ตอนที่ 16 รังโจร
16
จิ้งจอกน้อยลืมตาขึ้นมามองดูมันเมื่อจบคำถาม มีความคลางแคลงใจในแววตาสีทองสวยนั้นอย่างชัดเจน แต่เมื่อมันมองไม่เห็นถึงความต้องการด้านลบของอีกฝ่ายจึงได้ตอบกลับโดยดี
“รู้” มันตอบก่อนจะนอนลงในอ้อมแขนของจางหมิงต่อ
“รู้ก็ดี เราไปเยี่ยมคนพวกนั้นกันเสียหน่อยดีหรือไม่ ถือว่าไปขอบคุณที่ช่วยเจ้าเอาไว้ก็ได้ หลิงหลิง”
“หลิง ...หลิง?” ดวงตาสีทองจ้องมองอย่างแปลกใจ
“หลิงหลิง นั่นคือชื่อของเจ้า” จางหมิงยิ้มให้
“ทิ้งม้าไว้ที่นี่ การเดินป่าที่เต็มไปด้วยเนินดินแบบนี้หากเดินเท้าจะเร็วกว่า” จางหมิงออกคำสั่งเมื่อเห็นว่าจางซิ่งพยายามลากม้าทั้งสองตัวของพวกมันไปด้วย
“เอ่อ... ขอรับ” มันลังเลใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธเหตุผลนั้นได้
แนวป่าชายขอบเมืองมังกรครามนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์หลากหลาย หากแต่พื้นที่เป็นเนินไม่เสมอกันยากแก่การตั้งถิ่นฐาน เช่นนั้นแล้วแม้เมืองมังกรครามจะเป็นศูนย์รวมด้านการค้าที่ใหญ่โตแต่เมืองกลับไม่ได้กว้างขวางมากมายนัก หากนับเจ็ดเมืองในการครอบครองของอาณาจักรมังกรทะยาน เมืองมังกรครามเป็นได้แค่อันดับที่สี่ ไม่ใหญ่โต แต่ก็ไม่ได้เล็กเกินไป
ผ่านป่าไปได้ครึ่งชั่วโมงพื้นดินเริ่มราบเรียบราวกับถูกถางพงด้วยฝีมือมนุษย์ ยิ่งเดินลึกเข้าไปยิ่งเห็นเป็นทางเดินของสิ่งมีชีวิตอย่างชัดเจน
“นายน้อย นี่มัน...”
“อย่างที่เจ้าคิด พวกโจรป่าน่าจะอยู่แถวนี้” ผู้ตอบมิได้กริ่งเกรง ยังคงเดินต่อไปอย่างช้าๆ ในอ้อมแขนมีจิ้งจอกจำแลงนอนอยู่อย่างสุขสบาย
“แล้วนายน้อยจะนำเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนั้นไปด้วยจริงหรือ” จางซิ่งยังคงเคลือบแคลงไม่ไว้ใจ
“หืม... ทำไมล่ะ หรือที่สำนักไม่ให้เลี้ยงสัตว์” มือเล็กๆของเด็กอายุย่างเข้าสิบสี่ยังคงลูบไล้บนขนนุ่มสีประหลาด
“ปกติแล้วสัตว์ตัวเล็กๆที่สามารถควบคุมให้มันอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของเราได้ก็ไม่เป็นปัญหา แต่มันเป็นสัตว์ปีศาจ! ปกติไม่มีใครเลี้ยงกันหรอกขอรับ” จางซิ่งพยายามชี้แจง
“เช่นนั้นก็ถือว่าข้าไม่ปกติก็แล้วกัน” จางหมิงก็ยังคงไม่ยอมฟัง
“แต่เจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้มัน...”
“ไม่ใช่! ไม่ใช่เจ้าจิ้งจอกน้อย นี่คือหลิงหลิง ข้าเป็นผู้ตั้งชื่อให้มันก็ต้องเป็นสมบัติของข้า อย่าได้ห้ามปรามต่อไปเลย ถึงจะอย่างไรข้าก็ไม่ปล่อยมันไป”
ความดื้อรั้นนั้น จางซิ่งเองก็จนปัญญาที่จะเอ่ยค้านหรือห้ามปรามใดๆต่อไป ความจริงแล้วจิ้งจอกน้อยตัวนี้ก็เพิ่งเป็นลูกจิ้งจอกที่ยังไม่มีพิษภัยอันใด
“แต่นายน้อย...”
