ตอนที่ 14 ในป่า
14
“นายน้อย ตรงนี้อีกต้นหนึ่ง” จางซิ่งตะโกนเรียกเมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่ลิบๆ
“เบาๆ เจ้าบอกเองมิใช่หรือว่าแถวนี้อันตราย จะเสียงดังไปทำไม” จางหมิงวิ่งมาหาด้วยเสียงเงียบกริบจนจางซิ่งแอบมองเท้าคนวิ่งอย่างงุนงง
“ขออภัยขอรับ ว่าแต่นายน้อยจะหาต้นปอปีกเดียวไปทำไมกัน”
“ข้าอยากได้สมบัติใต้ต้นไม้นั่น!”
“สมบัติ?” จางซิ่งแม้สงสัยแต่ก็ไม่ทันได้ถาม ในเมื่อนายน้อยของมันกระโดดไปที่ต้นปอปีกเดียวอีกต้นที่อยู่ไม่ไกลเสียแล้ว
ใกล้จะเช้าเข้าไปทุกทีจางหมิงก็ยิ่งร้อนใจ อากาศตอนกลางคืนแม้จะเย็นสบายแต่ตอนนี้เหงื่อมันออกมามากมายเนื่องจากการวิ่งไปมา แถมต้นปอปีกเดียวเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ทั่วไปจึงเป็นไปได้ยากพอสมควรที่จะหางูเกล็ดนิลให้เจอ
ใกล้จะเช้าเข้าไปทุกทีจางหมิงก็ยิ่งตามหาอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้มันได้ใช้วิชาทะยานข้าวภพเพื่อเร่งความเร็วของตัวเอง แสงสีเหลืองวูบวาบไปมาในความมืดจนกระทั่งขอบฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มจางๆ
“อยู่ไหนกันนะ!” มันพึมพำก่อนที่จางซิ่งจะตะโกนขึ้นมาจากอีกด้าน
“นายน้อย! นี่ใช่สิ่งที่ท่านตามหาหรือไม่”
จางหมิงพุ่งตัวไปตามเสียงเรียกจากนั้นก็มองดูสิ่งที่อีกฝ่ายชี้ ก้อนอัญมณีสีดำแวววาวท้าทายแสงอาทิตย์ที่เริ่มขึ้นอยู่ริมขอบฟ้า ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดจางหมิงถึงคิดว่าเป็นสมบัติที่มันตามหา
งูเกล็ดนิลที่ขดเป็นก้อนกลมค่อยๆขยับตัวเมื่อช่วงเช้ามาเยือน จางหมิงที่ได้เห็นจึงรีบนำอัญมณีสีส้มออกมาจากกระเป๋าเงินใบเล็ก จากนั้นก็ส่งพลังปราณเข้าไปเพื่อร่ายผนึก เมื่องูเกล็ดนิลยังคงไร้สติจึงมิได้ขัดขืนอันใด จากนั้นก็หายเข้าไปในตัวอัญมณีที่อยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม
จางหมิงถอนหายใจก่อนจะชวนจางซิ่งกลับไปที่ต้นไม้แห่งเดิมเพื่อไปนำม้ากลับมา
ผู้ฝึกยุทธ์มักมีของติดตัวจำนวนมาก บ้างก็ตำรา บ้างก็เม็ดยา หรือไม่ก็อาวุธและสิ่งยังชีพอื่นๆ การจะนำติดตัวไปทั้งหมดนับว่าลำบากนัก หลายพันปีก่อนได้มีผู้คนพบวิธีการผนึกของเหล่านั้นลงในอัญมณีทั้งหลายปัญหาเหล่านั้นจึงหมดไป ซึ่งจางหมิงก็ได้อัญมณีเหล่านั้นมากว่าสิบก้อน
