ตอนที่ 15 จิ้งจอกน้อย
15
คนทั้งคู่มองหน้ากันก่อนที่จะแยกกันอ้อมไปสองด้านของพุ่มไม้เพื่อดูสิ่งที่อยู่ข้างหลัง
จางหมิงจ้องมองไปที่สิ่งมีชีวิตนั้นอย่างสงสัย มันคือลูกจิ้งจอกตัวเล็กที่ใหญ่โตกว่าอุ้งมือไม่มาก สีเหลืองทองสลับขาวบนเส้นขนทำให้มันดูประหลาดตาแต่ก็ยังคงความสวยงามไว้ได้ ขาข้างหนึ่งของมันถูกมีดเสียบไว้กับพื้นดิน มันครางหงิงพยายามดิ้นให้หลุดออกจากมีดนั้น แต่ยิ่งดิ้นแผลลึกนั้นก็ยิ่งเหวอะหวะ
เดิมทีจางหมิงชอบพวกผู้คนที่ดิ้นรนสู้ชีวิต เมื่อได้เห็นจิ้งจอกน้อยที่ตะเกียกตะกายด้วยตนเองโดยไม่สนใจร้องขอความช่วยเหลือจากมัน นั่นยิ่งทำให้ถูกชะตา
แต่จิ้งจอกมันร้องเหมือนคนได้หรือมันหูฝาดกันแน่
“อย่าขอรับนายน้อย!” จางซิ่งกระโจนเข้ามารั้งมือมันที่กำลังเอื้อมไปหาจิ้งจอกน้อยตัวนั้นไว้
“อะไรอีก”
“นั่นคือจิ้งจอกจำแลง พวกมันเจ้าเล่ห์กลับกลอก ปล่อยมันไว้แบบนี้เถอะ พวกเราไม่ควรไปยุ่งกับสัตว์ปีศาจพวกนี้มากนัก” แต่อันว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์นี้มีสัตว์อยู่สองจำพวก หนึ่งนั้นคือสัตว์ทั่วไปที่มีทั้งอันตรายและรักสงบปะปนกันไป อีกหนึ่งคือสัตว์ปีศาจที่มีพลังเป็นของตนเองซึ่งสามารถพูดภาษามนุษย์ได้บ้างเนื่องจากมีสติปัญญามากกว่าสัตว์ทั่วไป จิ้งจอกจำแลงก็คือหนึ่งในสายพันธุ์สัตว์ปีศาจนั้น การแยกแยะพวกมันนั้นก็ไม่ยากนัก เพราะหากสัตว์ตัวใดมีแกนปราณนั่นหมายถึงมันคือสิ่งมีชีวิตที่ได้ชื่อว่าปีศาจ
จางหมิงเดินเข้าไปหาอย่างไม่เกรงกลัว จิ้งจอกตัวน้อยได้ยินก็พลันหันขึ้นไปมอง
ดวงตาสองคู่สบกันอย่างประเมิน หนึ่งสีดำสนิทแวววาวด้วยความมั่นใจในตนเอง อีกหนึ่งสีทองสว่างที่มั่นคงไม่แพ้กัน
ว่ากันว่าคนที่เหมือนกันย่อมมองกันออก...
ประโยคนี้นับว่าเที่ยงแท้
จางหมิงยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มสมใจ จิ้งจอกน้อยที่ดิ้นรนก็หยุดนิ่งปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามดึงมีดออกอย่างช้าๆ รอยแผลสดใหม่มีเลือดไหลซึมออกมามากพอสมควรแต่ก็หยุดลงในเวลาไม่นาน
“ข้าขอโทษสำหรับบาดแผลนั่น” จางหมิงกล่าวเมื่อเห็นว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้าพร้อมเผชิญหน้ากับมันแล้ว
“ไม่ ไม่...ไร กรร” จิ้งจอกน้อยพยายามพูดหากแต่ก็ไม่สารมารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจน แต่อย่างน้อยก็เพียงพอให้มองออกว่ามันไม่ได้แข็งแกร่งมากนักหากแต่มีพลังใจเต็มเปี่ยม
จางหมิงอุ้มจิ้งจอกน้อยขึ้นมาโดยไม่สนคำทักท้วงของจางซิ่งที่ดังออกมาเป็นระยะ เมื่อเดินกลับมาที่ม้าก็ได้พูดคุยกันเป็นเล็กน้อย
“เจ้ามาทำอะไรแถวนี้กัน ถ้าจำไม่ผิดจิ้งจอกจำแลงเช่นพวกเจ้าควรจะอยู่ทางเหนือไปอีก”
“โจร... พา...”
