ตอนที่แล้วตอนที่ 27 การทดสอบสุดท้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 29 ความจริงเบื้องหลัง

ตอนที่ 28 กับดัก


28

 

“นั่นมัน...”

 

“ก็คงใช่” จางหมิงตอบกลับหลินเย่ถงที่พูดแผ่วในลำคอ

 

ประตูบานใหญ่เหนือหัวสว่างโร่ ดูเหมือนมันจะอยู่บนนั้นมานานแล้วและดูจะไม่ได้ขยับเขยื้อนจากที่เดิม หากพวกมันสังเกตเพดานที่พุพังในครั้งแรกอีกครั้งคงจะผ่านการทดสอบนี้ได้ไม่ยาก

 

กับดักกลไกมากมายในอดีตมันก็ผ่านมาเยอะ แต่เมื่อเจอกับกับดักพลังปราณแบบนี้ราวกับมันเป็นเด็กน้อยที่เพิ่งออกมาเผชิญโลก

 

ทั้งน่าหงุดหงิดแล้วก็น่าตื่นตาตื่นใจไปพร้อมๆกัน

 

พลังที่เหลือกันคนละไม่มากทำให้พวกมันตัดสินใจพุ่งทะยานด้วยวิชาตัวเบาของแต่ละคน แม้ตอนแรกจะวิ่งด้วยเท้าเพื่อรักษาพลังปราณภายในไว้ หากแต่เมื่อหนทางรอดอยู่ข้างหน้าพวกมันจะถนอมพลังเหล่านั้นไปทำไมกัน

 

ยิ่งเข้าใกล้ประตูแสงสว่างยิ่งแผดจ้า ร่างทั้งสามพุ่งตรงไปก่อนจะถูกแสงเหล่านั้นครอบคลุมรอบตัว ในคราแรกก็ยังคงรู้สึกอบอุ่นดีอยู่หรอก แต่ไม่นานร่างกายราวกับถูกตรึงให้อยู่กับที่

 

แสงจ้าที่มีหายไปเพียงไม่กี่ช่วงลมหายใจ ร่างที่ควรลอยบนอากาศตอนนี้กลับยืนอยู่บนพื้นห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ทางเดินยาวดังครั้งที่ผ่านมา หากเป็นห้องกว้างที่เต็มไปด้วยภาพวาดมากมายบนผนังหรือกระทั่งบนเพดาน

 

“นี่มันอะไรกันเนี่ย” หลินเย่ถงพยายามขยับตัวแต่เท้ากลับถูกยึดไว้บนพื้นด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น

 

จางหมิงที่ไม่ต่างกันนักก็ได้ก้มลงสำรวจเท้าของตนเองบ้างแต่ก็ไม่พบเห็นสิ่งใดผิดปกติ ขาที่ไม่อาจก้าวได้นั้นรู้สึกราวกับว่าถูกบางอย่างตอกติดเอาไว้พร้อมทั้งกระแสปราณที่ไหลลงไปบนพื้น

 

“จางซิ่ง นี่คืออะไร” มันถามเมื่อหันไปเห็นอีกฝ่ายที่ยังคงใจเย็นอยู่ได้

 

“ข้าก็ไม่แน่ใจขอรับ แต่มีการทดสอบของสำนักอื่นเป็นเช่นนี้บ้าง คาดว่าใต้เท้าของเรานี่อาจจะเป็นศิลาดูดซับปราณ เพื่อป้องกันการใช้พลังปราณของผู้บุกรุกมันจะทำการดูดซับพลังปราณของเราออกไปและจะคลายความสามารถลงเมื่อพลังปราณในร่างของผู้ที่ติดกับดักอยู่ในระดับที่ไม่สามารถแสดงอำนาจของวิชายุทธ์ได้ บางครั้งสิ่งนี้ก็ถูกใช้เพื่อจับกุมผู้บุกรุกขอรับ”

 

“เหอะ! มันก็แค่กับดักห่วยๆดีๆนี่เอง” หลินเย่ถงเค้นเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากอยู่นิ่งๆ

 

จางหมิงที่ผ่านร้อนหนาวมามากกว่าทั้งสองย่อมมองสถานการณ์ออกมากกว่า มันรู้ว่าห้องเมื่อครู่เพียงแค่ทดสอบความอดทดเท่านั้น แม้จะผ่านไปได้ด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่ประตูนี้ก็ต้องพบกับกับดักที่คล้ายๆกันอย่างแน่นอน เพราะหากต้องการทดสอบไหวพริบของผู้เข้าทดสอบจริง การมีพลังปราณไว้ใช้ก็คงทำให้ผู้มีวิชาพิเศษได้เปรียบเกินไป

 

แต่นั่นก็ดี... หากกับดักหลังจากนี้มาในรูปแบบธรรมดา ขอแค่ได้พบก็คงไม่ยากเกินความสามารถของมัน

 

เวลาผ่านไปไม่นานพวกมันก็เริ่มขยับได้ทีละคน ผู้ฝึกยุทธ์กลายมาเป็นเพียงคนธรรมดาก็พลอยทำให้พวกมันรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างแต่ก็พอจะทำใจได้เมื่อคราแรกพลังเหล่านั้นก็ใกล้จะหมดอยู่แล้ว

