ตอนที่ 34 กล่องไม้ที่เปิดออก
34
จางหมิงออกมาจากวงกตพลังปราณเป็นคนแรกหลังจากผ่านไปสิบชั่วโมง ข่าวของผลการทดสอบที่ถูกเปลี่ยนจากยี่สิบชั่วโมงเหลือเพียงสิบนั้นมาถึงเหล่าศิษย์ที่ควบคุมการทดสอบด้วยเช่นเดียวกัน การต้อนรับมันในช่วงแรกจึงเป็นกันเองมากกว่าเหล่าผู้ทดสอบที่ออกมาก่อนหน้านั้นมาก
“ศิษย์น้องทำได้ดีแล้วล่ะ ต่อไปเจ้าก็ขยันฝึกก็แล้วกัน การจัดอันดับภายในสำนักจะได้ไม่ยากเกินไป”
“ดีใจด้วยศิษย์น้อง อย่างน้อยเจ้าก็สอบผ่านล่ะนะ ฮ่าๆๆ”
“ยินดีด้วย ...”
คำพูดสวยหรูมากมายยังคงได้ยินมาเป็นระยะแม้มันจะนั่งพักรักษาตัวอยู่ใต้ร่มไม้ที่ห่างออกมาพอสมควรก็ตาม มันไม่เข้าใจว่าคนเหล่านั้นไม่รู้สึกเบื่อบ้างหรืออย่างไร อย่างน้อยๆเท่าที่มันจำได้ ในวงกตเหลือประมาณสองร้อยคนเห็นจะได้ นี่จะต้องพูดแบบเดิมๆถึงสองร้อยครั้ง เอาเป็นว่าวันข้างหน้ามันจะไม่รับอาสามาทำหน้าที่นี้ แค่มองดูก็เมื่อยปากแทนแล้ว
“ศิษย์น้อง เจ้าทานยานี่แล้วค่อยปรับลมปราณเพื่อย่อยมันนะ”
เสียงที่ดังขึ้นเหนือหัวทำให้จางหมิงแหงนมอง สตรีหน้าสะสวยยิ้มให้มันอย่างเป็นมิตรพร้อมกับเม็ดยาในมือ ไม่ว่าดวงตาหรือรอยยิ้มนั้นก็จริงใจจนรู้สึกตาพร่า
มันรับมือกับพวกคนดีๆแบบนี้ไม่ถูกเสียด้วยสิ
“ขอบคุณมากขอรับศิษย์พี่”
จางหมิงรับยามาโยนเข้าปากก่อนจะหลับตาลงโคจรพลังเพื่อขัดขวางหญิงสาวที่กำลังจะเอ่ยปากถามไถ่ และมันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอล่าถอยออกไป
เม็ดยารักษาชั้นดีที่แจกจ่ายแก่ผู้บาดเจ็บนั้นมีราคาประมาณหนึ่ง แต่เม็ดยาเหล่านี้ไม่ได้เก็บได้นานเหมือนเม็ดยาเพิ่มปราณเนื่องจากส่วนผสมบางอย่างเน่าเสียได้ง่ายมันจึงไม่ได้คิดมากหากกินลงไป อย่างน้อยนั่นก็ทำให้ความเจ็บปวดที่หลังนั้นลดลงมากทีเดียว
ผ่านไปสี่ชั่วโมงเม็ดยาก็ได้ย่อยสลายจนหมด แต่แผลของมันถูกรักษาไปเพียงเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดแน่นอย่างไม่เข้าใจก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วเดินไปขอยาอีกเม็ดจากหญิงสาวคนเดิม
“ศิษย์พี่ ข้าขอเม็ดยาอีกได้หรือไม่” มันถามออกไปหลังจางหญิงสาวผละออกมาจากศิษย์ร่วมสำนักอีกคน
