ตอนที่ 2 เหมันต์นิรันดร์
2
นั่งจิบชาสนทนาก็ดูจะมากความไปเสียหน่อย จางหมิงผู้นี้จึงได้สรุปความเอาไว้
จางหมิงตัวน้อยอายุได้สิบสามปี บุตรชายคนสุดท้องของตระกูลจางจากพี่น้องสามคน หนึ่งในสามตระกูลผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองมังกรคราม เมืองใหญ่ทางการค้าขายแลกเปลี่ยน
แต่เมืองจะเป็นอย่างไรก็ละไว้ก่อน
สำหรับจางหมิงในปัจจุบัน มันมีครบทั้งบิดาและมารดา พี่น้องก็รักใคร่ คนรับใช้ก็ซื่อสัตย์ ชีวิตช่างครบถ้วนไปเสียหมดต่างจากชาติก่อนอยู่มากโข แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงสิ่งที่มารดาได้กล่าวไว้ จะจริงหรือไม่ก็ค่อยว่ากันอีกที
มารดามันชื่อว่าจางไท่อิง เป็นคนที่ดูอบอุ่น รักและเอาใจใส่จางหมิงเป็นอย่างดี แต่สำหรับตัวมันที่ผ่านอะไรมามากมาย สิ่งที่เห็นก็เพียงแค่สตรีขี้วิตกกังวลจนเกินกว่าเหตุก็เท่านั้น ยิ่งรู้ว่ามันไม่มีความทรงจำเดิมก็รีบตามหมอมาตรวจ เอะอะตกใจไปทั้งบ้าน
หมอก็ดูเหมือนจะไม่ได้เข้าใจอาการของสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังอธิบายส่งๆว่าอาจเกิดจากพิษในร่างกาย
มันมองดูความวุ่นวายย่อมๆที่ผ่านไปก่อนจะถูกจับกลอกด้วยยาบำรุงกลิ่นฉุนกึกที่ยังเคี่ยวไม่สุกดี จากกลิ่นยาคำนวณเป็นรายชื่อสมุนไพรมากกว่าสิบชนิดซึ่งเป็นเงินไม่น้อย แต่ก็ดึงสรรพคุณมาได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น
ช่างเสียของจริงๆ
“วันนี้พ่อเจ้าออกไปตรวจงานแต่เช้า คงกลับมาถึงตอนเย็น เจ้าควรนอนพักก่อนนะหมิงเอ๋อ เมื่อพ่อเจ้ากลับมาจะได้ทานมื้อเย็นด้วยกัน”
“ข้านอนมามากพอแล้วท่านแม่”
อา... มันรู้สึกแปลกๆที่ต้องเรียกสตรีวันเพียงต้นสามสิบว่าแม่ ตัวมันเองอายุเป็นเท่าตัวของนางเสียด้วยซ้ำ แต่จะทำอย่างไรได้ ก็ได้แต่ครางอยู่ในใจ
“ร่างกายเจ้ายังมีพิษอยู่นะหมิงเอ๋อ ถ้า ...ถ้าหากมันกำเริบขึ้นมา...”
“ก็ให้มันเป็นไปท่านแม่”
“แต่...”
“ข้าไม่มีความทรงจำอื่นใด ฉะนั้น ข้าอยากจะสำรวจบ้านและเมืองเราเสียหน่อยคงไม่มากไปกระมัง” จางหมิงตัดบทสนทนาแล้วเดินออกไปจากห้องทีนที ทิ้งไว้ให้คนข้างหลังกระวนกระวายอยู่แบบนั้น
ฟู่...
เดินออกมาได้สิบกว่าก้าวก็ถอนหลายใจออกมา ความจริงแล้วมันทำตัวไม่ถูกกับการมีครอบครัวที่คอยห่วงใยแบบนี้ จึงได้ออกมาตั้งสติก่อน
“นายน้อย ท่านจะออกไปข้างนอกหรือขอรับ ให้ข้าติดตามไปด้วยหรือไม่”
เดินมาได้สักพักก็มีเสียงถามขึ้น จึงยิ้มออกมาน้อยๆแล้วพยักหน้าให้ คิดว่าการเป็นคุณชายสูงศักดิ์คงทำกันแบบนี้กระมัง แต่ความจริงแล้วมันก็แค่หลงทางในบ้านของตัวเองจึงอยากได้คนนำทาง
ตลาดที่ไหนๆก็ช่างวุ่นวาย ไม่ว่าจะบนพื้นดิน หรือแม่แต่บนอากาศ!