 

ตอนนี้จางหมิงได้มีโอกาสสำรวจภาพบนผนัง นี่ราวกับเป็นรูปแบบของอารยธรรมโบราณสักแห่ง มีภาพของการกสิกรรมโดยการใช้ทาส การบูชายันต์ การบวงสรวง รวมไปถึงภาพของสิ่งที่คล้ายปีศาจ และสัตว์นานาชนิด แม้หลายภาพจะไม่ได้สมบูรณ์นักเพราะการเวลาทำให้มันพุพังแต่ถึงเป็นเช่นนั้นก็เห็นได้ซึ่งฝีมือของจิตรกร

 

“สองชั่วโมงที่เหนื่อยแทบตายของรางวัลกลับเป็นภาพวาดพังๆ จะมีอะไรน่าดีใจกว่านี้อีกไหม” หลินเย่ถงกล่าวประชด แต่คำพูดเหล่านั้นทำให้เด็กชายทั้งสองต้องมองอย่างระอา

 

ความจริงแล้วคนที่ดูจะหาอาการเหนื่อยอ่อนไม่ได้ก็คงจะเป็นเด็กสาวคนนี้ ไม่รู้ว่าเพราะวิชาเสริมกายาหรือเพราะร่างกายของเธอแข็งแรงเกินไปดี

 

เด็กชายตระกูลจางทั้งสองรู้สึกมีปมด้อยขึ้นมานิดๆ

 

“จะอย่างไรก็แล้วแต่ เราต้องไปกันต่อ มิเช่นนั้นสิบแปดชั่วโมงที่เหลือคงไม่ได้อะไรเลย” จางหมิงพูดพร้อมกับเดินไปที่ผนังด้านหนึ่ง

 

ภาพวาดแม้จะน่าสนใจแต่ก็เป็นเพียงสิ่งที่ตกค้างจากยุคใดยุคหนึ่งหรืออาจเป็นเพียงสิ่งที่วงกตแห่งนี้สร้างขึ้น ถึงอย่างไรก็มีตำแหน่งที่แปลกอย่างเห็นได้ชัดอยู่ นั่นคือภาพวาดที่ดูจะสมบูรณ์กว่าภาพอื่นๆอีกทั้งสีสันสะดุดตากว่าปกติ จะว่าไม่แปลกก็คงไม่ได้แล้ว

 

จางหมิงเข้าไปหยุดตรงหน้าภาพนั้น มันคือภาพวาดมังกรที่ลอยอยู่บนเมฆ แผ่นหินที่ถูกวาดภาพทับลงไปไม่ได้เสมอกันนัก มันมีส่วนที่ยื่นออกมาข้างหน้าเก้าก้อน ตามลักษณะเด่นของมังกรทั้งเก้า มองดูก็รู้ว่ามันเป็นกลไกอะไรสักอย่าง และคงจะมาพร้อมกับกับดักแน่ๆ

 

“นี่คงจะเป็นทางออกกระมัง”

 

เสียงเด็กสาวดังมาจากด้านหลังแต่จางหมิงก็ไม่ได้หันไปมอง เพราะแค่ฟังจากเสียงฝีเท้าหนักๆเกินหญิงก็พอจะรู้ว่าเป็นใครที่เข้ามาใกล้

 

“ก็คงคิดเป็นอื่นไปไม่ได้”

 

“แล้วมันให้ทำอะไรล่ะ” เธอยังคงถามต่อ

 

“นั่นคือสิ่งที่ข้ากำลังคิด หากเจ้าไม่รู้ก็ช่วยเงียบที”

 

“เหอะ!” หลินเย่ถงเพียงเค้นเสียงออกมาจากลำคอหากก็ไม่ได้รบกวนอะไรอีกอย่างเชื่อฟัง แม้ไม่รู้ว่าทำไมคำสั่งนั้นถึงได้บังคับเธอได้ก็ตาม

 

“เขาเป็นกวาง หัวเป็นอูฐ ดวงตาราวปีศาจ คอเชิดดั่งงู ท้องลวดลายเช่นหอยแครง เกล็ดของปลาตะเพียน มีกรงเล็บเหมือนเหยี่ยว ฝ่าเท้าดังเสือ และหูของวัว หินเหล่านี้ล้วนจงใจวางไว้ในตำแหน่งที่เหมาะเจาะนัก” จางซิ่งที่มองดูก็มองออกเช่นกันว่าหินทั้งหมดล้วนแล้วแต่วางไว้บนลักษณ์ทั้งเก้าของมังกรทั้งสิ้น

 

“เจ้าคิดเห็นเช่นไร”

 

“แม้จะไม่แน่ใจ แต่ข้าคาดว่าเราคงต้องเคลื่อนหินเหล่านี้ แต่ข้าไม่รู้ว่าก้อนไหนบ้าง นายน้อยล่ะขอรับ”

 

“...ก็พอรู้”

 