“อะไรอีก!” จางหมิงหันกลับมามองคนข้างหลังตาขวาง
“คือ... ชื่อจิ้งจอกน้อยนั่น ...นั่นมันชื่อผู้หญิงมิใช่หรือขอรับนายน้อย”
“แล้วอย่างไร”
“แต่จิ้งจอกน้อยนั่นมันเป็นตัวผู้!”
“หึ! ก็ข้าพอใจ”
ความจริงแล้วจางซิ่งคิดว่านายน้อยของมันไม่ได้ดื้อรั้นเพียงเท่านั้น หากยังเอาแต่ใจเป็นที่สุดอีกด้วย
“พวกที่ไปตามหาได้ความว่าอย่างไรบ้าง” เสียงทุ้มอู้อี้เนื่องจากคนพูดซุกซบกับเรือนร่างสตรีข้างกาย
“เรียนท่านหัวหน้า เมื่อครู่ได้ข่าวว่ายังไม่มีผู้ใดพบเลยขอรับ”
“อะไรนะ! จิ้งจอกตัวเล็กๆแค่ตัวเดียวพวกมันก็ไม่มีปัญญาตามกลับมาหรืออย่างไร แบบนี้จะเลี้ยงพวกมันไปทำไมกัน!” เจ้าของเสียงทุ้มต่ำแหบห้าวผลักสตรีข้างกายออกก่อนจะตะโกนขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“จิ้งจอกแค่ตัวเดียว ปล่อยมันไปไม่ดีกว่าหรือขอรับท่านหัวหน้า” ลูกสมุนคนเดิมถาม
“จิ้งจอกแค่ตัวเดียวเช่นนั้นหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเศรษฐีผู้นั้นจะจ่ายให้เท่าไหร่เพื่อให้ได้ตัวมัน! สามพันตำลึงทอง! เจ้าได้ยินหรือไม่ว่ามันคือสามพันตำลึงทอง!”
“นั่น... ราคามากเพียงนั้น!”
“หาไม่แล้วข้าจะตามหามันไปทำไมกันเล่า! บอกพวกมันซะว่าให้หาต่อไป หากยังคงหาไม่เจอก็ไม่ต้องกลับมา ข้าไม่ต้องการคนที่ใช้การไม่ได้!”
ห่างออกไปจากฐานที่มั่นของเหล่าโจรป่าไม่มากนัก จิ้งจอกน้อยที่พวกมันตามหายังคงนอนหลับสนิทในอ้อมแขนของจากหมิงดังเดิม หลังจากนำทางกลับมายังที่แห่งนี้มันก็ไม่ได้สนใจใครอีกต่อไป จากหมิงจึงได้เก็บมันเข้าไว้ในอัญมณีผนึกอีกก้อนของตน
“นายน้อย ท่านมาทำอะไรที่นี่กัน นี่มันรังโจรนะขอรับ”
“เจ้าก็มีปัญหาตลอดเลยนะ” จางหมิงส่ายหน้า
“ท่านที่ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้สิแปลก” จางซิ่งตอบกลับเหรอหรา มันมองนายน้อยของมันเหมือนมองตัวประหลาดอย่างหนึ่ง
“หยุดโวยวายเสียที หากจะตามข้ามาก็จงทำตามที่ข้าสั่ง มิเช่นนั้นก็ไปตามทางของเจ้าเสีย ...แล้ว ตอนนี้เจ้าเหลือหินผนึกที่ว่างเปล่ากี่ก้อน” จางหมิงที่เบื่อจะพร่ำบ่นหันไปถามต่อ
“นายใหญ่ให้ข้ามาเจ็ดก้อน สองก้อนใช้ใส่พวกเสื้อผ้าและอาวุธ ตอนนี้เหลือเพียงห้าขอรับ”
“อืม หากไม่พอก็ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็นำมาให้ข้า”
“ขอรับ” จางซิ่งแม้จะสงสัยหากก็ไม่ได้ขัด เพราะอย่างไรเสียอัญมณีผนึกเหล่านี้ก็เป็นของที่ตระกูลจางได้ให้มันมา
จางหมิงรับของมาก่อนจะเก็บเข้ารวมกับอัญมณีผนึกของตน โดยอัญมณีผนึกส่วนตัวของมันนั้นมีอยู่สิบก้อน ใส่เสื้อผ้าไปหนึ่ง อีกสองผนึกงูเกล็ดนิลและหลิงหลิงเอาไว้จึงเหลือเพียงเจ็ดก้อน อย่างน้อยทั้งสิบสองก้อนนี้ก็น่าจะพอกับสมบัติของมัน
ใช่แล้ว ของมัน!
