาได้เลยเช่นเดียวกัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวพวกเจ้าเอง ขอให้ทุกคนโชคดี” น้ำเสียงแก่ชราหากพูดด้วยความเร็วที่น่าทึ่งทำให้เหล่าศิษย์ที่เพิ่งเคยพบหน้านิ่งอึ้งเกินกว่าจะรับคำ
ผู้พูดคือปรมาจารย์ยาเพียงคนเดียวของหอโอสถที่ยังคงนับถือในตัวเจ้าสำนักและไม่ได้ย้ายจากไปเช่นผู้อื่น ตัวมันตอนนี้เป็นทั้งอาจารย์ฝึกสอน ผู้คุมการปรุงยา และดำรงตำแหน่งหนึ่งในผู้อาวุโสคนสำคัญของสำนัก งานนั้นช่างล้นมือด้วยใกล้เวลาส่งเม็ดยาให้แก่สำนักจึงได้พูดรวบรัดก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว
“อะไรล่ะนั่น” แม้จางหมิงก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังนั้นไปอย่างงงๆ
มีความแตกต่างกันระหว่างหมอและนักปรุงยาที่เด่นชัดอยู่สองอย่าง หนึ่งคือหมอในความหมายของดินแดนนี้คือผู้มีพลังปราณเย็นในการรักษาโดยไม่ต้องพึ่งเม็ดยาหากก็ฝึกฝนได้ยาก และข้อแตกต่างที่สองคือผู้เป็นหมอส่วนใหญ่ไม่สามารถปรุงยาได้เองเนื่องจากธาตุเย็นในตัวทำให้การปรุงยาล้มเหลว
จางหมิงไม่เห็นเกาหงลี่ที่นี่อย่างแน่นอนก็เพราะเหตุผลข้างต้น ส่วนจางซิ่งมันก็คิดว่าคนผู้นั้นคงไม่ได้สนใจอะไรแบบนี้ และหลินแย่ถงนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะพบ
เวลาผ่านไปเรื่อยๆจางหมิงก็ได้ศึกษารูปแบบสมุนไพรและการปรุงยาโดยใช้เทียบเดิมจากที่เคยศึกษามาในอดีต มันมีความแตกต่างกันอยู่มากระหว่างการปรุงด้วยมือกับการปรุงด้วยปราณ แต่เวลาสิบปีที่มันได้เรียนรู้มาก็ไม่ได้สูญเปล่าเสียทีเดียว
หนึ่งเดือนผ่านไปจางหมิงก็ได้เข้าพบปรมาจารย์ยาที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาปรุงยาพร้อมๆกันถึงสี่หม้อ ด้วยเพราะใกล้เวลาส่งเม็ดยาให้สำนักเข้าไปทุกทีมันยิ่งต้องเร่ง อีกทั้งเหล่าเด็กชายหญิงในตำหนักนั้นล้วนฝีมือไม่ถึงขั้นมันจึงจำเป็นต้องทำทั้งหมดนั้นด้วยตัวคนเดียว
“ท่านปรมาจารย์ ข้า...”
“มีอะไรก็รีบพูดมาข้ากำลังใช้สมาธิ” ปรมาจารย์ยาตัดบทพูดของจางหมิงทันทีโดยไม่หันไปมอง
“ข้าต้องการมาทดสอบปรุงยากับท่าน”
“หม้ออยู่มุมห้อง เจ้าไปนำมันมาแล้วหาสมุนไพรในห้องนี้ปรุงยาอะไรก็ได้มาให้ข้าดูเม็ดหนึ่ง ถ้าทำได้ก็ถือว่าเจ้าเป็นนักปรุงยาขั้นแรก”
และยังคงเป็นเช่นเดิมที่อีกฝ่ายไม่ได้หันมามองมันขณะพูด
ผ่านไปราวห้านาทีจางหมิงก็มายืนข้างๆปรมาจารย์ยาอีกครั้ง มันถือโอกาสสังเกตวิธีการปรุงยาด้วยปราณพร้อมกันทั้งสี่หม้อนั้นอย่างสนใจ หากเพราะคนที่จะทำมันได้ต้องแบ่งแยกสมาธิออกเป็นสี่ส่วนเพื่อไม่ให้ใส่ส่วนผสมผิดพลาด
“หากไม่สำเร็จเจ้าไปศึกษาให้มากแล้วค่อยกลับมาใหม่วันหลัง”
“แต่ข้าทำสำเร็จแล้ว” ด้วยประโยคนี้ทำให้คนที่ตั้งหน้าตั้งตาจดจ่อกับหม้อยาหันขวับมามอง
“นี่เจ้าคงไม่ได้ล้อเล่น”
“ข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น”
จางหมิงยื่นเม็ดยาในมือให้อีกฝ่ายดู แม้จะมีความไม่เข้ากันบ้างในเม็ดยานั้นแต่ด้วยระดับของปรมาจารย์ยาย่อมมองออกว่ายาเม็ดนี้สมบูรณ์เกินกว่าที่ผู้เริ่มต้นจะทำได้ ตอนนั้นหม้อปรุงยาได้ควบกลั้นเป็นเม็ดยาพอดีมันจึงได้จัดการของตรงหน้าให้เสร็จแล้วจึงหันกลับมามองจางหมิงอย่างเต็มตัว
“เจ้าคงไม่ได้หลอกข้าจูอี้เหลียงคนนี้กระมัง” มันมองอย่างระแวง แม้ว่าไม่เคยมีผู้โกงการทดสอบมาก่อนแต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“เชิญท่านตรวจสอบ”
เม็ดยาลอบไปหาจูอี้เหลียงที่รอรับอยู่ก่อน มันสัมผัสตัวยาโดยตรงจึงรู้ว่าความไม่เข้ากันของตัวยาเล็กน้อยในนั้นคือส่วนผสมไม่บริสุทธิ์ตกค้างมากกว่าการผสมผิดพลาด
ปรมาจารย์ยาที่อยู่มานานนับร้อยปีอย่างมันไม่เคยเห็นเด็กที่อายุน้อยเพียงนี้ปรุงยาได้ถึงระดับนี้มาก่อน ในความทึ่งนั้นปะปนมาด้วยความสงสัยเล็กๆ
“เจ้าลองปรุงยาให้ข้าดูอีกที” จูอี้เหลียงสั่งอย่างจริงจัง และในครั้งนี้มันได้มายืนสังเกตด้วยตัวเอง
ในขณะที่จางหมิงค้นหาส่วนผสมตามชั้นวางด้านข้าง ปรมาจารย์ยาก็ได้ตรวจสอบเม็ดยาที่ได้มานั้นอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
นี่คือเม็ดยารักษาบาดแผลธรรมดาที่ทำได้ง่าย หากประสิทธิภาพของมันขึ้นอยู่กับการผสานสมุนไพรมีค่าเหล่านี้ให้เป็นเนื้อเดียว เพราะยิ่งความเข้ากันได้มากเท่าไหร่ความเร็วในการฟื้นฟูก็จะมากตามไปด้วย เม็ดยารักษาที่มีความเข้ากันได้เกือบแปดสิบในร้อยนี่ช่างทำให้มันมือไม้สั่น เพราะหากนี่เป็นสิ่งที่เด็กคนนี้ปรุงขึ้นมาจริงนั่นนับว่าสำนักค้นพบอัจฉริยะผู้หนึ่งแล้ว
เสียงของไฟที่ถูกจุดทำให้จูอี้เหลียงละความสนใจจากเม็ดยาขึ้นมอง ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่มันไม่ได้เห็นวิธีการปรุงยาแบบดั้งเดิมที่ใช้ท่อนไม้จุดไฟแทนที่จะใช้ปราณร้อนในกายจุดไฟขึ้นมา
จางหมิงรู้สึกรำคาญอยู่เล็กน้อยที่ถูกจดจ้องเสียจนร่างแทบพรุน ตัวมันรู้ว่าวิธีการที่มันใช้ไม่เป็นที่นิยมแถมยังควบคุมเปลวไฟได้ยากในขณะการปรุงยา หากแต่มันควบคุมปราณร้อนในตัวไม่ได้เนื่องจากการใช้พลังนั้นจะไปกระตุ้นพิษร้อนในร่าง แม้กระทั่งปราณรักษาที่มันเพิ่งค้นพบก็ไม่สามารถใช้ออกมาได้ด้วยพิษร้อนในร่างขัดขวางเช่นเดียวกัน นั่นทำให้มันคิดว่าพิษเหล่านี้สมควรได้รับการรักษาอย่างจริงจังเสียที
“นับว่าเป็นวิธีการที่ไม่ค่อยมีผู้คนใช้นัก แต่ก็เอาเถอะ ถ้ามันทำให้ได้ยาดีข้าผู้เป็นปรมาจารย์ไม่คิดจะใส่ใจ”
จางหมิงไม่ได้สนใจคนตรงหน้าที่กล่าวนั่นนี่อีกหลายประโยค เพราะตอนนี้มันกำลังคำนวณส่วนประกอบของเม็ดยาให้พอดีที่สุด เพราะถึงแม้สมุนไพรเหล่านี้ไม่ใช่ของมันเอง หากความเสียดายของที่อยู่ในสายเลือดนั้นทำให้มันไม่กล้าทำให้คุณค่าของสมุนไพรเหล่านี้ลดลง
ไฟที่ถูกจุดโดยธรรมชาตินั้นควบคุมได้ยากอย่างที่คิด แต่จากหมิงได้ปรับใช้โดยการเลือกจังหวะผสมตัวกลั่นยาบางตัวให้พอเหมาะพอดีกับความแรงของไฟในแต่ละช่วง จูอี้เหลียงที่เห็นยังพยักหน้าอย่างเห็นด้วยโดยไม่รู้ตัวก็มี
และในที่สุดเม็ดยาที่เข้ากันได้กว่าแปดสิบในร้อยก็ปรากฏตรงหน้าอีกครั้ง
“ดีดี นี่ย่อมนับเป็นเรื่องดี ฮ่าๆๆ” จูอี้เหลียงหัวเราะชอบใจดังลั่นจนมีหลายคนแอบมาเมียงมองอยู่หน้าประตูห้องปรุงยาส่วนตัวของมัน
“ข้าผ่านหรือไม่ท่านปรมาจารย์” จางหมิงถามคนที่ยังไม่หยุดหัวเราะเสียทีนั่น
“มันต้องผ่านแน่นอนอยู่แล้ว... ปกติคนที่ปรุงยาได้จะได้รับมอบหมายให้ปรุงเม็ดยาส่งมอบแก่เหล่าศิษย์สายนอก มีเพียงไม่กี่คนที่จะไต่เต้าขึ้นมาปรุงยาให้ศิษย์สายในได้ และมีเพียงข้าที่ปรุงยาให้เหล่าศิษย์พยัคฆ์และเหล่าผู้อาวุโส หากตั้งแต่นี้ไปมันจะไปมาเป็นเช่นนั้น ตัวเจ้ามาเป็นผู้ช่วยข้าเสียเถอะ เอาดีในด้านการปรุงยานับว่ารุ่งนัก!”
เสียงพูดยาวเหยียดอย่างรวดเร็วนั่นคงติดเป็นนิสัยของปรมาจารย์ยาผู้นี้ไปเสียแล้ว จางหมิงรอให้คำพูดยืดยาวนั้นจบลงก่อนจะตอบกลับในทันทีโดยไม่ต้องคิด
“ไม่เอาดีกว่าขอรับ”
“!”
+++