จางซิ่งเผยดวงตาวาวด้วยความแปลกใจและนึกไม่ถึง หลินเย่ถงที่อยู่ไม่ไกลพอได้ยินก็รีบวิ่งกลับมาใกล้เพื่อรอฟังคำตอบนั้น

 

“เจ้าคงไม่ได้โกหกกระมัง” เด็กสาวยังคงแคลงใจ

 

“โกหกไปแล้วได้อะไรขึ้นมากัน ...หากพวกเจ้าจะสังเกตก็คงพบความจริง แต่ข้าคิดว่ามันคงถูกมองข้ามเสียมากกว่า” จางหมิงถอนหายใจน้อยๆกับเด็กใคร่รู้ทั้งสองที่พร้อมกันจ้องมองตน

 

“นายน้อยโปรดชี้แจง”

 

“ภาพต่างๆที่ดูไม่สลักสำคัญบนผนังนั่นปะไร ภาพการบูชาต่างๆล้วนแล้ววาดถึงสิ่งมีชีวิตบนตัวของมังกรทั้งสิ้น” มันอธิบายไปเล็กน้อยทั้งสองก็ได้หันมองรอบตัว

 

ความจริงแล้วจางหมิงได้เล็งเห็นแล้วว่าภาพที่เกี่ยวกับมังกรทั้งหมดล้วนมีลายเส้นที่วิจิตรกว่าภาพอื่นๆ หากนั่นจะไม่มีความหมายก็คงเป็นไปได้ยาก

 

“กวาง ปีศาจ เหยี่ยว เสือ และวัว” หลินเย่ถงพูดออกมาตามภาพที่เห็นที่ละคำ

 

“แต่นั่นก็ไม่ใช่คำตอบของทั้งหมด” จางหมิงได้เสริมต่อ

 

“แล้วมันจะเป็นอะไรอีกเล่า”

 

“เจ้าก็ลองหัดคิดด้วยตนเองเสียบ้าง... แล้วเจ้าคิดเช่นไร” คราแรกมันคล้ายต่อว่าอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้จริงจังนักก่อนจะหันไปถามความเห็นของผู้มากความรู้อีกคน

 

อย่างน้อยตอนนี้ด้วยความรู้ในโลกแห่งปราณ จางหมิงก็ยอมรับในตัวจางซิ่งว่ามีมากกว่ามันนัก

 

“หนึ่งคือทางออก และอีกหนึ่งคือกับดัก เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่ขอรับ”

 

“อืม... ที่ข้าบอกว่ามันไม่ใช่คำตอบทั้งหมดเพราะไม่แน่ใจว่าลักษณ์ตามสัตว์ที่อยู่บนผนังสมควรให้ขยับก้อนหินหรือควรเป็นลักษณ์ที่ไม่มีอยู่บนนั้นกันแน่”

 

“พวกเจ้าจะคิดมากไปทำไมเล่า มันก็ต้องเป็นเหมือนสิ่งที่อยู่บนกำแพงอยู่แล้ว!”

 

หลินเย่ถงที่เบื่อกับความคิดมากของทั้งสองจึงได้ผลักจางหมิงออกพ้นทางแล้วกดลงบนก้อนหินทั้งห้าก้อนที่มั่นใจนั้นทันที คล้อยหลังได้ยินเพียงเสียงตะโกนห้ามที่ไม่ได้อยากสนใจนัก

 

ครืน!

 

เสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านบนทำให้ทุกคนมองตาม เพดานที่ปรากฏรูปวาดหลายแบบตอนนี้มีหนามแหลมโผล่ออกมา ก่อนที่มันจะเคลื่อนตัวลงมาอย่างช้าๆ

 

“มะ มันคงไม่อันตรายใช่ไหม” คนที่ตกใจที่สุดก็คงไม่พ้นผู้ที่ทำให้กับดักทำงาน

 

“มันจะไม่เป็นอันตรายจริงอย่างเจ้าว่าหากพวกเรามีพลังปราณให้สร้างเกราะป้องกันตนเอง หากกล่าวว่าพวกข้าคิดมากตัวเจ้าก็เป็นคนที่ไม่รู้จักคิดนั่นล่ะ” จางซิ่งที่ปกติสุภาพถึงกับถลึงตาใส่ก่อนจะกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า

 

หลินเย่ถงทำได้ตอนนี้ก็เพียงแค่ยิ้มเจื่อนไปให้โดยไม่โต้ตอบอะไร เพราะจะอย่างไรเมื่อผิดเธอก็ยอมรับความผิดนั้นตามตรง

 

“ความจริงมันก็ไม่ได้อันตรายอะไรหรอก”

 

เสียงของจางหมิงดังขึ้นขัดขวางความร้อนใจของทั้งสองคน แม้ไม่เข้าใจว่าหนามแหลมที่เคลื่อนตัวลงมาหาอย่างช้าๆนั่นจะไม่อันตรายได้อย่างไรก็ตาม หากเสียงนิ่งเรียบที่ไม่ค่อยจะได้ยินนั้นทำให้ใจสงบลงไม่น้อย

 

+++

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด