ตอนที่ 343 เดชมุกทลายปฐพี
หวงซาแค่ใช้หมัดรุกไล่เย่ว์หยางจนถอยร่นออกไป เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโจมตีกดดันลงมาที่ศีรษะของเขา เขาร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
หวงซาดึงดาบยักษ์ที่ฟันลึกลงไปในศีรษะเขาออกมาและกระแทกจนหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เขาฟาดหางยาวตอบโต้ศัตรูคืน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนงอตัวลงเหมือนลูกบอลและใช้มือป้องกันตัวเองไว้ นางถูกหวดกระเด็นเหมือนกระสุนปืนใหญ่และกระแทกเข้ากับผนังหินทราย
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยายามจะลดแรงกระแทกปะทะหินทราย แม้ว่าจะเจ็บปวดราวกับตกนรก นางก็ยังกลับลุกขึ้นยืนได้และโจมตีตอบโต้ นางใช้สองขาทะยานตัวด้วยความเร็วกว่าตอนที่ร่วงมา และพุ่งเข้าหาหวงซาผู้กำลังต่อสู้กับเย่ว์หยางในระยะประชิด ภาพพยัคฆ์ขาวปรากฏอยู่เหนือศีรษะนาง กำลังคำรามอย่างไร้เสียงและน่ากลัว ชั้นปราณที่ปกป้องร่างของหวงซาถูกภาพพยัคฆ์ขาวขับไล่กระจายหายไป แล้วองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตวัดฟันดาบยักษ์เล่มที่สองอีกเล่มหนึ่งในมือของนาง
ดาบยาวฉีกแหวกอากาศ
ปราณกระบี่คู่ฟันไขว้กันเป็นรูปกากบาท
ปรากฏมีแผลกากบาทไม่ลึกเกิดขึ้นบนศีรษะของหวงซา เขาสามารถรักษาแผลบนกะโหลกของเขาได้ง่ายๆ
หวงซาใช้มือสองข้างรับการโจมตีขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน และอีกสองข้างสู้กับเย่ว์หยาง แม้ว่าจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 เขาก็ยังถูกศัตรูรายล้อมและถูกศัตรูระดับต่ำกว่าทำร้ายจนบาดเจ็บหนักได้ แต่เขาก็ยังรักษาความสงบและใจเย็นอยู่ได้
“ตาย!”
นัยน์ตาของเย่ว์หยางเรืองแสงขณะที่เขาปล่อยพลังทั้งหมดที่เขาซ่อนไว้จนกระทั่งบัดนี้
เป็นครั้งแรกที่เขาใช้พลังทั้งหมดสู้กับศัตรูของเขา ด้วยการซ้อนเงาปีศาจยักษ์ถึงร้อยชั้น
ขณะที่เขาปล่อยหมัดไปข้างหน้า เขาปล่อยวงจักรล้างโลกจากขาข้างขวา
มันกระแทกเข้าข้อเท้าซ้ายของหวงซา
วงจักรล้างโลกฟันใส่โดยไร้เสียง ตัดข้อเท้าซ้าของหวงซาได้ง่ายดาย หวงซากำลังใช้พลังทั้งหมดของเขาต่อสู้ถึงกับเสียการทรงตัว ร่างของเขาเสียการควบคุมเอียงไปทางซ้าย
แขนทั้งสองของเขาที่ต้านรับการบุกโจมตีขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ในตอนนี้ไม่สามารถต้านรับปราณกระบี่ของนางได้ต่อไป ปราณกระบี่ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฟันใส่ร่างหวงซาผ่านช่องว่างแขนและทำลายตาข้างหนึ่งของหวงซา แขนที่ไม่สามารถสมานตัวจากอาการบาดเจ็บจากเพลิงอมฤตของเย่ว์หยาง ตอนนี้ถูกเย่ว์หยางจับไว้แน่น พอเย่ว์หยางพลิกไหล่ หวงซาที่สูญเสียเท้าซ้ายก็ถูกเย่ว์หยางทุ่มลงพื้นอย่างหนักหน่วง