จางซิ่งมองนายน้อยของมันผิวปากอย่างอารมณ์ดี ก้อนสีดำแวววาวที่มันเห็นตอนแรกนั่นคือสิ่งมีชีวิตที่มันไม่รู้จัก แต่หากนายน้อยของมันพอใจมันก็ไม่ได้คิดจะสักถามอื่นใด
เดินลึกเข้าไปในป่าจนถึงช่วงพระอาทิตย์อยู่กลางศีรษะ ทั้งสองเริ่มหิวกันเป็นอย่างมากเนื่องจากไม่ได้นำอาหารติดตัวมาด้วย เพราะคราแรกเส้นทางที่พวกมันควรไปนั้นเต็มไปด้วยร้านอาหารจึงไม่ได้เป็นห่วงในเรื่องนี้นัก
“เอาล่ะ หาอะไรกินกันดีกว่า” จางหมิงพูดพร้อมกับกระโดดลงจากม้า
“แถวนี้ไม่มีอะไรเลยนะขอรับ”
“ไม่มี? เจ้ามองไม่เห็นหรืออย่างไร ของที่กินได้มีมากมายระหว่างทางที่เรามา”
“ข้าไม่ยักเห็นอะไรนอกจากป่า”
“เจ้าก็รู้นี่ว่ามันเป็นป่า ...ข้าล่ะเบื่อกับพวกเด็กไม่ประสาแบบนี้จริงๆ” จางหมิงบ่นงึมงำในประโยคหลังก่อนจะมองรอบกายเพื่อหาสิ่งที่พอจะกินได้
เมื่อเทียบกับป่าที่มันเคยตั้งเป็นรังโจรกับป่าแห่งนี้ นี่นับว่าช่างห่างไกลกันนัก ที่เดิมของมันเต็มไปด้วยป่าพงรกทึบยากแก่การดำรงชีพ แต่ที่นี่มากไปด้วยพืชพันธุ์และต้นไม่ใหญ่ที่ให้ผลงาม นั่นทำให้มันชักอยากจะเห็นโจรป่าที่อยู่แถบนี้เข้าไปทุกที
“จางซิ่ง ข้าเห็นเจ้านำมีดมาด้วย นำมันมาให้ข้า”
จางซิ่งส่งมีดให้นายน้อยของมัน แม้สรรพนามที่ใช้เรียกขานจะต่างออกไปจากเดิม หากก็ไม่ได้ทำให้มันติดใจอะไร อย่างน้อยครั้งนี้ก็ไม่ได้เรียกมันว่าเด็กน้อยเหมือนทุกที
คนอายุน้อยกว่าเรียกมันแบบนั้น ...ทำใจรับได้ยากจริงๆ
สวบ!
จางหมิงขว้างมีดไปยังพุ่มไม้ที่จ้องมองอยู่สักพักแล้ว เสียงร้องเล็กๆเล็ดลอดออกมาก่อนจะหายเงียบไป หลังจากนั้นมันจึงเข้าไปที่พุ่มไม้แล้วยกกระต่ายตัวไม่เล็กนักขึ้นมาสำรวจดู มีดปักเข้าที่กลางลำตัวของมันอย่างพอเหมาะพอดี ขนสีขาวเปื้อนเลือดเพียงเล็กน้อยทำให้เห็ดชัดเจนถึงฝีมือของผู้กระทำ
จางหมิงดึงมีดออกก่อนจะโยนกระต่ายตัวนั้นไปให้จางซิ่งที่ทำหน้าตาเหลอหลา สายตาก็ยังคงสอดส่องหาเป้าหมายต่อไปอย่างชำนิชำนาญ
พุ่มไม้ไกลออกไปไม่มากนักสั่นไหวน้อยๆแต่คนที่ความรู้สึกไวก็ยังคงรับรู้ได้ มีดเล่มเดิมจึงพุ่งตรงไปที่พุ่มไม้นั้นอย่างมั่นใจ แต่แล้ว...
“โอ๊ย!”
เสียงร้องครั้งนี้ไม่ใช่ของสัตว์ป่าอย่างที่คิด
+++
แมว : ไม่ไหวๆ วันนี้แมวเบลอ แมวเรียบเรียงไม่ค่อยถูกเลยเอามาให้สั้นไปหน่อย