“ได้สิ เม็ดยาพวกนี้ข้าปรุงมาให้พวกเจ้าอยู่แล้ว” เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
ผู้หญิงแบบนี้หากจำเป็นมันต้องหลีกให้ไกล แสนดีจนใจอ่อน บอบบางจนต้องรอการปกป้อง สวยงามกรุยกรายหากความจริงมันคือความเชื่องช้า
นั่นไม่ได้มีประโยชน์กับตัวมันสักนิด
“ศิษย์พี่ปรุงยาเหล่านี้เองเช่นนั้นหรือขอรับ”
“จ๊ะ รับไปสิ สมุนไพรที่ปรุงขึ้นมาเป็นเม็ดยาเหล่านี้ช่วยพวกเจ้าได้มากนัก” และเธอก็ใจดีให้มาง่ายๆอีกถึงสามเม็ด
น่าเสียดายจริงๆ... ผู้หญิงคนนี้แม้จะปรุงยาเป็นแต่ไม่รู้จักการถนอมสมุนไพรเอาเสียเลย ใช้ตัวกลั่นมากเกินไปจนฤทธิ์ยาอ่อนลงปานนี้ ช่างน่าเสียดายเหล่าสมุนไพรมีค่า
แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยนี่ก็เป็นของที่ได้มาเปล่าๆโดยไม่เสียอะไรเลย
ในชั่วโมงที่สิบหกหลินเย่ถงได้ออกมาพร้อมกับบาดแผลไม่น้อย แต่แววตาที่แสนยโสนั้นก็บอกได้วาเธอมั่นใจว่าตนเองได้ทำสุดความสามารถแล้ว
ตอนนี้แผลของมันก็ยังไม่หายดีแม้จะย่อยเม็ดยาอีกเม็ดอยู่แต่เมื่อครบกำหนดก็คาดได้ว่าบาดแผลของมันก็ยังคงอยู่ ยาแม้ว่าดีอยู่บ้างแต่ติดที่ร่างกายของมันเหมือนต่อต้าน คราแรกมันก็ไม่เข้าใจจนรู้สึกหงุดหงิด แต่พอคิดได้ว่าแต่ก่อนเจ้าของร่างนี้ไม่ได้แข็งแรงเอาเสียเลยก็ได้แต่ปลงตก
กินยามากเสียจนดื้อยา!
จะมีอะไรดีกว่านี้อีก!
ในชั่วโมงที่สิบเจ็ดจางซิ่งก็ได้ออกมา สภาพเหนื่อยอ่อนนั้นก็พอจะบอกได้อย่างดีว่าผ่านเรื่องมามากแค่ไหน จางหมิงที่ตอนนี้เริ่มเบื่อหน่ายทำเพียงเหลือบสายตามองและไม่ได้สนใจอีก มันหลับตาและพิงต้นไม้เท่านั้น
ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นจากหมิงเพียงรู้ว่าการทดสอบใกล้จะจบแล้วจากการตะโกนของใครบางคน และเหลือคนอยู่ภายในสองคนด้วยกัน มันยอมรับในความทนทายาทนั่นจริงๆ
“นายน้อย เราต้องไปแล้วขอรับ”
จางหมิงสลึมสลือตื่นขึ้นมาเพราะการปลุกของจางซิ่ง มันเดินตามไปด้วยความมึนเบลอแล้วก็ฟังอีกฝ่ายเล่าอะไรสักอย่างที่จับใจความไม่ได้ แผลที่หลังก็ยังเจ็บๆ ความเหนื่อยล้าสะสมก็ไม่หายไปเสียที
นี่มันอะไรกันนักหนา!