หวงซาจมอยู่ในน้ำ
ทันใดนั้นเขาดิ้นรนเต็มที่ พยายามจะลุกขึ้นให้ได้
ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่กลัวน้ำแม้แต่น้อย เพียงแต่ร่างรูปแบบที่สองของเขาจะไม่ถูกน้ำทำลายได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาตกลงไปในน้ำจริงๆ เขาก็คงจมลงไปเหมือนคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น
ในท้องฟ้า ปรากฏสายฟ้าแล่บแปลบปลาบ
สายฟ้าแต่ละสายผ่าลงบนศีรษะของเขา
และยังคงกระหน่ำลงที่แขนบาดเจ็บที่ยังรักษาไม่หาย เย่ว์หยางหมุนตัวและปล่อยปราณกระบี่ไร้ลักษณ์จากเท้าของเขา ฟันใส่อกของหวงซา
ธนูทองดอกหนึ่งพุ่งตรงมาทางพวกเขาโดยไร้เสียง พุ่งเข้าเสียบแผลบนหน้าอกของหวงซาที่เย่ว์หยางใช้กระบี่ไร้ลักษณ์สร้างบาดแผลไว้ หวงซาเชิดศีรษะและเห็นว่าเขาไม่รู้ตัวว่ามีอสูรจำนวนมากกำลังโจมตีใส่เขา นาคาสายฟ้ากำลังเรียกสายฟ้าอย่างต่อเนื่องและเมดูซ่าศิลากำลังถือคันธนูอยู่ในมือข้างหนึ่ง
“อ๊า.....”
เสียงร้องแหลมคมพอๆ กับมีดก้องสะท้อนอยู่ในหูของหวงซา
หวงซาสะดุ้งตกใจจากเสียงกรีดร้อง สมองของเขากลับกลายเป็นว่างเปล่า หัวใจของเขาก็สะดุ้ง ทำนองเดียวกันเหมือนกับว่าเขาถูกวางยาพิษ ร่างกายรับความรู้สึกได้เพียงครึ่งเดียว
เมื่อเขารู้สึกตัวหลังจากได้ยินเสียงกรีดร้อง เขาก็ตระหนักได้ว่าดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องตรงมาทางเขา เป็นปีศาจอสรพิษน้อย เสี่ยวเหวินหลีนั่นเอง นี่เป็นครั้งที่สองที่เสี่ยวเหวินหลีใช้ทักษะโซ่ล่องหนของเธอ ครั้งนี้ไม่ได้พันธนาการเพียงครึ่งวินาทีเหมือนครั้งก่อน ในตอนนั้น เย่ว์หยางจำกัดพลังพันธนาการไว้
เพื่อที่ว่าศัตรูของเขาจะได้เข้าใจผิดเรื่องพลังต่อสู้ของเขา หวงซาพยายามต่อสู้ดิ้นรนอยู่หลายวินาที แต่เขาพบว่าเขาไม่สามารถขยับได้ ศีรษะของเขาถูกพลังพยัคฆ์ขาวขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโจมตีใส่อีกเป็นครั้งที่สาม นางพญากระหายเลือดหง ใช้มีดทองฆ่ามังกรและมีดเงินทำลายดวงตาแทงที่ด้านหลังของเขา โคเงาอาหมันผู้ได้เพิ่มพลังจากเงาปีศาจยักษ์ปล่อยพลังระดับสูงสุดของนางกระแทกใส่ขาข้างหนึ่งของหวงซาทำให้เขาล้มคะมำไปข้างหน้า
มือคู่งามที่บรรจุพลังแสงอุษาเต็มเปี่ยมบวกกับได้รับพลังหนุนเสริมจากปราณก่อกำเนิดที่น่ากลัวของเย่ว์หยาง
เจ้าเมืองโล่วฮัวปล่อยแสงอุษาจากแขนของนางเข้าใส่ใบหน้าของหวงซา
ลำแสงอุษาควงสว่านทะลวงใบหน้าของหวงซาเป็นรูได้อย่างง่ายดาย
แสงสีขาวกระจายอยู่รอบๆ
โถงวิหารที่สองอาบไล้ด้วยแสงสว่างเจิดจ้า อยู่ชั่วขณะก่อนกลับคืนสู่สภาพปกติ
หวงซาได้รับบาดเจ็บสาหัสมีบาดแผลนับไม่ถ้วนร่วงลงไปในน้ำอีกครา แต่เขายังคงมีชีวิต อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเรี่ยวแรงเหลือมากพอจะบินขึ้นไปในอากาศได้อีกต่อไป!