โจรนำตัวมา?
จิ้งจอกจำแลงมีความสามารถด้านการปลอมแปลงก็จริง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วก็ไม่อาจหลบซ่อนจากผู้มีพลังปราณในระดับที่เหนือกว่ามันได้ หรือมีความเป็นไปได้อื่นที่มันไม่ได้อ่านเจอในตำราของตระกูลกัน
จางหมิงที่ไม่เข้าใจเหตุผลก็คงทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับ
อาหารมื้อนั้นสรุปแล้วได้กระต่ายมาหนึ่งตัวกับผลไม้ป่าสองสามชนิด หากกระต่ายที่ได้มาก็หายวับไปในกระเพราะจิ้งจอกน้อยในทันที เด็กชายตระกูลจางทั้งสองก็ได้แต่เพียงมองดูอย่างอดทึ่งไม่ได้ ในเมื่อกระต่ายตัวนั้นกับจิ้งจอกน้อยแทบจะตัวเท่ากันเลยทีเดียว
กลางดึกคืนนั้น
บนต้นไม้สูงใหญ่ จางซิ่งได้หลับลึกเนื่องด้วยความอ่อนเพลียทั้งจากการตามหาต้นปอปีกเดียวและการเดินทางกลางป่า หากแต่คนที่ควรจะเหนื่อยกว่าที่ต้องวิ่งไปมากลับลืมตามองพระจันทร์ที่ยังคงเว้าแหว่งเช่นเคย
“จิ้งจอกน้อย... เจ้ามีชื่อหรือไม่” จางหมิงถามสิ่งมีชีวิตที่นอนหลับตาอยู่ในอ้อมแขน แต่มันรู้ว่าอีกฝ่ายยังคงไม่ได้นอนหลับไป
“... ชื่อ ...ไม่มี”
พวกมันทั้งสองต่างพูดคุยกันอีกหลายเรื่อง สรุปได้ความว่าจิ้งจอกน้อยตัวนี้เพิ่งเกิดได้ไม่กี่วันมารดามันก็ถูกสังหารลง หลังจากนั้นมันก็ถูกพาตัวไปขายให้เศรษฐีที่ชื่นชอบของแปลกผู้หนึ่ง เนื่องจากว่าตัวมันนั้นแตกต่างจากจิ้งจอกจำแลงตัวอื่นที่มีสีเหลืองปนน้ำตาล แต่ก่อนที่จะไปส่งถึงมือเศรษฐีผู้นั้นก็มีโจรป่ามาดังปล้นกลางทาง ไม่นานมันจึงได้หนีออกมาในช่วงที่โจรป่าเหล่านั้นกินเลี้ยงกัน หลังจากนั้นก็ได้มาหลบซ่อนหลังพุ่มไม้ที่บังเอิญว่าจางหมิงขว้างมีดใส่พอดี
เป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง! จางหมิงลอบยิ้ม
บางครั้งมันก็อยากได้มือเท้าที่คอยทำงานให้อย่างภักดี และจิ้งจอกเกิดใหม่ตัวนี้ก็ไม่เลว
อย่างน้อยกระดาษแผ่นนี้ยังคงเป็นสีขาว และหากมันได้เป็นคนแต่งแต้มสีสันนั้นลงไปเอง เพียงแค่คิดก็น่าสนุกไม่น้อยเลย
“แล้วเจ้าพอจะรู้ที่อยู่ของโจรป่าพวกนั้นบ้างหรือไม่”
+++
แมว : สั้นลงทู้กกกกกที (วิบัติเพื่อเสียง) เดี๋ยวเสาร์อาทิตย์ค่อยว่ากัน