ตัวจางหมิงได้แต่ยืนตกตลึงอยู่หน้าตลาดใหญ่ การเหาะเหินเดินอากาศไม่ใช่สิ่งที่บ้านเมืองเดิมของมันเป็นกันแน่ๆ และก็ไม่คิดว่าจะมีบ้านเมืองไหนๆที่เป็นแบบนี้มาก่อน อย่างน้อยอาจารย์ของมันก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ นี่ยังใช่โลกเดิมของมันอยู่หรือเปล่าหนอ
“นายน้อย นายน้อยขอรับ” คนรับใช้หนุ่มที่ตามมาเรียกเขาหลายครั้งให้เดินหลบทางให้เกวียนขนของขนาดใหญ่
เจ้าของเกวียนแม้จะดูรีบร้อนแค่ไหนก็ยังรอเงียบๆไม่ปริปากบ่น สายตาก็ดูเกรงอกเกรงใจ เหมือนว่าใครๆก็จะจำมันได้ทั้งนั้น อีกทั้งนายน้อยตระกูลจางก็ดูจะยิ่งใหญ่ไม่น้อย
ผู้ติดตามของมันคนนี้มีนามว่าจางซิ่ง พอถามจึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนตระกูลจางแต่อย่างใด หากเป็นเด็กกำพร้าไร้ชื่อที่ถูกรับมาเลี้ยง ความจริงก็คล้ายบุตรบุญธรรมของมารดามันอยู่หรอก แต่ทำตัวเยี่ยงคนรับใช้จนครั้งแรกเขาอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กรับใช้ในบ้านจริงๆ
“พี่ซิ่ง ข้าบอกท่านก่อนมาแล้วว่าความจำของข้าสูญหายเพราะถูกพิษ แล้วท่านพอจะบอกได้หรือไม่ว่าพิษในตัวข้านั้นมีชื่อเรียกว่าเช่นไร” อย่างน้อยหมอคนนั้นก็มีสิ่งที่ทำให้มันใช้เป็นข้ออ้างได้บ้าง
“ข้าจำได้ว่าท่านหมอเคยพูดถึงครั้งหนึ่ง อืม... อะไรนะ เหมันต์ เหมันต์นิรันดร์ ใช่ๆ เหมันต์นิรันดร์”
“เหมันต์นิรันดร์! ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าจำไม่ผิด!”
“ขอรับ ตอนนั้นข้าได้ยินมากับหูเพราะข้าเป็นคนพาท่านหมอไปยังคลังสมุนไพรแล้วท่านพึมพำขึ้นมา”
มันรู้จักพิษชนิดนี้!
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่อาจารย์ได้ให้การรักษาผู้ป่วยที่ถูกพิษนี้เข้า คนผู้นั้นถูกกัดจากตะขาบเหมันต์นิรันดร์ พิษชนิดนี้จึงถูกเรียกตามชื่อของมัน แม้ตะขาบเหมันต์นิรันดร์จะหาได้ยาก หากแต่ทางเหนือที่อากาศหนาวเหน็บก็ยังพบได้บ้าง เมื่อถูกพิษผู้คนจะรู้สึกเย็นวาบที่บาดแผลเล็กน้อย ก่อนที่ความหนาวเหน็บจะค่อยๆแทรกซึมลึกลงในกระดูกและอวัยวะภายใน เพียงไม่กี่วันก็จะทิ่มแทงออกมานอกร่างฉีกกระฉากร่างกายจนสิ้นชีวิต
มันเคยศึกษาการช่วยคน จะว่าเป็นหมอก็คงใช่ ดังนั้นจึงรู้สภาพตัวเองดี ตอนแรกเพียงคิดว่ามียาระงับพิษในร่างไว้จึงไม่ลุกลาม พอได้ยินชื่อพิษเข้าก็ต้องคิดใหม่อีกครั้ง
มารดาของเด็กคนนี้บอกว่าตัวเขานั้นร่างกายอ่อนแอ ก็ว่ามารดาแค่คิดมากเกินไปเพราะร่างกายนี้แข็งแรงสมบูรณ์ดี หากคิดในอีกแง่หนึ่ง จางหลิงน้อยคนนี้เกิดมีโรคหยินพร่องเป็นโรคประจำตัว เมื่อได้รับความเย็นจากพิษเพิ่มขึ้นก็ทำให้ร่างกายปรับสมดุลและอยู่ในระดับปกติ
จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีหนอ
น่าแปลกใจที่จางหมิงคนนี้ถูกพิษเหมันต์นิรันดร์ในพื้นที่อากาศค่อนข้างอบอุ่นแบบนี้
แต่พิษก็คือพิษ ความเย็นในร่างกายสักวันต้องเกินกว่าระดับที่หยางภายในจะต้านทานไหวและแสดงผลออกมา นั่นหมายถึงชีวิตใหม่นี้คงถึงจุดจบ และมันไม่อาจยอมรับได้ ทางเดียวก็คงต้องหาวิธีรักษาอย่างจริงจังเสียแล้ว อย่างน้อยๆร่างกายนี้ยังคงมีเวลาอีกหลายปี หากไม่นับผลข้างเคียงที่จะแสดงผลออกมาเป็นช่วงๆ
“ที่แท้ก็นึกว่าใคร นายน้อยผู้บอบบางของตระกูลจางนี่เอง ไม่น่าเชื่อว่ามารดาเจ้ายอมให้ออกมาพบปะผู้คนหลังจากมีข่าวว่าล้มป่วยแบบนั้น” เสียงตะโกนน้ำเสียงเยาะเย้ยขัดหูทำให้จางหมิงหันขวับไปมอง
เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าหยิ่งจองหองเดินยิ้มมาแต่ไกลพร้อมกับผู้ติดตามร่างสูงสองคน ผู้คนต่างหลีกทางให้วุ่นวายไปหมด นี่คงจะเป็นหนึ่งในคนของตระกูลใหญ่ของที่นี่แน่ๆ
“เขาคือเกาหงลี่ขอรับนายน้อย”
ว่าด้วยเรื่องสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองมังกรคราม จาง หลิน และเกา
“อ่อ เป็นตระกูลใหญ่ของที่นี่จริงๆ”
“ข้าว่าเราอย่าไปยุ่งด้วยดีกว่าขอรับ เมื่อก่อนก็มีหลายครั้งที่พวกมันมาหาเรื่องนายน้อยเช่นนี้ ถึงแม้ว่าอิทธิพลของนายใหญ่จะทำให้มันไม่กล้าลงไม้ลงมือก็ตามที แต่เราไม่ไปตอแยกับคนเช่นนี้ย่อมดียิ่ง”
รอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้าของจางหมิงทำให้จางซิ่งประหลาดใจไม่น้อย สายตายังคงระแวงระวังภัยให้อยู่ตลอดเวลา ก่อนที่อีกฝ่ายจะมาถึงในระยะที่จะได้ยินนายน้อยของมันก็พูดขึ้นเบาๆ
“ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง หากมันมาตรงๆก็ปล่อยให้มันเข้ามา มาดูกันว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง”
จางซิ่งมองไปที่นายน้อยตื่นๆเหมือนไม่เคยเห็น ก่อนจะแอบประเมินโฉมใหม่นี้อย่างใคร่ครวญ ถึงอย่างไรตัวมันเองก็ไม่ได้โง่ ตระกูลจางให้การศึกษากับมันไม่ต่างจากบุตรทั้งสามแม้แต่น้อย
ในความเลื่อมใส่ของผู้ติดตามหนุ่ม นายน้อยของมันก็กำลังประเมินฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน
อา... นั่นของดีทั้งนั้น
พัดไม้กังวาน ...แปดร้อยตำลึงเงิน
แหวนทับทิม ...สามตำลึงทอง
และที่น่าดูชมที่สุด! ป้ายหยกหิมะ สิบห้าตำลึงทอง!
ช่างล่อตาล่อใจอดีตโจรเก่าเสียจริงๆ
+++
แมว : พี่ซิ่งไม่โง่นะ!