อกของเขาค่อยๆ กลายเป็นหินทีละนิดๆ เริ่มจากบาดแผลของเขาลามไปรอบตัว ศีรษะ, ตาและจมูกของเขาถูกลำแสงอุษาทำลาย มีรูขนาดใหญ่ทะลุถึงหลังศีรษะของเขา สมองไหลออกจากศีรษะของเขา ด้วยอาการบาดเจ็บขนาดนั้น แม้หวงซาจะครอบครองร่างที่สอง แต่เขาไม่อาจจะฟื้นฟูสู่สภาพปกติได้
“แก่นพลังงานของเขาอยู่นี่!”
เย่ว์หยางพบตำแหน่งแก่นพลังงานของหวงซาด้วยทักษะจักษุญาณทิพย์ของเขา ในที่สุดหลังจากเผาแขนซ้ายและซี่โครงของหวงซาด้วยเพลิงอมฤตของเขา เย่ว์หยางก็สามารถดึงเอาแก่นพลังงานที่ฉายแสงสว่างออกมาได้
อักษรรูนสวรรค์ที่ด้านบนกระพริบทันที
แก่นพลังงานที่แต่เดิมเป็นของหวงซากำลังถูกเผาไหม้อยู่ในเปลวเพลิงอมฤตของเย่ว์หยาง
ปณิธาน, จิตและวิญญาณของหวงซาที่อาศัยอยู่ในแก่นพลังถูกเพลิงอมฤตชำระจนบริสุทธิ์ ได้หายไปกับความว่างเปล่า แหล่งพลังงานขนาดมหึมาถูกกลั่นโดยเพลิงอมฤต
ทันทีที่วิญญาณของหวงซาหายไป ร่างไร้วิญญาณของหวงซาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ศีรษะของเขาซึ่งถูกปราณกระบี่ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำร้ายและยังถูกสายฟ้าของนาคาสายฟ้าเผาผลาญ แตกออกเป็นเสี่ยง ขณะที่อกของเขากลายเป็นหินอย่างรวดเร็ว เย่ว์หยางและโคเงาช่วยกันต่อยใส่ร่างของหวงซาจากทั้งสองด้านทำลายศพของเขาแตกเป็นเสี่ยงและจมลงอยู่ในน้ำ
ฉลามเสือทองที่ถูกเมดูซ่าศิลาเรียกออกมาอ้าปากแดงของมัน เตรียมกินเนื้ออร่อยที่นานๆ ครั้งถึงจะได้รับโอกาส
หลังจากวางแผนได้สมบูรณ์ ซุ่มโจมตีในเวลาที่เหมาะสม พวกเขาก็สามารถสังหารศัตรูได้สำเร็จ
หวงซานักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 ก็ถูกเย่ว์หยางและสาวๆ ฆ่าตายหลังจากเปลี่ยนแปลงอยู่ในร่างที่สอง
ทันทีที่หวงซาตาย ผนังหินทรายก็พลังทลายลง
สายน้ำทะลักออกจากโถงวิหารที่สองเกิดเป็นภาพน้ำตกไหลลงไปที่โถงวิหารที่หนึ่ง เสวี่ยอู๋เสียและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งเพิ่งจะสลายกำแพงน้ำแข็งเสร็จก็เข้าไปสมทบกับนางพญาดอกหนามมงกุฏทองและอสูรทองน้อยที่กินจนพุงกางมารวมตัวอยู่หน้าเย่ว์หยาง อสูรควันไฟยังลังเลเมื่อนางเห็นน้ำท่วมโถงวิหารที่สอง ดังนั้นนางจึงรั้งรออยู่ข้างนอกแทนที่จะเข้ามาข้างใน
หนอนทรายปีศาจที่อยู่บนพื้นรีบทิ้งเจ้านายมันก่อนที่เจ้านายมันจะตายเสียอีก แล้วไปแอบมองจากพื้น
มันมองมาที่โถงวิหารที่สองและรู้สึกว่าหวงซาตายแล้วจริงๆ นัยน์ตาของมันที่มีแววฉลาดอยู่บ้างแสดงอาการหวาดกลัว
ไม่ต้องรอให้ภูตควันไฟค้นหามันและโจมตีใส่มัน มันขุดลึกลงไปในใต้ดินทันที หนอนทรายปีศาจมีแต่ความขลาดกลัว มันไม่มีความตั้งใจจะสู้กับภูตควันไฟเลยแม้แต่น้อย
“มีเวลาเหลือเพียงสองนาที ไม่สามารถทำลายเสาเจ็ดาวที่จักรพรรดิอวี้ใช้ฝึกวิชาได้แน่”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไหล่หัก และนางยังเจ็บปวดจากอาการซี่โครงหัก 2-3 ซี่ เย่ว์หวี่เรียกบอลวารีบำบัดออกมารักษาบาดเจ็บให้นาง แต่ดูเหมือนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะไม่ใส่ใจอาการบาดเจ็บของนางเลยแม้แต่น้อย
“คิดหาวิธีการเร็วๆ เข้า! หมิงรี่ฮ่าวคงทนได้อีกไม่นาน”
เสวี่ยอู๋เสียรีบบินเข้ามาสมทบ
“สถานการณ์ด้านนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”
เจ้าเมืองโล่วฮัวกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างซาฟี่กับหนีกัว ทันทีที่ซาฟี่และพวกที่เหลือพ่ายแพ้ หนีกัวจะต้องมาขัดขวางพวกเขาแน่นอน แม้ว่าพลังของพวกเขาจะไม่มีอะไรที่น่ากลัว แต่พวกเขาก็สามารถถ่วงและทำให้พวกเขาเสียเวลาได้แน่ เทวทูตสายฟ้ายังคงสู้กับนางเซียนหงส์ฟ้า ดังนั้นเขาอาจจะยุ่งยากอยู่ อย่างไรก็ตาม หมิงรี่ฮ่าวจะสามารถหยุดเทวทูตสายลมได้จริงหรือ?
“ไม่ใช่เรื่องดีเลย”
เสวี่ยอู๋เสียส่ายหน้า
ซาฟี่และคนอื่นฝีมือด้อยกว่าหนีกัวและคนอื่นๆ ในเรื่องกำลัง หวังว่าชัยชนะของพวกเขาจะถ่วงเวลาไว้ได้
พวกเขาต้องการยื้อเวลาเท่านั้น
มีเสียงฟ้องก้องอยู่ในท้องฟ้า
ลำแสงสายฟ้าฟาดลงหลังคาโถงวิหารที่สองเป็นลางไม่ดี
เทวทูตสายฟ้าดูเหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าหวงซาตายแล้ว เขาปล่อยสายฟ้าด้วยความโกรธทำให้โถงวิหารที่สองสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะนางเซียนหงส์ฟ้าขัดขวางเขา บางทีเขาคงลงมาฆ่าพวกนั้นทั้งหมด
ที่ด้านหลังโถงวิหารที่สอง มีเสาเจ็ดต้นที่ดูเหมือนจะมีลักษณะมั่นคงยากจะทำให้เสียหายได้
เสาเจ็ดดาวของจักรพรรดิอวี้เหล่านี้ จักรพรรดิอวี้ใช้ฝึกวิชาของเขา ไม่เพียงแต่ปกป้องไว้ด้วยอักษรรูนสวรรค์เท่านั้น แต่ยังถูกปกป้องไว้ด้วยความประสงค์ของจักรพรรดิอวี้จนบัดนี้ เย่ว์หยางพยายามใช้วงจักรล้างโลกฟันใส่อยู่หลายครา แต่ก็พบว่าทิ้งไว้แต่รอยขีดข่วนเท่านั้นก่อนที่พลังจะสะท้อนกลับ
ดูอย่างนี้แล้ว พวกเขาคงไม่สามารถทำลายเสาได้แน่ ต่อให้ใช้วงจักรล้างโลกโจมตีใส่ทั้งวันและทั้งคืน ยิ่งกว่านั้นทูตสายลมและทูตสายฟ้าสองนักรบแดนสวรรค์ยังจะยินยอมให้เวลาเขามากขนาดนั้นหรือ?
ที่สำคัญที่สุด สองผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์ที่ยังหลับอยู่อาจตื่นขึ้นมาเมื่อใดก็ได้
ถ้าพวกเขาตื่นขึ้นมา พวกเขาจะไม่สามารถสู้ศึกนี้ได้อีกต่อไป
“พวกเจ้าออกมาจากตรงนั้นก่อน ข้ามีความคิดอย่างหนึ่ง”
จู่ๆ ผู้เฒ่าเต่ามังกรก็ปรากฏตัวขึ้นที่โถงวิหาร เขาตื่นจากจำศีลโดยไม่มีใครรู้ แต่ยังตัวสั่นขณะที่ใช้ไม้เท้าพยุงตัว เดินไอแค่กๆ เข้ามาขณะตะโกนใส่เย่ว์หยางและสาวๆ
“ผู้เฒ่า! ถ้าท่านไม่ตาย ท่านน่าจะไปอยู่ห่างๆ จากตรงนี้ ยิ่งห่างก็ยิ่งดี”
เย่ว์หยางรู้วิธีที่ผู้เฒ่าเต่ามังกรจะใช้ ตาเฒ่านี่คงจะใช้ระเบิดพลีชีพวิญญาณตนเองแน่นอน
“พวกเจ้าไม่มีทางเอาชนะผนึกนี้ได้แน่นอน สถานที่นี้คือปณิธานของจักรพรรดิอวี้ ในบรรดาโถงวิหารทั้งสาม ผนึกที่นี่แข็งแกร่งที่สุดรองจากผนึกโลงพระศพของจักรพรรดิอวี้”
ใบหน้าเหี่ยวย่นของผู้เฒ่าเต่ามังกรกลับคืนสู่ความสงบโดยสิ้นเชิง
“ข้าเบื่อหน่ายต่อการมีชีวิตต่อไปจริงๆ ข้าอยู่คนเดียวมานานหกพันปีแล้ว ชีวิตของข้าไร้ความหมายมานานแล้ว”
“หลีกไปเลย!”
เย่ว์หยางเตะผู้เฒ่าเต่ามังกรและตะเพิดเขาออกไปข้างนอก
“......”
สาวๆ พูดไม่ออก
เสวี่ยอู๋เสียสงบใจและสังเกตวงเวทอักษรรูนสวรรค์บนเสาเจ็ดดาว หวังว่าจะหาวิธีการบางอย่างได้
ถ้าพวกเขามีเวลาค่อยๆ ค้นคว้า บางทีพวกเขาอาจหาสูตรปลดผนึกก็ได้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ เวลาไม่เป็นใจให้พวกเขา
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวมองดูเย่ว์หยาง ในที่สุดเจ้าเมืองโล่วฮัวก็พูดว่า
“กลับเข้าไปในโลกคัมภีร์และปล่อยสองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ไปเถอะ เราค่อยคิดหาวิธีไปจากวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้ทีหลังเมื่อเรารวบรวมกำลังได้พอ เห็นได้ชัดว่าหมิงรี่ฮ่าวต้องการใช้ประโยชน์จากเรา เราไม่จำเป็นต้องรักษาข้อตกลงอยู่ด้านเดียวจนจบก็ได้ ยิ่งกว่านั้นถ้าเราปลดผนึกเสาเจ็ดดาวของจักรพรรดิอวี้ได้สำเร็จ อาจไม่ดีต่อเราในที่สุดก็ได้”
หน้าของเย่ว์หวี่ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกวิงวอน นางไม่ต้องการให้เกิดเรื่องขึ้นกับน้องชายผู้มีค่าของนาง
เขาไม่เพียงแต่เป็นความหวังของตระกูลเท่านั้น แต่เขาคือชีวิตของทุกคน
หากปราศจากเขา ทุกคนจะพังทลาย ก็เหมือนกับผู้เฒ่าเต่ามังกรและจักรพรรดิอวี้ เจ้าเหนือหัวของเขา พอปราศจากเย่ว์หยางทุกคนก็ไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
พอเห็นผู้เฒ่าเต่ามังกรจะระเบิดร่างวิญญาณตนเอง เย่ว์หวี่กังวลจริงๆ ว่าบางอย่างจะเกิดขึ้นกับเย่ว์หยางและนางก็จะจบสิ้นลงเหมือนกับผู้เฒ่าเต่ามังกร แก่ชราและเดียวดายตามลำพัง
ไม่ ถ้าเขาตาย นางคงไม่ต้องการมีชีวิตต่อไป
เย่ว์หวี่พอคิดว่าผู้เฒ่าเต่ามังกรใช้ชีวิตตามลำพังมาหกพันปีได้อย่างไร นางรู้สึกสะท้านเสียวสันหลัง
“ขอเวลาข้าอีกนิด”
เย่ว์หยางสูดลมหายใจลึกและล้วงมุกออกมาลูกหนึ่ง
ครั้งหนึ่งเขาคิดว่ามุกนี้คือของที่ห่วยที่สุดในโลก เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เขาไม่ชอบใจมากที่สุดตั้งแต่เขาเข้ามายังโลกนี้
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้ในมุกลูกนี้
มุกนี้มีชื่อว่า มุกทลายปฐพี
มุกทลายปฐพี (เทียม) : ผู้ใช้สามารถก่อให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงภายในระยะร้อยเมตรและทำลายสิ่งก่อสร้างบนภาคพื้นทั้งหมด ข้อจำกัดคือ ใช้ได้เพียงครั้งเดียว
มุกทลายปฐพีเทียมเม็ดนี้เป็นรางวัลที่เขาได้รับจากภารกิจเทวสถานสามโลกมี ฟ้า ดินและมนุษย์ เย่ว์หยางมักจะคิดว่า มุกทั้งสามเม็ดนี้เป็นของที่แย่ที่สุด ไร้ประโยชน์ที่สุดในโลกนี้ แต่ตอนนี้ เย่ว์หยางตระหนักได้แล้ว มีแต่คนโง่ๆ ผู้ไม่รู้วิธีใช้สิ่งประดิษฐ์ที่มีค่า แต่ว่าในโลกนี้ไม่มีสิ่งประดิษฐ์ที่ไร้ประโยชน์!
เมื่อเย่ว์หยางกระตุ้นถ่ายปราณก่อกำเนิดลงไป มุกทะลายปฐพีที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้าทันที
แสงสว่างเจิดจ้านั้นแรงพอๆ กับแสงอาทิตย์
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=364