ถ้าหากมันต้องการ ทำไมสมบัติเหล่านั้นจึงจะไม่ใช่ของมันล่ะใช่ไหม
มันห่วงใยชีวิตตัวเองมากก็จริง แต่เพื่อสมบัติแล้ว...
“หึหึ ข้าก็ทำได้ทุกอย่างนั่นล่ะ”
“นายน้อยว่าอย่างไรนะขอรับ” จางซิ่งที่อยู่ข้างๆถามเมื่อไม่อาจฟังชัดเจนในสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวออกมาเพียงเบาๆ
“ไม่มีอะไร ...ข้าตรวจสอบพลังของพวกมันเมื่อครู่ มีอยู่หลายคนที่อยู่ในขั้นต่ำระดับสองและสาม นอกจากนั้นก็ไม่มีคนอื่นที่มีพลังปราณ แต่มีคนหนึ่งที่ข้าตรวจพบพลังปราณหากไม่อาจแยกแยะ เจ้าคิดเห็นเช่นไร”
“ข้าก็ไม่รู้ขอรับ เป็นไปได้ที่อยู่ในขั้นต่ำระดับเก้า เนื่องด้วยการควบรวมของพลังยังไม่เข้าสู่ภายในอย่างชัดเจน ดังนั้นคงยังไม่เข้าถึงพลังปราณขั้นกลาง”
“เจ้ามีวิธีที่จะทำให้มันไม่อาจตรวจพบได้หรือไม่” จางหมิงถามต่อ
“เป็นไปไม่ได้ขอรับ ในระดับขั้นพลังปราณทั้งหมด พลังปราณระดับต่ำไม่อาจแอบซ่อนได้หากต้องการจะตรวจจับจริงๆเหมือนที่พวกเราทำอยู่ แต่ถ้าเข้าไปในระยะการระวังภัยของฝ่ายตรงข้ามนั่นก็สามารถตรวจจับได้อย่างง่ายดายแล้ว”
สำหรับจางหมิง ข้อดีข้อเดียวของจางซิ่งก็คงจะเป็นการตอบคำถามที่มันต้องการรู้ได้นี่แหละ
“เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่”
“นายน้อย! นี่ท่านจะเข้าไปหรือ อย่านะขอรับ” จางซิ่งรั้งแขนนายน้อยของมันไว้และยึดไว้แน่น
“หุบปาก! และทำตามข้าสั่ง!” น้ำเสียงนิ่งเย็นพูดชัดคำอย่างช้าๆ แม้ไม่ได้ตะเบ็งเสียงให้ดังก้องหรือมีลักษณะเชิงข่มขู่ จางซิ่งที่ได้ฟังก็สั่นสะท้านน้อยๆแล้วเผลอปล่อยมือ
อำนาจของบุคคลที่เป็นผู้นำนั้นไม่อาจดูแคลน
ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปหรืออยู่ในร่างผู้อื่นเช่นนี้ อำนาจที่ติดตัวก็ยังคงอยู่สืบไป
“จำไว้หากข้าออกมาให้เตรียมตัวหนีสุดฝีเท้าทันที เข้าใจหรือไม่” วาจาของมันยังคงสงบนิ่งดังเดิม ผู้ฟังจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
อำนาจที่ปกครองโจรได้ทั้งกลุ่ม ไหนเลยเด็กที่อายุเพียงสิบห้าคนนี้จะทนต่อต้านได้
ตอนนี้... คัมภีร์มหาโจรของมันจะได้ใช้งานจริงเป็นครั้งแรก
หนึ่งในวิชายุทธ์ทั้งสี่ ...กายาซ่อนเร้น
แม้ว่าหากฝึกฝนวิชานี้ได้ถึงระดับสามัญจะสามารถซ่อนตัวตนทั้งหมดได้ เนื่องด้วยมาจากตำราเก่าแก่ มันจะสามารถทำเช่นนั้นได้อย่างไร วิชานี้จึงสมควรอยู่ในขั้นไร้ฐานอย่างแน่นอนแล้ว แต่ถึงมันจะไร้ฐาน อย่างน้อยนั่นก็สามารถปิดซ่อนพลังปราณขั้นต่ำเช่นนี้ได้ไม่ยาก
“อา... หัวหน้าโจรมักจะเก่งกาจที่สุด และสมบัติย่อมอยู่กับมัน”
เอาประสบการณ์ของการเป็นโจรทั้งชีวิตของมันมาเดิมพันได้เลย
+++
แมว : พี่หมิงลุย!