แม้ใจอยากกรีดร้องแต่มันอยากพักผ่อนต่อมากกว่าโทษฟ้าดินที่ทำให้มันอ่อนแอ
สุดท้ายพวกมันถูกนำมาถึงที่พัก นั่นเป็นเพียงห้องแคบๆนับรวมได้ร่วมสามร้อยกระจายกันไปตามพื้นที่โดยรอบ และที่อื่นๆที่มันไม่ได้สนใจ น่าแปลกที่มันรู้สึกง่วงงุนจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
มันได้รับห้องหนึ่งเป็นของตนเอง โดยไม่เสียเวลาก็ได้กระโจนลงเตียงเพื่อนอนหลับ แต่ก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้นเสียงร้องของจิ้งจอกน้อยที่ดังอยู่ในหัวจากผลของอัญมณีผนึกก็ทำให้มันต้องปล่อยจิ้งจอกน้อยออกมาก่อน
“นายท่าน... หมิง”
“อะไร ข้าง่วงมากเลยหลิงหลิง” จางหมิงตอบกลับเอื่อยๆ
“ถ้าไม่... หยุดมัน ...จะตาย”
“ใครจะตายก็ช่างมันปะไรเล่า” จางหมิงมุดหน้าลงกับหมอนอย่างไม่สนใจแต่ก็ต้องหันควับเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“นายท่าน ...จะตาย”
“ห๊ะ!”
“นายท่าน ...จะตาย”
“ข้ารู้ ข้าได้ยินแล้ว แต่ทำไม...”
“กล่อง... ของในกล่อง ...กิน ...กินอยู่ ชีวิตท่าน”
จากหมิงหยิบกล่องไม้แปลกๆที่มันเป็นเจ้าของออกมาอย่างรวดเร็ว แม้สมองจะมึนงงเพราะความง่วงที่โถมใส่มันก็ยังฝืนลืมตาตื่น
ที่มันอยากนอนหลับเพราะพลังชีวิตถูกดูดออกไป
ถ้ามันหลับนั่นเท่ากับความตาย!
จะให้เป็นแบบนั้นได้อย่างไรกัน!
จางหมิงจับกล่องนั้นขว้างลงพื้น คราแรกเพียงตกใจและพยายามนำมันออกไปให้พ้นตัว แต่ผลที่ได้กลับผิดคาดเมื่อกล่องที่พยายามแทบตายก็เปิดไม่ได้ตอนนี้แตกออกและสิ่งที่อยู่ภายในก็หลุดออกมา
ยังไม่ทันแน่ใจว่าของสิ่งนั้นคืออะไรมันก็พุ่งตรงเข้าไปยังช่องแกนปราณที่ว่างเปล่าของจางหมิงทันที พิษทั้งสองเต้นเร่าอย่างไม่อาจควบคุม แกนปราณประหลาดพยายามวิ่งชนกับสิ่งแปลกปลอมที่ล่วงล้ำ หากเมื่อทั้งสองปะทะกันมันก็รวมกันเสียเฉยๆ
ความง่วงงุนยังคงโจมตีจางหมิงอยู่ แต่ความเหนื่อยล้าหนักอึ้งได้หายไปบ้างแล้ว มันยังคงรับรู้ถึงแกนปราณกลางอกถูกหล่อหลอมขึ้นมาเป็นรูปร่างอย่างชัดเจน ราวกับมันมีแกนปราณเป็นของตนเองเหมือนคนอื่น
“หยุดกินแล้ว ...อิ่มแล้ว กินอย่างอื่น...กินไปแล้ว”
เสียงกระท่อนกระแท่นของจิ้งจอกน้อยแม้ฟังไม่ได้ศัพท์ไปบ้างแต่ก็พอจะรู้ความหมาย อย่างน้อยนั่นก็แปลว่าตอนนี้มันปลอดภัยแล้ว ก่อนความง่วงงุนจะโจมตีอย่างหนักให้มันหลับไปจริงๆ
กรร!
จิ้งจอกน้อยคำรามด้วยเสียงเล็กๆออกมาครั้งหนึ่งเมื่อไอสีดำลอยออกมาจากร่างกายของจางหมิง มันรับรู้ได้ถึงอำนาจแปลกปลอมนั้นจึงได้ส่งพลังที่มีน้อยนิดไปกำราบ อย่างน้อยมันก็มีพลังมากกว่าสิ่งแปลกปลอมที่เพิ่งตื่นขึ้นมานั่น
ไอสีดำนั้นได้หายไปแล้ว และที่จิ้งจอกน้อยทำต่อไปก็เพียงนอนลงข้างกายจางหมิงเท่านั้น
+++